ตอนที่ 180 : ภาค 2-บท 80 หนทางสุดท้าย(2)
เรติน่าจ้องมองไปยังอาเรียด้วยความรู้สึกสับสนและงุนงง
อาเรียก็เช่นเดียวกัน เธอกำลังพยายามหาคำตอบอยู่ว่าเรติน่าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ยังไง
ทั้งสองนักบุญทำได้เพียงจ้องตากันและกระพริบตาปริบ ๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว
เมื่อทั้งคู่ไม่สามารถหาคำตอบของคำถามได้จึงหันหน้ามามองยังเดสเพียร์ในชุดคลุมทันที
"ท่านเครก นั่นใช่ท่านรึเปล่า ?" เรติน่าเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่ม
จริงอยู่ที่ร่างกายของเดสเพียร์ในตอนนี้มีลักษณะความสูงและรูปร่างที่คล้ายคลึงกับเครก จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่เรติน่าจะคิดว่าเครกกำลังสวมชุดคลุมอยู่
อาเรียเองก็ทำหน้าตางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ ๆ อีกคน
ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาอธิบายคำตอบหรือแก้ไขปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะตอนนี้เป้าหมายของเขาคือสู้กับลูซิเฟอร์
"เรติน่า อาเรีย ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังสงสัย แต่ได้โปรดร่วมมือกับข้าเพื่อช่วยเหลือเกาะแห่งนี้ให้พ้นภัยเถิด ข้าสัญญาว่าจะอธิบายให้ในภายหลัง"
เรติน่าที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มหันมองสถานการณ์รอบตัวในทันที
เสียงระเบิด เสียงกรีดร้อง เสียงของการต่อสู้ กลิ่นของเลือดที่โชยออกมาตามอากาศ ผู้คนที่บาดเจ็บ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เรติน่าเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาทันที
"อาเรีย ในตอนนี้เจ้ากับเรติน่าใช้เวทประสานนั้นร่วมกันได้หรือไม่" เดสเพียร์กล่าวถาม
"ได้ค่ะ ถ้ามีนักบุญอีกคนแล้วข้าก็สามารถใช้เวทประสานได้" อาเรียเอ่ยพลางหันมองไปทางเรติน่า
"เจ้าพูดถึงเวทบทไหน ?" เรติน่ากล่าวถาม
"เวทแห่งกระแสมานา" อาเรียตอบกลับก่อนที่จะยื่นมือซ้ายของตนไปข้างหน้า
เรติน่าที่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจขึ้นมาทันที และยื่นมือซ้ายของตนกุมเข้าไปที่มือของอาเรีย
นักบุญหญิงทั้งสองสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับหันหน้ามองตรงไปยังเดสเพียร์ และร่ายเวทออกมาพร้อมกัน
"ข้าขออ้อนวอนต่อเทพศักดิ์สิทธิ์ เรติอุส/อัลเมเนีย ได้โปรดมอบพลังเวทอันบริสุทธิ์ให้แก่บุคคลตรงหน้าของข้า"
ทันใดนั้นเองแสงสีทองก็ได้สาดส่องลงมาจากบนฟ้าทะลุผ่านชั้นเมฆ และตรงลงมายังตำแหน่งที่ทั้งสามคนยืนอยู่
ในขณะเดียวกันนั่นเอง กันต์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังเวทและมานาที่กำลังไหลเวียนอยู่ในบริเวณรอบ ๆ
มันช่างเป็นมานาที่เข้มข้นและบริสุทธิ์ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนที่แสงสีทองจะจางหายไป
อักขระเวทสีทองได้สลักลงกลางหลังของเดสเพียร์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าชายคนนี้ได้รับมานาอันศักดิ์สิทธิ์จากเทพถึง 2 องค์
[ผู้เล่นได้รับ พรจากเทพเรติอุสและอัลเมเนีย อัตราการฟื้นฟูมานาเพิ่มขึ้น 200% จำนวนมานาสูงสุดเพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็นเวลา 30 นาที]
ทั้งเรติน่าและอาเรียเริ่มทรุดลงกับพื้นและหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า พวกเธอกำลังฝืนตัวเองโดยการใช้พลังแห่งเทพที่มากเกินกว่าปกติ
ชายหนุ่มที่ได้รับพลังเพิ่มเติมอย่างท่วมท้มก็เริ่มมีความหวังในใจขึ้นมา ว่าในที่สุดโชคก็ยังเข้าข้างเขา
"ข้าขอเลือกทักษะ กู่ก้องคำราม" เดสเพียร์พึมพำเบา ๆ
ในตอนแรกชายหนุ่มตัดสินใจไว้ว่าจะเลือกทักษะที่ต้องการจากระบบที่หลัง แต่ตอนนี้เขาต้องเจอกับศัตรูที่เป็นเทพจึงรีบเลือกทักษะตอนนี้เลย
กันต์รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทักษะกู้ก้องคำรามของเครกนั้นยังไม่ถูกปลดล็อค เพราะเขายังไม่มีเวลาไปสู้กับร่างเงาของเครกเสียที แต่ระบบมันอาจจะทำงานผิดพลาดอีกครั้งก็เป็นได้
ถ้าหากไม่สามารถเลือกทักาะกู่ก้องคำรามได้จริง ๆ เขาก็ยังพอมีแผนสำรองเหลืออยู่
[ทักษะกู่ก้องคำรามยังไม่ถูกปลดล็อค ไม่สามา---- ระบบเกิดข้อผิดพลาด ระบบเกิดข้อผิดพลาด]
[ยินดีด้วยผู้เล่นได้รับทักษะกู่ก้องคำราม]
[เริ่มต้นกระบวนการดัดแปลงสายเลือด]
ทันใดนั้นเองโซ่สีขาวบริสุทธิ์ก็ได้พุ่งเข้ามาพันธนาการร่างกายของเดสเพียร์จากพื้นดิน
โซ่สีขาวผุดขึ้นมาจากปฐพีนับสิบเส้นและฉุดกระชากร่างของเดสเพียร์ไว้
"เรติน่า อาเรีย พวกเจ้าบอกกับข้าว่าจะตามหาบุคคลผู้ครอบครองทุกอย่างใช่หรือไม่"
[เริ่มต้นกระบวนการถ่ายโอนสายเลือดรูปแบบถาวร]
นักบุญทั้งสองไม่ได้พูดอะไรตอบกลับชายหนุ่มไปสักคำเดียว เพราะพวกเธอกำลังจ้องมองไปยังร่างกายของเดสเพียร์ที่เริ่มแปลกไป เพราะปีกสีดำหยกที่กลางหลังของเดสเพียร์ได้หายไปแล้ว
ส่วนโซ่สีขาวเหล่านั้นมันก็กลับกลายเป็นสีแดงอยู่สักพักก่อนที่จะหายลงพื้นดินไป ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
พวกเธอไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเดสเพียร์ แต่นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาสงสัย
[ยินดีด้วยผู้เล่นได้รับสายเลือดขุนศึกเทวะ และสายเลือดเทพของเรติอุส]
[เนื่องจากสายเลือดเทพของเรติอุสและอัลเมเนียมีต้นกำเนิดมาจากสายเลือดเดียวกัน]
[สายเลือดเทพในร่างกายของผู้เล่นจึงเกิดการหลอมรวมและกลายเป็นสายเลือดเทพเพียงหนึ่งเดียว]
[ยินดีด้วยผู้เล่นได้รับ สายเลือดเทพต้นกำเนิด โดยเกิดจากการหลอมรวมของสายเลือดเทพเรติอุสและอัลเมเนีย]
[สายเลือดขุนศึกเทวะ - เพิ่มค่าพลังโจมตีและพลังป้องกัน 20%]
[สายเลือดเทพต้นกำเนิด - เพิ่มค่าค่าสถานะให้กับผู้เล่นทั้งหมด 30%]
สำหรับในเกมนั้นกันต์ไม่เคยได้ยินชื่อของสายเลือดเทพต้นกำเนิดและขุนศึกเทวะมาก่อน แต่ที่แน่ ๆ มันเป็นปัจจัยหลักในการต่อสู้กับลูซิเฟอร์ เขาจึงยังไม่คิดที่จะหาคำตอบในตอนนี้
"หยดโลหิตไร้มลทิน" ชายหนุ่มเปิดใช้ทักษะของเรล์ม
ทันใดนั้นเองปีกสีดำหมึกก็ได้กางออกมาจากหลังของเขา และสยายตัวออกอย่างสวยงาม
"ราชันสีอินทนิล" กันต์เปิดใช้ทักษะหนึ่งของเวลโดร
ปีกสีม่วงเข้มได้กางออกมาที่ด้านล่างของปีกสีดำหมึกอีกทีหนึ่ง และขยายขนาดจนเท่ากับปีกคู่แรกที่กางออกมา
"กู่ก้องคำราม" เดสเพียร์เปิดใช้ทักษะของเครก
ออร่าสีแดงเข้มได้ปรากฏขึ้นรอบ ๆ กายของชายหนุ่มและสร้างบรรยากาศที่กดดันขึ้นมา
ในขณะเดียวกันนั่นเองปีกสีขาวบริสุทธิ์ที่คล้ายกับปีกของเหล่าทวยเทพก็กางออกมาจากด้านหลังของเขา เพราะตัวของกันต์ที่ต้องการรีดพลังในร่างกายออกมาใช้งานให้มากที่สุด
ปีกของเผ่าเทพจึงตอบรับต่อความปราถนาของชายหนุ่มและกางออกมาเองโดยอัตโนมัติ
เมื่อปีกแห่งเทพได้กางออก ปีกสีขาวคล้ายกับเพชรที่ถูกสร้างจากเกล็ดมังกรขาวก็ได้เผยโฉมออกมาอย่างสง่างาม
เมื่อเดสเพียร์ได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็ได้เปลี่ยนกลายไปเป็นสีดำหยก พร้อมกับปีกทั้ง 4 คู่ 4 เฉดสี และออร่าสีแดงเข้มที่น่าหวาดหวั่น รวมไปถึงอักขระเวทสีทองกางหลังที่เปล่งแสงออกมา
ในตอนนี้ชายหนุ่มเปรียบได้กับตัวตนที่รวมพลังของหลากหลายสายพันธ์ุเอาไว้ โดยไม่มีผลกระทบและผลข้างเคียงด้านลบแม้แต่น้อย
ทุกคนที่มองสถานการณ์อยู่นั้นสามารถสัมผัสได้ถึงพลังของเดสเพียร์ที่มากมายมหาศาล แต่พวกเขาก็ยังเดาไม่ออกว่าตอนนี้เดสเพียร์มีเลเวลที่เทียบเท่ากับเลเวล 100 ไปแล้ว
ซึ่งเลเวล 100 คือเลเวลสูงที่สุดในเกมและในโลกใบนี้ ไม่มีใครที่เคยมีเลเวลมากกว่า 100 มาก่อน นอกจากพวกเทพ
ปีกทั้งหกข้างของชายหนุ่มเริ่มกระพืออย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ด้วยความเร็วที่ไม่อาจจะประเมินได้
เดสเพียร์เหลือทิ้งไว้เพียงสายลมและรูปลักษณ์อันน่าทึ่งไว้ให้แก่ผู้พบเห็น และได้ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าเทพแห่งความมืดลูซิเฟอร์ ในเวลาเพียงแค่อึดใจเดียว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถ้าพลังตั้งต้นพระเอกเลเวลร้อย ใครจะสู้มันได้