ตอนที่ 252 : ภาค 3-บท 52 การบุกรุก
การบุกโจมตีอย่างรวดเร็วและไร้ซึ่งความลังเลของสาวกลัทธิบูชาปีศาจนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถคาดคิดได้ถึง แม้แต่ตัวของกันต์เองก็ด้วย
เหล่านักเรียนรวมถึงอาจารย์ในชุดเครื่องแบบแต่ล่ะคนเริ่มถูกต้อนให้รวมเข้าไปอยู่ในจุดเดียวกัน
ส่วนทางฝั่งลัทธิบูชาปีศาจเมื่อนับรวมจำนวนของพวกที่เข้ามาผ่านทางศิลาเวทและพวกที่เป็นหนอนบ่อนไส้อยู่แล้วนั้นก็มีมากกว่า 200 คนด้วยกัน
และดูเหมือนว่าพวกมันได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกทำการไล่ต้อนผู้คนให้ถอยไปห่าง ๆ ขัดขืนก็ฆ่า และกำลังส่วนที่ 2 ได้มุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นใต้ดินของสถานที่แห่งนี้
อันที่จริงแล้วหอการค้าดาบสีครามก็มียามรักษาการณ์ที่เก่งกาจอยู่พอสมควร แต่ทว่าพวกสาวกลัทธิบูชาปีศาจก็ใช่ย่อย ระดับฝีมือก็พอ ๆ กันแต่จำนวนแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“รีบวิ่งไปที่ทางออกเร็วเข้า ! เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่เรา” อาจารย์ฟอร์ดเอ่ยพลางดึงตัวของกันต์และเล็กให้ถอยห่างออกมาและร่ายเวทโจมตีสวนกลับไปใส่สาวกลัทธิบูชาปีศาจที่กำลังง้างดาบขึ้นหมายจะโจมตีใส่นักเรียน
โชคยังดีที่ประตูทางออกของสถานที่แห่งนี้มีมากกว่า 4 ประตูด้วยกัน และ 3 ใน 4 ก็ถูกปิดตายด้วยฝีมือของผู้บุกรุกไปเรียบร้อยแล้ว
เหล่าสาวกลัทธิบูชาปีศาจเมื่อมันเห็นว่ากลุ่มคนกำลังหลบหนีออกไปก็รีบกลายร่างเป็นปีศาจโดยทันที
พวกเขาเหล่านั้นเริ่มกลายสภาพจากมนุษย์ธรรมดาเป็นปีศาจที่มีร่างสูงใหญ่หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นก็อบลิน โอเกอร์ และปีศาจชั้นสูงก็มีให้เห็นปะปนมั่วไปหมด
ณ บริเวณโถงทางเดินยาวที่เชื่อมกับประตูทางออกได้ปรากฏให้เห็นกลุ่มนักเรียนและผู้คนจากต่างโลกที่พากันหนีตายอย่างจ้าล่ะหวั่น
อาจารย์ผู้มีหน้าที่ดูแลนักเรียนเริ่มการปฎิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ ต่างคนต่างแจกแจงหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะพวกเขาก็ถูกฝึกมาให้รับมือกับสถานการณ์วิกฤตเช่นกัน
โดยให้อาจารย์ 3 คนคอยกำจัดปีศาจและเปิดช่องทางหนีด้านหน้าให้ และอาจารย์ฟอร์ดจะทำการระวังหลัง
แต่ทว่าจำนวนของพวกปีศาจนั้นมากเกินไป อีกทั้งแต่ล่ะตนยังมีเลเวลขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 60 เลยด้วยซ้ำ มันเป็นไปไม่ได้ยากที่จะปกป้องนักเรียนทั้งหมดให้รอดไปได้อย่างปลอดภัย
กันต์ที่กำลังวิ่งอยู่ข้าง ๆ เล็ก เริ่มสอดส่องสายตามองไปรอบทิศเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้
อาจารย์ฟอร์ดที่กำลังระวังหลังให้กลุ่มผู้หลบหนีได้ทำการกางม่านพลังสีฟ้าอ่อนออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีระยะไกลจากพวกปีศาจ
ส่วนสถานการณ์ของตรงประตูทางออกมีอาจารย์ 3 คนคอยคุ้มกันและดูแลให้ ถ้าหากทุกอย่างยังเป็นไปได้สวยทุกคนจะกลับออกไปอย่างปลอดภัย เพราะทางออกตอนนี้ปลอดภัยแล้ว
ทันใดนั้นเองที่บริเวณหน้าต่างของโถงทางเดินยาวก็ได้แตกออก พร้อมกับปรากฏให้เห็นปีศาจชั้นสูงผู้มีร่างกายสีแดงกำยำและปีกสีเลือดกระโจนตัวเข้ามาขวางทางไปต่อเอาไว้
“อย่าหวังว่าจะได้รอดออกไป” ปีศาจชั้นสูงเอ่ยพลางง้างแขนขวาขึ้นพร้อมกับร่ายเวทระเบิดเตรียมจะปิดฉากทุกคนในที่แห่งนี้
กันต์ที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบพุ่งตัวแทรกกลุ่มของนักเรียนที่กำลังวิ่งหนีไปข้างหน้าให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
เมื่อเวทระเบิดถูกร่ายจนสมบูรณ์ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
แรงระเบิดได้ทำให้เพดานโถงทางเดินพังทลายลงมาและปิดจุดที่เชื่อมกับทางออกไว้ด้วยเศษซากปรักหักพังที่กองพะเนินสูง
หลังจากที่ฝุ่นควันได้จางหายไปแล้วก็ปรากฏให้เห็นม่านพลังสีทองดำที่ตั้งตระหง่านอย่างเจิดจรัส
เวทแรงระเบิดของปีศาจชั้นสูงยังไม่มากพอทำให้ม่านพลังนี้เกิดรอยร้าวขึ้นเลยด้วยซ้ำไป
กลุ่มนักเรียนที่รอดชีวิตอย่างหวุดหวิดต่างพากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ส่วนบางคนที่ทนแรงกดดันไม่ไหวก็ถึงกับล้มลงไปนั่งกับพื้น
พวกเขาต่างคิดว่าเป็นเวทของอาจารย์ฟอร์ดที่ช่วยป้องกันไว้ แต่แท้จริงแล้วมันก็คือฝีมือของกันต์นั่นเอง
ประตูทางออกสุดท้ายของพวกเขาถูกปิดตายด้วยเศษซากปรักหักพังไปเสียแล้ว
อาจารย์ฟอร์ดที่ได้ยินเสียงระเบิดก่อนหน้านี้ก็เข้าใจสถานการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยทันที
“อย่าพึ่งตกใจไปอาจารย์จะร่ายเวทระเบิดใส่กำแพง ทุกคนถอยออกมา !”
ครูหนุ่มตะโกนพร้อมกับยื่นมือขวาไปข้างหน้าและยื่นมือซ้ายไปทางด้านหลังของตน พร้อมกับเขียนอักขระเวทสีฟ้ากลางอากาศด้วยมือทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้มือข้างหนึ่งยิงเวทใส่ปีศาจที่พุ่งเข้ามาและอีกข้างจะยิงใส่กำแพง
ฝูงปีศาจที่ตามหลังมาติด ๆ ไม่รอช้ารีบอาศัยจังหวะนี้เข้าโจมตีอาจารย์ฟอร์ดโดยทันที แต่แล้วจู่ ๆ พวกมันก็หยุดขยับไปอย่างกะทันหันและไม่เคลื่อนไหวใด ๆ อย่างน่าประหลาดใจ
กันต์ไม่รอช้ารีบยกเลิกทักษะเวทม่านพลังของตนและตะโกนบอกให้ทุกคนถอยออกจากจุดที่อาจารย์ฟอร์ดกำลังเล็งเวทระเบิดไปในทันที
เล็กที่เฝ้าดูกันต์อยู่ไม่ไกลนักรีบเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
นักเรียนสาวแทรกกลุ่มนักเรียนเข้ามาคว้าแขนของกันต์ไว้เพื่อเรียกร้องความสนใจ
“กันต์ ระบบป้องกันของที่นี่มันเริ่มทำงานแล้ว มันสายเกินไปแล้วรีบหาทางออกอื่นเร็ว”
“เธอหมายความว่ายังไง ?” ชายหนุ่มถามกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกันกับที่เสียงของระเบิดได้ดังขึ้น
อาจารย์ฟอร์ดที่ร่ายเวทระเบิดไฟใส่กำแพงอาคารเริ่มแสดงเหงื่อตกเมื่อเห็นว่าเวทระเบิดของตนไม่สามารถทำลายกำแพงของโถงทางเดินได้
เล็กที่มองไปยังทางต้นเสียงของระเบิดเริ่มอธิบายต่อโดยทันที
“ที่นี้คือหอการค้าดาบสีครามที่มีระบบป้องกันในระดับดีเยี่ยม เงื่อนไขแรกที่มันจะทำงานคือเมื่อมีหนึ่งในกำแพงถูกระเบิดหรือถูกพังทลายลง ศิลาเวทที่อยู่ในชั้นใต้ดินจะทำการปล่อยม่านพลังเวทออกมาเข้าคุ้มกันทุกส่วนของอาคารไว้ไม่ให้ถูกทำลายได้อีก”
สิ่งที่เล็กพูดมานั้นก็ไม่ถือว่าผิดเสียทีเดียวเพราะทุกคนต่างมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีวงเวทอักขระเวทสีฟ้าเปล่งแสงออกมาจากกำแพงทั่วทุกที่แม้แต่บนพื้นและเพดานก็ยังมีให้เห็น
โดยอักขระเวทเหล่านั้นก็มีหน้าที่ในการรับความเสียหายทั้งหมดรวมถึงปิดกั้นการเข้าออก
และมันจะหยุดทำงานต่อเมื่อมีใครสักคนลงไปปิดการทำงานของมันที่ชั้นใต้ดิน แต่การป้องกันของศิลาเวทนั้นมันก็มีขีดจำกัดอยู่เช่นเดียวกัน
การป้องกันรูปแบบนี้มีหลักการทำงานง่าย ๆ คือ ตัวศิลาเวทจะทำการปล่อยพลังเวทที่กักเก็บไว้ออกมาและกระจายตัวไปทั่วทุกที่ ที่ถูกกำหนดไว้
ส่วนระดับการป้องกันนั้นจะมากหรือน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ทำศิลาเวทและระดับฝีมือของผู้ลงอักขระเวทนั่นเอง
เหล่ายามรักษาความปลอดภัยของหอการค้าดาบสีครามที่เป็นฝั่งมนุษย์ ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่โถงทางเดินเพื่อผสานกำลังกับอาจารย์ฟอร์ดเข้าต้านทานฝูงปีศาจที่ดาหน้าเข้ามา
ในตอนนี้พวกเขาล้วนมีเป้าหมายเดียวคือนำพาพวกนักเรียนและบรรดาลูกค้าให้อยู่รอดปลอดภัย
กลุ่มปีศาจเริ่มกลับมาขยับได้อีกครั้งหลังจากที่พวกมันถูกตรึงไว้ด้วยพลังเวทปริศนาและเข้าโจมตีกลุ่มมนุษย์ที่ขวางทางของตน
“เธอไปรู้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหน ?” กันต์ถามต่อด้วยความสงสัย
“ฉันเคยศึกษาอยู่ในช่วงตอนก่อนมาที่นี่ ศิลาเวทที่ทำงานอยู่ในชั้นใต้ดินของที่แห่งนี้เป็นศิลาเวทโบราณอายุประมาณ หนึ่งพันปี…แต่นี่มันไม่ใช่เวลามาถามเรื่องนี้ไหม ?”
เล็กที่อธิบายได้สักพักก็ต่อว่าชายหนุ่มด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ศิลาเวทอายุพันปีอาจจะเป็นเป้าหมายของพวกมัน” กันต์เอ่ยตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองยังกำแพงด้านหนึ่งที่มีอักขระเวทสีฟ้าเปล่งแสง
อักขระเวทที่ปกคลุมไปทั่วหอการค้ามีความแข็งแกร่งในระดับที่ประมาทไม่ได้ แม้แต่อาจารย์ฟอร์ดที่มีเลเวลถึง 70 ก็ยังทำลายไม่ได้
เรื่องนี้ตัวกันต์เองก็พอเคยได้ยินเรื่องราวที่คล้าย ๆ กันมาก่อนในช่วงที่กำลังเล่นเกมเป็นตัวละครเครกอยู่
ในตอนนั้นมันเป็นช่วงที่เขากำลังติดต่อค้าขายกับทางหอการค้าอาณาจักรทางตอนเหนือในเมืองหลวง แล้วบังเอิญไปได้เห็นเหตุการณ์เคลื่อนย้ายหินศิลาดาวตกอย่างพอดิบพอดี
เมื่อลองถามข้อมูลจากผู้คนรอบ ๆ แถวนั้นดูจึงได้ทราบว่า กลุ่มพวกพ่อค้าได้บังเอิญไปค้นพบกับแท่นหินศิลาขนาดเท่าคนเข้า
ว่ากันว่าบริเวณโดยรอบที่ตั้งของศิลาเป็นหลุมบ่อลึกที่มีสะเก็ดไฟกระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณพร้อมทั้งมีควันลอยอยู่ออกมา จึงตั้งชื่อว่าเป็นศิลาดาวตกเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งของที่มาจากนอกโลก
ทางกลุ่มพ่อค้าที่เห็นดังนั้นจึงตัดสินใจเก็บกู้มันขึ้นมาและตั้งใจจะเอามันไปค้นคว้าและวิจัยที่ห้องใต้ดินของหอการค้า
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในอีกหนึ่งพันปีต่อมามันจะกลายเป็นของที่มีค่าและมีพลังมากถึงเพียงนี้ เพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันแล้ว
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามริสาคงพังมันได้อยู่ดี เพียงแค่อาจจะใช้เวลานานสักเล็กน้อย
กลุ่มนักเรียนที่เห็นว่าทางหนีของพวกตนถูกปิดตายไปแล้ว ก็ยังไม่หมดหวังต่างคนต่างหาหนทางทำลายกำแพงออกไปให้ได้ และแน่นอนว่านั่นย่อมไม่เป็นผล
ไม่ว่าจะเป็นเวทมนกลใดหากไม่มีความรุนแรงมากพอก็ไม่มีสิทธิแม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้กับมันได้
ในตอนนี้พวกเขาถอยกลับไปไม่ได้อีกแล้วมีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
ส่วนทางฝั่งอาจารย์กับยามรักษาการณ์เองก็คงจะต้านต่อไปได้อีกไม่นาน
เล็กที่เห็นกันต์ยืนนิ่งและจ้องมองไปที่กำแพงอย่างเหม่อลอยก็เริ่มทำหน้าตาสงสัย และเตรียมที่จะเรียกสติของเขากลับมา แต่ในขณะเดียวกันสายตาของเธอก็เหลือบมองไปเห็น วงเวทสีขาวที่ปรากฏขึ้นบนพื้นทางเดินบริเวณด้านข้างของกันต์ ห่างไปไม่ไกลนัก
ร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบสาวใช้ได้เผยตัวออกมาเหนือวงเวทสีขาวนั่นและจ้องตรงมาที่เธอด้วยสายตาที่เย็นชา
มันจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยถ้าเธอคนนั้นหันมองไปทางอื่นด้วย แต่ไหงถึงกลับจ้องเธอเขม็งขนาดนี้กันล่ะ นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจของเล็ก
ถึงแม้ว่าเล็กจะสงสัยเรื่องที่ว่าเธอเป็นใครมาจากไหนด้วยก็จริง แต่สายตาที่จ้องมองมามันทำให้คิดเกินเลยไปกว่านั้น
เหล่านักเรียนที่เห็นเหตุการณ์ชวนฉงนสงสัยเหมือนกับเล็ก ก็ถึงกับรีบพากันถอยห่างออกมาโดยทันที ด้วยเหตุที่ว่ากลัวจะเป็นฝ่ายศัตรู
ริสาในชุดสาวใช้หันซ้ายหันขวาด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนที่จะเดินไปยังจุด ๆ หนึ่งของกำแพงโดยการเดินผ่านกลุ่มนักเรียนที่หลบทางให้ด้วยความหวาดกลัว
แรงกดดันที่ถูกปล่อยออกมามันแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นอย่างชัดเจนว่า ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งเกินไป
เมื่อหญิงสาวครึ่งมังกรได้มายืนหยัดต่อหน้ากำแพงอักขระเวทแล้วเธอก็เริ่มง้างแขนขวาขึ้นอย่างช้า ๆ
และแล้วเสียงที่เกิดจากการแตกหักก็ได้ดังขึ้น กำปั้นขวาของริสาอัดเข้าเต็มกำแพงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ด้วยออร่าสีขาวบริสุทธิ์ที่ห่อหุ้มทั้งร่างกายของเธอนั้นได้ทำให้การโจมตีของเธอเริ่มรุนแรงและปลดปล่อยพลังออกมาได้มากยิ่งกว่าเดิม
อักขระเวทสีฟ้าปรากฏให้เห็นตามกำแพงเริ่มแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากนั้นไม่นานกำแพงด้านหนึ่งของโถงทางเดินก็ถูกพังทลายลง
กลุ่มนักเรียนที่ยังอึ้งและมึนงงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นต่างไม่มีใครกล้าขยับและตั้งข้อสงสัยกันอย่างมากมาย
“จะยืนนิ่งอยู่เพื่ออะไร รีบออกไปได้แล้ว” ริสากล่าวขึ้นพร้อมกับเขียนวงเวทสีขาวกลางอากาศ
ปีศาจที่เกิดจากการกลายร่างของเหล่าสาวกลัทธิบูชาปีศาจนับร้อยที่เฝ้าอยู่ด้านนอก เมื่อพวกมันสังเกตเห็นเศษซากกำแพงที่กระเด็นออกมาก็พากันจับอาวุธและวิ่งเข้าใส่โดยทันที
แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเปลวเพลิงสีขาวบริสุทธิ์ก็ได้พรั่งพรูออกมาจากจุดที่กำแพงแตกและเผาทัพของพวกมันจนวอดวายมลายสิ้น
สาวรับใช้ครึ่งมังกรก้าวเท้าออกมาจากโถงทางเดินและร่ายเวทไฟเผาใส่ปีศาจทุกตนที่กระโจนโจมตีเข้ามาอย่างไร้ความปราณีต่อหน้าพวกนักเรียนที่เดินตามหลังมาห่าง ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ฉันชักกลัวขึ้นมาแล้วว่าเธอจะเผาเราไปด้วย” เล็กกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
สำหรับตัวเธอแล้วก็ขอบคุณอยู่เหมือนกันที่ช่วยทำลายกำแพงออกมาให้ แถมยังช่วยต่อด้วยการกำจัดปีศาจที่เข้ามาขวางทางอีก แต่ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนเจ้าตัวจะไม่เต็มใจทำสักเท่าไหร่
กันต์ที่เดินขนาบข้างมาติด ๆ พอได้ยินดังนั้นเข้าก็ได้แต่หัวเราะแห้งออกมา พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าทำไมวันนี้ริสาดูโมโหผิดปกติ
อาจารย์ฟอร์ดและยามรักษาการณ์ที่คอยระวังหลังให้ในตอนนี้ได้กลับมาอยู่รวมกลุ่มกับพวกนักเรียนอีกครั้งแล้ว เพราะทางกองทัพปีศาจเริ่มถอยกำลังห่างออกไปและไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้
พวกมันทุกตนต่างหวาดกลัวในอำนาจของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
พวกมันต่างสงสัยและงุนงงว่าทำไมมนุษย์ธรรมดาถึงได้มีพลังมากมายถึงเพียงนี้
และแล้วกองทัพทหารของอาณาจักรทางตอนเหนือก็ได้มาถึงพร้อมกับเข้าล้อมฝูงปีศาจที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่รอบนอกอีกทีหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เหล่าสาวกลัทธิบูชาปีศาจที่เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้ารีบส่งสัญญาณถอยทัพและพากันหนีเข้าไปยังจุดที่กำแพงแตกโดยทันที
เล็กที่เดินติดอยู่กับกันต์ก็เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย และก่อนที่เธอจะได้กล่าวประโยคอะไรถัดไปกับกันต์ เสียงของเพื่อนสนิทเธอก็ดังขึ้น
“เล็ก ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม ?” กานต์ในชุดนักเรียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักได้โบกมือให้กับเล็กและตะโกนเรียกชื่อเธอ พร้อมกับวิ่งเข้าไปหา
“ไม่เป็นไรมากหรอก โชคดีที่ได้ใครไม่รู้ช่วยไว้กับกันต์…หายไปไหนแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ด้วย ?” เล็กหันมองซ้ายมองขวาด้วยความสงสัยก่อนที่จะถอนสายตากลับไปมองที่กานต์อีกครั้ง
ทั้งกันต์และผู้หญิงในชุดสาวใช้ก็ต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งนั่นก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคน
“กันต์เหมือนจะบาดเจ็บตอนนี้คงถูกพวกหน่วยแพทย์ของทางต่างโลกเอาตัวไปดูแลแล้ว” กานต์เอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังกลุ่มนักเรียนที่แยกกันเป็นหลาย ๆ กลุ่ม
ทางกองทัพของอาณาจักรทางตอนเหนือที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์นั้นแน่นอนว่ามีแพทย์มาด้วย และพวกเขาเหล่านั้นก็ได้ทำการแยกกลุ่มนักเรียนที่บาดเจ็บออกมาเพื่อทำการรักษา
อาจารย์ฟอร์ดที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เริ่มเข้าควบคุมดูแลบรรดานักเรียนอีกครั้งหลังจากที่ประสานงานกับทางทหารอาณาจักรทางตอนเหนือได้แล้ว ตัวเขาจำเป็นต้องได้รับการปฐมพยาบาลก็จริง แต่อย่างน้อยก็ขอนำทางพวกนักเรียนให้กลับไปที่ปลอดภัยก่อนจะดีกว่า
“นักเรียนคนไหนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บให้กลับไปที่ห้องพัก อาจารย์คนอื่นกับทหารของทางโลกฝั่งนี้จะคอยคุ้มกันให้ และอย่าเข้าไปใกล้เขตปะทะโดยเด็ดขาด”
เสียงตะโกนของอาจารย์ฟอร์ดที่ดังขึ้นนั้นได้ทำให้กลุ่มนักเรียนรู้ตำแหน่งและจุดที่ต้องไปต่อ
“กลับไปที่ห้องพักกันเถอะกานต์ แถวนี้ไม่ค่อยจะปลอดภัยมากเท่าไหร่” เล็กกล่าวเชิญชวนเพื่อนสาวของตน
กานต์ที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยและพากันเดินคู่กลับไปที่ห้องพักโดยทันที
สายตาของหญิงสาวครึ่งซัคคิวบัสหันหลังกลับไปมองยังอาคารหอการค้าดาบสีครามที่ประดับไปด้วยอักขระเวทสีฟ้าเข้มอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินจากไป
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณครับ