ตอนที่ 238 : ภาค 3-บท 38 ขุนศึกเทวะ(2)
ในขณะนี้กันต์ยังไม่ตัดสินใจที่จะเข้าไปเปิดก่อน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้อย่างอยู่หมัด
เหล่าชายสวมหมวกฟางเริ่มกระจายกำลังรอบตัวของเครกอีกครั้งและเริ่มทำมือแปลก ๆ
ทันใดนั้นเองโซ่เส้นสีส้มนับสิบเส้นก็พุ่งออกมาจากมือของพวกเขาและเข้าพันธนาการร่างของเครกไว้
ชายสวมหมวกฟางได้ทำการเปลี่ยนมานาในร่างกายของตนให้กลายเป็นโซ่และใช้มันในการต่อสู้
“โทษของเจ้าที่รุกล้ำเข้าไปในสุสานของบรรพชนนั้นไม่อาจอภัยได้ จงน้อมรับโทษทัณฑ์ของเจ้าเสียจากตระกูลขุนศึกเทวะเสีย”
ชายขอทานประกาศกร้าวด้วยเสียงแข็งก่อนที่จะใช้มือซ้ายและมือขวาของตนในการร่ายเวทกลางอากาศ
เหล่าชายสวมหมวกฟางเช่นกัน ในมือข้างหนึ่งของพวกเขาข้างหนึ่งกำลังจับโซ่ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็กำลังร่ายเวทรูปแบบเดียวกันกับที่ชายขอทานทำ
กันต์ที่เห็นวงเวทเหล่านั้นก็พอที่จะเดาออกได้ทันทีว่าพวกเขาต้องการอะไร
มันคือวงเวทเคลื่อนย้ายระดับสูงนั่นเอง เขาเห็นพวกมันมามากกว่าหลายร้อยรอบแล้วจึงพอที่จะจำลักษณะของมันได้บ้าง
ถ้าเครกต้องการที่จะหนีในตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก แต่อีกฝ่ายป่าวประกาศออกมาเองว่าเป็นตระกูลขุนศึกทวะ
ดังนั้นแล้วหากอีกฝ่ายเชื้อเชิญไปเองเช่นนี้มันยังมีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธกันล่ะ
เมื่อวงเวทนับสิบถูกร่ายอย่างสมบูรณ์แล้วการเลื่อนย้ายระยะไกลจึงได้เริ่มต้นขึ้น
แสงสีฟ้าสาดส่องไปทั่วบริเวณจากตัววงเวทและนำพาพวกเขาทั้งหมดไปยังอีกสถานที่หนึ่ง
เมื่อเครกลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ปรากฏให้เห็นกลุ่มชายในหมวกฟางที่กำลังกุมโซ่มานาสีส้มในมือแน่น
บริเวณโดยรอบไม่ใช่นเมืองอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นพื้นลานกว้างขนาดใหญ่ที่กลางป่าโปร่ง
วงเวทเคล่อนย้ายระดับสูงใต้ฝ่าเท้าเป็นตัวยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ตระกูลนี้ก็ยังเป็นตระกูลที่น่ากลัวอยู่ในระดับหนึ่ง
“ข้าไปบุกรุกสุสานบรรพชนพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?” เครกเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เรื่องมันคงนานจนเจ้าลืมไปแล้วกระมัง แต่ทว่ากลิ่นของพิษยังคงติดตามเจ้าไปไม่เคยห่างหาย”
ชายขอทานเอ่ยพลางคว้าดอกไม้สีม่วงดอกหนึ่งขึ้นมาจากด้านหลัง
“ดอกไม้ประเภทนี้มีความสามารถในการตามกลิ่นพิษที่ติดกายเจ้าไปได้ และพิษที่ติดอยู่กับกายเจ้าคือพิษที่มาจากต้นไม้พิษ ผู้พิทักษ์สุสานบรรพชนแห่งเรา”
เมื่อชายขอทานเอ่ยขึ้นมาดังนั้นกันต์ก็เข้าใจเรื่องราวขึ้นมาโดยทันที
ถ้าลองมองย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้ว เครกที่ลุกออกมาจากโลงศพภายในป่าหมอกพิษได้เข้าทำการต่อสู้กับต้นไม้ปีศาจพิษอยู่ครั้งหนึ่ง
สุสานขนาดใหญ่นั่นคงถูกสร้างขึ้นโดยลูกหลานของเครกไม่ผิดแน่ แต่ตัวของเครกเองก็คงจะมีภรรยาหลังจากที่ได้จบเรื่องราวกับจอมมารเวลโดรไปแล้ว
ถ้าอย่างนั้นออร่าสีส้มที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับพวกเขาคงหนีไม่พ้น ทักษะทางสายเลือดที่สืบทอดมาจากเครกอย่างแน่นอน
บางทีเหตุผลที่มันเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นส้มอาจจะเป็นเพราะการสืบทอดแบบรุ่นต่อรุ่นอาจทำให้สายเลือดจางลงจากสีแดงเลยกลายเป็นส้มอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้นตระกูลขุนศึกเทวะก็เป็นตระกูลที่มีเครกเป็นหัวหน้าตระกูลเมื่อหนึ่งพันปีก่อน และสืบเชื้อสายจนมาถึงทุกวันนี้
ถ้าลองกลับไปคิดถึงเรื่องที่ายชราเผ่าเอลฟ์ได้เคยบอกไว้ว่า ตระกูลของเครกได้ทำอะไรบางอย่างที่โลกไม่อาจยอมรับได้ จนถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ สิ่งนั้นมันคืออะไร ?
แต่เครกเองก็เป็นถึง 1 ในอดีตผู้กล้าที่ร่วมปราบเวลโดร ตำแหน่งฐานะหน้าที่มันก็น่าจะสูงอยู่พอสมควร แล้วทำไมคนรุ่นหลังของเขาถึงมาอยู่ในป่ากันล่ะ
กันต์ในร่างของเครกที่คิดได้ดังนั้นก็อยากจะไขข้อสงสัยจนใจจะขาด
“ทั้งตระกูลของพวกเจ้าคงไม่มีใครล้มข้าได้ ถ้าอยากจะฆ่าข้าต้องใช้คนที่แข็งแกร่งกว่านี้” เครกเริ่มกล่าวท้าทาย
หลังจากนั้นไม่นานชายวัยฉกรรจ์ก็ทำการกระชากโซ่หลายเส้นที่พันธนาการแขนของเขาไว้อย่างรุนแรง
ชายสวมหมวกฟางหลายคนถึงกับกระเด็นไปตามทิศของแรกกระชากและล้มลงไปกับพื้น
เมื่อเหตุการณ์เป็นดังนั้นคนอื่น ๆ ก็เริ่มพากันดึงโซ่มานาในมือให้แน่นขึ้น เพื่อรั้งตัวของเครกไว้
แต่แล้วมือขวาของเครกก็สามารถหลุดออกมาจากการพันธนาการได้สำเร็จ
“ทำลายปฐพี” เครกเปิดใช้ทักษะโจมตีเป็นวงกว้าง
ทันใดนั้นเองพื้นที่และบริเวณโดยรอบก็เริ่มสั่นสะเทือนและแตกแขนงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ออร่าสีส้มของเหล่าชายสวมหมวกฟางเริ่มจางหายไป
โซ่มานาหลายเส้นเริ่มแตกละเอียดและสลายกลายเป็นผุยผง
เครกที่ได้รับอิสระในการเคลื่อนที่กลับมาอีกครั้งก็เริ่มก้าวหน้าเดินเข้าไปหาชายขอทานทันที
“ไปเรียกหัวหน้าตระกูลของเจ้ามา” เครกเริ่มกล่าวเชิงข่มขู่และกดดัน
แต่ในขณะเดียวกันนั่นเองโซ่สีส้มอีกหลายเส้นก็พุ่งเข้ามาฉุดรั้งร่างของเครกไว้อีกครั้ง โดยกลุ่มคนชุดเดิม
“ข้าขอยอมรับว่าเจ้ามีวรยุทธที่เก่งกาจ แต่บาปที่เจ้าก่อไว้ไม่ว่าจะยังไงมันก็สมควรที่จะต้องถูกชดใช้” ชายขอทานเอ่ยก่อนที่จะก้าวเท้าถอยหลัง
ทันใดนั้นเองกลุ่มชายสวมหมวกฟางอีกหลายสิบคนก็ได้ปรากฏขึ้นจากบริเวณโดยรอบ ซึ่งแต่ละคนเองก็มีระดับเลเวลที่ไม่ธรรมดา
พวกเขาเหล่านั้นต่างพากันขว้างโซ่มานาสีส้มใส่ร่างของเครกอย่างต่อเนื่อง ราวกับต้องการจับตัวไว้ไม่ให้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว
เครกที่โดนโซ่นับหลายสิบเส้นพันธนาการไว้ก็เริ่มที่จะยืนนิ่งและไม่ขยับใด ๆ
“พาตัวมันไปที่ลานตัดสิน” ชายขอทานออกคำสั่งก่อนที่จะเดินนำหน้า
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เครกถูกควบคุมตัวราวกับเป็นนักโทษประหาร
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกพาตัวไปที่ลานประลองแห่งหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งมันก็น่าจะถูกสร้างโดยใช้ไม้ไผ่และไม้เป็นส่วนใหญ่
บริเวณบนที่นั่งอัฒจันทร์ปรากฏให้เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ดูชราภาพและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน
กลุ่มผู้เฒ่าเหล่านั้นดูแก่มากก็จริง แต่ออร่าและจิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมานั้นไม่ธรรมดาเลย
และแน่นอนว่ากลุ่มผู้เฒ่าเหล่านั้นคือชายที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลตระกูลขุนศึกเทวะ อีกทั้งยังมีอำนาจในการตัดสินเรื่องราวต่าง ๆ ภายในตระกูล
“เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส เจ้าจงคุกเข่าลงเสีย” ชายขอทานกล่าวเชิงออกคำสั่ง
เครกที่ถูกนำตัวมากลางลานประลองยังคงยืนนิ่งและไม่ไหวติงใด ๆ
“อาวุโส ?…พวกเจ้าคิดว่าข้าอายุเท่าใด ?” เครกเอ่ยถามพลางก้มหน้ามองต่ำ
เหล่าผู้เฒ่าของตระกูลที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มรู้สึกหัวเสียขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาเป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลมีทั้งความแข็งแกร่งและทักษะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา อายุก็ปาเข้าไปจะ 200 ปีแล้ว ดูยังไงเจ้าโจรบุกรุกสุสานนี่ก็มีอายุไม่น่าเกิน 100 เลยด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่ 30 ปี
(คนในตระกูลขุนศึกเทวะมีอายุขัยที่ 200 กว่าปี)
“ช่างเถอะ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าโจรบุกรุกสุสานคนนี้มีพลังที่กล้าแข็งจนพวกเจ้าไม่อาจเอาชนะได้” ชายชราคนหนึ่งเอ่ยพลางเดินลงจากอัฒจันทร์ และหยุดลงต่อหน้าเครก
ชายขอทานที่ได้ยินดังนั้นก็คุกเข่าลงและโค้งคำนับ “ขออภัยท่านผู้อาวุโส ตัวข้านั้นผิดเองที่ไร้ความสามารถ”
ผู้เฒ่าโบกมือไปทางชายขอทานเพื่อส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูด และจ้องตรงไปที่เครก
“เจ้ามีเหตุผลอันใดถึงต้องบุกเข้าไปขโมยร่างของท่านบรรพชนออกมา ?”
“ขโมยเรอะ…ไม่เลย ข้านี่แหละคือบรรพชนของพวกเจ้า” เครกโต้กลับด้วยความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม
เมื่อคำประกาศกร้าวได้ถูกกระจายออกไปเหล่าคนในตระกูลขุนศึกเทวะก็เริ่มส่งเสียงพูดคุยกันด้วยความดูถูกและไม่เชื่อในคำพูดของเครก
“โอหัง ! เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่าริอาจมาเทียบชั้นกับเหล่าบรรพชนแห่งขุนศึกเทวะ ปล่อยตัวมัน ข้าจะสั่งสอนเอง”
ผู้เฒ่าเริ่มแสดงให้เห็นถึงสีหน้าที่โกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะตั้งท่าพร้อมเข้าสู่การต่อสู้
เมื่อโซ่สีส้มหลายสิบเส้นเริ่มสลายหายไปโดยคำสั่งของผู้อาวุโส เครกก็ยังคงยืนนิ่งเช่นเดิม
ผู้เฒ่าวัยชราที่ยืนต่อหน้าเครกเริ่มปลดปล่อยออร่าสีส้มเข้มเข้ากดดันเครกอย่างรวดเร็ว
ชายชราคนนี้มีเลเวลอยู่ที่ประมาณ 93 ได้ และเมื่อเขาเปิดใช้ทักษะประจำสายเลือดเลเวลก็พุ่งทะยานขึ้นมาทันที
แต่ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าคนนี้ยังเปิดใช้ทักษะประจำสายเลือดไม่สุด จึงสามารถเปิดใช้ได้เป็นระยะเวลานานพอสมควร
ทันใดนั้นเองพื้นที่บริเวณโดยรอบที่เครกยืนอยู่ก็เริ่มปรากฏให้เห็นพื้นหินที่แตกละเอียดเป็นวงกว้าง
ออร่าสีแดงราวกับเปลวเพลิงสีชาดเริ่มลุกโชนสู้กับแสงจันทร์และแสงคบเพลิงยามค่ำคืน
แรงกดดันที่แพร่ออกมาจากร่างของเครกเริ่มกระจายตัวไปทั่วสนามประลองและทำให้ผู้ที่อ่อนแอเริ่มรู้สึกกดันและหายใจลำบาก
[เนื่องจากเลเวลของตัวละครเครกมาถึง 80 แล้ว หากใช้ทักษะกู่ก้องคำรามความแข็งแกร่งจะหยุดที่เลเวล 100 และไม่สามารถเพิ่มได้อีก แต่ในขณะเดียวกันจะสามารถใช้ได้ในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นแทน]
ออร่าสีแดงรอบกายของเครกเริ่มเข้ากลืนกินออร่าสีส้มเข้มของผู้เฒ่าวัยชราและเริ่มลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง
มันให้ความรู้สึกราวกับว่าพลังของผู้อาวุโสเปรียบเสมือนเชื้อไฟที่เติมพลังให้กับเครกไม่มีผิด
เหล่าลูกหลานตระกูลขุนศึกเทวะที่เห็นดังนั้นก็พากันงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาทันที
“คะ…คะ…คลื่นกายาสีชาด อย่าบอกนะว่าเจ้าคือสายเลือดบริสุทธิ์ เป็นไปไม่ได้”
กลุ่มผู้อาวุโสที่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองก็พากันลงไปที่สนามประลองและเข้าประกบข้างเครกอย่างรวดเร็ว
“อย่าพึ่งปักใจเชื่อ มันอาจใช้วิชาเวทหลอกลวง ถ้าเจ้านี่คือสายเลือดบริสุทธิ์จริง ๆ เหตุใดพวกเราถึงไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
“ตระกูลขุนศึกเทวะแห่งเราสืบทอดเชื้อสายอย่างยาวนานกว่าพันปี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพวกสายเลือดบริสุทธิ์ที่ยังมีชีวิตอยู่”
เครกที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มยืดเส้นยือสายเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “ถ้าพวกเจ้าอยากรู้ว่าพลังที่ข้ามีมันจริงหรือเท็จ ก็เข้ามา”
เครกเอ่ยพลางกวักมือท้าทายกลุ่มผู้อาวุโสท่ามกลางสายตาเหล่าผู้คนในตระกูลอย่างไม่ลังเล
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#691 เอารถพ่วงมาไถนา (จากตอนที่ 238)วันที่ 19 กรกฎาคม 2563 / 18:41คงจะจำหน้าบรรพชนของพวกเองไม่ได้สิน่ะ ถึงต้องคุยกันด้วยหมัดก่อนน่ะ#6911
-
#691-1 SuruMaster(จากตอนที่ 238)20 กรกฎาคม 2563 / 00:16ใช่ครับ555#691-1
-
-
#690 Fikusa (จากตอนที่ 238)วันที่ 19 กรกฎาคม 2563 / 18:39พวกคนตระกูลนี้ทำอะไรลงไปนะ หรือล้างบางคนที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ไป#6901
-
#690-1 SuruMaster(จากตอนที่ 238)20 กรกฎาคม 2563 / 00:16ทำอะไรที่ค่อนข้าง เลือดสาดนะครับ555#690-1
-