ตอนที่ 8 : ภาค 1-บท 8 โรงเรียน
“อย่าหวังว่าแกจะได้ฆ่าใครอีก โพชั่นผสมผสานระดับกลาง”
ผมหวังว่า
จะเรียกไอเทมออกมาถูกวิธี
ขวดโพชั่นสีเงินได้ปรากฏอยู่ในมือของเครกทันทีที่ผมเรียกชื่อมัน
โพชั่นระดับกลางน่าจะฟื้นฟูมานากับพลังชีวิตให้เครกได้ประมาณ 1 ใน 4 แต่นั่นก็เพียงพอ
ผมไม่รอช้ากระดกโพชั่นเข้าปากไปทันที การที่ผมจะสามารถกินอีกขวดได้ต้องรออีกประมาณ 10 วินาที
“แกกำลังทำอะไร” เคฟที่เห็นผมกระดกโพชั่นก็รีบพุ่งเข้ามาจู่โจมทันที
ผมหลบกรงเล็บที่พุ่งเข้ามาได้อย่างไม่ยากเย็น ก่อนที่จะสวนกลับไปหมัดหนึ่ง
เคฟโดนซัดเข้าเบ้าหน้าเต็มๆ มันเริ่มเซและเสียสมดุล
“ทำลายปฐพี” หมัดของเครกชกเข้ากับพื้นอย่างจัง
ในตอนแรกเคฟแค่ยืนก็ลำบากแล้วเมื่อเจอท่านี้เข้าไปมันก็ถูกซัดจนปลิวและพุ่งเข้าชนกับกำแพงเมืองอีกครั้ง
[ยินดีด้วย คุณสามารถกำจัดผู้นำกองพันปีศาจที่ 50 ได้รับเงินรางวัล 100 ทอง]
[ภารกิจบังคับสำเร็จแล้ว ผู้เล่นได้รับเงินรางวัล 100 ทอง]
[เงินรางวัลทั้งหมดที่ผู้เล่นมีคือ 320 ทอง]
[คุณได้รับอนุญาตให้กลับไปยังหน้าหลักแล้ว จะกลับเลยหรือไม่]
“กลับไปยังหน้าหลัก” มันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเสนอหน้าอยู่ที่นี่ต่อไปอีก
ร่างของเครกสลายกลายเป็นแสงสีฟ้าและหายไป
ชายหน้าหล่อในชุดคลุมสีน้ำเงินกลับมายังบริเวณที่เครกเคยยืนอยู่พร้อมกับพรรคพวกอีก 10 คน
เป้าหมายของพวกเขาคือกลับมาช่วยเครกจัดการพวกปีศาจให้ไวที่สุด แต่มันไม่ทันแล้ว
ศพของผู้นำปีศาจอินเนี่ยมมีรูอยู่บนอก 3 รู นอนตายอยู่กับพื้น ศพของเคฟยืนตายคากำแพงเลือดไหลซึมออกมาจากปาก พร้อมกับแขนซ้ายที่ขาดไป
“นี่ฉันอุตส่าห์ใช้โพชั่นไปเพื่ออะไร” ชายหน้าหล่อพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
ในตอนที่เครกเข้ามาร่วมการต่อสู้ ชายหน้าหล่อได้หยิบโพชั่นขึ้นมาดื่มและรีบหลบหนีเพื่อเรียกพรรคพวกมาช่วย
“ชายคนนั้นเป็นมิตรกับเราอย่างแน่นอน” ชายอีกคนกล่าวออกมา
“เรื่องนี้ต้องรายงานให้ทางสมาคมทราบ ชายที่มีฝีมือระดับนี้ไม่คุ้นหน้าเลยแม้แต่น้อย”
เมื่อหัวหน้าถูกกำจัด พวกหมาป่าก็เริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ ทำให้ดวงจันทร์ยามค่ำคืนถูกบดบังด้วยเมฆอีกครั้ง
ไม่นานพวกหมาป่าได้ถูกกำจัดลงทั้งหมดบางส่วนก็หนีรอดไปได้ และแล้วเมืองแห่งนี้ก็กลับมาปลอดภัยดังเดิม
[ยินดีต้อนรับสู่หน้าหลัก]
[ผลจากการเลเวลอัพ คุณได้กลายเป็นผู้เล่นเลเวล 4 กรุณาเลือกทักษะที่ต้องการจากตัวละครใดตัวละครหนึ่ง]
การที่ผมมีระบบนี้ มันจะทำให้ผมกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน เพราะสกิลแต่ละอย่างที่ได้มามันมักจะอ้างอิงจากสถานะตัวละคร
ผมอาจจะบอกตรงนี้เลยก็ได้ว่าผมแข็งแกร่งเป็นลำดับต้นๆ ของโลก แต่ก็แค่ตอนเปิดสกิลเท่านั้น พอสกิลหมดผมก็กลายเป็นแค่เด็กมัธยมคนธรรมดา
“ขอเลือกสกิลสัมผัสเวทของตัวละครเรล์ม”
สัมผัสเวทเป็นทักษะติดตัวมันเป็นทักษะติดตัวที่ช่วยให้ผมรู้ถึงภัยอันตรายต่างๆที่ใกล้เข้ามา การที่ผมมีสกิลนี้ผมก็สามารถหลบลูกกระสุนปืนได้ไม่ยากถึงแม้ว่าผมจะโดนยิงจากข้างหลังก็ตาม
และที่พิเศษที่สุด [คุณได้รับทักษะสัมผัสเวท เมื่อใช้ทักษะจะอ้างอิงสถานะจากตัวละครเรล์ม] มันเป็นทักษะติดตัวระดับ 4 เพราะอ้างอิงจากสถานะของเรล์ม
เท่ากับว่าผมมีทักษะของเลเวล 40 ติดกับตัวทั้งๆ ที่ตัวเองยังเลเวล 1 อยู่
[ระบบกำลังซิงค์ข้อมูลกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณ กระบวนการนี้อาจใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในระหว่างนี้ผู้เล่นจะถูกเชิญออกจากระบบโดยทันที]
ระบบมักบอกอะไรแบบกะทันหันเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ผมลืมตาตื่นในบ้านของตัวเอง พร้อมกับโทรศัพท์ที่ผมกำลังกำไว้ในมือ
ในขณะเดียวกันนั่นเองเสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น ผู้ที่โทรเข้ามานั้นคือพ่อของผมเอง
“โทรครับพ่อ มีอะไร”
“ไอ้ลูกชาย เอ็งยังไม่ตาย พ่อดีใจจริงๆ”
“ครับ ๆ แล้วพ่อมีอะไร”
“พ่อได้ข่าวมาว่าแถวบ้านเรามีปีศาจออกมาทำร้ายผู้คน ตอนนี้กำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ลูกลองเปิดทีวีดูสิ พ่อต้องไปทำงานต่อ ลาก่อนไอ้ลูกชาย”
สายถูกตัดอย่างกะทันหัน พร้อมกับผมที่กำลังอึ้ง
“ทั่วโลก ?” ผมรีบตรงไปที่ทีวีแล้วเปิดข่าวทันที
“ประตูมิติปริศนาปรากฏขึ้นมาทั่วทุกแห่งบนโลก มีทั้งประตูที่มีปีศาจออกมาและไม่มีปีศาจออกมา พวกปีศาจก็มีรูปร่างเหมือนในเกมRPGไม่มีผิด”
นี่เป็นข้อสรุปเล็กๆ ที่ผมได้จากการฟังข่าว
“มีมนุษย์บางคนพวกเขาได้รับพลังพิเศษ มาบางคนก็เป็นพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว บางคนก็ร่ายเวทได้ นี่มันจะแฟนตาซีเกินไปแล้ว”
และสุดท้ายพวกนักข่าวก็บอกว่าทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ให้ทุกคนทำตัวตามปกติจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
“ตามปกติ” ตามปกติตอนนี้มันคือเวลานอนของผมแล้วถึงแม้มันจะบ่ายกว่าๆ อยู่ก็ตาม
[จิตใต้สำนึกของเครกอนุญาตให้คุณพักผ่อนได้ เพราะคุณทำงานหนักแล้ว]
[จิตใต้สำนึกของเรล์มเห็นด้วยกับความคิดของเครก]
ณ ห้องประชุมแห่งหนึ่งของกองทัพ
“ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไปรึเปล่า” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เขาต้องเป็นคนจากอีกฟากของประตูมิติแน่”
วีดีโอของเรล์มกำลังถูกเล่นซ้ำไปซ้ำมา พวกเขาไม่เข้าใจว่ามีมนุษย์ที่แข็งแกร่งแบบนี้จริงๆ งั้นเหรอ
“แล้วทาง บริษัทฮิวแมนคริเทค มีความคิดเห็นยังไง” ชายคนหนึ่งในเครื่องแบบของกองทัพเอ่ยถาม
บุรุษจากบริษัทฮิวแมนคริเทคนั้นใส่ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ดูเหมือนว่าทางกองทัพจะให้ความสำคัญกับบริษัทนี้มาก
“เขาต้องเป็นคนจากอีกฟากของประตูมิติและเวทเปลวเพลิงสีดำแบบนี้ไม่ใช่ของโลกนี้แน่นอนครับ”
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ ทั้งเรื่องมานานและปีศาจพวกคุณพูดถูกทั้งหมด” คนจากทางกองทัพพูด
“แน่นอนครับ ผมจะรู้สึกขอบคุณมากถ้าทางกองทัพของประเทศไทยทำสัญญากับเราแทนบริษัทอื่น”
“ทางเราต้องปรึกษากันก่อน เพราะพวกเราก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับมานามากนัก” คนจากทางกองทัพตอบ
บุรุษจากบริษัทฮิวแมนคริเทค ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องประชุม
“โชคดีที่มีบริษัทพวกนี้อยู่พวกเขาเป็นแหล่งข้อมูลชั้นเยี่ยม เราถึงคุมสถานการณ์นี้ไว้ได้อย่างดี”
แผนการรับมือต่างๆ รวมถึงแผนการรับมือในอนาคตล้วนมาจากบริษัทเหล่านี้ทั้งสิ้น และบริษัทพวกนี้ก็มีเครือข่ายเชื่อมถึงกันทั่วทั้งโลก
บุรุษจากบริษัทฮิวแมนคริเทคยังคงยิ้มเล็กยิ้มน้อย ในตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนรถซูเปอร์คาร์คันหนึ่ง
“คุณชายวางแผนไว้ว่าอย่างไรต่อครับ” คนขับรถเอ่ยถาม
“เตรียมตัวไปที่สาขาภาคเหนือ ไฟสีดำนั่นมีชื่อว่าเพลิงทมิฬ มันเป็นทักษะของพวกปีศาจระดับสูง เขาไม่ใช่มนุษย์”
“หมายความว่ามีปีศาจที่เข้าร่วมกับเรางั้นเหรอครับ”
“อาจจะใช่เรื่องนี้ฉันต้องจัดการด้วยตัวเอง พอดีว่าที่เกิดเหตุดันเป็นแถวภาคเหนือด้วย”
เช้าวันถัดมา
[จิตใต้สำนึกของตัวละครทั้งหมดกำลังเรียกร้องให้คุณตื่น]
“โอเค ตื่นแล้ว” ผมจำเป็นต้องตื่นถึงแม้ไม่อยากก็ตาม เพราะการทำแบบนี้มันก็สามารถช่วยเพิ่มเลเวลให้พวกตัวละครได้
หลังจากทำกิจวัตรประจำวันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาไปโรงเรียน จริงอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์พังไปแล้ว ผมจำใจต้องเอาจักรยานคันโปรดมาใช้แทน
การปั่นจักรยานชิลๆ ของผมทำให้เห็นชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
เริ่มมีตำรวจเดินเผ่นผ่านไปมาเพื่อเช็คความเรียบร้อย และควบคุมสถานการณ์ บางครั้งผมก็สงสัยว่าพวกเขาจะรับมือได้ดีเกินไปหรือเปล่า หรือว่าพวกตำรวจเล่นเกม RPG กันหมด
เมื่อมาถึงโรงเรียนมันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความสุขเล็กๆ
“มันต้องไม่มีการบ้านในช่วงเวลาแบบนี้แน่นอน” ผมมั่นใจ
ทันใดนั้นเอง เสียงตะโกนก็ได้ดังขึ้น “ระวังทุกคนหลบไป !”
ลูกไฟขนาดเท่ากับกำมือพุ่งเฉียดหัวของผมไป โชคดีที่ผมก้มหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียด
ลูกไปที่ว่าพุ่งเข้าชนกับกำแพงก่อนที่จะหายไป และฝากรอยไหม้ไว้ให้กับกำแพง
“ถ้าไม่มีสัมผัสเวทเราอาจจะตายไปแล้ว” มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้ามีบอลไฟอัดกระแทกเข้ากับหัวของคุณในยามเช้า
“ขอโทษนะ นายเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงเรียกทักจากผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
ผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนร่วมห้องของผมเอง ปกติแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงเรียบร้อยคนหนึ่ง แต่วันนี้เธอดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กๆ แต่คิดยังไงถึงร่ายเวทกลางที่สาธารณะแบบนี้” ผมไม่เข้าใจจริงๆ
“คือนายก็น่าจะรู้ข่าวแล้วใช่ไหม โรงเรียนเราจะเปิดหลักสูตรใหม่คือการเรียนเวท กับการใช้มานา ฉันเลยลองทดสอบดูก่อน”
ประโยคนี้ทำให้ผมอึ้งได้ไม่น้อย ทำไมถึงปรับตัวเร็วกันแบบนี้ ทางรัฐบาลรับมือกับเรื่องพวกนี้เร็วขนาดนี้ได้ยังไง แถมยังวางแผนด้านการศึกษาไว้อีกด้วย
“ช่วยขยายความให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม” ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็วันนี้จะมีคนจากบริษัทฮิวแมนคริเทคกับบริษัทแมกเทน มาสอนให้กับพวกเรา พวกเขาบอกว่าพวกวัยรุ่นนี้แหละเหมาะจะเรียนมากที่สุด เพราะพวกเราปรับตัวได้เร็ว”
“บริษัทฮิวแมนคริเทคกับบริษัทแมกเทน” ดูเหมือนว่าผมต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเขาต้องปิดอะไรบางอย่างไว้แน่นอน
“ขอบคุณที่อธิบาย แล้วเจอกันในห้องเรียน”
เมื่อคาบเรียนคาบแรกเริ่มขึ้น ครูที่เดินเข้ามาในห้องของพวกเขามีทั้งหมด 2 คน
คนแรกคือครูประจำชั้น ครูเขาเป็นผู้หญิงที่อายุมากแล้วจึงดึงดูดสายตานักเรียนมากไม่ได้เท่ากับครูอีกคน
ครูคนนี้มีมานาในตัวสูงกว่าปกติ นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกได้จากสัมผัสเวท พวกนักเรียนพวกชาวบ้าน ตำรวจเอย ทหารเอย ก็ไม่ได้มีมานาในตัวเยอะระดับนี้
“นี่นายก็สนใจครูเขาเหมือนกันใช่มะ กันต์ ก็ธรรมดาครูเขาออกจะสวยขนาดนั้น” เพื่อนสนิทของผมเขาชื่อว่านนท์ทักด้วยสีหน้าแปลกๆ
“อ๋อ นั่นสิ” สำหรับผมแล้วครูคนนี้ก็ไม่ได้สวยกว่าคนอื่นมากนัก แค่มีมานามากกว่าปกติ
ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่ครูสาว “สวัสดีนักเรียนทุกคนครูมีชื่อเล่นว่า เอล จะมาเป็นครูสอนเรื่องมานาและเวทให้กับพวกเธอ”
ประโยคแรกที่เธอพูดขึ้นมาก็กระตุ้นความสนุกและความสนใจของนักเรียนทั้งห้องแล้ว
“ในตัวของพวกเธอจะมีสิ่งที่เรียกว่ามานาอยู่ แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน ตามแต่พรสวรรค์และการฝึกฝน”
“การวัดปริมาณมานาพวกเราจะวัดด้วยเกณฑ์เดียวกัน คือระดับหรือเลเวล ยิ่งเลเวลเยอะปริมาณมานาก็ยิ่งเยอะตาม”
“และถ้าถามว่าจะวัดยังไง เราจะวัดด้วยการใช้สิ่งนี้ แร่โครไรท์ เป็นแร่ที่พึ่งถูกค้นพบใหม่ในโลกใบนี้”
ทันใดนั้นเองแร่โครไรท์ที่มีลักษณะเป็นแท่งปริซึมก็ส่องสว่างออกมาในขณะที่มันอยู่ในมือของครูเอล
“ยิ่งแสงส่องสว่างมาก แสดงว่ามานายิ่งมาก ทุกคนก็ลองทำดูนะ”
แร่โครไรท์ถูกแจกให้นักเรียนคนแรก เมื่อมันถูกสัมผัสก็จะส่องแสงออกมา
ในขณะเดียวกันครูเอลก็เริ่มบันทึกเลเวลของนักเรียนโดยวัดจากปริมาณแสงที่ส่องออกมา
และคนที่โดดเด่นคนแรกที่ปรากฏคือ คนที่ยิงลูกบอลไฟใส่ผม เธอมีชื่อเล่นว่า กานต์
“เลเวล 25 พรสวรรค์ของเธอสูงมากจริงๆ” แม้แต่คุณครูก็แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
และแล้วก็มาถึงตาของผม ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าร่างหลักนี้มีเลเวลของมานาอยู่ที่เท่าไหร่
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#630 DuckMySick (จากตอนที่ 8)วันที่ 20 มิถุนายน 2563 / 11:23สัมผัวเวทนี่เป็น Passive หรือ สกิลกดใช้หรอครับ? ถ้าเป็น Passive ก็คือปัจจุบันพระเอกเราใช้สัมผัสเวทของตัวละครเวล 40 ตลอดเวลาเลย ผมเข้าใจถูกใช่มั้ย? ( สำผัสเวทนี่เข้าใจง่ายๆก็ตือ Spider Sense ใช่มั้ย ) แต่มันทำงานยังไงอะ เพิ่มปฏิกิริยาตอบสนอง? ลางสังหรณ์? ตรวจสอบพลังเวทและรับรู้ ?#6301
-
#630-1 SuruMaster(จากตอนที่ 8)20 มิถุนายน 2563 / 12:19ประมาณนั้นเลยครับ คล้ายspider sense#630-1
-
-
#555 อ่านของเพื่อน (จากตอนที่ 8)วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 / 14:49ดีครับ สงสัยแค่ว่าจุดที่เครกสู้ไกลกับชายหน้าหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วจุดที่ชายหน้าหล่อกระเด็นมาชนกำแพง มันก็ไม่น่าไกลจากพรรคพวกของเขานะ#5551
-
#555-1 SuruMaster(จากตอนที่ 8)25 พฤษภาคม 2563 / 07:20มันก็ห่างอยู่พอสมควรนะครับ#555-1
-
-
#389 99421191 (จากตอนที่ 8)วันที่ 22 เมษายน 2563 / 21:53พระเอกได้พลังก่อน แต่ทำไหมคนอื่นมีพลังดีกว่าหว้า_ _"#3891
-
#389-1 SuruMaster(จากตอนที่ 8)23 เมษายน 2563 / 00:47พอดีว่าเรื่องนี้มันมีความลับอยู่นะครับ555#389-1
-
-
#57 Fikusa (จากตอนที่ 8)วันที่ 29 ธันวาคม 2562 / 21:32โอ้ สรุปแล้วเลเวลที่พระเอกมีตอนแรกก็เป็นเลเวลระบบสินะไม่อิงกับเลเวลพลังเวท#571
-
#57-1 SuruMaster(จากตอนที่ 8)29 ธันวาคม 2562 / 23:29ใช่ครับ ตามนั้นเลย#57-1
-
-
#9 ThaipaKing (จากตอนที่ 8)วันที่ 1 ธันวาคม 2562 / 14:41ไปหาหนังสือเวทมนจากต่างโลกมาเรียนสิ จะได้ไม่ต้องเปลืองช่อง ทักษะ เวลาเวลอัพ แถมไม่มีข้อขอกัดด้วย*-*#96
-
#9-5 456SATAN(จากตอนที่ 8)25 ธันวาคม 2562 / 19:53เพราะคนเขียนไม่ทำไง#9-5
-
#9-6 SuruMaster(จากตอนที่ 8)25 ธันวาคม 2562 / 19:58"ให้ถาม ๆ มาก่อน เดี๋ยวจะมาตอบทีเดียว" Suru/2กล่าว เพราะ Suru/1 ไม่ได้กล่าวเอาไว้#9-6