ตอนที่ 234 : ภาค 3-บท 34 อาณาจักรที่ล่มสลาย
ณ อาณาจักรมนุษย์ทางตอนกลาง
ประตูมิติสีฟ้าเข้มของเวรัคได้เปิดออกพร้อมกับประตูมิติสีดำทมิฬของอัศวินดำ
กันต์ กานต์ คล็อด นนท์ เวรัค อาเรีย เรติน่าและอัศวินดำได้เดินออกมาจากประตูมิติอย่างพร้อมเพรียงกัน
ภาพที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้าของพวกเขาทั้งหมด ก็คือภาพของซากปรักหักพังที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกบริเวณ
แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คงเป็นเกาะลอยฟ้าที่หัวทิ่มลงพื้นดินและถูกปักคาอยู่อย่างนั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเรือขนาดใหญ่ที่ร่วงหล่นลงสู่ก้นหมาสมุทร
ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตหรือผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว เพราะตามรายทางที่พวกเขาเดินผ่านก็เต็มไปด้วยซากศพของชาวบ้านและทหาร
เลือดสีแดงสดนองไปทั่วทุกบริเวณ ราวกับเป็นการสังหารหมู่ที่ไร้ซึ่งความปราณี
แต่เรื่องที่น่าประหลาดใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือทำไมในเหล่าซากศพพวกนี้ ถึงไม่มีแม้กระทั่งศพของพวกปีศาจแม้แต่ตัวเดียว
“ทำไมถึงคิดว่าฉันเป็นคนทำล่ะ ?” กันต์เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปที่เกาะลอยฟ้า
ในตอนนี้เกาะลอยฟ้าอันเคยเป็นหนึ่งในสถานที่ผนึกร่างของเวลโดร ได้ร่วงหล่นลงพื้นดินแต่ดูเหมือนว่าสิ่งก่อสร้างบนเกาะจะไม่ค่อยเสียหายมากสักเท่าไหร่
อาณาจักรทางตอนกลางที่ยิ่งใหญ่และอยู่ยงคงกระพันมาอย่างเนิ่นนาน วันนี้มันได้จบสิ้นลงไปแล้ว
นนท์ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบตอบกลับไปในทันที “ตอนแรกฉันเองก็กำลังทำภารกิจอยู่นอกเขตเมือง แต่พอกลับมาอีกครั้งเมืองก็ถูกทำลายไปจนเกือบหมดแล้ว”
“และในวินาทีที่ฉันกลับมาก็คือตอนที่เกาะลอยฟ้านั่นหล่นลงมา ส่วนตัวของผู้ร้ายมันใส่ชุดคลุมสีดำมีผมสีแดงและตาสีแดง คิดออกไหมว่าใคร ?”
ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็คิดออกทันทีว่านนท์กำลังหมายถึงใคร
“นายจะบอกว่าเรล์มเป็นคนทำ ?” กันต์รีบถามกลับไปในทันที
“มีความเป็นไปได้สูงมากว่าคงมีใครสักคนปลอมตัวเป็นเรล์ม เพราะเท่าที่ดูแล้วดูเหมือนนายเองก็ยังไม่ได้เข้าด้านมืดเลย”
“แต่มันจะปลอมตัวไปเป็นเรล์มเพื่ออะไร ?”
“ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ กองทัพที่เข้าทำการบุกโจมตีเมืองนี้คือกองทัพของพวกปีศาจไม่ผิดแน่ ฉันเห็นกับตาก่อนที่พวกมันจะพากันแห่หนีเข้าไปในประตูมิติ มันต้องมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่”
อัศวินดำที่ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับกล่าวต่อ “ไม่ใช่แค่พวกปีศาจ แต่อาจจะยังมีพวกที่แข็งแกร่งกว่าปีศาจปนอยู่ด้วย มันไม่มีทางเลยที่กองทัพปีศาจธรรมดาจะทำอะไรแบบนั้นได้”
เวรัครีบยกคทาขึ้นเหนือพื้นและกระแทกลงไปเบา ๆ ซึ่งนั่นก็ก่อให้เกิดคลื่นพลังเวทกระจายไปทั่วบริเวณ
สายตาอันเฉียบคมของเธอรีบหันมองไปยังเกาะลอยฟ้าและชี้ตรงไปที่วิหารลอยฟ้า “ยังมีคนรอดชีวิตอยู่ ทางนั้น”
เมื่อสิ้นเสียงของเวรัคทุกคนก็ทำการเดินตามไปยังจุดที่เธอชี้ทันที จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับซากปรักหักพังบนเกาะลอยฟ้าที่สุมกองกัน
อาเรีย และเรติน่าที่เดินตามออกมาทีหลังก็พากันวิ่งกรูไปยังจุดตำแหน่งที่ว่าในทันที
หลังจากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันดึงเสาหินและซากต่าง ๆ ออกไป เพราะเวรัคบอกว่าผู้รอดชีวิตอยู่ที่ใต้ซากปรักหักพังนี้
จนกระทั่งพวกเขาได้พบเข้ากับร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ถูกเสาหินทับและเข้าทำการช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ
หญิงสาวคนนี้มีสภาพร่างกายที่บาดเจ็บและหลับไม่ได้สติ แต่ทว่าออร่าสีทองที่ปรากฏรอบกายและใบหน้าที่คุ้นเคยก็ทำให้เขารู้ขึ้นมาได้ทันทีเลยว่าเธอคนนี้เป็นใคร
“ท่านพี่” อาเรียร้องเรียกและกอดร่างของนักบุญคนนั้นด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก
เรติน่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ทำได้เพียงเงียบและไม่ปริปากพูดใด ๆ
“พาเธอไปพักที่มิตินั้นก่อนได้ไหมเวรัค ?” กันต์เอ่ยถามพลางอุ้มร่างของนักบุญศักดิ์สิทธิ์จากตอนกลางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“แน่นอน ยังไงเธอก็เป็นพยานปากสำคัญ คงจะปล่อยให้ตายไปไม่ได้” เวรัคกล่าวพร้อมกับโบกคทาเบญจธาตุในมือเพื่อพาทุกคนกลับไปยังที่เดิม
แต่แล้วก็มีคน ๆ หนึ่งกล่าวขัดคำพูดของเวรัคขึ้นมา “ฉันขออยู่ที่นี่คนเดียวสักพัก”
ผู้กล้าคล็อดกล่าวในขณะที่ตนกำลังหันหลังให้กับทุกคน
คนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่คิดจะปฎิเสธหรือคัดค้านใด ๆ และยินยอมเดินกลับเข้าไปในประตูมิติของเวรัคแต่โดยดี
เมื่อประตูมิติบานสีฟ้าได้ถูกปิดลง ผู้กล้าคล็อดก็ออกเดินไปทางเกาะลอยฟ้าอีกครั้งหนึ่ง
ร่างกายที่เดินคล้ายกับคนไร้เรี่ยวแรงของเขาค่อย ๆ นั่งลงบนเศษซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง ด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งและไร้อารมณ์ใด ๆ
สายตาของคล็อดมองตรงไปยังท้องฟ้ายามพลบค่ำและดวงตะวันสีส้มที่ใกล้จะลับของฟ้าด้วยความว่างเปล่า ก่อนที่จะเอ่ยประโยคสั้น ๆ ออกมา
“กันต์ บางครั้งมันอาจจะสายเกินกว่าที่จะแก้แล้ว”
กลับไปที่กันต์ ณ บริเวณภายในมิติของเวรัค
“ที่มิติแห่งนี้มีมานาและความเป็นธรรมชาติสูง มีฤทธิ์มนการช่วยฟื้นฟูอัตราร่างกายที่ดี” เวรัคเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปในโดม
ชายหนุ่มค่อย ๆ วางร่างของนักบุญในมือลงกับพื้นหญ้าตามคำแนะนำของเวรัค
“เธอสูญเสียพลังในร่างกายไปมากแล้ว มันน่าแปลกเพราะว่าทำไมพวกเธอถึงไม่รู้สึกถึงอารมณ์ของกันและกันได้ ถ้าคนหนึ่งเจ็บพวกเธอก็น่าจะรู้สึกร่วมด้วย”
อาเรียเคยเล่าให้กับชายหนุ่มฟังว่านักบุญศักดิ์สิทธิ์ 3 คนจาก 3 อาณาจักรนั้เชื่อมต่อถึงกันได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกถึงสิ่งอยู่ และแน่นอนว่านั่นก็หมายถึงอารมณ์ความเจ็บปวดเช่นกัน
อัศวินดำที่เข้าร่วมวงสนทนากล่าวพร้อมกับยืนกอดอก “ก็เป็นอย่างที่ข้าบอก มันคงหนีไม่พ้นฝีมือเทพปีศาจแน่ ถึงสามารถกางอาณาเขตเพื่อตัดขาดการสื่อสารจากโลกภายนอกได้”
“ที่อัศวินดำพูดมันก็ถูก เวทที่เธอคนนี้เจอคงไม่ต่างอะไรกับเวทของเรอัสที่ตัดขาดการสื่อสารโลกภายในและนอกทิ้งทั้งหมด”
เวรัคเอ่ยพลางเหลือบมองไปยังร่างวิญญาณของเรอัสด้วยสายตาที่เฉียบคม
ทั้งเวลโดรและจอมมารลำดับที่ 1 เมื่อได้รับการยืนยันว่าข่าวที่อาณาจักรทางตอยกลางล่มสลายเป็นเรื่องจริงก็ถึงกับเครียดไปตาม ๆ กัน
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่กองทัพปีศาจจะกระทำการเดินทัพใหญ่เข้าโจมตีเมืองของพวกมนุษย์ โดยไร้ซึ่งจอมมารอย่างพวกตนเป็นคนนำทัพ
เมืองที่ขนาดพยายามโจมตีและใช้เล่ห์กลต่าง ๆ เพื่อทำลายมานานนับพันปี แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ยังเอาชนะไม่ได้
แต่นี่มันอะไรกัน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันกองทัพปีศาจก็เข้ารุดหน้าโจมตีเมืองพังราบเป็นหน้ากลองได้อย่างราบคาบ
ตัวกานต์เองที่ไปเห็นซากปรักหักพังของอาณาจักรมนุษย์กับตาก็อยากจะพูดเชิงกวนประสาทชายหนุ่ม แต่เธอก็รู้ตัวดีว่านี่มันไม่ใช่เวลาที่จะกระทำเช่นนั้น
การสูญเสียในครั้งนี้ทำให้อาเรีย เรติน่า และคล็อดถึงกับจิตตกไปจนไม่เป็นอันทำอะไร แต่เวรัค เครก อาร์เซน กันต์ นนท์ และอัศวินดำก็ไม่ได้เสียใจถึงขั้นนั้น
พวกเขาให้ความสนใจกับการมุ่งแก้ไขปัญหาและรับมือเรื่องราวต่อจากนี้เสียมากกว่า เพราะนั่งเสียใจไปก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องอะไรดีขึ้นมา
“ผมคิดว่าต้องไปดูทางฝั่งปีศาจ จะได้รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่” กันต์เสนอความคิดเห็น
เวรัคที่ได้ยินดังนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบกลับไป “รีบไปหน่อยก็ดี เผื่อยังมีเรื่องอะไรที่เราสามารถแก้ไขได้ทัน ฉันทำการปลดล็อคข้อจำกัดจากระบบไว้แล้ว มันน่าจะทำให้นายกลับไปเป็น…นั่นแหละได้อีกครั้ง”
หลังจากนั้นกันต์ก็ทำการเข้าสู่ระบบ ก่อนที่ร่างของเขาจะสลายหายไปเป็นแสงสีฟ้า
ร่างวิญญาณของเรอัสที่ยังล่องลอยไปมารีบถามเวรัคออกไปในขณะที่ยังมีจังหวะอยู่ทันที
“เรล์มกำลังไปที่ไหน ?”
ตลอดบทสนทนาที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ปริปากพูดอะไรซักคำเดียว เพราะเธอรู้ตัวดีว่ามันอาจจะไปรบกวนสมาธิของกันต์ในระหว่างที่กำลังปรึกษากับทุกคนอยู่
“ถ้าหมายถึงเรล์มคนที่เป็นหนุ่ม เขามีภารกิจที่ต้องไปทำ เอาเป็นว่ามันซับซ้อนจนฉันไม่อยากอธิบาย ส่วนเรล์มร่างแก่ก็กำลัง….อยู่ในมิติของเขา อยากไปหาเขาไหม ?”
มิติของเขาที่ว่านี้หมายถึงมิติที่ระบบเป็นคนสร้างให้ เพื่อเป็นที่กักขังจิตวิญญาณของเรล์มเอาไว้
ณ ปราสาทจอมมาร
อันที่จริงแล้วกันต์ไม่มีสิทธิที่จะเล่นเป็นตัวละครเวลโดรอีก แต่ดูเหมือนว่าเวรัคจะทำการปลดล็อคให้เขาจึงกลับมาเล่นได้อีกครั้ง
จอมมารลำดับที่ 3 เวลโดรลืมตาขึ้นตื่นจากการจำศีลมาอย่างยาวนาน
เวลโดรค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์และกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องโถงของตน
เมื่อไม่พบว่ามีใครอยู่ในห้องโถงเขาก็ทำการเดินเข้าไปยังบานหน้าต่างเพื่อมองลงไปด้านนอก
“ในระหว่างที่ข้ากำลังจำศีลแต่กลับไม่มีใครคอยอารักขาแม้แต่ตนเดียว พวกมันกำลังคิดอะไรอยู่”
เสียงจากจิตใต้สำนึกของเวลโดรกลับเข้ามายังภายในหัวของกันต์อีกครั้ง ซึ่งตัวชายหนุ่มเองก็ไม่ได้คิดที่จะตอบกลับเสียงนั้นไปเลยแม้แต่น้อย
เมื่อสายตาของชายหนุ่มมองลงไปยังนอกหน้าต่างก็ปรากฏให้เห็นเวรุส ผู้นำกองพันปีศาจลำดับที่ 10 พร้อมกับราชาก็อบลิน
เหล่ากองทัพอัศวินดำกว่าหลายร้อยนายก็ยังคงยืนอารักขาบริเวณหน้าทางเข้าเช่นเคย
หัวหน้ากองพันอัศวินดำกำลังยืนจ้องราชาก็อบลินด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เพราะร่างกายของราชาก็อบลินล้วนแต่ถูกแต่งแต้มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่มากมาย
ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนของราชาก็อบลินก็ดังออกมา “ท่านเวรุสได้โปรดปล่อยให้ข้าได้เข้าพบท่านราชันจอมมารเวลโดรด้วยเถิด”
“ท่านจอมมารกำลังจำศีลอยู่ หากมีเรื่องอะไรที่ต้องการรายงาน ข้าจะรับฟังแทนเอง”
“ก็แล้วแต่ท่านเถิด ตอนนี้อาณาจักรก็อบลินของข้า….." ราชาก็อบลินเริ่มเบือนหน้าหนีและส่ายหน้าไปมาเบา ๆ ราวกับว่าไม่อยากจะนึกถึงมันอีก
“เจ้ามีอะไรจะรายงานก็ว่ามา ข้าไม่ได้มีเวลาว่างทั้งวัน” เวรุสเริ่มทักท้วง
"อาณาจักรก็อบลินของข้า…ได้ล่มสลายไปแล้ว…..อีกไม่นานเป้าหมายต่อไปของพวกมนุษย์คงหนีไม่พ้นป้อมปราการทมิฬเป็นแน่ ข้าคือตนเดียวที่หนีรอดออกมาได้ จึงรีบตัดสินใจตรงมาที่นี่หมายจะรายงานข่าวนี้ให้กับท่านจอมมารได้ทราบ"
ราชาก็อบลินเอ่ยพลางก้มตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเวรุส ราวกับคนที่ไม่มีอะไรเหลือในชีวิตอีกแล้ว
เวรุสที่ได้ยินดังนั้นก็นิ่งค้างไปชั่วขณะก่อนที่จะมีอีกาทมิฬตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ไหล่ของเขา พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งในอุ้งมือของอีกา
ในจดหมายฉบับนั้นได้กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรก็อบลินที่เหลือเพียงแต่ซากปรักหักพังและศพที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
ดูเหมือนว่าหน่วยลาดตระเวนอัศวินดำของเวรุสจะเดินหมากช้าไปก้าวหนึ่ง มิเช่นนั้นเขาคงนำทัพเข้าไปช่วยได้ทัน แต่มันเป็นไปได้ยังไงที่อาณาจักรก็อบลินจะล่มสลายในเวลาอันสั้นเช่นนี้
ตอนแรกเวรุสก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่พอได้รับข่าวจากหน่วยลาดตระเวนของตนก็พูดไม่ออก
เสียงพูดตะโกนของราชาก็อบลินถึงกับทำให้กันต์และจิตใต้สำนึกของเวลโดรเครียดไปตาม ๆ กันแทบจะทันที
"ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าใครมันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้" จิตใต้สำนึกของเวลโดรเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
-------------------------------------
ช่วงนี้ไรท์ต้องเตรียมสอบมหาลัยนะครับ ถ้ามีวันไหนหายหรือไม่มาก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ 5555
ปล.ช่วงนี้จะเพลีย ๆ หน่อยนะครับ มีอะไรขาดตกบกพร่องก็บอกมาได้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#675 Chaos I (จากตอนที่ 234)วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 / 06:02เทพอีกแล้ว!?#6751
-
#675-1 SuruMaster(จากตอนที่ 234)13 กรกฎาคม 2563 / 12:08ช่วงนี้ก็จะวนๆอยู่แถวนั้นครับ555#675-1
-
-
#674 Fikusa (จากตอนที่ 234)วันที่ 11 กรกฎาคม 2563 / 16:14จัดฉากได้โหลยโท่ยมาก ฮ่าๆๆๆๆ#6741
-
#674-1 SuruMaster(จากตอนที่ 234)11 กรกฎาคม 2563 / 21:47555ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ#674-1
-
-
#673 Muramaza (จากตอนที่ 234)วันที่ 11 กรกฎาคม 2563 / 15:55ไม่ต้องเดา บรรดาเทพแหงๆ#6731
-
#673-1 SuruMaster(จากตอนที่ 234)11 กรกฎาคม 2563 / 21:47ลองเดาได้เลยครับ555#673-1
-