สลับตัวละครเพื่อครองโลก-Switch characters to control the world

ตอนที่ 179 : ภาค 2-บท 79 หนทางสุดท้าย(1)

เดสเพียร์ลุกขึ้นยืนจากพื้นและมองตรงไปยังเทพแห่งความมืดลูซิเฟอร์ที่กำลังจ้องมองพวกตนด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย

ในสายตาของลูซิเฟอร์นั้นไม่แม้แต่จะมองเดสเพียร์เป็นศัตรู สำหรับเขาแล้ว ชายหนุ่มก็เป็นเพียงแค่เหยื่อที่จะฆ่าทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้

"ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าบุคคลตามคำทำนายของเทพสูงสุดนั้นจะเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง" ลูซิเฟอร์เอ่ยกับเดสเพียร์ด้วยภาษาปีศาจ

กันต์ในตอนนี้ได้รู้สึกตัวและเชื่อขึ้นมาแล้วจริง ๆ ว่าเขาคือบุคคลตามคำทำนายของเหล่าทวยเทพ

เพียงแค่ฟังจากคำพูดของอาเรีย เรติน่า และลูซิเฟอร์มันก็เป็นตัวยืนยันที่ชัดเจนมากพอแล้ว

กันต์ตัดสินใจใช้แผนถ่วงเวลาโดยใช้การพูดคุย เพื่อยืดเวลาคิดแผนสำหรับการรับมือเทพตนนี้

"เจ้าต้องการอะไรจากที่นี่ ?" เดสเพียร์เอ่ยถาม

"มันเป็นคำขอสุดท้ายจากอาร์คนอส ให้ข้ามาล้างบางเกาะแห่งนี้พร้อมกันกับสังหารบุคคลตามคำทำนาย ซึ่งมันก็คือเจ้นั่นแหละ"

ถึงลูซิเฟอร์จะพูดอย่างนั้น กันต์ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงจิตสังหารจากกายของเทพตนนี้เลยสักนิด ราวกับว่ามันกำลังรอให้เดสเพียร์งัดไพ่ตายทุกใบออกมาสู้ แล้วจึงค่อยเอาจริง

"ได้เวลาดำดิ่งสู่ความมืดมิดแล้ว ข้าไม่มีเวลามาเสียกับพวกเจ้ามากนัก"

ลูซิเฟอร์กล่าวพลางตั้งท่าเตรียมโจมตี พร้อมกับเขียนวงเวทสีดำกลางอากาศ

ในขณะเดียวกันนั่นเองชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงของเครื่องบินหลายลำที่กำลังบินผ่านจุดที่ตนยืนอยู่ไป

ณ สถานการณ์ภายในคอร์ในเวลาเดียวกัน

นายพลทหารชาวญี่ปุ่นกำลังเอามือทุบไปที่โต๊ะซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเจ็บแค้น

เหตุนั้นเกิดมาจากเครื่องตรวจจับมานานั้นไม่สามารถคาดเดาเลเวลของชายผู้ที่มีเขาสีดำคนนั้นได้

ทางคอร์รู้ดีว่าชายคนที่มีเขาสีดำนี้คือคนเดียวกันกับที่แทรกแซงประตูมิติและทำการปิดมันลงเพื่อตัดความช่วยเหลือจากต่างโลก

ในตอนแรกทางคอร์ก็ได้ส่งกฤติธีไปตามล่านักเวทมิติผู้มีเขาสีดำคนนี้ แต่สุดท้ายแล้วกฤติธีกลับเป็นฝ่ายที่ถูกจัดการลงในเวลาเพียงชั่วพริบตา

"แจ้งไปยังทุกหน่วยให้โจมตีต่อไป พวกเราต้องถ่วงเวลาให้กับชายในชุดคลุม" นายพลญี่ปุ่นกล่าวด้วยท่าทางของคนที่สิ้นหวัง

ความหวังสุดท้ายของเกาะครีอัสเอลนั้นก็คือเดสเพียร์หรือชายในชุดคลุมเท่านั้น

หน้าจอขนาดใหญ่ภายในคอร์กำลังฉายภาพของลูซิเฟอร์ที่ยังกำลังควงเคียวสีทมิฬในมือและไล่กวาดโจมตีทำลายรถถังและเครื่องบิน

กลับไปที่สถานการณ์ของกันต์ในนามแฝงเดสเพียร์

ก่อนที่ลูซิเฟอร์จะได้เข้าโจมตีใส่เดสเพียร์นั้น เขากลับถูกรถถังคันหนึ่งยิงใส่เข้ากลางท้องเต็ม ๆ ซึ่งลูซิเฟอร์ก็สามารถยืนรับลูกกระสุนปืนใหญ่ได้โดยไม่ถอยเลยแม้แต่น้อย

เทพปีศาจลูซิเฟอร์ที่โดนปืนใหญ่รถถังยิงอัดไปนั้นไม่แสดงถึงท่าทีเจ็บปวดเลยสักนิด

ในขณะเดียวกันนั่นเอง ทั้งรถถัง และเครื่องบินจู่โจมหลายสิบลำก็มุ่งหน้าเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง เป้าหมายของพวกเขามีเพียงอย่างเดียวคือถ่วงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เดสเพียร์ที่เห็นนั้นดังก็รีบยกร่างของกฤติธีขึ้นพาดบนบ่า พร้อมกับใช้มือขวาโอบไปที่เอวของอาเรีย

"นพ นายท่าน ท่านจะทำอะไร ?" อาเรียที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มรีบถามออกไปทันที

เดสเพียร์ไม่สนใจที่จะตอบคำถามของอาเรีย และตัดสินใจกางปีกสีดำหยกออกมาจากหลัง ก่อนที่จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และมุ่งหน้าไปทางอาจารย์เอล

ลูซิเฟอร์สังเกตเห็นแล้วว่าชายหนุ่มและนักบุญกำลังบินหนีไป แต่ตัวของเขาเองก็ไม่มีความคิดที่จะบินตามไปเพราะไม่ว่ายังไงจุดจบของพวกเขาก็คือตายอยู่ดี

ต่อให้ฆ่าเดสเพียร์ตอนนี้หรือตอนหน้ามันก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด

"อาเรีย เจ้าพอจะมีเวทอะไรที่ช่วยฟื้นฟูมานาให้กับข้าบ้าง ?" เดสเพียร์เอ่ยถามในขณะที่กำลังบินอยู่

"ข้ามีเวทนั้นอยู่ค่ะนายท่าน เพียงแต่มันเป็นเวทประสานที่ข้าต้องใช้ร่วมกับนักบุญศักดิสิทธิ์อีกคนหนึ่ง...เพียงแค่ข้าคนเดียวไม่อาจร่ายเวทบทนั้นได้"

อาเรียกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย เพราะเธอไม่สามารถทำตามในสิ่งที่นายท่านต้องการได้ ทั้ง ๆ ที่เคยกล่าวไว้ว่าจะช่วยให้มากที่สุด แต่นี่เธอกลับช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด

เมื่อชายหนุ่มบินมาถึงบริเวณเต้นท์พยาบาลฉุกเฉินที่มีอาจารย์เอลเป็นคนเฝ้าอยู่นั้น เขาก็รีบวางร่างของกฤติธีลงทันที พร้อมกับปล่อยมือออกจากเอวของอาเรีย

เต้นท์ฉุกเฉินพวกนี้ถูกตั้งขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เพราะมีผู้บาดเจ็บจากการต่อส้มากมายจนไม่อาจนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลได้ทั้งหมด

ทหารหลายร้อยนายก็ถูกนำตัวเข้าไปปฐมพยาบาลในเต้นท์ฉุกเฉิน ส่วนอาจารย์เอลเองก็กำลังช่วยเหลือเหล่าบุคลากรทางการแพทย์อยู่ที่ด้านนอกเต้นท์ 

อาจารย์เอลที่เห็นเดสเพียร์บินเข้ามาก็ตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่คิดจะถามอะไรเพราะมองเห็นร่างของกฤติธีที่กำลังหายใจรวยรินอยู่

"ช่วยดูแลเขาแทนข้าที" ชายหนุ่มเอ่ยกับอาจารย์สาวพร้อมกับวางร่างของกฤติธีลงกับพื้น

อาจารย์เอลที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับเรียกหน่วยพยาบาลมาเคลื่อนย้ายร่างกายของกฤติธีเข้าไปในเต้นท์ฉุกเฉินทันที

ในตอนนี้กันตืไม่มีเวลามาสนใจคนอื่น ๆ ที่เหลือมากนัก เพราะปัญหาหลักก็คือเทพลูซิเฟอร์ที่กำลังสังหารคนเป็นว่าเล่น

บริเวณสนามรบหน้าประตูมิติของฝั่งปีศาจนั้นกำลังเกิดการปะทะครั้งใหญ่ขึ้น เสียงระเบิดและเสียงของไฟที่โหมกระหน่ำนั้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ลูซิเฟอร์ได้ทำลายรถถังและเครื่องบินไปกี่ลำแล้ว แต่ที่แน่ ๆ ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายทุกคนก็อาจจะตายกันหมด

อาเรียสังเกตเห็นใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดของเดสเพียร์ แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรออกมาเพราะนั่นอาจะเป็นการรบกวนนายท่านของเธอ

"ขอโทษนะเรติน่า มันเป็นหนทางสุดท้ายแล้วจริง ๆ" ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ พร้อมกับสายหน้าไปมา

ทันใดนั้นเองวงเวทสีทองที่กลางอกของเดสเพียร์ก็ส่องประกายแสงสีทองเจิดจรัสทะลุผ่านชุดคลุมออกมา

"เรียกผู้ติดตาม" ชายหนุ่มเปิดใช้ทักษะ

[ท่านต้องการเรียกผู้ติดตามคนใด] เสียงจากระบบตอบกลับ

"ผู้ติดตามคนที่ 1 ...เรติน่า"

อาเรียจ้องมองไปยังกลางอกของเดสเพียร์ด้วยสายตาที่ซับซ้อน ก่อนที่ลำแสงสีฟ้าจะปรากฏต่อหน้าของอาเรีย

ทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ เต้นท์พยาบาลฉุกเฉินถึงกับต้องยกมือขึ้นมาบังแสงที่ส่องเข้ามาไว้

เมื่อลำแสงสีฟ้าและแสงสีทองได้จางหายไปนั่นเอง ก็ปรากฏให้เห็นร่างของสาวงามคนหนึ่งในชุดอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์

เรือนผมสีทองอันเงางามและใบหน้าที่คุ้นเคย ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าของเดสเพียร์และอาเรียแล้วเป็นที่เรียบร้อย

"ข้านักบุญศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรทางตอนใต้เรติน่า ได้มาตามคำสั่งของท่านแล้วค่ะ" เรติน่ากล่าวคำทักทายประจำตัวของเธอ

เมื่อเรติน่าลืมตาขึ้น สายตาของเธอและอาเรียก็เข้าประสานกันโดยมิได้นัดหมายทันที