ตอนที่ 33 : ภาค 1-บท 33 ผู้รอดชีวิตของทีม 3
สถานการณ์ของกันต์
หลังจากที่เรล์มไล่เผาปีศาจตะขาบยักษ์จนตายไปกลุ่มหนึ่งแล้ว นั่นก็ได้เวลาเก็บเกี่ยวแก่นมานา
แต่จากความทรงจำของกันต์แล้ว ของดรอปมันจะออกมาจากตัวมอนสเตอร์เองเลยไม่ต้องให้ผู้เล่นไปนั่งหาเอง
“เราต้องทำเองอย่างที่คิดไว้จริง ๆ เหรอ งานนี้”
ประสบการณ์การเล่มเกมFarness World อย่างยาวนานของกันต์นั้นไม่ได้ช่วยเขาในสถานการณ์นี้เลย
[จิตใต้สำนึกของเวรัคส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมของคุณ ลึก ๆ แล้วในใจเธออาจจะอยากด่าคุณก็เป็นได้]
ทำไมอยู่ ๆ เธอทำทำแบบนี้กัน อุตส่าห์เงียบมาตั้งนาน แต่กลับเปิดใจมาพูดคุยกันเพราะเรื่องแบบนี้นะเหรอ
[จิตใต้สำนึกของเวรัคแนะนำให้คุณผ่าช่วงตรงกลางของร่างตะขาบยักษ์]
กันต์ในร่างของเรล์มเดินไปยังร่างของซากตะขาบยักษ์ตัวหนึ่งที่กำลังนอนตายแบบหงายท้อง
ดาบสีเงินในมือของเรล์มผ่าร่างของตะขาบยักษ์เป็น2 ท่อน ภายในการตวัดดาบครั้งเดียว
ในจังหวะเดียวกันนั่นเอง ก้อนผลึกสีฟ้าขนาดเท่ากำมือได้หล่นออกมาจากซากตะขาบ
แต่มันเป็นก้อนผนึกสีฟ้าที่เปื้อนเลือดแถมข้าง ๆ ก็ยังมีเครื่องในตะขาบไหลออกมาด้วย
เรียกได้ว่าเป็นภาพที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่
[จิตใต้สำนึกของเวรัคพยายามสั่งให้คุณหยิบแก่นมานาขึ้นมาโดยไม่ต้องสนความน่าสะอิดสะเอียนใด ๆ ทั้งสิ้น]
ทำไมถึงทำอย่างกับเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแล่เนื้อปีศาจนักละเวรัค
เมื่อเรล์มคว้าก้อนสีฟ้าเปื้อนเลือดนั่นขึ้นมาด้วยสีหน้าอมทุกข์นั่นเอง
[กรุณายืนยันเพื่อเปิดใช้งานช่องเก็บของอัตโนมัติ]
“ยืนยัน ยืนยัน รีบเปิดเลย” อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกอยากโยนแก่นมานาในมือทิ้งขึ้นมา
แก่นมานาในจินตนาการของกันต์นั้นเขาคิดว่ามันจะแข็งเหมือนกับหิน แต่ที่ไหนได้สัมผัสมันนุ่มนิ่มอย่างกับเครื่องในสัตว์
[ช่องเก็บของอัตโนมัติถูกเปิดใช้งาน ช่องคงเหลือ99 จากทั้งหมด 100]
บางครั้งผมก็เคยคิดนะว่าเวรัคเป็นตัวละครที่นิสัยดีและมีจิตใจที่อ่อนโยน ไร้เดียงสา แต่นั่นมันก็แค่จินตนาการของผมเอง
สถานการณ์ของหน่วยจู่โจม
เมื่อหน่วยจู่โจมเดินทางมาถึงต้นกำเนิดเสียงแล้ว พวกเขาก็พบเข้ากับกลุ่มคน3 คนที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของหนูดิน
กลุ่มคนพวกนั้นคือคนของทีม3 แต่ทำไมพวกเขาเหลือกันอยู่แค่3 คน
ทีม3 ในตอนนี้กำลังต่อสู้กับหนูดินด้วยดาบและปืนที่พวกเขามี
ทีม3 ไม่ได้อ่อนแอ เพียงแต่หนูดินมันมีจำนวนมากเกินไปเท่านั้นเอง
แต่พวกมันไม่ใช่หนูดินธรรมดา มันเป็นหนูดินที่มีความสูงกว่า 1 เมตรครึ่ง
ริสาพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มหนูดินด้วยเรเปียร์ของเธอก่อน
การโจมตีของริสาแทงทะลุสมองของหนุดินและนั่นก็ทำให้มันตายคาที่
หลังจากนั้นคนในหน่วยจู่โจมคนอื่นก็เข้าสู่การต่อสู้แบบเต็มรูปแบบ
ทุกคนมีทักษะและหน้าที่แตกต่างกันไป
ริสาเป็นผู้นำที่ดี เธอมีความเป็นผู้นำสูง ทักษะการสั่งและควบคุมทีมของเธอนั้นถือว่าอยู่ในระดับสูง
คำสั่งของเธอถูกปล่อย ๆ ออกมาเป็นระยะ ๆ นั่นทำให้หน่วยจู่โจมของเธอสามารถรับมือหนูดินจำนวนกว่า50 ตัวได้อย่างสบาย ๆ
หลังจากนั้นไม่นานหนูดินทั้งกลุ่มก็ถูกฆ่าและตายลงในเวลาไม่ถึง 10 นาที
เมื่อการต่อสู้จบลงแล้วหญิงสาวคนหนึ่งในหน่วยจู่โจมก็ปรี่เข้าไปหาคนในทีม 3
เธอชื่อว่า ลีน มีหน้าที่เป็นแพทย์ในหน่วยจู่โจมนี้หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าฮีลเลอร์ก็ได้
“อดทนไว้ก่อน” ลีนยกแขนของชายคนหนึ่งในทีม3 ขึ้นมาดู
แขนของชายคนนี้ถูกหนูดินเจาะด้วยฝันอันแหลมคนของมันไปครั้งหนึ่ง
แผลนั้นดูเหวอะหวะและลึกมาก ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้เขาอาจจะต้องตัดแขนซ้ายข้างนี้ทิ้งไปเลย
“อธิบายสถานการณ์ให้เราฟังเร็วเข้า” ชายหนุ่มในชุดเกราะผู้มีนามว่า ริก ถามชายอีกคนในทีม3 ที่ไม่บาดเจ็บมากนัก
“ไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว เพื่อนอีก7 คนในทีม กำลังต่อสู้อยู่ ขอร้องล่ะ รีบไปเร็วเข้า” ชายผู้นั้นถึงกับก้มหัวขอร้อง
ชายในชุดเกราะเงียบและหันหน้ามองไปที่ริสา
“ลีน เธออยู่ดูแลเขาที่นี่กับริก ส่วนวินนายอยู่กับพวกเขาด้วย ที่เหลือไปกับฉัน” ริสาไม่รอช้าออกเดินทางต่อทันที
นั่นทำให้คนในหน่วยจู่โจมของริสาเหลือ4 คนด้วยกัน ภารกิจต่อไปของพวกคือช่วยเหลือคนในทีม3 ที่ยังติดอยู่ในส่วนลึกของถ้ำ
สถานการณ์ของกันต์ในร่างของเรล์ม
ซากศพตะขาบยักษ์นับสิบถูกทิ้งไว้ตามรายทาง โดยศพของมันแต่ละตัวนั้นล้วนถูกตัดส่วนกลางลำตัวออก
[ช่องเก็บของอัตโนมัติคงเหลือ 75 จากทั้งหมด100]
“โชคดีจริง ๆ ที่มีที่เก็บของเหมือนกับในเกม” เรล์มเอ่ยพลางปาดเหงื่อ
ถ้าให้นับ ๆ แล้วเรล์มไล่เผาตะขาบไปกว่า100 ตัว อัตราการดรอปแก่นมานาคงเป็นฆ่า4 ต่อ1 แก่นมานา
บางตัวก็ดรอปแก่นมานา บางตัวก็ไม่มี
ในเวลาต่อมาเรล์มได้ออกเดินทางต่อและพบเข้ากับร่องรอยแปลก ๆ
“หลุมของหนูดิน?” เขารู้สึกคุ้นเคยกับหลุมแบบนี้
ปกติแล้วหนูดินมันชอบอยู่ในหลุมที่เป็นบ้านของมัน และมันก็ขุดดินไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาอาหาร
“แสดงว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ตะขาบ”
ในเวลาต่อมาเรล์มได้ออกเดินทางต่อ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้
เสียงร้องของหนูดินหลายสิบตัว พวกมันอยู่แถวนี้
ยิ่งพวกมันอยู่เป็นกลุ่มแบบนี้ยิ่งดี เผาทีเดียวก็จะได้เก็บรวดเดียวไปเลย ถึงแม้มันจะกินมานามากไปหน่อยก็เถอะ
เมื่อเรล์มเดินทางมาถึงแหล่งกำเนิดเสียงนั่นก็ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
“มนุษย์คนอื่นก็มาที่นี่ได้ด้วย?” เรล์มถึงกับสงสัย
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากำลังถูกล้อมด้วยหนูดินจำนวนประมาณ50 ตัว ที่พวกเขาฆ่าตายไปก็แค่ไม่กี่สิบตัว
แต่ทำได้ขนาดนั้นก็ถือว่ามีฝีมือ เพราะพวกหนูดินมันก็มีเลเวลประมาณ40 กันทั้งนั้น
และอีกอย่างพวกเขาก็มีกันแค่3 คน ยื้อได้ขนาดนี้ถือว่าดีแล้ว
พวกเขาไม่ได้มีความสามารถเพียงพอที่จะหนีรอดได้ ทำได้แค่รอวันตายอยู่ในวงล้อมของหนูดิน
[จิตใต้สำนึกของเครกและเรล์มได้ตกลงกันแล้วว่าต้องการให้คุณเข้าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

[ ถ้าจะให้เครกใช้มือเปล่าควักแกนมานาออกมาจากร่างของมอสเตอร์คงไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเองก็ไม่อยากทำ ]
นั้นแสดงให้เห็นว่า
พระเอกรู้อยู่แล้วว่า ต้องเอาแกนมานาออกมาจากร่างเอง
ซึ่งขัดแย้งกับบทนี้ จากประโยคนี้
[แต่จากความทรงจำของกันต์แล้วของดรอปมันจะออกมาจากตัวมอนสเตอร์เองเลยไม่ต้องให้ผู้เล่นไปนั่งหาเอง
“ แล้วเราต้องทำยังไงละงานนี้”]
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
พระเอกนั้นไม่ได้รู้อยู่แล้วว่าต้องเอาออกมาจากร่างเอง
สนุกดีครับอ่านเพลินๆ