ตอนที่ 248 : ภาค 3-บท 48 แตกหักจากภายใน(4)
ร่างโกเลมสีทมิฬขนาดใหญ่ที่ถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์เริ่มปรากฏให้เห็นออร่าสีเงินที่พวยพุ่งออกมาจากร่างกาย
เสียงของน้ำแข็งที่หักและแตกดังให้ได้ยินอย่างต่อเนื่องแบบไม่ขาดสาย
แขนขวาและซ้ายของโกเลมสีทมิฬสามารถขยับและเคลื่อนไหวได้ราวกับว่ามันไม่ได้ถูกพันธนาการเลย
ในเสี้ยววินาทีนั้นเองเหล่าผู้คนจากตระกูลขุนศึกเทวะได้เข้ามาในสนามรบและกระจายกำลังล้อมโกเลมไว้อย่างรวดเร็ว
ชายฉกรรจ์นับร้อยคนเริ่มปลดปล่อยพลังอันเป็นทักษะประจำสายเลือดของตน และบีบอัดมานาให้เกิดเป็นโซ่สีส้ม ก่อนที่จะโยนมันขึ้นไปคล้องที่แขน ขา และไหล่ของโกเลมอย่างรวดเร็ว
ด้วยความช่วยเหลือจากโซ่มานานับร้อยเส้นจึงทำให้การเคลื่อนไหวของโกเลมมหึมาหยุดไปอีกครั้งอย่างน่าประหลาดใจ
เวรัคที่เห็นดังนั้นก็ทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนที่จะอัดมานาเข้าไปในคทาของตนในระดับที่มากขึ้น
ผนึกน้ำแข็งเริ่มที่จะก่อตัวขึ้นอีกครั้งและแช่ร่างของมันไว้ แต่ก็ยังมีเสียงคล้ายน้ำแข็งแตกดังออกมาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง
กันต์ที่ยืนอยู่บนหัวของมันเริ่มปรับรูปแบบการหายใจเข้าออกใหม่อีกครั้งและง้างแขนขวาของตนขึ้น
ทันใดนั้นเองเครกก็พุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับง้างหมัดขวาหมายจะอัดเข้าแกนกลางลำตัวของมันอย่างเต็มแรง
คล็อดที่กำลังควบม้าเพกาซัสอยู่ก็เริ่มร่ายเวทบางอย่างจนทำให้ออร่าสีทองแผ่ขยายออกมาจากร่างจนมีลวดลายคล้ายมังกรทอง
เมื่อผู้กล้าพ่นลมหายใจออกมาจึงทำให้ดาบและดวงตาของเขาเปล่งแสงออกมา และกระโดดออกจากหลังม้าเพื่อพุ่งเข้าโจมตีโกเลมร่างยักษ์ด้วยความเร็วสูง
การโจมตีของกันต์ เครก คล็อด และเวรัคที่ผสานกันอย่างลงตัว จึงทำให้เกิดความรุนแรงในระดับที่มหาศาลขึ้น
กำปั้นของกันต์ชกเข้าเต็ม ๆ หัวของมันอีกครั้ง พร้อมกันกับที่คมดาบของคล็อดแทงเข้าหลังอย่างแม่นยำ
และสุดท้ายเครกที่พุ่งชนใส่เข้ากลางลำตัว จึงทำให้เกิดเสียงน้ำแข็งที่แตกละเอียดดังลั่นออกมา
วงเวทสีขาวที่เกิดจากกลไกเวทเมื่อได้รับความเสียหายพร้อมกันทั้ง 3 ทิศทางอย่างรุนแรง จึงไม่สามารถดูดซับความเสียหายได้ทันและป้องกันไม่ไหว จนทำให้กลไกเวทที่ทำงานภายในเกิดข้อผิดพลาดขึ้นและพังทลายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลไกเวทเสื่อมสลายลง ดวงตาสีม่วงเข้มของโกเลมขนาดยักษ์ก็พลันดับหายลงไปด้วย
ร่างโกเลมขนาดมหึมาเริ่มเอนตัวล้มลงไปกับพื้น พร้อมกับร่างกายส่วนแขนและขาที่มีรอยร้าวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
เสียงของโกเลมที่ล้มลงเข้ากระแทกกับพื้นดินได้ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณและส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวสะเทือนในระดับที่น่าหวาดกลัว
เวรัคที่เห็นดังนั้นก็ยกเลิกเวทน้ำแข็งของตนและทรุดเข่าลงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีที่ใช้ไม้คทาค้ำไว้ได้ทัน
เครกที่ยืนอยู่บนร่างของโกเลมยักษ์ก็กำลังใช้มือซ้ายกุมไปที่แขนขวาด้วยลักษณะท่าทางที่ไม่สู้ดีนัก
ม้าเพกาซัสก็สามารถบินโฉบเข้ารับคล็อดได้ทันก่อนที่เขาจะร่วงหล่นลงไปกับพื้น
ริสาเองก็สามารถคว้าร่างนายท่านของตนไว้ได้และส่งกลับไปยืนบนพื้นดินอย่างปลอดภัย
ทันใดนั้นเองเสียงของกราเฟียร์ก็ดังก้องออกมาจากแกนกลางของโกเลมด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉย “ศัสตราวุธระดับเทพ เจ้าไปหามันมาจากที่ใด ช่างน่าอิจฉาเสียจริง ข้ามีเวลามากนับพันปีแต่ก็ไม่อาจหามาสักชิ้นได้”
กันต์ที่ได้ยินดังนั้นก็พลันหันกลับไปมองที่มือขวาของตนเพื่อความปลอดภัย และภาพที่ปรากฏตรงหน้ามันก็ยังอยู่ดี
“กราเฟียร์วันนี้เป็นวันตายของเจ้า เจ้าอยู่มานานมากพอแล้ว” เครกเอ่ยขึ้นก่อนที่จะยกเท้าขวาเข้ากระทืบกลางลำตัวของโกเลม
รอยแตกระแหงที่บริเวณกลางลำตัวและบนหัวของมัน เป็นตัวยืนยันได้ดีว่ากราเฟียร์ไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อได้อีกแล้ว
ชิ้นส่วนโกเลมเคลือบน้ำแข็ง ต่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนแห่งราวกับเศษแก้วที่แตกไม่มีผิดเพี้ยน
ที่คงเหลืออยู่ในตอนนี้คงมีเพียงส่วนกลางลำตัวและหัวของมันที่ยังไม่แตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ
“เครกเอ๋ย ข้าเองก็ไม่เคยเชื่อคำพูดของพวกมันว่าชะตากรรมของข้ามันถูกกำหนดมาให้แพ้ ต่อให้มีสมบัติหรือสิ่งใดมากแค่ไหน ข้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ได้ แต่ ในครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมตายคนเดียว !"
เมื่อเสียงของกราเฟียร์เงียลง เสียงของกลไกบางอย่างภายในร่างกายของมันก็ดังขึ้น
อุณหภูมิโดยรอบเริ่มเพิ่มขึ้นสูงอย่างน่าตกใจ พร้อมกันกับร่างของมันที่เปล่งแสงสีแดงออกมา
“อีกไม่กี่พริบตา ร่างกายนี้ก็จะกลายเป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่เป่าให้ทุกสิ่งในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบตัวข้าละลายหายกลายเป็นจุล”
“มันไม่ได้ล้อเล่น กราเฟียร์มันใช้กลไกเวทของเทพภายในเป็นตัวจุดชนวน ดีไม่ดีระยะระเบิดอาจจะมากกว่านี้” เวรัคตะโกนขึ้นพร้อมกับรีดพลังเวทที่เหลือเปิดประตูมิติออกมา
ในขณะเดียวกันนั่นเองกันต์ก็หมดสติลงและทรุดตัวลงไป แต่ก็ยังดีที่ริสาเข้ามาพยุงได้ทัน
คล็อดที่กุมบังเหียนม้าเพกาซัสรีบพูดโต้แย้งเวรัคทันที “เราจะทิ้งประชาชนไม่ได้ พวกเราโดนระเบิดนั่นอาจจะไม่ตายแต่ไม่ใช่กับพวกเขา”
“มันไม่มีวิธีอื่นแล้วที่เราจะสามารถเคลื่อนย้ายคนนับหมื่นให้หนีออกไปจากที่นี่ได้ ต่อให้กางม่านพลังไปมากแค่ไหนมันก็ไม่พอ”
กันต์ที่กลับมาได้สติในร่างของเครกเริ่มคิดและพิจารณาสถานการณ์รอบตัวด้วยความตึงเครียด มันไม่มีอะไรที่สามารถช่วยเหลือได้แล้วจริง ๆ เหรอ
สภาพของเวรัคตอนนี้เองก็ไม่สู้ดีนัก แค่ให้เธอฝืนขีดจำกัดร่างกายเปิดประตูมิติขนาดเล็กออกมาก็เต็มกลืนแล้ว
ผมอาจจะรอดแต่กับพวกคนเป็นหมื่นตรงนั้นคือไม่ ถ้าหากจุดจบสุดท้ายมันไม่ต่างกันแล้วความช่วยเหลือและทุกสิ่งที่ทำมามันจะมีประโยชน์อะไร
สุดท้ายแล้วอาณาจักรทางตอนใต้ก็จะล่มสลายเหมือน ๆ กับอาณาจักรทางตอนกลาง อีกไม่นานที่เมืองพวกปีศาจคงเกิดเรื่องราวแบบเดียวกันขึ้นอีก
พวกมันต้องการอะไรกันแน่ อยากให้ผมเป็นอะไร อยากให้ผมทำอะไร พวกสมาคมเงามืดแห่งโลกต้องการให้ผมเผชิญเรื่องราวแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน
ทันใดนั้นเองเครกก็ถอยห่างออกมาจากร่างของโกเลมก่อนที่จะใช้แรงทั้งหมดยกตัวของมันขึ้นไว้เหนือหัว
“ข้าจะเอาร่างส่วนใหญ่ของมันไปทิ้งที่อื่น พวกเจ้ารีบช่วยคนที่เหลือเร็ว”
กันต์รีบบีบเค้นแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ของเครกออกมาและแบกชิ้นส่วนร่างกายโกเลมมหึมาขึ้น ก่อนที่ออกแรงวิ่งไปทางข้างหน้าเพื่อพามันหนีออกไปให้ห่างจากตำแหน่งที่คนอื่น ๆ อยู่
ถึงแม้จุดจบอาจจะกลายเป็นเครกที่บาดเจ็บเจียนตาย แต่ถ้ามันแลกกับความปลอดภัยของทุกคนแล้วนั่นก็ย่อมได้ ถ้าหากเป็นตัวของเครกเองเขาก็อาจจะตัดสินใจแบบเดียวกัน
ในระหว่างที่เครกกำลังแบกระเบิดขนาดยักษ์ไว้ จู่ ๆ เสียงของกราเฟียร์ก็ดังออกมา
“บุคคลตามคำทำนายเจ้าจงจำคำของข้าไว้ อย่าเดินไปตามเส้นทางที่พวกมันกำหนดไว้เด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่ต่างอะไรไปจากเพลซ เรล์ม หรือแม้แต่ผู้กล้าที่ปราบจอมมารลำดับที่ 1 …เจ้าจงหยุดวังวนความหายนะให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยสิ่งใดก็ตาม”
ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ได้ดังดังขึ้นพร้อมกับลมพายุขนานใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากแรงระเบิด
และในเสี้ยววินาทีนั้นเองทักษะติดตัวของเครกก็ได้ถูกเปิดใช้งานออกมา
[ทักษะติดตัวทำงาน “ทักษะวินาทีสุดท้าย”]
ถ้าหากยังจำกันได้เครกจะมีทักษะ ๆ หนึ่งที่เมื่อตนเองอยู่ในสภาวะอันตรายถึงขีดสุดเวลาโดยรอบก็จะเดินช้าลง
[ผู้เล่นต้องการช่วยเหลือทุกคนให้รอดพ้นปลอดภัยหรือไม่]
กันต์ในร่างของเครกที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าไปในทันที
[โดยไม่สนใจว่าความช่วยเหลือนั้นอาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของตนเอง ?]
ทันใดนั้นเองร่างของโกเลมมหึมาขนาดใหญ่กว่าหลายสิบเมตรได้แตกออกและระเบิดอย่างรุนแรง และมันก็พร้อมที่จะปัดเป่าทุกอย่างในรัศมีให้สลายกลายเป็นผุยผง
ความรุนแรงของมันมากพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตเลเวล 80 ต้องตายในเสี้ยวพริบตาเลยทีเดียว
เมื่อกันต์ในร่างของเครกได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ม่านพลังสีทองดำ สีขาว และสีทองก็ได้ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า
เครก เวรัค คล็อด และริสาได้ยืนรวมกลุ่มกันเข้ามาช่วยเหลือและสร้างม่านพลังเข้าต้านทานรับความเสียหายไว้ได้ทันท่วงที
แต่ทว่าแรงระเบิดที่สมควรปัดเป่าทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองนั้นกลับหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
ร่างของโกเลมขนาดยักษ์ก็หายไปโดยทิ้งไว้เพียงแค่รอยแตกระแหงของดินและร่องรอยการต่อสู้
“นั่นฝีมือของมันใช่ไหม กันต์?” เวรัคเอ่ยถามด้วยเสียงแข็ง
“ใช่ ฝีมือของมัน” กันต์ในร่างของเครกเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกมากมายที่สับสนอยู่ภายในใจ
“กราเฟียร์เองก็พึ่งเตือนเจ้าไปว่าอย่าเล่นตามแผนของมัน”
ในระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั่นเองเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่คุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นที่ด้านหลังของเครก
“ดิฉันจะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ได้ฟังเองค่ะ”
เมื่อเสียงพูดได้จบลง ทุกคนก็ต่างหันสายตามองไปยังด้านหลังของเครกด้วยความตื่นตระหนก เพราะพวกเขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าบุคคลผู้นี้โผล่มาจากไหน และมายืนตรงนี้ได้ยังไง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#703 Chaos I (จากตอนที่ 248)วันที่ 16 สิงหาคม 2563 / 01:03ใครฟระ#7031
-
#703-1 SuruMaster(จากตอนที่ 248)16 สิงหาคม 2563 / 20:38บุคคลปริศนาครับ555#703-1
-