ตอนที่ 225 : ภาค 3-บท 25 ปะทะเทพแห่งความมืดอีกครั้ง
กลับมาที่ปัจจุบัน
กันต์ในชุดคลุมสีดำที่เริ่มสูญเสียการควบคุมร่างกายของตนเอง ค่อย ๆ หันหลังกลับไปมองที่ลูซิเฟอร์ด้วยท่าทางทุลักทุเล
เทพสาวเรอัสที่มองสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ก็เริ่มทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ลูซิเฟอร์ เจ้าเข้ามาภายในอาณาเขตของข้าได้เช่นไร ?” เรอัสเอ่ยถาม
“เงียบไปก่อนเถอะเรอัส การที่เจ้ายังอยู่ที่นี่มันมีแต่จะทำให้เรื่องมันแย่ขึ้น ทางที่ดีก็จงรีบไสหัวไป” ลูซิเฟอร์กล่าวตอบพร้อมกับกระชับเคียวในมือให้เข้าที่
สายตาอันคมกริบและดุดันของเทพแห่งความมืดกำลังจับจ้องไปยังอัญมณีปริศนาในกำมือของชายหนุ่ม
เรอัสที่ได้ยินดังนั้นก็เถียงไม่ออก เพราะว่าอัญมณีในฝ่ามือของกันต์ตอนนี้มีความสามารถในการชิงพลังของฮาเดสในร่างกายของเธอได้
หากพลาดท่าเมื่อไหร่ก็จะทำให้เศษเสี้ยวความทรงจำที่แฝงตัวในอัญมณีก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นจนน่าหวาดกลัว และยากที่จะจัดการลง
ในชั่วพริบตาถัดมานั่นเองลูซิเฟอร์ก็พุ่งตัวเข้าปะทะกับกันต์อย่างรวดเร็ว
เคียวสีดำทมิฬในมือเข้ากวัดแกว่งและจู่โจมอย่างต่อเนื่องและดุดัน
ในทางกลับกัน เดสเพียร์สามารถดึงตัวหลบการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว ถึงแม้ว่าเศษเสี้ยวความทรงจำของฮาเดสจะควบคุมได้แค่ร่างกายซีกขวาของกันต์ก็ตาม
“แก่นแท้ตะวันคงบังเอิญไปปลุกเศษเสี้ยวความทรงจำในอัญมณีแห่งความตายขึ้นมา ข้ากล่าวถูกไหม ?”
ลูซิเฟอร์เอ่ยพลางตวัดเคียวเข้าโจมตีอีกครั้ง ซึ่งกันต์ก็สามารถยกแขนขวาขึ้นคว้าไปที่ด้ามจับเคียวได้อย่างทันท่วงที
“รู้ได้ยังไง ?” กันต์ถามกลับ
“ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า แต่ข้าพูดกับไอ้ตัวข้างในนั้นต่างหาก” เทพแห่งความมืดเอ่ยพร้อมกับยกเท้าขึ้นเตะเข้ากลางลำตัวอย่างเต็มแรง
อัญมณีสามารถสร้างม่านพลังขึ้นป้องกันการจู่โจมได้ทันเวลาจึงไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ
ในขณะเดียวกันนั่นเองอัญมณีสีส้มม่วงก็เปล่งเสียงตอบกลับไป “เจ้ากล่าวถูกแล้วลูซิเฟอร์ แล้วดูเหมือนเจ้าเองจะคาดเดาความต้องการของข้า ฮาเดสผู้นี้ได้”
“แกไม่มีสิทธิมาเรียกตัวเองว่าเป็นฮาเดส เพราะแกมันก็แค่เศษเสี้ยวความทรงจำและเป็นส่วนหนึ่งพลังของฮาเดสในอดีตเท่านั้น”
หากให้ย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อนฮาเดสนับได้ว่าเป็นเทพที่มีความวู่วาม ใจร้อน โลภมาก ซึ่งแตกต่างกับตัวตนที่เรอัสเคยได้เจอเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงเวลานั้นฮาเดสได้เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว
ลูซิเฟอร์อยู่ในขั้นเทพต้นกำเนิดระดับที่ 70 ซึ่งเหนือกว่ากันต์ที่มีอัญมณีสีส้มม่วงไปถึง 10 ระดับด้วยกัน
แต่เทพแห่งความมืดตนนี้เสียเปรียบกันต์ในเรื่องที่ไม่สามารถใช้เวทได้แม้แต่บทเดียว แตกต่างกันกับกันต์ที่ใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
หากเทียบเรื่องประสบการณ์ต่อสู้ แน่นอนว่าไม่มีใครตอบได้เพราะยังไม่เคยมีใครรู้ว่าเทพฮาเดสมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนแค่ไหน
นั่นจึงทำให้การต่อสู้ในปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเสมอกันอย่างน่าแปลใจ
ร่างกายซีกขวาของกันต์ระดมยิงเวทบทต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วนใส่ลูซิเฟอร์ แต่ทว่าการโจมตีระยะไกลนั้นไม่อาจทำอะไรเขาได้ เพราะเทพแห่งความมืดมีทักษะประจำสายเลือดในการเดินทางข้ามมิติไปที่ใดก็ได้ที่มีเงามืดหรือความมืดอยู่
และแล้วความอดทนของเศษเสี้ยวความทรงจำฮาเดสก็ได้หมดลง
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงคำว่าเจ้านรกเอง” อัญมณีเปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวและเริ่มร่ายเวทอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นเองร่างกายของกันต์ก็เริ่มถูกห่อหุ้มไปด้วยละอองมานาสีดำเทาอย่างรวดเร็วและมากมายมหาศาล
ลูซิเฟอร์เริ่มที่จะเงยหน้าขึ้นมองไปยังเป้าหมายของตนด้วยสีหน้าท่าทางที่เจ็บใจปนสนุก
ละอองมานาสีเทาทั้งหมดได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นชุดเกราะสีดำเทาขนาดยักษ์ที่มีความสูงถึง 3 เมตร พร้อมกับมีแขนงอกออกมาเพิ่มมากถึง 6 แขนด้วยกัน
ซึ่งในแขนแต่ล่ะข้างก็เต็มไปด้วยอาวุธมากมายหลากชนิด โดยทั้งหมดนั่นถูกสร้างจากสิ่งที่เรียกว่ามานาล้วน ๆ
นี่คือวิธีการใช้มานาที่เหนือกว่าการสร้างเป็นอาวุธ มันคือการใช้มานาสร้างเกราะที่มีชีวิตขึ้นมานั่นเอง
ตามปกติแล้วการกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการใช้มานาเกือบทั้งร่างกายที่มีอยู่ แต่ในกรณีของฮาเดสนั้นไม่ใช่ เพราะภายในภพแห่งความตายนี้ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยละอองมานามากมายมหาศาล
เมื่อการโจมตีได้เริ่มต้นขึ้นแขนทั้ง 6 ข้างที่ถูกสร้างจากมานาก็เริ่มเข้าจู่โจมอย่างพร้อมเพรียงกัน
ลูซิเฟอร์จึงจำใจต้องเปลี่ยนจากฝ่ายโจมตีมาเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างไม่เต็มใจ
ในทุก ๆ การโจมตีของเกราะมีชีวิตล้วนแต่สร้างรอยแตกแขนงไปทั่วพื้นดินอย่างรุนแรง
หากลูซิเฟอร์ถูกโจมตีไปแค่ครั้งเดียว คงยากที่จะกลับมาลุกขึ้นสู้ต่อได้
กันต์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้นั้นก็รู้ในทันทีว่าจุดจบของการปะทะจะเป็นเช่นไร
เศษเสี้ยวความทรงจำของฮาเดสเก่งในเรื่องการใช้เวทและมานา แถมในตอนนี้ก็ยังแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนอีก แต่ทว่าลูซิเฟอร์นั้นยังมีไพ่ตายใบสุดท้ายก็คือการเปลี่ยนร่าง
หากยังจำกันได้ในการต่อสู้ครั้งล่าสุดระหว่างเขาและลูซิเฟอร์นั้น เทพแห่งความมืดตนนี้เคยเปลี่ยนเป็นร่างให้กลายเป็นสิ่งที่สมควรเรียกว่าเทพอย่างแท้จริง
ซึ่งมันก็คือร่างที่มือและแขนกลายเป็นน้ำหมึกสีดำ พร้อมกับปานสีทมิฬที่ปรากฏขึ้นมาทั่วร่างกาย และปานเหล่านั้นเองก็มีความสามารถในการดูดกลืนมานาได้อีกด้วย หากร่างนั้นของลูซิเฟอร์สามารถดูดกลืนมานาจากภพแห่งความตายได้ล่ะก็ ชัยชนะก็อยู่แค่เอื้อม
ดังนั้นแล้วอีกปัญหาหนึ่งที่เหลืออยู่ก็คือการมาของลูซิเฟอร์ในครั้งนี้เขามาเพื่ออะไรกันแน่ เขาต้องการอะไรจากการต่อสู้นี้ แล้วประโยชน์ที่จะได้คืออะไรกัน ?
ในระหว่างที่เทพแห่งความมืดกำลังปาดเคียวเข้าสวนกลับแขนข้างหนึ่งที่แทงหอกสีดำตรงเข้ามานั่นเอง
ร่างกายของลูซิเฟอร์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ที่แขนและขาของเขาเริ่มแปรสภาพกลายเป็นน้ำหมึกสีดำ และตามร่างกายก็เริ่มปรากฏให้เห็นปานสีทมิฬ
หอกสีดำเทาที่พุ่งตรงเข้ามานั้นเมื่อได้สัมผัสกับปานของเทพแห่งความมืด มันก็เริ่มถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เกราะมีชีวิตที่ไหวตัวทันก็รีบชักหอกกลับ จึงเกิดให้เห็นภาพของหอกมานาที่ตรงส่วนหัวหอกได้หายไปแล้ว
ลูซิเฟอร์ไม่ยอมเสียโอกาสดี ๆ นี้ไป เขาจึงรีบกางปีกสีดำทมิฬออกมาและบินตรงพุ่งเข้าใส่ร่างของกันต์ ที่เปรียบเสมือนแกนกลางของเกราะมีชีวิตนี้
หากสังหารกันต์หรือทำลายอัญมณีส้มม่วงชิ้นนั้นลงได้ก็จะเท่ากับว่า เป็นการหยุดเศษเสี้ยวความทรงจำของฮาเดสไปโดยปริยาย
ลูซิเฟอร์รู้ดีว่าตนไม่อาจปล่อยให้ฮาเดสที่มีแค่เศษเสี้ยวตนนี้ยึดครองนรกภูมิคืนได้ เพราะมันจะสร้างให้เกิดปัญหาที่บานปลายไปยิ่งกว่าเก่าอีกหลายเท่าตัว
แขนทั้ง 6 ข้างต่างพากันจู่โจมเข้าไปเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของลูซิเฟอร์ แต่นั่นก็ไม่เป็นผลเพราะไม่มีเวทบทใดที่สามารถทำอันตรายให้แก่เขาได้อีกต่อไป
เมื่อเทพแห่งความมืดสามารถบินเข้าประชิดร่างของกันต์ที่เป็นเกราะมีชีวิตได้สำเร็จ มือทั้ง 6 ข้างก็โยนอาวุธทิ้งและพากันคว้าจับไปที่ตัวของลูซิเฟอร์แทน
ซึ่งในขณะเดียวกันร่างกายของกันต์ก็อยู่ในระยะโจมตีเคียวทมิฬเล่มนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพียงแค่กวาดเคียวเข้าปาดคอกันต์หรือตัดแขนขวาเขาทิ้งเรื่องนี้ก็จะจบลง
หากปาดคอคือฆ่ากันต์ทิ้ง หากตัดแขนคือหยุดการเข้าควบคุมร่างของเศษเสี้ยวความทรงจำของฮาเดส ไม่ว่าจะเลือกทางไหนผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันมากนัก
“เจ้าประมาทข้าเกินไปเศษเสี้ยวของฮาเดส” ลูซิเฟอร์เอ่ยพลางกวาดเคียวสีทมิฬเข้าหมายจะตัดแขนขวาของกันต์
“เจ้าต่างหากไม่ใช่ข้า ลูซิเฟอร์” เสียงจากอัญมณีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและภูมิใจในชัยชนะ
ทันใดนั้นเองแขนทั้ง 6 ข้างที่กำลังถูกร่างกายของลูซิเฟอร์ดูดกลืนเข้าไปนั้นก็เริ่มขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึงมานาที่ถูกส่งเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
“ร่างกายของเจ้าไม่น่าจะรับมานาจากนรกภูมิทั้งหมดได้ ข้ากล่าวถูกไหม ?” เสียงจากอัญมณีดังขึ้นอีกครั้งด้วยคำถามคล้าย ๆ กันกับที่ลูซิเฟอร์เคยถามเมื่อพบกันครั้งแรก
เทพแห่งความมืดที่ได้ยินดังนั้นร่างกายของเขาก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ ปลายคมเคียวทำได้เพียงสัมผัสกับกายเนื้อของกันต์แบบเบา ๆ เท่านั้น ซึ่งนั่นก็ยังไม่มากพอจะตัดแขนขวาของชายหนุ่มได้
ลูซิเฟอร์ไม่ได้ประมาทเกินไป แต่เขาไม่เคยรู้ต่างหากว่าการดูดกลืนมานาด้วยร่างกายนี้ของตน มันมีขีดจำกัด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อีกคนก็นั่งหงอยๆมองพ่อตีกะร่างของอดีตผั-...สามีตัวเอง ชีวิตดีจริงจริ๊ว