ตอนที่ 183 : ภาค 2-บท 83 ปะทะเทพแห่งความมืดครั้งสุดท้าย
เวทรัตติกาลนิรันดร์ของเทพแห่งความมืดมีความสามารถในการดูดทั้งพลังชีวิตและมานาของอีกฝ่ายมาเพิ่มให้กับตนเอง อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำให้ศัตรูมองไม่เห็นเป็นระยะเวลานาน
เหยื่อที่ถูกเวทนี้ของลูซิเฟอร์เข้าไปในกรณีที่รุนแรงน้อยที่สุดคือมองไม่เห็นและไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งใดเป็นเวลายาวนานกว่า 1 นาที แต่นั่นมันก็มากพอแล้วที่จะพลิกสถานการณ์
ในวินาทีที่ลูซิเฟอร์กำลังดูดพลังของเดสเพียร์อยู่นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เริ่มพร่ามัวและเห็นเพียงแต่ม่านหมอกสีดำ อีกทั้งประสาทสัมผัสทั้ง 6 ก็เริ่มจางหายไปอย่างช้า ๆ
คมดาบตะวันเริ่มปรากฏให้เห็นสีที่หม่นหมองเพื่อเตรียมพร้อมจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง โดยคมดาบตะวันจะทำความเสียหายตามพลังชีวิตของผู้ใช้ที่หายไป
จากตอนแรกที่เดสเพียร์บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว แต่เมื่อโดนเทพแห่งความมืดใช้เวทรัตติกาลนิรันดร์ใส่ก็ยิ่งสูญเสียพลังชีวิตไปมากกว่าเดิม
ลูซิเฟอร์ไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งดูดพลังชีวิตกันต์ไปมากเท่าไหร่ความเสียหายที่ตนได้รับมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ในจังหวะก่อนที่การระเบิดจะเริ่มต้นขึ้น เทพแห่งความมืดก็เริ่มรู้สึกร้อนและทรมานที่บริเวณหน้าอกของตน
"ข้าที่มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมกับเจ้าที่แทบจะไม่เหลือพลัง ใครกันแน่ที่จะตายก่อน" ลูซิเฟอร์กล่าวพร้อมกับกระชากร่างของเดสเพียร์เข้ามาใกล้ ๆ ตน
ทันใดนั้นเองเสียงของระเบิดก็ได้ดังขึ้น พร้อมกับแสงสีทองที่เจิดจรัสออกมา
หลังจากการร่ายเวทของเทพแห่งความมืดและเดสเพียร์ได้จบลง เกาะขนาดใหญ่ที่มีนามว่าครีอัสเอลก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
เกาะแห่งนี้อาจะจมลงมหาสมุทรเมื่อไหร่ก็ได้นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด แต่ไม่ใช่กับลูซิเฟอร์และกันต์
เมื่อแสงจางหายไปก็ปรากฏให้เห็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1 กิโลเมตร
ทางฝั่งกองทัพปีศาจนั้นได้หนีกลับเข้าไปในประตูมิติหมดแล้ว เพราะพวกมันรู้ดีว่าถ้ายังยืนอยู่บนเกาะนี้คงโดนลูกหลงจากระเบิดแน่
ส่วนทางฝั่งมนุษย์ก็ยังโชคดีที่อยู่นอกระยะระเบิดจึงไม่ได้รับความเสียหายอะไรเพิ่มเติม
ชายในชุดคลุมนามว่าเดสเพียร์กำลังนอนอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของเครื่องบินจู่โจมลำหนึ่ง พร้อมกับม่านพลังแห่งธาตุทั้งปวงที่แตกร้าวและใกล้จะพังทลาย
ก่อนที่การระเบิดของคมดาบตะวันจะเริ่ม กันต์ก็ได้ร่ายเวทม่านพลังแห่งธาตุทั้งปวงออกมาเพื่อเตรียมรับแรงระเบิดไว้แล้ว
แต่มันก็ยังไม่พอ แรงระเบิดนั้นถึงกับทำให้แขนทั้ง 2 ข้างของเขาชาและแทบจะขยับไม่ได้
ชายหนุ่มพยายามคลานออกมาจากซากปูนและเครื่องบินจู่โจมที่กำลังลุกไหม้อย่างช้า ๆ
ชุดคลุมสีดำบางส่วนก็ฉีกขาดหายไปแต่ยังโชคดีที่ส่วนบนยังอยู่ จึงทำให้เขายังสามารถปิดบังตัวตนภายใต้นามแฝงเดสเพียร์ต่อไปได้
คมดาบตะวันคือพลังที่มีต้นกำเนิดมาจากแสงอาทิตย์ มันคือของที่เป็นตัวแก้พวกศัตรูที่มีพลังเกี่ยวกับความมืด ลูซิเฟอร์เป็นเทพก็จริง แต่คมดาบตะวันก็เป็นถึง 1 ใน 3 ชิ้นส่วนของอาวุธระดับเทพ ต่อให้ไม่ตายก็บาดเจ็บหนัก
"น้ำอมฤต" เดสเพียร์เรียกน้ำยาฟื้นฟูออกมาจากคลัง
ขวดน้ำยาฟื้นฟูสีรุ้งส่องประกายแสงออกมาในกำมือของชายหนุ่ม
ถ้าเป็นร่างปกติเขาดื่มแค่ขวดเดียวก็ฟื้นฟูได้เกือบเต็ม 100% แล้ว แต่นี่มันเป็นร่างที่เปิดทุกทักษะพร้อมกันและอยู่ในระดับของเทพต้นกำเนิด
เขาต้องกินมันประมาณ 20 ขวดถึงจะสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตให้กลับมาเต็มและพร้อมต่อสู้ได้อีกครั้ง
จริงอยู่ที่ตราคำสาปของลูซิเฟอร์นั้นมีความสามารถในการห้ามฟื้นฟูพลังชีวิตด้วยวิธีการทุกชนิดแต่ทว่า เมื่อร่างกายของผู้เป็นเจ้าของคำสาปอ่อนแอลงตราคำสาปก็จะอ่อนแอลงไปด้วย ซึ่งมันก็เป็นจังหวะดีสำหรับการใช้น้ำยาฟื้นฟู
[คำเตือน-น้ำอมฤตคงเหลือในคลังอีก 20 ขวด]
"ขอบคุณที่เตือน" เดสเพียร์กล่าวพร้อมกับยื่นมืออีกข้างไปเปิดจุกขวดแก้วสีใส
ทันใดนั้นเองเสียงของแก้วที่แตกได้ดังขึ้น "เพล้ง" ขวดน้ำอมฤตแตกกลายเป็นเศษแก้วต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มก่อนที่เขาจะได้ดื่มมัน
เมื่อเดสเพียร์หันมือขวาของตนที่เคยถือน้ำอมฤตไว้นั้นก็ได้พบเข้ากับลิ่มสีดำที่ปักทะลุเศษแก้วคามือ
ตราสัญลักษณ์คำสาปอันที่ 3 ได้ปรากฏขึ้นบนมือของชายหนุ่ม พร้อมกับวงเวทสีดำขนาดใหญ่ที่พื้นกำลังเปล่งแสงออกมา
ปีกทั้ง 4 คู่ของเดสเพียร์เริ่มกระพืออย่างรวดเร็วและนำพาร่างของกันต์ให้หลบหนีออกจากซากของถนนและเครื่องบินจู่โจมที่ทับร่างกายอยู่
ส่วนด้านหลังนั้นก็มีลิ่มสีดำทมิฬหลายร้อยอันลอยตามมาติด ๆ
เมื่อตั้งตัวได้แล้ว ปีกทั้ง 8 ข้างก็เริ่มทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็คือปัดป้องลิ่มสีดำที่พุ่งเข้ามา
"ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ตายยากตายเย็นเสียจริง" ลูซิเฟอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ในตอนนี้เดสเพียร์กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนลูซิเฟอร์นั้นกำลังนั่งเอาหลังพิงซากอาคารและจ้องตรงมายังชายหนุ่มที่กำลังปัดทำลายลิ่มสีทมิฬ
ทันใดนั้นเองร่างของเดสเพียร์ก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เวททั้งหมดของลูซิเฟอร์สลายหายไป
นั่นเป็นตัวยืนยันได้ดีว่าทั้งคู่กำลังเริ่มหมดแรงและไร้ซึ่งหนทางที่จะสังหารกันและกัน
เดสเพียร์นั่นคุกเข่ากับพื้นและกระอักเลือดออกมา เพราะตราคำสาปทั้ง 3 ที่ทำงานอย่างพร้อมเพรียงกัน
ปีก 4 เฉดสีของเขามีขนาดที่หดและลีบลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเจ้าของร่างที่อ่อนแอและใกล้จะตายในทุกวินาที
ร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยจากการเผาไหม้ของลูซิเฟอร์ ค่อย ๆ ย่างเท้าเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างช้า ๆ
"อีกไม่นาน อีกไม่นาน" ลูซิเฟอร์พึมพำประโยคซ้ำเดิมออกมาก่อนที่จะล้มลงกองกับพื้นต่อหน้าเดสเพียร์
"จะตายอยู่แล้วยังมีหน้าจะมาพูดอีก" เดสเพียร์ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่โซซัดโซเซก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
"ไม่ เจ้าต่างหากที่กำลังจะตาย" ลูซิเฟอร์ที่นอนคว่ำกับพื้นได้เอ่ยประโยคชวนโมโหขึ้นมา
ทันใดนั้นเองโสตประสาทการรับรู้ของกันต์ก็ได้ยินเสียงหนึ่งเข้า ซึ่งมันก็เป็นเสียงคำรามของมังกร
"แกเป็นคนทำให้มังกรขาวคลุ้มคลั่งใช่ไหม !" เดสเพียร์ตะคอกเสียงดังลั่นพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
"ข้าก็แค่ถอนคำสาปให้กับราชินีมังกรขาวเท่านั้น เวรัคได้ผนึกนางไว้ในอาวุธมนตรามังกรขาว ข้าก็เพียงแค่ให้โอกาสมันได้กลับมาใช้ชีวิต เพียงแต่ชีวิตใหม่ที่มันได้รับก็เป็นร่างของมนุษย์ที่เป็นมนุษย์ครึ่งมังกรขาว"
เมื่อสิ้นเสียงของลูซิเฟอร์ ประตูมิติสีดำทมิฬก็ได้เปิดออกตรงพื้นดินที่เขานอนอยู่ และดูดร่างของลูซิเฟอร์ให้กลืนหายไปในประตูมิติ
เทพแห่งความมืดลูซิเฟอร์ได้หลบหนีไปจากการต่อสู้โดยใช้พลังเฮือกสุดท้ายเปิดประตูมิติหนีไป
ทั้งสนามรบหลงเหลือเพียงแค่เศษซากอาคารที่พังถล่ม เครื่องบินจู่โจมและรถถังที่แตกกระจายเป็นชิ้น ๆ
"เราโดนมันหลอก...ให้คิดว่าสลบไปสินะ" กันต์พึมพำออกมาเบา ๆ และลุกขึ้นยืนเพื่อประจัญกับสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า
กรงเล็บอันแหลมคมได้แทงทะลุเข้าพื้นดินในบริเวณที่ลูซิเฟอร์เคยนอนอยู่เมื่อกี้
ถ้าลูซิเฟอร์ไม่หนีไปเสียก่อน เขาคงถูกเสียยเป็นลูกชิ้นไปแล้ว
สายตาสีแดงก่ำจ้องตรงมายังเดสเพียร์ที่ใกล้ตายในทุกวินาที
ร่างของรุ่นพี่ริสาที่สลบไปในตอนแรกนั้นมันเป็นเพียงแค่อุบายของราชินีมังกรขาวเท่านั้น มันแอบใช้จังหวะที่ลูซิเฟอร์และเดสเพียร์สู้กัน เพื่อฟื้นฟูพลังและกลายร่างให้เป็นครึ่งมังกรขาวอย่างสมบูรณ์
"ข้าเกลียดเทพเวรนั่นก็จริง แต่ข้าเกลียดเวรัคมากกว่า และการที่เจ้าเป็นลูกศิษย์ของมันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ" ราชินีมังกรขาวในร่างของรุ่นพี่ริสาเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ
ร่างกายที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีหิมะ กรงเล็บอันแหลมคมและน่าหวาดกลัว ดวงตาสีแดงก่ำที่ไว้ใช้ข่มขวัญศัตรู ปีกสีขาวที่แข็งแกร่ง พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นมาจนถึงเลเวล 90
[คำเตือน-พรจากเทพเรติอุสและอัลเมเนียได้หมดลงแล้ว]
[พรเพิ่มขีดจำกัดมานาและเพิ่มอัตราฟื้นฟูมานาได้หายไป]
ออร่าสีแดงของทักษะกู่ก้องคำรามก็เริ่มที่จะจางหายไปพร้อมกับอักขระเวทสีทองที่สลักกลางหลัง เพราะพรเพิ่มพลังที่หมดเวลาลงแล้ว
ปีก 4 คู่ 4 เฉดสีกลางหลังของเดสเพียร์เริ่มหดหายไป เพราะมานาที่ไม่มากพอจะใช้งานทักษะทั้งหมด
ในตอนนี้เขากลับกลายเป็นเดสเพียร์ที่มีเลเวล 37 ซึ่งทั้งพลังชีวิตและมานาก็ร่อยหรอเต็มที
และทั้งหมดนั่นก็คือสิ่งที่เป็นศัตรูตนต่อไปของชายหนุ่มที่สูญเสียพลังไปแทบจะหมดสิ้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#433 Ramiel D gleam (จากตอนที่ 183)วันที่ 29 เมษายน 2563 / 18:43อื้อหือออออ เติมทรูให้กันต์อีกหน่อยได้ไหมมม#4331
-
#433-1 SuruMaster(จากตอนที่ 183)29 เมษายน 2563 / 19:46น่าจะเติมจนเป็นหนี้ละนะครับ#433-1
-
-
#432 soraraccoonza (จากตอนที่ 183)วันที่ 29 เมษายน 2563 / 16:24ลุ้นในลุ้น#4321
-
#432-1 SuruMaster(จากตอนที่ 183)29 เมษายน 2563 / 19:45ขอบคุณครับบบ#432-1
-
-
#431 ChaiyapakTop (จากตอนที่ 183)วันที่ 29 เมษายน 2563 / 11:08แจ่มแมวว#4312
-
#431-1 SuruMaster(จากตอนที่ 183)29 เมษายน 2563 / 16:52ขอบคุณครับบบบ#431-1
-
#431-2 SuruMaster(จากตอนที่ 183)29 เมษายน 2563 / 16:52ขอบคุณครับบบ#431-2
-
-
#430 Unique Universe (จากตอนที่ 183)วันที่ 29 เมษายน 2563 / 09:08นี้ยังจะมีลุ้นในลุ่นอีกเหรอ ขอคำรบนบน้อมท่านไรท์จริงๆเขียนไปได้อย่างไร เล่นซะรีดลุ้นแล้วลุ้นอีกลุ้นจนจะคลั่งลดแดงตายแล้วเนี่ย ไรท์ทำอย่างงี้ได้อย่างไร#4302
-
#430-1 Unique Universe(จากตอนที่ 183)29 เมษายน 2563 / 09:10กันต์ซวยจังฟะ ซวยกว่านี้จะมีอีกไหม แบบจะมีฮาเร็มทั้งทีเรื่องซวยมันต้องเข้าตัวใช่มั้ย ผมจะรอดูว่าพรุ่งนี้มันจะมีพีคในพีคกว่าอีกไหม#430-1
-
#430-2 SuruMaster(จากตอนที่ 183)29 เมษายน 2563 / 16:525555หักมุมไปมา#430-2
-
-
#429 Fikusa (จากตอนที่ 183)วันที่ 29 เมษายน 2563 / 09:07เวรกรรม ซวยกว่านี้มีอีกไหม#4291
-
#429-1 SuruMaster(จากตอนที่ 183)29 เมษายน 2563 / 16:51ถ้ามีอีกก็น่าจะตายละครับ#429-1
-