ตอนที่ 220 : ภาค 3-บท 20 จอมมารลำดับที่ 1
กันต์ในชุดคลุมสีดำตอนนี้เริ่มที่จะกำลังดำดิ่งอยู่กับความรู้สึกวิตกกังวล คิดมาก และเครียด
ทำไมทุกอย่างที่ผมทำลงไป ทุกอย่างที่ผมได้เจอมันถึงถูกกำหนดไว้แล้วทั้งหมดกัน นี่มันบ้าชัด ๆ
สิ่งที่อยู่ในหัวของผมตอนนี้ก็คือละเลงเลือดของตัวเองลงไปบนอัญมณีแห่งความตายตามที่เสียงกระซิบได้บอกไว้ เพราะมันอาจจะเป็นหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียวจากการล่าสังหารของจอมมารลำดับที่ 1 ผู้กระหายสงคราม
แต่ถ้าผมทำตามที่เธอบอกสุดท้ายคงหนีไม่พ้นการเดินเกมตามที่พวกมันทั้งหมดได้วางไว้อีกอยู่ดี ผมต้องทำอะไรที่แตกต่าง
ในขณะเดียวกันนั่นเองกำมือที่เริ่มละลายจากเปลวไฟของแก่นแท้ตะวันก็เริ่มมอดไหม้กำมือของจอมมารลำดับที่ 1 เนื่องจากมันสามารถดึงแก่นแท้ตะวันที่อุดปากออกมาได้สำเร็จแล้ว
มันไม่รอช้ารีบโยนแก่นแท้ตะวันทิ้งลงไปกับพื้น และหันหน้ามามองทางเดสเพียร์พร้อมกับยื่นมือออกไปหมายจะคว้าอัญมณีแห่งความตาย
แต่ทันใดนั้นเองกันต์ก็ใช้เท้าของตัวเองช้อนแก่นแท้ตะวันที่ตกอยู่ไม่ไกลให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศ และใช้มืออีกข้างหนึ่งคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว
"อยากรู้เหมือนกันว่า เรื่องนี้จะอยู่ในการคำนวณของพวกแกไหม"
เดสเพียร์ไม่รอช้าใช้มือทั้ง 2 ข้างเข้าประกบแก่นแท้ตะวันและอัญมณีแห่งความตายเข้าด้วยกันแทบจะทันที
เปลวเพลิงอันร้อนแรงเริ่มแผดเผาอัญมณีแห่งความตายอย่าง ๆ ช้า และทำให้พวกมันหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
จอมมารลำดับที่ 1 ผู้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็นิ่งค้างราวกับสติได้หลุดลอยหายไป
คล็อดเองที่กำลังนั่นกุมบาดแผลอยู่ห่าง ๆ ก็ได้แต่ทำสีหน้าตกตะลึงอย่างกับเห็นผี
[คำเตือน คำเตือน]
[แก่นแท้ตะวันและอัญมณีแห่งความตายกำลังถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์]
[อันตราย อันตราย]
เปลวไฟสีแดงที่กำลังลุกโชนนั้นมันจะแผดเผาทุกอย่างที่ได้สัมผัสมัน เว้นเพียงแค่วัตถุชนิดพิเศษหรือผู้ที่ถูกมันยอมรับเท่านั้นที่จะไม่ถูกไฟเผา
ซึ่งอัญมณีแห่งความตายเองก็ไม่ใช่หนึ่งในนั้น
ไม่กี่วินาทีต่อมาอัญมณีแห่งความตายและแก่นแท้ตะวันก็ได้หลอมรวมเข้ากันเป็นหนึ่งโดยสมบูรณ์
[คุณได้รับ ????????]
[ความสามารถ ????????????]
สิ่งที่อยู่บนฝ่ามือของเดสเพียร์ในตอนนี้ก็คืออัญมณีทรงรีสีม่วงปนแดงส้ม โดยแสงสีม่วงที่เร้นกายอยู่ภายในอัญมณีนั้นกำลังเคลื่อนที่ไปมาบริเวณรอบ ๆ ราวกับมีชีวิต
ทันใดนั้นเองแสงสีม่วงก็เริ่มเคลื่อนตัวผ่านอัญมณีลงไปยังฝ่ามือและแขนของกันต์อย่างรวดเร็ว
แสงสีม่วงเหล่านั้นเริ่มการกัดกินแขนและรัดไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกับสั่นไหวราวกับมันกำลังดูดอะไรบางอย่างจากร่างเขาไป
เดสเพียร์ที่ถูกไอเทมเกิดใหม่ปริศนาเข้าจู่โจมก็ถึงกับร้องออกมาด้วยความทรมานอย่างถึงที่สุด
ชายหนุ่ทรุดตัวลงไปกับพื้นและพยายามปล่อยอัญมณีสีม่วงแดงนี้ให้หล่นออกจากกำมือ แต่ทว่ามันก็ไม่สำเร็จเจ้าสิ่งนี้มันได้ผูกติดกับร่างของเขาเข้าไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
[?????? ได้ตอบรับต่อสายเลือดจอมมารและสายเลือดเทพภายในร่างกายของคุณแล้ว]
[?????? ได้ยอมรับคุณเป็นเจ้าของ]
ในเสี้ยววินาทีถัดมาแสงสีม่วงก็ได้จางหายไปพร้อมกับแสงสีม่วงแดงอ่อน ๆ ที่เปล่งออกมาจากตัวของอัญมณี
เดสเพียร์เอามือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ของตนเองกุมไปที่ขมับด้วยความเจ็บปวด
ในตอนนี้มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บทางร่างกายแล้วก็จริง แต่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู็สึกปวดหัวเหมือนกับจะระเบิดออกมาแทน
คล็อดที่ร่างกายเริ่มฟื้นฟูได้สำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนจากตอไม้และเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม
ผู้กล้าคล็อดที่เห็นเดสเพียร์ทรมานเจียนตายก็ยื่นมือเข้าไปหมายจะวางไว้บนไหล่ก็ถึงกับต้องรีบชักมือกลับ
ออร่าที่กำลังปรากฏรอบกายของเดสเพียร์ในขณะนี้มันไม่ใช่สิ่งของธรรมดาที่เขาจะแตะต้องได้
"สายเลือดมังกรทองของข้ากำลังหวาดกลัวสิ่งใดกัน"
คล็อดยกฝ่ามือขวาของตนเองที่เข้าใกล้ร่างของกันต์ไปเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมาดู
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่ามือที่รบและฆ่า สังหารสิ่งมีชีวิตมานับแสนของตนนั้นกำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวจากจิตใต้สำนึก
เดสเพียร์หอบหายใจด้วยความเจ็บปวดและทรมานก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเลื่อนมือออกมาจากบริเวณหัวของตัวเอง
ตาขวาของเขาที่ปกติแล้วจะเห็นภาพได้อย่างชัดเจนตอนนี้กลับกลายเป็นภาพที่ดูเบลอและมองอะไรไม่ชัด
แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ตาของเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือละอองสีดำที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นบนฟ้าหรือพื้นดิน
ชายหนุ่มรีบกวาดมือเข้าไปสัมผัสกับละอองสีดำเหล่านั้นด้วยความสงสัยเต็มหัวใจ
เมื่อมือของเขาได้สัมผัสกับพวกมันแล้ว ละอองสีดำก็ถูกดูดเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็วเหมือนกับตัวของเขาเป็นแม่เหล็กไม่มีผิด
"มันคืออะไรกัน" เดสเพียร์เอ่ยถามตัวเองพร้อมกับหันหลังกลับไปมองที่คล็อด
กันต์รีบถอดผ้าคลุมบริเวณส่วนหัวของตนออกและกวาดตามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง เผื่อว่าผ้าคลุมของเรล์มจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ที่จริงแล้วมันก็ไม่เกี่ยวกันเลย
ดวงตาข้างขวาของเดสเพียร์ในตอนนี้กลับกลายเป็นสีดำเทาและพร่ามัวอย่างเห็นได้ชัด
คล็อดที่ได้จ้องมองเข้าไปในแววตาของชายหนุ่มไปไม่กี่วินาทีก็ถึงกับเอามือทั้ง 2 ข้าง กุมไปที่ศีรษะด้วยสีหน้าเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน
"มันคือความตาย" เสียงของจอมมารลำดับที่ 1 ได้ดังออกมาเบา ๆ
ร่างกายของอดีตจอมมารผู้ยิ่งใหญ่กลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับสีหน้าท่าทางและแววตาที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
"หมายความว่ายังไง ?" กันต์รีบถามกลับไปในทันที
"ในครั้งอดีตเมื่อนานมาแล้วข้าเคยถูกครอบงำจิตใจด้วยอัญมณีแห่งความตาย และถูกใช้งานราวกับเป็นหุ่นเชิดแต่เมื่ออัญมณีชิ้นนั้นถูกทำลายลง มนต์สะกดของมันก็พลอยเลือนหายไปด้วย ต้องขอบคุณเจ้าที่ทำให้ข้าได้สติกลับคืนมา"
"ส่วนละอองสีดำเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนละอองมานา เพียงแต่มันคือแหล่งมานาที่เกิดมาจากภพแห่งความตายเท่านั้น หลังจากนี้เจ้าจะสามารถใช้เวทในภพแห่งนี้ได้"
จอมมารร่างใหญ่เอามือกุมไปที่หน้าอกด้วยสีหน้าเจ็บปวดและอมทุกข์ก่อนที่จะกล่าวต่อ
"เวลาของข้ามันใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว ฮาเดสคงไม่ปล่อยให้ข้าได้ปริปากความลับอะไรไปมากกว่านี้แน่ เจ้าจงจำคำพูดของข้าไว้ให้ดี เทพฮาเดสผู้ปกครองภพแห่งความตายนั้นมิอาจไว้ใจได้ มันคือผู้ที่สร้างอัญมณีแห่งความตายขึ้นมาและหลอกลวงใช้ข้าให้เริ่มต้นการเปิดสงคราม"
"ส่วนดวงตาขวาของเจ้าก็จงปิดมันไว้อย่าให้ใครได้จ้องมองมันเป็นอันขาด เพราะผู้ที่ได้จ้องมองมันไปแล้วจะพบเห็นความตายของตนเอง วนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
กันต์ที่ได้ยินดังนั้นก็ก้มลงมองอัญมณีชิ้นใหม่ในมือของตนเองด้วยความเคร่งเครียด ก่อนที่จะพูดตอบกลับไป
"แต่ว่าเจ้านี่ได้ถูกหลอมรวมกับแก่นแท้ตะวันไปแล้ว มันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม"
"ที่เจ้ากล่าวมาก็มิผิด การทดลองและเรียนรู้เป็นเรื่องธรรม----"
ไม่ทันที่ท่านจอมารจะได้เอ่ยจบเสียงของเขาก็ดับหายไปอย่างกะทันหัน
คมเคียวสีดำทมิฬของอสูรกายนามยมทูตผู้มีใบหน้าเป็นโครงกระดูก พร้อมกับชุดคลุมสีดำเทาได้ลอยลงมาจากฟากฟ้า
ในชั่วพริบตาถัดมาเคียวอีกหลายเล่นก็หมุนควงและเจาะตรงเข้าไปที่ร่างของจอมมารอย่างแม่นยำ
ร่างอันยักษ์ใหญ่เริ่มทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับแววตาที่เริ่มมืดบอดลง คล้ายกับถูกดึงวิญญาณไป
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยร่างของยมทูตอีกหลายตนที่ปรากฏกายออกมาจากม่านหมอก
"ท่านเทพต้องการเชิญตัวพวกท่านไปยังที่พำนัก"
ยมทูตตนหนึ่งเอ่ยสั้น ๆ ก่อนที่จะโค้งตัวลงคำนับให้แก่กันต์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะรับมือไหวไหมนั้น