ตอนที่ 231 : ภาค 3-บท 31 ผนึกเทพนรก
“ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครที่สามารถสังหารข้าได้ ผนึกเหมันต์นิรันดร์เองเจ้าก็ใช้ไปแล้ว” อเมมอนกล่าวเยาะเย้ย
เวทจำพวกผนึกนั้นเมื่อสร้างขึ้นมาแล้วก็สามารถนำไปใช้ได้แค่ครั้งเดียว แต่ตัวเวรัคสามารถนำซากของมันมาใช้ใหม่ได้ โดยกระบวนการนั้นก็กินเวลาอยู่พอสมควร
ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะสามารถสร้างผนึกเหมันต์อันใหม่ขึ้นมาได้ในเวลาอันกระชั้นชิดเช่นนี้
แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานผนึกน้ำแข็งก็เริ่มก่อตัวที่แกนกลางร่างกายของมัน โดยมีคทาเบญจธาตุจ่อหลังมันอยู่
“ประเด็นนั้นฉันไม่เถียง” เวรัคตอบกลับด้วยสายตาที่เรียบเฉย
ทันใดนั้นเองร่างกายของอเมมอนก็เริ่มที่จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดังเช่นปกติ
ในขณะเดียวกันนั่นเองผนึกเหมันต์นิรันดร์ที่กำลังแช่แข็งร่างแยกของอเมมอนก็เริ่มก่อตัวจนสมบูรณ์และผนึกร่างแยกของอเมมอนเอาไว้ได้
แต่หลังจากนั้นไม่นานผนึกน้ำแข็งที่ทุกคนคิดว่ามันคือผนึกเหมันต์นิรันดร์ก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง
ใช่แล้วผนึกที่เวรัคเอาไปใช้ผนึกร่างแยกของอเมมอนนั้นเป็นผนึกของปลอมไม่ใช่ของจริงแต่อย่างใด มันเป็นเพียงแค่ของลอกเลียนแบบที่ถูกสร้างขึ้นมาเองเท่านั้น
แต่ถ้าจะถามว่าของจริงอยู่ที่ไหน ก็สามารถตอบได้เลยว่ามันอยู่ที่หัวใจของอเมมอนร่างจริงแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ร่างแยกของเวรัคที่ถูกเข็มพิษแทงเข้าจนปางตายนั้นไม่มีแม้นกระทั่งเลือดที่ไหลออกมาสักหยดเดียว จึงทำให้กันต์เดาออกว่านั่นคือร่างแยกของเธอ เขาจึงตัดสินใจหยุดเรอัสที่กำลังเข้าไปยุ่มย่าม
“เจ้ารู้ได้เช่นไร…ว่าข้า…วางแผนนี้ไว้ ?” อเมมอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ไม่มีความจำเป็นที่ต้องตอบคำถามของนาย” เวรัคตอบกลับพร้อมกับโบกคทาในมือ
ผนึกเหมันต์นิรันดร์ได้ทำงานของมันจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ร่างของเทพนรกถูกจองจำอยู่ในน้ำแข็งเฉกเช่นเดียวกันกับก่อนหน้านี้
แต่ทุกคนรู้ดีว่าปัจจัยหลักที่จะทำให้ผนึกนี้ทำงานอยู่ได้โดยไม่พังทลาย ก็ต้องได้รับการช่วยเหลือจากเจ้านรกเพื่อทำให้ลมพายุหิมะในภพแห่งนี้ยังหนาวเหน็บเช่นเดิม
กันต์ที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า และทรุดตัวนั่งลงไปกับพื้น
เรอัสที่ทนเจ็บและความทรมานมานานก็นั่งลงเอาหลังพิงเสาหินโบราณและวางพิณไว้บนตัก
เวรัคค่อย ๆ ย่างเท้าเข้าไปหาร่างแยกของตนเองและสลายมันด้วยเวทของเธอ นั่นจึงทำให้ร่างแยกถูกเปลี่ยนเป็นผุยผงสีดำก่อนที่จะลอยหายไปกับอากาศ
กันต์ที่จ้องมองเวรัคอย่างไม่ลดล่ะก็เริ่มระลึกความหลังบางอย่างขึ้นมาได้
ทำไมนักเวทคนนี้ถึงสามารถใช้เวทได้ในภพแห่งนี้ ? อีกทั้งทักษะร่างแยกตลอดทั้งเกมที่เขาเล่นมาก็ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าเขาเดาไม่ผิดเวทนี้เวรัคต้องไปเรียนมาหลังจากที่ปราบเวลโดรลงได้สำเร็จแล้วแน่
แต่ประเด็นหลักคือทำไมเธอถึงใช้เวทในภพแห่งความตายได้กัน สายตาที่งุนงงสงสัยของกันต์ยังคงจับจ้องไปยังหญิงสาว
เวรัคที่เห็นดังนั้นก็จ้องกลับก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “กันต์ นายยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกไม่ใช่รึไง ?"
“เรื่องอื่น ๆ ?" ชายหนุ่มถามกลับ
“คิดว่านายเป็นบุคคลตามคำทำนายเพื่ออะไรกันล่ะ หยุดสงครามไม่ใช่รึไง ?”
“เรื่องนั้นคงต้องใช้เวลาคิดให้รอบด้านและถี่ถ้วนกว่านี้”
เมื่อสิ้นเสียงของชายหนุ่มเวรัคก็เดินไปทางเทพสาวเรอัสที่กำลังพักเหนื่อยและฟื้นฟูบาดแผล
“เรอัส ฉันมีเรื่องจะขออย่างหนึ่ง”
“เจ้าใช้เวทในภพแห่งความตายได้เช่นไร ?” เรอัสกล่าวถามโดยไม่สนคำพูดของเวรัค ด้วยสายตาคล้ายกับผู้ล่าที่จ้องมองเหยื่อ
นักเวทสาวที่ได้ยินดังนั้นก็รู้ทันทีว่าเทพตรงหน้าคนนี้ยังไม่เปิดใจและเชื่อใจเธอมากนัก
“ศาสตร์มืด” เวรัคตอบกลับสั้น ๆ ก่อนที่จะโบกคทาเพื่อเปิดประตูมิติสีฟ้าบานหนึ่งขึ้นที่ด้านหลังของเธอ
“ศึกษาเวทศาสตร์มืดมาจริง ๆ สิน่ะ” กันต์พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มจำได้อย่างชัดเจนเลยว่าเหตุผลที่ทำให้เวรัคนั้นถูกลืมเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์คือเรื่องที่เธอแอบศึกษาศาสตร์มืดและถูกจับได้
“ถึงศาสตร์มืดมันจะดูชั่วร้าย แต่ถ้ามันมาอยู่ในมือฉันก็อีกเรื่องหนึ่ง”
เมื่อตอบคำถามของกันต์สำเร็จ เวรัคก็หันกลับไปมองยังเทพสาวอีกครั้ง
“เอาล่ะ ท่านเทพผู้ปกครองนรกผู้ยิ่งใหญ่ได้โปรดรับคำเชิญเข้าร่วมงานประชุมของข้าด้วย” เวรัคกล่าวและโค้งตัวลงคำนับคล้ายกับจะประชด
เรอัสที่นั่งซึมอยู่ข้างเสาหินเริ่มเบือนหน้าหนีและตอบกลับไป “ข้าไม่สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ถ้าข้าก้าวเท้าออกจากภพแห่งนี้เมื่อไหร่ข้าจะตายทันที พลังของฮาเดสในร่างกายข้าจะระเบิดออก”
เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้วเรอัสได้ตอบรับเงื่อนไขของฮาเดสว่า เธอจะไม่ออกไปจากที่นี่เด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามที และเมื่อเธอทำผิดข้อตกลงมันก็ย่อมที่จะมีบทลงโทษเป็นธรรมดา
“ไม่ต้องกังวลไปท่านเจ้านรก สิ่งที่จะเข้าไปในงานประชุมของข้าก็มีเพียงวิญญาณเท่านั้น ถ้าหากมีสิ่งใดเข้าใกล้ร่างจริงของท่านในระยะ 100 เมตรเมื่อใด จิตของท่านจะรับรู้และกลับร่างเดิมทันที”
เมื่อสิ้นเสียงของเวรัคเธอก็เดินเข้าไปในประตูมิติสีฟ้าและหายไป
กันต์ที่กุมดาบระดับเทพเจ้าในมือก็เริ่มจ้องมองไปทางเรอัสและนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“ยังเชื่อว่าข้าคือเรล์มอยู่อีกเช่นนั้นหรือ" ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีขาวโพลน
“ข้าไม่เคยมองคนผิด ท่านต่างหากที่ไม่ยอมรับความจริง" หญิงสาวตอบกลับและนั่งกอดเข่าด้วยสีหน้าที่เศร้าโศก
ทันใดนั้นเองลมพายุหิมะก็เริ่มที่จะโหมเบาลงและให้ความรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น
สายตาของกันต์รีบจ้องกลับไปยังผนึกของอเมมอนในทันที ซึ่งเขาก็พบว่ามันใกล้ที่จะละลายลงอย่างช้า ๆ
ในขณะเดียวกันนั่นเองเรอัสที่ได้สติกลับคืนมาก็เริ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ ซึ่งนั่นจึงทำให้ลมพายุหิมะเริ่มกลับมาหนาวเหน็บเช่นเดิม
“เฮ้อ” ทั้งคู่ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
ทันใดนั้นเองเสียงของเวรัคก็ดังขึ้นมาจากประตูมิติ พร้อมกับมือน้ำแข็งที่คว้าไปที่ข้อมือของทั้งสองคน “มัวรออะไรกันอยู่เล่า มันเสียเวลา”
กันต์ที่โดนรั้งตัวเข้าไปก็ไม่คิดจะขัดขืน และยื่นมือไปทางเทพสาวเรอัส “ท่านอาจารย์เรล์มกำลังรอท่านอยู่”
เทพสาวที่ได้ยินดังนั้นก็หลับตาลงและเริ่มทำการแยกจิตวิญญาณออกจากร่างกาย
ผงสีทองได้ฟุ้งกระจายออกมาและประกอบเข้ากันกลายเป็นรูปร่างคล้ายกับเรอัส ซึ่งนั่นก็คือวิญญาณของเธอนั่นเอง พวกเหล่าเทพมักจะสามารถแยกวิญญาณออกจากร่างต้นได้เสมอ
การกระทำแบบนี้ถือได้ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก แต่พอมีเวรัคเป็นคนรับประกันให้เธอก็โอเค
มือน้ำแข็งเริ่มทำการดึงร่างของกันต์เข้าไปในประตูมิติอย่างรวดเร็ว พร้อมกับวิญญาณของเรอัสที่ลอยเข้าไปในประตูมิติเช่นกัน
เมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ปรากฏให้เห็นท้องฟ้าสีครามและทุ่งหญ้าสีเขียวอันน่าคุ้นเคย
“นี่มันมิติของเวรัค” กันต์เอ่ยสั้น ๆ ก่อนที่จะหันมองไปรอบ ๆ
ภายในโดมสีขาวฟ้านั้นแสดงให้เห็นร่างของใครหลายคนที่คุ้นเคยและน่าคิดถึง
“ยินดีต้อนรับสู่งานรวมญาติ” นั่นคือสิ่งแรกที่ผุดเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#665 Fikusa (จากตอนที่ 231)วันที่ 7 กรกฎาคม 2563 / 23:31นนท์จะมาหรือไม่นะ#6651
-
#665-1 SuruMaster(จากตอนที่ 231)8 กรกฎาคม 2563 / 21:58ไม่แน่ครับ เพราะงานประชุมยังไม่จบ 555#665-1
-