ตอนที่ 190 : ภาค 2-บท 90 การคืนชีพของคล็อด
สายตาอันนิ่งสงบและไม่สั่นไหวของผู้กล้าคล็อดนั้นทำให้กันต์ในร่างเวลโดรรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ต่อหน้าจอมมารลำดับที่ 3 และลูกน้องบริวารนับหลายพัน ไม่สามารถทำให้จิตใจของชายผู้นั้นอ่อนไหวได้แม้แต่น้อย
ในระหว่างที่กำลังดูเชิงกันอยู่นั้นกันต์ก็ระลึกถึงอดีตบางอย่างขึ้นมาได้
ไม่ว่าภายในจิตใจของเจ้าจะเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ แค้น เศร้าหรือใด ๆ ก็ตาม จงอย่าให้มันเข้าไปครอบงำการกระทำและการตัดสินใจของตัวเจ้า
เพราะการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์เหล่านั้นล้วนนำพามาซึ่งจุดจบ
คำสอนอันเป็นหลักยึดถือของเหล่านักรบภายใต้การบัญชาของคล็อด ล้วนแต่ได้รับการสั่งสอนที่เป็นระเบียบ มีเหตุผลรองรับและมีประโยชน์เสมอ
เขามีความสามารถในการนำทัพและอบรมสั่งสอนที่มีประสิทธิภาพเทียบเคียงได้กับเวลโดร
ทางคล็อดจะเน้นไปในด้านอ่อนโยนและเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนแต่สามารถเข้าใจได้
ทางเวลโดรจะเน้นไปทางการใช้แรงใจเป็นหลัก มีทั้งความดุดันและเด็ดขาด
ทั้งสองต่างมีวิธีคุมทัพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ฝั่งไหนได้เปรียบหรือเสียเปรียบขึ้นมาเลย
การต่อสู้ระหว่างคล็อดและเวลโดรเกิดขึ้นมากมายหลายต่อหลายครั้งจนแทบจะนับไม่ได้
"เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้วข้าได้สาบานกับเทพมังกรทองไว้ว่า หากผู้ที่เปิดโลงศพของข้าเป็นมนุษย์ ครานั้นข้าจักตายลงอย่างสมบูรณ์"
ผู้กล้าคล็อดที่ยืนอยู่บนยอดป้อมปราการทมิฬได้ประกาศกร้าวถึงเจตจำนงของตนอย่างชัดเจน
ในชั่วพริบตาถัดมาร่างของเขาก็ได้หายไปต่อหน้าต่อตาเหล่าปีศาจนับพันอย่างไร้ร่องรอย
กันต์ในร่างของจอมมารเวลโดรรีบหันขวาไปในทันที เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าคล็อดมีทักษะอะไรบ้าง
ในตอนนี้คล็อดน่าจะใช้เวทเคลื่อนที่ความเร็วแสงเพื่อเข้าประชิดตัว
ในวินาทีก่อนที่การปะทะจะเริ่มขึ้น เวลโดรได้สร้างดาบมานาสีม่วงขึ้นมาในมือและกวาดโจมตีออกไป
"เคร้ง" เสียงของดาบสีทองและสีม่วงที่เข้าปะทะกันได้ดังขึ้น
ใบหน้าของผู้กล้าคล็อดได้ปรากฏตรงหน้าจอมมารในระยะประชิด
มันเป็นใบหน้าของชายอายุประมาณ 40 ปีที่โกนหนวดเคราจนเกลี้ยงเกลา สายตาอันเย็นชา การแสดงออกทางอารมณ์ที่นิ่งสงบจนไม่สามารถคาดเดาถึงความคิดได้ ประกอบกับผมสีทองที่เคลื่อนไหวไปตามสายลม
ชุดเกราะและดาบที่ดูไม่ประณีตและมีอายุมานับพันปี มันก็ทำให้กันต์พอคาดเดาได้ว่าอุปกรณ์ที่คล็อดใช้อยู่ตอนนี้คืออาวุธสำรองที่จะเอามาใช้งานเมื่ออุปกรณ์หลักเสียหาย
ส่วนเหตุผลที่ชุดเกราะมันดูโทรม คงเป็นเพราะโลงศพสีทองเงินนั้นไม่สามารถหยุดเวลาสิ่งที่มันผนึกไว้ได้ เหมือนกับเหมันต์นิรันดร์หรือผนึกศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแช่แข็งเวลาในผนึกได้
"ถ้าหากผู้ที่เปิดโลงศพของข้าเป็นปีศาจ ครานั้นข้าจักกลับมาล้างบางพวกมันอีกครั้ง"
ผู้กล้าคล็อดประกาศกร้าวอีกครั้งก่อนที่จะชักดาบกลับและตวัดโจมตีออกไป
เลเวลของเวลโดรคือ 90 ส่วนคล็อดมีเลเวลที่ 95 ถ้าให้เทียบแค่เลเวลคล็อดคงเป็นฝ่ายที่ชนะ
แต่ในเรื่องของความเข้าใจในเวทและทักษะทั้งหมด กันต์รู้แทบจะทุกซอกทุกมุมของคล็อด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทักษะไหนมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน จุดแข็งคืออะไร
ชายหนุ่มสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาประยุกต์ใช้และรับมือได้เป็นอย่างดี
แต่ในอีกมุมหนึ่งคล็อดมีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายที่มากกว่า แถมประสบการณ์ต่อสู้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถดูถูกได้
ดาบสีทองและสีม่วงเข้าฟาดฟันกันแทบวินาทีต่อวินาที การเคลื่อนไหวที่เชี่ยวชาญและสมบูรณ์แบบของคล็อดทำให้เวลโดรเสียเปรียบอยู่เล็กน้อย
ทันใดนั้นเองดาบเล่มสีทองก็ได้แทงเข้าทะลุกลางอกของเวลโดรอย่างแม่นยำ
แต่ในขณะเดียวกันดาบสีม่วงก็ได้ฟันปลายเส้นผมสีทองของคล็อดจนร่วงหล่นลงไป
มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่ายิ่งนัก ไม่ว่าใครที่มองเข้ามาก็ต่างคิดเช่นนั้น
คาเรอัสที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลตัดสินใจที่จะเข้าร่วมสนามรบ แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวเท้าเดินออกไป ก็กลับต้องหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน
คาเรอัสรับรู้ได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมาของผู้เป็นนาย เวลโดรกำลังหันมามองที่ตนด้วยสีหน้าและท่าทางที่ราวกับต้องการจะบอกว่า "ห้ามเข้ามายุ่ง"
เหล่ากองทัพปีศาจไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนการต่อสู้แม้แต่คนเดียว พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองดูสถานการณ์จากภายนอกด้วยความหวาดกลัวที่เกาะกุมหัวใจ
"เจ้าคงลืมไปแล้วว่าข้าเป็นอมตะ" เวลโดรกล่าวขึ้นพลางใช้มืออีกข้าง คว้าไปที่ดาบเล่มสีทองที่กำลังแทงทะลุอกตน
"ข้าไม่มีวันลืมสิ่งนั้น เจ้าไม่ต้องกังวล" คล็อดกล่าวขึ้นพร้อมกับดึงดาบออกมาจากมือเวลโดร และตวัดเข้าโจมตีอีกครั้ง
แต่ก่อนที่ดาบของผู้กล้าจะถึงตัวจอมมารนั้น สัญชาตญาณก็ได้สั่งให้เขารีบถอยด้วยเหตุผลบางอย่าง
อุ้งมือที่ประดับไปด้วยกรงเล็บอันแหลมคมได้เข้าคว้าธาตุอากาศเอาไว้ ถ้าคล็อดไม่ตัดสินใจถอยหลังหลบไป คงมีหวังถูกเวลโดรขยี้ลำคอด้วยกรงเล็บไปแล้ว
ปีกสีม่วงอันน่าเกรงขามได้สยายออกมาพร้อมกับออร่าสีม่วงที่ปรากฏขึ้นรอบกายของจอมมาร
ในวินาทีก่อนที่คล็อดจะแทงดาบออกมา เวลโดรก็ได้เปิดใช้ทักษะราชันสีอินทนิล และดูดความหวาดกลัวรอบกายเข้ามาเป็นพลังจนทะลุถึงเลเวล 97
"เจ้าสู้ข้าไม่ได้แล้ว คล็อด" เวลโดรเอ่ยพลางตวัดดาบในกำมือ
คล็อดที่เห็นดังนั้นก็เริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะชูดาบขึ้นฟ้าและร่ายเวทออกมา
กันต์ในร่างเวลโดรที่เห็นดังนั้นก็รู้ในทันทีเลยว่า คล็อดกำลังเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายเป็นครึ่งมังกร ซึ่งมันก็คล้ายกับกรณีของรุ่นพี่ริสา แต่ที่แตกต่างกันก็คือคล็อดสามารถควบคุมร่างครึ่งมังกรได้อย่างสมบูรณ์ และมีสติปัญญาอยู่ครบถ้วน
ศึกนี้ไม่เคยง่ายและไม่มีท่าทีว่าจะจบ มันเป็นเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งสองต่างถาโถมพลังเข้าใส่กันแต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือเสมอ
ในขณะที่คล็อดกำลังร่ายเวทนั้นเสียงจากจิตใต้สำนึกของเวลโดรก็ดังก้องเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง
"คล็อดมันหลบหนีออกมาจากการคุมขังของมิตินั้นมาเหมือนกับข้า แต่มันสามารถควบคุมร่างตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ นี่มันไร้สาระชัด ๆ"
ตอนแรกดูเหมือนเวลโดรจะพูดในสิ่งที่มีประโยชน์แต่สุดท้ายมันก็แค่ประชดเท่านั้นเอง
แต่พอลองคิด ๆ ดูแล้ว ระบบเองก็น่าจะมีมาตราการรับมือเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง ถึงแม้มันจะเป็นระบบที่มีข้อผิดพลาด ไม่สมบูรณ์ และเหลวแหลกก็ตามที
ทันใดนั้นเองโซ่สีขาวบริสุทธิ์หลายสิบเส้นก็ได้พุ่งขึ้นมาจากผืนดินและฉุดกระชากร่างของคล์อดไว้ไม่ให้ใช้เวทเปลี่ยนร่างเป็นครึ่งมังกรให้สำเร็จได้
มันเป็นโซ่ที่เวลโดรและกันต์คุ้นเคยดี ใช่แล้วมันคือโซ่ดูดมานาของระบบนั่นเอง
ผู้กล้าคล็อดที่เริ่มเห็นท่าไม่ดี และดูเหมือนว่ามีสิทธิ์ที่จะแพ้สูงจึงตัดสินใจจ้องมองมาที่เวลโดรด้วยท่าทางอันน่ายำเกรง
ต่อให้ผู้ชายคนนี้เสียเปรียบมากแค่ไหนเขาก็จะไม่แสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอเด็ดขาด
"เหมือนว่าวันนี้เจ้าจะโชคดี"
คล็อดกล่าวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะใช้เวทเคลื่อนที่ความเร็วแสงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง
บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว จนน่าประหลาดใจ
"ขอบคุณที่เจ้าไม่ใช้จังหวะนั้นสังหารคล็อด" จิตใต้สำนึกของเวลโดรกล่าวด้ายน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เวลโดรรู้ตัวดีว่าโซ่สีขาวมันไม่ใช่พลังของตัวเอง หากแต่เป็นการแทรกแซงจากภายนอก การได้รับชัยชนะโดยวิธีการเช่นนั้นมันไม่มีเกียรติเลยสักนิด
ในขณะนี้ตัวกันต์เองก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงหรือตอบกลับเวลโดร เพราะตอนนี้ตนกำลังพบเจอกับสถานการณ์ที่น่าหนักใจอีกสถานการณ์หนึ่ง
ผู้นำกองทัพร่างเงาคาอัส ผู้นำกองทัพโครงกระดูกคาเรอัส ผู้นำกองทัพก็อบลินราชาก็อบลิน และหัวหน้าเผ่าไซเรน
ทั้ง 4 ผู้นำทัพกำลังคุกเข่าอยู่ไม่ห่างจากเวลโดรมากนัก
ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าเผ่าปีศาจกำลังรอให้ตนเองกลับมาอีกคร้ังเพื่อทำในสิ่งที่ราชันแห่งจอมมารสมควรจะกระทำ
"ได้เวลาทำตามสัญญาแล้วมั้ง" กันต์ในร่างเวลโดรพึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมกับโปรยตามองเหล่าบริวารของตน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#475 Fikusa (จากตอนที่ 190)วันที่ 7 พฤษภาคม 2563 / 21:21มองในแง่ดีร่างหลักกันต์จะได้นอนเยอะๆ ฮ่าๆๆๆๆ#4751
-
#475-1 SuruMaster(จากตอนที่ 190)8 พฤษภาคม 2563 / 10:47ใช่แล้วครับ ถูกเลย#475-1
-
-
#461 Hsenseii (จากตอนที่ 190)วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 / 13:48สนุกมากกกก เป็นกำลังใจครัย#4611
-
#461-1 SuruMaster(จากตอนที่ 190)6 พฤษภาคม 2563 / 18:09ขอบคุณครับบบ#461-1
-
-
#460 Ramiel D gleam (จากตอนที่ 190)วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 / 12:46โอ้ยยเกลัยดความลูกน้องขี้- เกือบตายกันแล้วไหมละ#4601
-
#460-1 SuruMaster(จากตอนที่ 190)6 พฤษภาคม 2563 / 18:08555พอดีพี่แกอยาก 1-1 นะครับ#460-1
-
-
#459 danayapat123 (จากตอนที่ 190)วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 / 12:08รอบนี้ไม่รู้ว่ากันต์จะได้กลับตอนไหน555#4591
-
#459-1 SuruMaster(จากตอนที่ 190)6 พฤษภาคม 2563 / 18:09555 แาจจะยากหน่อยครับรอบนี้#459-1
-