ตอนที่ 207 : ภาค 3-บท 7 ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ณ บริเวณปากทางเข้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
กองทัพเอลฟ์กระจายกำลังเป็นรูปครึ่งวงกลมขนาดไม่กว้างมากนัก เพื่อต้านทัพของนักรบเงาไม่ให้เข้าไปภายในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้
หากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายลงไป นั่นก็เท่ากับว่าป่าที่เต็มไปด้วยมานาอันสะอาดบริสุทธิ์แห่งนี้ก็จะล่มสลายลง ลูกหลานที่เกิดมาในอนาคตก็จะอ่อนแอตามไปด้วย
แต่ราชินีเอลฟ์เองก็สำคัญไม่แพ้กัน ผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นราชินีนั้นจะมีหน้าที่ในการบำรุงดูแลรักษาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ในทุก ๆ 100 ปี ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะเลือกหนึ่งในเผ่าเอลฟ์ขึ้นมาเป็นราชินีเอลฟ์ เพื่อให้มาทำหน้าที่ดูแลรักษานี้
หากขาดราชินีเอลฟ์ไปต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้คงมีชะตากรรมต้องล่มสลายไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ปีศาจโครงกระดูกร่างยักษ์ผู้มีนามว่าคาอัสกำลังกวาดดาบเหล็กขึ้นสนิมในมือเพื่อตัดและผ่าเถาวัลย์ต่าง ๆ ที่เข้ามาขวางทาง
บริเวณปากหน้าทางเข้าโพรงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยทหารเอลฟ์มากมายที่กำลังพยายามร่ายเวท เพื่อสร้างเถาวัลย์และพืชชนิดต่าง ๆ เข้ามาปกคลุมและปิดกั้นทางเข้าไว้
เหล่านักรบเงาที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของคาอัสก็พยายามช่วยกันฝ่าด่านป้องกันนี้ไปเพื่อสังหารราชินีเอลฟ์ ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน
นักรบเงาแต่ละคนมีเลเวลขั้นต่ำก็ 70 แล้ว สูงสุดก็ 90 แต่ที่ประมาทไม่ได้ก็คือคาอัสผู้เป็นหัวหน้ากองทัพ
พวกทหารเอลฟ์เองแค่ต้านกองทัพเงาได้นี่ก็ถือว่าเต็มกลืนแล้ว พวกเขาไม่มีความสามารถทางการต่อสู้มากพอที่จะต่อกรกับพวกมันได้
"ข้าจะไม่หนีเด็ดขาด" ราชินีเอลฟ์กระกาศกร้าวในขณะที่ตนกำลังง้างคันศร
"แต่ว่าท่านราชินี พวกเราต้านมันไว้ได้อีกไม่นานมากนัก พวกมันไม่มีชีวิตอีกทั้งยังตายยาก เผ่าพันธุ์ของเราแพ้ทางสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้ที่สุด"
เหล่าผู้เฒ่าที่มีตำแหน่งอาวุโสในเผ่าเอลฟ์ต่างพากันขอร้องให้ราชินีหนีไปจากอาณาจักรแห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ต่อให้ข้าหนีไปก็ไม่มีที่ไหนจะอยู่ ข้าขอสู้จนตัวตายยังจะดีกว่า" ราชินีเอลฟ์ปล่อยสายคันศรในมือออกไปพร้อมกับง้างใหม่เพื่อโจมตีอีกครั้ง
เธอกำลังคอยช่วยเหล่าทหารจัดการนักรบเงาที่หลุดพ้นการป้องกันเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเธอเองก็ไม่ได้อ่อนแอ
"พูดแบบนั้นข้าก็ลำบากแย่สิท่านราชินี"
เสียงของอาร์เซนได้ดังขึ้นพร้อมกับร่างที่กระโดดลงมาจากยอดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และยืนขึ้นตรงหน้าของราชินีเอลฟ์
"เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ?"
"ต้นไม้ศักดิสิทธิ์เป็นคนเปิดทางให้ข้าเข้ามาเอง" อาร์เซนตอบกลับไปในทันที
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอาร์เซนส่งผลให้เหล่าทหาร องครักษ์ และผู้อาวุโสในเผ่าถึงกับอึ้งและตะลึงไปพร้อม ๆ กัน
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นเมื่อเริ่มถูกโจมตีก็จะเข้าสู่โหมดป้องกันตัวเองโดยการปิดทางเข้าทั้งหมดเพื่อไม่ให้มีใครเข้ามาในลำต้นได้
แต่ตอนนี้ที่เปิดไว้ก็มีเพียงแค่โพรงทางเข้าด้านหน้าเท่านั้น นั่นแสดงว่าสิ่งที่อาร์เซนกล่าวมานั้นถูกต้องไม่มีผิด
ในขณะเดียวกันนั่นเองก็มีชายชราเผ่าเอลฟ์คนหนึ่งเดินเข้ามาหาอาร์เซนอย่างเชื่องช้า
ตามปกติแล้วพวกเอลฟ์จะมีอายุขัยที่ 700 - 1000 ปี ส่วนใหญ่ก็จะตายกันตั้งแต่ช่วง 700 ปี แทบไม่มีเอลฟ์ตนไหนอยู่ยงคงกระพันมาถึง 1000 ปีมาก่อน
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของวัยชรานั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ชายชราคนนี้ใกล้จะหมดอายุขัยเต็มที
"ท่านปู่ทวด ท่านมาทำอะไรที่นี่" เจ้าหญิงเอลฟ์รีบเดินเข้าไปพยุงร่างของชายชราทันที
ปู่ทวดของราชินีเอลฟ์วางไม้เท้าลงกับพื้นและก้มตัวลงคุกเข่าต่อหน้าอาร์เซนอย่างช้า ๆ
"ทะ...ท่าน...อาร์เซน" ชายชราเรียกชื่อของบุคคลตรงหน้าออกมาได้อย่างชัดเจน
กันต์ที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ชายชราคนนี้รู้จักอาร์เซนก็แสดงว่าอายุของเขาขั้นต่ำก็ปาเข้าไปหนึ่งพันกว่าปีแล้ว
เหล่าเอลฟ์คนอื่น ๆ ที่เห็นภาพตรงหน้าก็พากันเข้าไปช่วยพยุงตัวชายชราทันที
"ท่านผู้อาวุโส ท่านผู้อาวุโส"
การที่หนึ่งในผู้อาวุโสชั้นสูงของเผ่าเอลฟ์ก้มหัวให้กับสายเลือดผสมอย่างอาร์เซนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเสียเกียรติ อันเป็นหน้าเป็นตาของเผ่า
เพราะนั่นหมายความว่าท่านได้ให้การยอมรับเรื่องของลูกผสมระหว่างเอลฟ์และคนแคระแล้ว
เผ่าเอลฟ์นั้นมีความสามารถพิเศษในการแยกแยะเผ่าต่าง ๆ ออกได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ปลอมตัวมาเนียนแค่ไหนมานาที่ไหลเวียนอย่ในร่างก็มีกลิ่นอายเฉพาะเผ่าอยู่ ซึ่งเผ่าเอลฟ์ก็สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้เพียงแค่มองปราดเดียวเท่านั้น
"ลุกขึ้นเถอะลุง เรามาพูดถึงเรื่องข้อแลกเปลี่ยนกันดีกว่า"
กันต์เริ่มการนำนิสัยประจำตัวของอาร์เซนออกมาใช้อย่างเต็มพิกัด
"ข้าจะพาราชินีเอลฟ์หนีไปให้รอดจากเงื้อมมือของนักรบเงา ส่วนเรื่องผลตอบแทนข้าจะให้พวกท่านจัดการกันเอง" อาร์เซนมอบข้อเสนอ
"ข้าไปบอกเจ้าว่าจะหนีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" ราชินีเอลฟ์ไม่แสดท่าทียินยอมให้กับคำพูดของอาร์เซน แต่ยังไงก็ไม่มีใครสนใจความต้องการของเธออยู่แล้ว
ชายชราลุกขึ้นยืนและคว้าไม้เท้าขึ้นมา พร้อมกับยื่นมือไปคว้าแขนขวาของอาร์เซน
"ชายผู้เป็นตำนาน ก่อนที่ข้าจะหมดอายุขัยลงอย่างน้อยข้าก็จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับท่านพ่อท่านแม่ได้ว่า ครั้งหนึ่งข้าเคยได้สนทนากับตำนานผู้เป็นอมตะ"
ชายชราเริ่มปล่อยมือออกจากแขนของอาร์เซนและหันหน้าขึ้นจ้องตากับเขา
"ข้าจะไม่ถามท่านว่าท่านฟื้นจากความตายได้เช่นไร แต่ข้าอยากให้ท่านขับไล่กองทัพนักรบเงาออกจากอาณาจักรของเรา"
"งานยาก ๆ เช่นนั้น ค่าตอบแทนมันสูงน่ะลุง" อาร์เซนเริ่มขมวดคิ้ว
เมื่อสิ้นเสียงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มสั่นไหวพร้อมกับเถาวัลย์จำนวนหนึ่งที่ผุดขึ้นมาจากพื้น เถาวัลย์เหล่านั้นกำลังห่อหุ้มบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ภายใน
เมื่อมันเริ่มคลายตัวออกมาก็ปรากฏให้เห็นคันศรสีเขียวเข้มที่ถูกประดับด้วยลายสลักสีฟ้าสว่างสไว
"คันศรแห่งธรรมชาติ" กันต์ที่เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดชื่อของมันออกมา
"คันศรนี้ท่านเทพเรสเคยใช้มันในการรบเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ตั้งแต่ที่ท่านเทพได้ตายลงก็ไม่เคยมีใครได้ใช้มันอีกเลย แต่ถ้าเป็นท่านที่เคยปราบราชันจอมมารเวลโดรร่วมกับผู้กล้าทั้ง 4 มาแล้ว ต้องทำได้แน่"
ชายชราเผ่าเอลฟ์คว้าคันศรที่ว่าขึ้นมาและคุกเข่าลง จากนั้นจึงยื่นมันให้กับอาร์เซน
คำพูดที่เต็มไปความจริงของชราสงผลให้เหล่าเอลฟ์ในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อึ้งไปตาม ๆ กัน พวกเขาต่างสงสัยและสับสน เพราะสิ่งที่พวกเขารู้มาตลอดคือคล็อดเป็นผู้ปราบเวลโดร แล้วอีก 4 คนมาจากไหน
"ข้ารู้ว่าเผ่าเอลฟ์ของเรารังเกียจและดูแคลนท่านมากถึงเพียงไหน ข้าจะไม่ขอให้ท่านมายกโทษให้ เพียงแต่ในครั้งนี้ได้โปรดช่วยอาณาจักรและราชินีของเราไว้ด้วยเถิด"
อาร์เซนค่อย ๆ ยื่นมือไปรับคันศรแห่งธรรมชาติอย่างช้า ๆ ท่ามกลางสายตาของเอลฟ์ตนอื่น
พวกเขาไม่เชื่อว่าอาร์เซนจะใช้มันได้ เพราะตลอดพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้รับการยอมรับจากคันศรนี้มาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาในทุก ๆ ร้อยปีหรือพันปีก็ตามแต่ สำหรับพวกเขาคันศรนี้ก็เปรียบเสมือนรูปปั้นบูชาที่เอาไว้ใช้ทำการอะไรไม่ได้ไปเสียแล้ว
อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้อยากให้คนนอกมาแตะมันมากสักเท่าไหร่ แต่จะให้ขัดคำพูดของท่านอาวุโสก็ไม่ได้
เมื่อมือของอาร์เซนเข้าไปจับที่คันศรนั้นเอง สายลมโดยรอบก็เริ่มพัดหมุนวนอย่างรุนแรง
ดวงตาของอาร์เซนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มคล้ายกับสีของคันศร ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห้นได้อย่างชัดเจนว่าเขาได้รับการยอมรับจากคันศรนี้แล้ว
ตำนานเคยเล่ากันไว้ว่ามีเพียงผู้ที่ถูกยอมรับโดยคันศรแห่งธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะได้รับพลังที่หลงเหลืออยู่ของเทพเรส
และจากวันนั้นต่อมาอีกนานนับพันปี คันศรของพระเจ้าก็ได้ถูกนำออกมาใช้ในสงครามอีกครั้งโดยทหารรับจ้างผู้มีนามว่าอาร์เซน (กันต์เป็นคนคุมอีกที)
-----------------------------------
วันนี้ทำ 2 เรื่องเลยออกมาช้าหน่อยนะครับ แต่ยังไงก็ลงทุกวันอยู่แล้ว 555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

[เด็กหนุ่มกำลังเซ็ง]
[เด็กหนุ่มคาดหวังว่าในตอนใดตอนหนึ่งตัวละคร'กันต์'จะถูกตัวละคร'กานต์'จับกด]
[เด็กหนุ่มฉีกยิ้มโรคจิต]
[เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง]
[เด็กหนุ่มกำลังรอคอยตอนที่ว่า]
....