ตอนที่ 253 : ภาค 3-บท 53 ภายในหอการค้า
ณ ภายในอาคารหอการค้าดาบสีคราม
ศิลาดาวตกที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังเวทอันมหาศาลได้ทำการปิดกั้นทางเข้าออกทุกทางด้วยพลังของมันอีกครั้ง
ช่องกำแพงที่ถูกทำลายโดยฝีมือของริสากลับถูกปิดกั้นด้วยอักขระเวทสีฟ้าเข้มอย่างแน่นหนาและยากจะทะลวงยิ่งกว่าเก่า
กองทัพของฝั่งมนุษย์จากอาณาจักรทางตอนเหนือทำได้เพียงตรึงกำลังไว้ด้านนอกเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น
ในตอนนี้พวกเขากำลังรอการมาถึงของอาเรียผู้ที่มีอำนาจมากพอจะเปิดทางเข้าและทำลายกำแพงอักขระเวทได้
ซึ่งก่อนหน้านี้กันต์และริสาได้ทำการแทรกซึมเข้าไปในหอการค้าแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งคู่กำลังมองหาเส้นทางสำหรับการลงไปยังชั้นใต้ดินของที่แห่งนี้อยู่
กลุ่มสาวกลัทธิบูชาปีศาจที่กลายร่างเป็นปีศาจไปแล้วนั้นกำลังออกลาดตระเวนอย่างขยันขันแข็ง เพื่อที่จะได้ให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครขัดขวางภารกิจของพวกมัน
“นายท่านข้าไม่คิดว่าการลักลอบเข้าไปนั้นจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง”
ริสากล่าวขึ้นเบา ๆ ในระหว่างที่เธอกำลังชำเลืองมองไปยังทางแยกตรงโถงทางเดิน
ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มทำคิ้วขมวดก่อนที่จะตอบกลับไป “เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าหัวหน้าของพวกมันในภารกิจนี้เป็นใคร ทางที่ดีเก็บพลังเอาไว้ก่อนเถอะ”
กันต์รู้สึกได้จากสัญชาตญาณว่าการบุกโจมตีของสาวกลัทธิบูชาปีศาจครั้งนี้มันไม่ได้มาเพียงเพราะความโลภ แต่พวกมันมาด้วยความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถเอาชนะระบบคุ้มกันของหอการค้าที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมนุษย์ได้
ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระบบป้องกันชั้นใต้ดินของหอการค้าดาบสีครามจะเพียงพอสำหรับการหยุดยั้งพวกมันได้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ งานนี้คงต้องมีกำลังเสริม
กันต์ในชุดเครื่องแบบนักเรียนทำการเรียกดาบระดับเทพเจ้าของตนมาไว้ในกำมือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลักลอบจู่โจม
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นหน่วยลอบสังหารไปโดยปริยาย ริสาที่มีเลเวลสูงอยู่แล้วนั้นสามารถเก็บปีศาจระดับต่ำกว่าได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ส่วนกันต์ก็มีหน้าที่แค่เพียงคอยเก็บงานที่หลุดรอดไปได้
จนกระทั่งในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางเข้าชั้นใต้ดิน ซึ่งในตอนนี้ประตูเหล็กที่มีความหนากว่า 1 เมตรที่มีหน้าที่ปิดทางไปต่อได้ถูกทำลายลงจนย่อยยับ
บันไดสู่ชั้นล่างถูกแต่งแต้มไปด้วยเลือดและซากศพของคนตามรายทาง ดวงไฟพลังเวทที่ตามปกติมันควรจะถูกเปิดใช้งานในตอนนี้ก็ถูกทำลายลงไปจนหมดแล้ว
พวกมันคงจัดการทำทั้งหมดนั่น ก่อนที่ศิลาเวทจะเริ่มทำงาน
ทางลงสู่ชั้นใต้ดินเลยกลายเป็นสถานที่อันมืดและยากจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่นั่นก็ไม่มีผลกับริสาและกันต์ เพราะพวกเขาต่างก็มีความสามารถในการมองในที่มืด
อีกทั้งยังมีอักขระเวทสีฟ้าที่ส่องประกายแสงเป็นระยะ ๆ นั่นก็พอแล้วที่จะช่วยในเรื่องการมองเห็นได้
แต่ทว่ามันไม่ใช่มีเพียงแค่ริสาและกันต์เท่านั้นที่มองเห็น พวกปีศาจบางประเภทเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน
กลุ่มปีศาจเลเวลเฉลี่ยประมาณ 70 ได้เข้ามารุมล้อมโจมตีพวกเขาในทางที่แคบ ซึ่งนั่นมันก็เป็นความคิดที่ผิด
เพราะเพียงแค่ริสาร่ายเวทบทเดียวก็สามารถเป่าพวกมันจนกระจุยหายเป็นผุยผงได้
“นายท่านกรุณาอย่ายืนห่างจากข้ามากนัก เรายังไม่สามารถประมาทได้” สาวรับใช้ครึ่งมังกรกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์
“อ่า โทษที” กันต์ตอบกลับไปด้วยท่าทางสับสนเล็กน้อย
“แต่ว่านายท่านสามารถรู้ตำแหน่งของศิลาเวทได้เช่นไร เหตุใดท่านถึงมั่นใจนักว่าเราจะไม่หลงทาง”
ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็เบนสายตามองไปทางกำแพงที่เต็มไปด้วยอักขระเวทสีฟ้าที่เปล่งแสงอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะตอบกลับไป
“ฉันมองเห็นมันน่ะ…เส้นทางการไหลเวียนของมานา”
ในระหว่างนั้นกันต์แทบจะไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าดวงตาของเขาได้กลายเป็นสีฟ้าไปแล้ว
สิ่งที่เขามองเห็นคือรากสีฟ้าที่เชื่อมไปยังทุกหนทุกแห่งและพวกมันเหล่านั้นก็ล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากจุดเดียวกัน
เมื่อก่อนตัวกันต์เองก็ไม่เคยได้มองเห็นหรือสังเกตถึงสิ่งนี้เพราะการที่จะมองเห็นเส้นทางการไหลเวียนของมานาได้นั้นมีแต่พวกผู้ฝึกตนหรือพวกนักบวชเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องเป็นนักเวทระดับสูงที่ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับมานาโดยเฉพาะถึงจะมองเห็นได้
ชายหนุ่มได้คาดการณ์ไว้ว่าความสามารถในการมองเห็นกระแสการไหลเวียนของมานานี้ เขาคงได้รับมาจากสายเลือดมนุษย์ระดับสูงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้จิตใจ
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเร่งรีบเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องที่ศิลาดาวตกถูกเก็บซ่อนไว้นั่นเอง จู่ ๆ แรงโน้มถ่วงบริเวณโดยรอบก็พลันเพิ่มขึ้นเป็นหลายสิบเท่าตัว
ระบบป้องกันของที่นี่ทำงานด้วยมานาและเมื่อมันได้รับพลังจากศิลาเวทแล้วกระบวนการทำงานและความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นจนน่าหวาดกลัว
เขตแดนเวทแรงโน้มถ่วงก็ถือเป็นเขตแดนเวทรูปแบบหนึ่งที่ไม่อาจประมาทได้ ยิ่งแล้วมันกลับอยู่ใกล้ศิลาเวทมากเท่าไหร่มานาที่ส่งให้ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
เขตแดนเวทที่แข็งแกร่งขึ้นไปตามปริมาณมานาที่ได้รับ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้
และเท่าที่ทราบมาจากภายในเกม เขตแดนของที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของเพลซ ยอดนักเล่นแร่แปรธาตุในตำนาน คนที่เป็นผู้ก่อตั้งสมาคมการค้าดาบสีครามนั่นเอง
ชายคนนี้เป็นเจ้าของผู้ตีดาบเพลซเบลดอันเป็นดาบที่ตัดขาดได้ทุกสิ่งบนโลกขึ้นมา เขตแดนเวทที่เกิดจากน้ำมือของเขาก็คงน่ากลัวไม่แพ้กัน
ขนาดริสาที่เลเวลมีมากถึง 90 ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากพื้นที่แรงโน้มถ่วงอันหนักอึ้งได้ในเวลาอันสั้น
กลุ่มสาวกลัทธิบูชาปีศาจที่เฝ้าคอยจังหวะอยู่ตลอดก็รีบปรากฏตัวขึ้นมานอกเขตแดนพื้นที่แรงโน้มถ่วงและทำการระดมโจมตีใส่พวกเขาทั้งคู่จากทั้งหน้าและหลังโดยทันที
“เธอมุ่งความสนใจไปที่การแทรกแซงเขตแดน ส่วนหน้าที่คุ้มกันฉันจัดการเอง” กันต์ทำการออกคำสั่งด้วยความใจเย็น
เมื่อสิ้นคำกล่าวของชายหนุ่มเวทใหญ่น้อยมากมายหลายบทก็ถูกร่ายและระดมโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ภายในพื้นที่แคบและกว้างไม่ถึง 5 เมตรนี้ทำให้การโจมตีทุกอย่างที่พุ่งเข้ามาต้องโดนเป้าหมายอย่างไม่ต้องสงสัย
กันต์สามารถเปลี่ยนดาบระดับเทพเจ้าในมือของตนให้กลายเป็นโล่ได้อย่างทันท่วงทีและเพิ่มขนาดของมันเพื่อคุ้มกันในส่วนของริสาเอาไว้ด้วย
เมดมังกรสาวค่อย ๆ ก้มตัวต่ำลงและออกแรงทั้งหมดที่มีเขียนเขตแดนเวทของตนขึ้นทับเขตแดนเก่าที่มีอยู่
เมื่อสังเกตให้ดีจะเห็นได้ชัดว่าเพียงแค่เธอจะออกแรงเขียนวงเวทก็ต้องใช้กำลังมหาศาลแล้ว กันต์ในตอนนี้เองก็ทำได้แค่ยืนนิ่ง ๆ เพราะเขาไม่สามารถแม้แต่จะก้าวเท้าออกไปไหนได้เลยด้วยซ้ำ
“ยิงมันเข้าไป อย่าได้หยุด!!!” สาวกลัทธิบูชาปีศาจตะโกนขึ้นท่ามกลางเสียงของเวทระเบิดที่ดังข้นจนส่งเสียงอื้ออึงไปทั่วทั้งบริเวณ
จนกระทั่งในที่สุดริสาก็สามารถร่ายเวททับเขตแดนพื้นที่แรงโน้มถ่วงได้สำเร็จ และเขตแดนของเธอก็เข้าทำการแทรกแซงการทำงานของเวทแรงโน้มถ่วงจนทำให้แรงกดในพื้นที่ลดลงไปกว่าครึ่ง
แม้จะไม่ถึงขั้นหยุดเวทแรงโน้มถ่วงได้ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เธอเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้ว
กลุ่มสาวกลัทธิบูชาปีศาจนับหลายสิบที่มองเห็นหญิงสาวในชุดรับใช้พุ่งออกมาจากเขตแดนเวทแรงโน้มถ่วงก็พากันถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าริสานั้นเร็วกว่าเธอสามารถกำจัดพวกมันทั้งหมดให้พ้นทางได้ในเวลาไม่นานนัก
“เราใกล้จะถึงแล้ว ระวังตัวให้ดี” กันต์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะวิ่งมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ โดยที่ปลายทางมีประตูหินบานยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่อย่างน่าเกรงขาม
ประตูบานนี้ถูกปิดอย่างหนาแน่นและถูกอักขระเวทปกคลุมเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเข้าไปอีกทีหนึ่ง
และดูเหมือนว่าที่ประตูบานนี้จะถูกเพิ่มความแข็งแรงเข้าไปอีกขั้นด้วยเขตแดนเวทจากฝั่งสาวกลัทธิบูชาปีศาจ เพราะเมื่อมองดูจากพื้นเบื้องล่างแล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการร่ายเวทม่านพลังเสริมทับเข้าไปอีกทีด้วยอักขระเวทสีดำ
ศพของสาวกลัทธิบูชาปีศาจและทหารโกเลมที่ทำหน้าที่ป้องกันประตูทางเข้า ต่างนอนตายกันเกลื่อนกลาดเต็มไปทั่วพื้นห้องโถง
ที่นี่เองมันก็ไม่ต่างอะไรไปกับสมรภูมิรบระหว่างสาวกลัทธิบูชาปีศาจและระบบคุ้มกันหอการค้า
“นายท่าน ที่นี่ยังไม่ปลอดภัยกรุณาถอยกลับไปก่อน” ริสาเอ่ยพลางเดินเข้ามาขวางทางหน้าของกันต์ไว้ และทำการกางปีกของเธอออกมาเพื่อเสริมการป้องกัน
ภาพที่ปรกาฏเบื้อหงน้าของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้มีเพียงแค่ซากศพเท่านั้น แต่ยังมีร่างของปีศาจมิโนทอรัสที่ร่างกายกำยำสูงกว่า 3 เมตรที่ในมือกลัวถือขวานมานาสีแดงเลือดอยู่
เพียงแค่มองคร่าว ๆ กันต์ก็สามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าปีศาจมิโนทอรัสตนนี้มีเลเวลสูงถึง 90 ด้วยกัน
สายตาอันอำมหิตของมันมองตรงมายังทางเข้าห้องโถงโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา
ทันใดนั้นเองร่างอันยักษ์ใหญ่ของมันก็ค่อย ๆ ล้มลงไปอย่างรวดเร็ว และส่งเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ
ขวานมานาสีแดงเลือดได้หลุดออกไปจากมือพร้อมกับเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ดังขึ้น
“มาช้ากันจังนะ เดี๋ยวพวกมันก็ชิงหนีกันไปหมดก่อนที่จะได้ข้อมูลอะไรหรอก”
กานต์ในชุดเดรสแขนยาวสีดำค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินบนร่างของปีศาจมิโนทอรัสที่ล้มลงอย่างช้า ๆ
สายตาอันแหลมคมและนัยน์ตาสีม่วงของเธอที่มองตรงมามันให้ความรู้สึกเหมือนเธอกำลังจะกินเขาเข้าไปด้วยสายตา
กันต์ที่เห็นดังนั้นก็เบือนหน้าหนีออกด้านข้างเล็กน้อย สายตาของเธอที่จ้องมองมานั้นมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อวันวาน
ดูจากท่าแล้วร่างที่อยู่กับเล็กข้างนอกคงเป็นร่างแยกของเธอเอง และตัวเธอคงใช้เวทเผ่าซัคคิวบัสในการหลบหลีกเลี่ยงปีศาจเลเวลต่ำ ๆ จนมาถึงห้องโถงนี้ได้ก่อน
“ทำไมถึงใส่ชุดนั้น มันเคลื่อนไหวยากไม่ใช่รึไง ?”
กานต์ที่ได้ยินดังนั้นก็หันหลังกลับและก้าวเท้าเดินไปยังประตูหินบานใหญ่
“ถ้านายอยากรู้…วันนี้ ฉันจะรออยู่ที่ห้อง” หญิงสาวเอ่ยขึ้นช้า ๆ พร้อมกับเอานิ้วทาบไปที่ริมฝีปาก
เธอคนนี้ทำทุกอย่างราวกับว่าอันตรายที่กำลังจะใกล้เข้ามามันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือเป็นเรื่องที่ยากจะแก้ไขอะไรเลย
เมื่อสิ้นคำพูดของกานต์ประตูหินบานใหญ่ที่แข็งแกร่งดั่งหินผาก็เริ่มถูกกัดกร่อนด้วยเวทโจมตีของเธอไปทีละเล็กทีละน้อย
ริสาที่มองเห็นดังนั้นก็รีบพุ่งตัวเข้าไปใกล้บานประตูหินเช่นเดียวกัน และช่วยกานต์ร่ายเวทเสริมเข้าไปเพื่อทำลายการป้องกันของประตูหิน
ชายหนุ่มที่มองอยู่ตรงทางเข้าห้องโถงก็ทำได้เพียงแค่ทำสีหน้างุนงง เพราะสำหรับเขาแล้ววันนี้ริสาทำตัวดูแปลกไปจริง ๆ
“เฮ้อ แต่ก็ดีแล้ว อย่างน้อยพวกเธอทั้ง 2 คนก็ไม่ได้เอาแต่ด่ากันทั้งวัน” กันต์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งอกที่เห็นคนรู้จักทั้ง 2 คนของตนเข้ากันได้ในระดับหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานนักบานประตูหินขนาดใหญ่ก็พังทลายลงกลายเป็นเศษซากก้อนหินที่ถล่มลงมา
เมื่อฝุ่นควันสีเทาได้ฟุ้งกระจายหายไปก็เผยให้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่อีกห้องหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการคุ้มกันอันแน่นหนา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.ไม่ค่อยได้อ่านนิยายเลยน้าช่วงนี้~