ตอนที่ 199 : ภาค 2-บท 99 นโยบายใหม่
การที่จะทำให้สงครามระหว่างมนุษย์และปีศษจจบลงได้นั้นมีข้อดีอยู่มากมายหลายประการ เพียงแต่สิ่งที่ยากคือการลงมือทำ
สงครามที่เริ่มมาอย่างยาวนานนับหลายพันปี แต่กลับไม่มีท่าทีว่าจะจบลงมันไม่ใช่เรื่องที่จะแก้กันได้ง่ายนัก
วิธีที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ไม่สิทำให้ทุกฝ่ายพอใจมันอาจจะยากกว่าที่คิด
ยังไงหลายสมองก็ดีกว่าสมองเดียวอยู่แล้ว ไว้ค่อยเรียกคนอื่นมาช่วยกันคิดน่าจะดีกว่า นั่นคือสิ่งที่กันต์กำลังคิดอยู่ในปัจจุบัน
"ก็ตามที่ผมพูดไป อาเรีย เรติน่า กลับไปที่เมืองหลวงหลังจากนั้นก็บอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับสงครามครั้งใหญ่ที่อาจจะกำลังมาถึง"
อาเรียและเรติน่ารับคำสั่งจากกันต์โดยไม่มีท่าทีโต้แย้งหรือไม่เห็นด้วย เพราะการที่เวลโดรคืนชีพกลับมามันก็เป็นเรื่องแย่อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องเกิดสงครามขึ้นแน่
"จาร์เร็ตคุณพอจะรู้ไหมว่าร่างจริงของรุ่นพี่ริสาอยู่ที่ไหน ?"
"ก็อยู่ที่นี่อย่างที่เห็น ถ้าจะข้ามมิติก็ต้องข้ามไปพร้อมกับร่างกายและจิตวิญญาณเสมอ"
[มีเพียงห้องของผู้แลกเปลี่ยนข้ามมิติเท่านั้นที่กายหยาบสามารถเคลื่อนที่ได้ เนื่องจากจิตของผู้เล่นถูกส่งมาที่มิตินี้แต่ร่างกายไม่ได้มาด้วย ผู้เล่นจึงสามารถไปได้ทุกที่ภายในมิติแห่งนี้]
ถ้าเป็นอย่างที่ระบบบอกมันก็จะหมายความว่าจาร์เร็ต และคนอื่น ๆ จะไม่สามารถไปที่ห้องอื่นได้นอกจากห้องของผู้แลกเปลี่ยนข้ามมิติ
"แล้วผมควรทำยังไงกับเธอดี" กันต์เอ่ยพลางจ้องมองไปยังรุ่นพี่ริสาที่เปลี่ยนไป
หญิงสาวที่เห็นท่าทางครุ่นคิดของชายหนุ่มก็คว้าใบทำพันธสัญญาจากชายหนุ่มขึ้นมาไว้ในมือ และชี้ไปที่วงเวทบนหัวกระดาษ
"จะดีเหรออยู่ในที่แบบนั้น ?"
รุ่นพี่ริสาที่ร่างกายหกขนาดเล็กลงพยักหน้าเพื่อเป็นสัญญาณว่าเธอไม่เป็นอะไร
สำหรับตัวผมแล้วการเก็บรุ่นพี่ไว้ในวงเวทใบทำพันธสัญญามันอาจจะทำให้เธอรู้สึกเหงาและอ้างว้างขึ้นมาก็ได้ แต่เห็นเธอโอเคแบบนี้ผมก็ไม่ว่าอะไร
"ริสา ข้าขอสั่งให้เจ้ากลับไปยังใบทำพันธสัญญาเดี๋ยวนี้"
สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังพูดก็คือการร่ายเวทเพื่อส่งสัตว์เลี้ยงเข้าไปเก็บในวงเวท
ร่างกายของริสาเริ่มสลายกลายเป็นฝุ่นผงก่อนที่จะหายเข้าไปอยู่ในวงเวทของใบทำพันธสัญญา
"มันได้เวลาที่ฉันต้องส่งพวกเธอกลับแล้ว รีบบอกลากันซะสิ"
ณ บ้านของอาจารย์เด็ม
"เด็มทุกอย่างยังราบรื่นดี เรากำลังกลับไปควบคุมระบบได้อีกครั้งหนึ่ง"
เสียงของชายคนเดิมได้ดังออกมาจากโทรศัพท์ของอาจารย์เด็ม
"นั่นสินะครับ เท่าที่ผมเห็นเองก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังกลับเข้าร่องเข้ารอยแล้ว"
"นโยบายใหม่ของทางโรงเรียนถูกอนุมัติแล้วรึยัง ?"
"ครับ ได้รับการอนุมัติแล้ว โครงการพระเจ้าจุตินี่ก็ดำเนินงานมาถึง 50% แล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงได้เวลาที่พวกเราต้องถอนตัว" อาจารย์เด็มกล่าวยืนยัน
"ใช่ เดินมาได้ครึ่งทางแล้ว หลังจากนี้คือของจริง อย่าพยายามทำอะไรโดยไม่คิดอีกล่ะ"
เมื่อสิ้นเสียงของหัวหน้าสายก็ถูกตัดไป ซึ่งมันก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่มีนักเรียนอีกคนกระโดข้ามหน้าต่างเข้ามาในบ้านของอาจารย์เด็ม
"กว่าจะมาได้ ปล่อยให้อาจารย์รอตั้งนาน" อาจารย์เด็มกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนไปเตรียมรับแขก
"ขอโทษครับ พอดีว่าติดปัญหาเล็กน้อย" เด็กนักเรียนคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ใช่แล้วนักเรียนที่ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นทาสของอาจารย์เด็มนั่นก็คือมนต์ คู่ฝาแฝดอีกคนที่อยู่ในทีมจู่โจมของริสา
หลังจากวันนั้นที่โดนอาจารย์เด็มขู่ฆ่าไป เขาก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นทาสของอาจารย์ด้วยเวทบางอย่าง
"หลังจากนี้อาจารย์อยากให้นายเข้าไปสอดแนมกลุ่มของกันต์เพื่อตรวจสอบและรายงาน"
"แต่ว่า อาจารย์ครับผมไม่ใช่นักเรียนปี 1 จะไปเนียนร่วมกลุ่มกับพวกเขาได้ยังไง ?"
"ไม่ต้องกังวลไปเดี๋ยวก็จะรู้เองว่าทำไม" อาจารย์เด็มเอ่ยพลางยื่นสร้อยคอเส้นสีดำเส้นหนึ่งให้กับมนต์
"สวมมันไว้ตลอดเวลาห้ามถอดออกเด็ดขาด สร้อยคอเส้นนี้จะช่วยปกปิดกลิ่นอายและทำให้สามารถซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียน เข้าใจใช่ไหม ?"
"ครับอาจารย์" มนต์รับคำสั่งก่อนที่จะโดดออกหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
มนต์นั้นไม่มีสิทธิแม้แต่จะขัดคำสั่งของอาจารย์เด็มเพราะ เขาได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นทาสไปแล้ว ต่อให้ไม่อยากทำแค่ไหนก็ต้องทำ
ซึ่งแน่นอนว่าคำสั่งนี้ไม่ได้อยู่ในแผนขององค์กร อาจารย์เด็มเป็นคนสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาด้วยความต้องการของตนเองทั้งหมด
กลับไปที่กันต์ในห้องพักส่วนตัว
หลังจากที่ได้บอกลากับผู้หญิงคนที่เหลือเสร็จ เขาก็ตรงดิ่งออกจากระบบกลับมายังห้องของตนเองทันที
"การเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตัวเองนี่มันดีชะมัด" กันต์เอ่ยพลางเอนหัวลงนอนบนหมอนและเริ่มบิดขี้เกียจ
ชายหนุ่มรู้สึกได้เสมอว่าตัวเองไม่เคยได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่สักที
"จะว่าไปแล้วกานต์ยังโอเคอยู่สินะ" กันต์กล่าวขึ้นพร้อมกับยกนาฬิกาสีเงินขึ้นมาดู
ในขณะเดียวกันนั่นเองเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ได้ดังเข้ามา
มันเป็นข้อความจากทางโรงเรียนที่ส่งถึงทุกคน เพื่อเป็นการประกาศข่าว
เนื้อความในข้อความระบุไว้ว่า "เนื่องจากเหตุการณ์ปีศาจบุกโจมตีเกาะครีอัสเอลได้ทำความเสียหายให้กับทางเราเป็นอย่างมาก คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อฟื้นฟูทุกสิ่งให้กลับมาเหมือนเดิม"
"ในระหว่างนั้นทางโรงเรียนเองก็ต้องจัดความช่วยเหลือและอุปกรณ์การแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บจากการปะทะ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้รับการยืนยันจากทางต่างโลกแล้วว่าจะให้ความร่วมมือทางด้านการศึกษา"
"ดังนั้นทางโรงเรียนจึงจัดทำโครงการทัศนศึกษา ณ ต่างโลกขึ้นมา"
ทันทีที่กันต์อ่านมาถึงตรงนี้เขาก็แทบจะหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มันเป็นอะไรที่เขาก็พอคดาดเดาได้ว่ามันต้องเกิดขึ้น แต่พอได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแบบนี้ก็รู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
"ซึ่งการทัศนศึกษาจะกินเวลาประมาณ 1 สัปดาห์และจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้เวลาเที่ยงตรง ขอให้นักเรียนทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการค้างแรมนอกสถานที่"
เนื้อความในจดหมายได้ระบุไว้ประมาณนั้น ตัวผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไรกับการไปเที่ยวอยู่แล้ว การที่โรงเรียนมีนโยบายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
มันจะมีเด็กนักเรียนคนไหนบ้างล่ะที่ไม่ชอบการไปทัศนศึกษา ไปเที่ยวกับเพื่อนได้สนุกและหัวเราะไปด้วยกัน....
"จะว่าไปแล้ว...ตอนนี้เราก็มีแต่เพื่อนผู้หญิงในโรงเรียนนี้ไม่ใช่รึไง"
จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใสและปิติยินดีกลับกลายเป็นเศร้าหมองขึ้นมาในทันที
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงและจัดเตรียมกระเป๋าพร้อมกับสิ่งของจำเป็นตามที่ข้อความจากโรงเรียนได้ระบุไว้ให้
การเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทัศนศึกษาสำหรับกันต์นั้นได้ล่วงเลยมาจนถึงเวลาเที่ยงวัน
กระเพาะอาหารของชายหนุ่มที่ขาดสารอาหารเป็นเวลานานเริ่มร้องออกมาด้วยความทรมาน
ด้วยความขี้เกียจผสมกับความเหนื่อยล้าจึงส่งผลให้กันต์ตัดสินใจต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเป็นอาหารกลางวันแทน
ภายในห้องพักของโรงเรียนนั้นประกอบไปด้วยห้องนอน ห้องน้ำและห้องครัวขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์ไม่มากนัก
เขาจึงสามารถต้มบะหมี่กินเองได้ภายในห้องพัก
ในระหว่างที่กันต์กำลังหยิบบะหมี่ถ้วยออกมานั่นเอง อยู่ ๆ บริเวณกลางห้องก็ปรากฏให้เห็นฝุ่นผงและวงเวทบนพื้นห้อง
ทันใดนั้นเองร่างของรุ่นพี่ริสาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในชุดเมด และเดินเข้าไปหากันต์
"กรุณามอบให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง"
ไม่ทันที่กันต์จะได้ตอบอะไรกลับไปริสาก็เดินเข้าไปคว้าบะหมี่ถ้วยในมือของเขา และเอาคว้าไข่ไก่จากที่ไหนไม่รู้ออกมา อีกทั้งยังมีผักอีกด้วย
จากนั้นเธอก็เริ่มปรุงและทำอาหารภายในห้องครัวเล็ก ๆ นั่นด้วยฝีมือของเธอ ต่อหน้าต่อตาของชายหนุ่มที่กำลังแสดงท่าทางสงสัยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ไม่นานกลิ่นของอาหารที่หอมอร่อยก็ได้ลอยเข้ามาเตะจมูกของชายหนุ่ม
จานอาหารได้ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ ครัว
ชายหนุ่มนั่งลงบนโต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามและเป็นระเบียบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงง
อาหารที่รุ่นพี่ริสาทำออกมาประกอบไปด้วยไข่ดาวไส้กรอกผักและอื่น ๆ ตามฉบับอาหารเช้าของชาวตะวันตก
"เชิญรับประทานได้เลยค่ะนายท่าน" ริสาในชุดเมดรินน้ำเย็นลงใส่แก้วก่อนที่จะถอยห่างและยืนรอคำสั่งจากผู้เป็นนายของเธอ
กันต์เริ่มทานอาหารด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจเพราะฝีมือของเธอมันอร่อยกว่าที่คิดไว้หลายเท่า
ตัวเขาเองก็ทำอาหารด้วยตัวเองมาแล้วหลายปี แต่ก็ไม่เคยทำได้อร่อยเท่านี้มาก่อน
"นาน ๆ ทีใช้ชีวิตแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน" กันต์เอ่ยพึมพำเบา ๆ
มีคนคอยทำอาหารให้ ทำความสะอาดให้ แล้วน่าจะยังเป็นเพื่อนคุยได้ด้วยอีก มีชีวิตสบายแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่
"ถ้าจะกินอาหารต้องตรวจสอบให้ดีก่อนเสมอว่ามีพิษรึเปล่า เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้จะพลาดไม่ไ....ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะนายท่าน"
เมดสาวรีบกลับมายืนในท่าปกติของเธอแทบจะทันที หลังจากที่เธอรู้สึกตัวและได้สติกลับมา
ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะ ช้อนในมือของเขากำลังจ่ออยู่ตรงปาก
โอเค ผมของชีวิตแบบปกติน่าจะดีกว่า กันต์คิดในใจสั้น ๆ ก่อนที่จะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เมดโลลิสินะหึหึหึ