ตอนที่ 172 : ภาค 2-บท 72 หายนะแห่งเกาะครีอัสเอล(2)
สถานการณ์ของทางฝั่งกฤติธีนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤต เพราะพวกเขากันทั้งหมดแค่ 300 คนเท่านั้นกับกำลังเสริมอีกไม่มาก
พวกเขาจำเป็นต้องถ่วงเวลาเพื่อให้นักบุญศักดิ์สิทธิ์หนีไป ซึ่งในขณะนี้เองที่กฤติธีกำลังรับงานใหญ่
"เป็นมนุษย์ที่มีฝีมือใช้ได้" ผู้นำกองพันปีศาจลำดับที่ 28 ผู้มีร่างกายเป็นฮาร์ปี้กำลังหัวเราะออกมา
กฤติธีฟังภาษาปีศาจไม่รู้เรื่อง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขามีสมาธิและไม่ไขว้เขวไปกับคำพูดของมันได้
ถ้ามองจากภาพโดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่ากฤติธีกำลังได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด เพราะหลังจากที่กระสุนปืนพกได้หมดลงกฤติธีก็คว้ามีดสั้นออกมา 2 เล่มและเข้าฟาดฟันกับหัวหน้าฮารืปี้
แต่กฤติธีรู้ตัวดีว่าการได้เปรียบในครั้งนี้ก็เป็นเพราะพวกเขาสู้กันในที่แคบ และฮาร์ปี้เองก็บินไม่ได้มันจึงไม่สามารถแสดงทักษะการต่อสู้ออกมาได้อย่างเต็มที่
แล้วถ้ามันสามารถบินขึ้นฟ้าไปได้แล้ว ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบมนุษย์หรือฮาร์ปี้เขายังคงสงสัย
กฤติธีกำมีดสั้นในมือให้แน่นขึ้นและพุ่งตัวเข้าโจมตีใส่ผู้นำกองพันปีศาจฮาร์ปี้
ตัวของกฤติธีนั้นมีเลเวลประมาณ 68 ซึ่งหลังจากผ่านเหตุการณ์ต่อสู้กับดันเต้มา เขาจึงเริ่มฝึกอย่างหนักจนมีเลเวลมาถึง 68 ได้
แต่ทว่าผู้นำฮารืปี้นั้นมีเลเวลอยู่ที่ 70 ซึ่งนั่นก็มากกว่าไปถึง 2 เลเวลด้วยกัน
แต่เหตุผลหนึ่งที่ทำให้กฤติธีสามารถชิงความได้เปรียบในการต่อสู้มาได้นั่นก็เพราะเขามีอุปกรณ์มานาที่อยู่ในระดับสูง
ไม่ว่าจะเป็นเกราะ มีด หรือเครื่องประดับต่าง ๆ ก็ล้วนแต่อยู่มีระดับที่ดีกว่าของผู้นำฮาร์ปี้ทั้งนั้น
ตัวกฤติธีเองก็อยากจะขอยืมเครื่องประดับมานาภายในร้านมาใช้เหมือนกัน แต่เขาก็ได้พบว่ามันมีเครื่องประดับหลายอย่างหายไปเหลือไว้แค่เครื่องประดับที่มีระดับไม่สูงมากนัก ซึ่งของพวกนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก
สงสัยคงเป็นเพราะเจ้าของร้านที่ได้หอบของราคาสูงหนีไปแล้ว
"เหล่าฮาร์ปี้ทั้งหลายพวกเราจะกลับไปเหินบนท้องฟ้า อย่าไปหลงกลพวกมนุษย์"
ผู้นำฮาร์ปี้นั้นรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นไม่สามารถเอาชนะกฤติธีในพื้นที่เช่นนี้ได้จึงตัดสินใจถอยทัพ และเปลี่ยนไปใช้การโจมตีระยะไกลแทน
ถ้าเป็นการต่อสู้โดยที่ฮาร์ปี้นั้นสามารถบินได้ล่ะก็ พวกมันจะได้เปรียบขึ้นมาเกือบเท่าตัว
ผู้นำฮาร์ปี้หลงคิดว่ามนุษย์ต่างโลกนั้นจะอ่อนแอและไม่เป็นที่น่ากังวล แต่พอลองปะทะกันไปได้สักพัก มันกลับกลายเป็นว่าพวกเธอกำลังเสียเปรียบแทน
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าพวกมนุษย์ เตรียมตัวถูกล้างบางได้เลย"
เมื่อกฤติธีเห็นปีกสีขาวของฮาร์ปี้ที่เริ่มกางออก เขาก็ฉีกยิ้มที่มุมปากออกมา
"ก็เดาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว" กฤติธีเอ่ยสั้น ๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะจางหายไปในอากาศ
ทันใดนั้นเองมีดสั้นสีเงินก็เสียบแทงทะลุลำคอของผู้นำฮาร์ปี้จากด้านหลัง
"แก แก ทะไดยังไง" ฮาร์ปี้เริ่มพูดภาษาปีศาจด้วยเสียงที่ผิดเพี้ยนเพราะอวัยวะบริเวณลำคอที่ถูกทำลาย
กฤติธีที่ได้ยินดังนั้นก็พอจะเดาความคิดของฮาร์ปี้ออก ก่อนที่จะดึงมีดสั้นให้หลุดออกจากลำคอของผู้นำฮาร์ปี้
"กำไลล่องหนราคาเกือบ 60 ล้านพึ่งได้ใช้ก็วันนี้เองสินะ" กฤติธีเอ่ยพลางโยนกำไลทิ้งกับพื้นเพราะมันใช้ได้แค่ครั้งเดียว
ในจังหวะก่อนที่ผู้นำปีศาจฮาร์ปี้จะบินหนีไปกฤติธีก็เปิดช้งานกำไลล่องหนและพุ่งตัวเข้าประชิดมันจากด้านหลังก่อนที่จะโจมตีออกไป
ร่างของผู้นำกองพันปีศาจลำดับที่ 28 ล้มลงกับพื้นและนอนจมกองเลือดตายคาที่ เพราะโดนแทงเข้าที่จุดสำคัญ
"ท่านประธานครับ พวกเราจะทำยังไงต่อ ฮาร์ปี้มันบินหนีออกไปหมดแล้วกระสุนปืนของเราก็ยิงมันไม่เข้า" ทหารคนหนึ่งเอ่ยถาม
"บอกทุกคนหาให้เกาะกลุ่มกันไว้และหาที่ปลอดภัย พวกฮาร์ปี้ก็ปล่อยให้คอร์เป็นคนจัดการเอง" กฤติธีเอ่ยพลางควงมีดสั้นในมือเล่น
ท่าทางที่เขาแสดงออกมานั้นดูไม่เหมือนกับคนที่กำลังกังวลเลยสักนิด นั่นอาจจะเป็นเพราะเขารู้ตัวดีว่าอาจจะกำลังมีคนมาช่วย
ด้วยลักษณะท่าทางการแสดงออกเช่นนั้นของกฤติธีก็ทำให้คนในทีมของเขารู้สึกปลอดภัยขึ้นมาในระดับหนึ่ง
ในขณะเดียวกันนั่นเองพื้นใต้ฝ่าเท้าของเขาก็สั่นสะเทือน แต่โชคดีที่มันไม่ค่อยรุนแรงมากนัก
ซึ่งแรงสั่นสะเทือนเหล่านั้นก็เกิดมาจากรถถังหลายสิบคัน ที่กำลังแล่นไปตามถนนภายในเขตเมืองอย่างรวดเร็ว
เหล่ากองทัพฮาร์ปี้ที่ได้ยินเสียงดังนั้นก็เริ่มหันหัวมองไปรอบ ๆ เพื่อสังเกตหาสิ่งที่เปลี่ยนไป
ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้น พร้อมกับเสียงของคลื่นถี่ความร้อนที่ดังออกมา
กระบอกปืนของเหล่ารถถังนั้นไม่ใช่ปืนใหญ่ธรรมดาแต่เป็นปืนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปืนคลื่นความถี่สูง และปืนเรลกัน
ใช้เวลาไม่นานนักทัพฮาร์ปี้ก็ต้องแตกกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง
พวกมันไม่สามารถโจมตีสวนกลับไปได้เพราะเกราหุ้มรถถังนั้นไม่ใช่ของธรรมดา อีกทั้งยังมีบาเรียป้องกันเวทอีกด้วยจะเรียกว่าเป็นรถถังต่อต้านปีศาจก็ว่าได้
เมื่อทัพฮาร์ปี้ถูกโจมตีจนแตกทัพแล้ว เหล่ารถถังก็เริ่มกระจายตัวกันไปเข้าช่วยเหลือตามจุดต่าง ๆ
ในขณะเดียวกันนั่นเองเสียงเรียกเข้าจากนาฬิกาสีเงินของกฤติธีก็ดังขึ้น
"สวัสดีครับท่านนายพลของกองกำลังป้องกันตัวเองประเทศญี่ปุ่น" กฤติธีกล่าวทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่น
"กฤติธี ทางคอร์จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับนักเวทมิติให้นายไปจัดการ เราจับสัญญาณของมันครั้งสุดท้ายได้ที่เขตของประเทศไทย"
เมื่อนายพลญี่ปุ่นพูดจบสายก็ถูกตัดไปพร้อมกับข้อความที่เข้ามาในระบบของนาฬิกาสีเงิน
ในข้อความเหล่านั้นประกอบไปด้วยภาพของบุคคลผู้หนึ่งที่ทำลายการป้องกันและเข้าไปปิดการใช้งานของประตูมิติบานต่าง ๆ บนเกาะด้วยตัวคนเดียว ในเวลาอันสั้น
"นักเวทมิติสินะที่บุกเข้าไปปิดประตูมิติแบบนี้"
ในตอนนี้ทางคอร์ได้คาดเดาแล้วว่าปีศาจนักเวทมิติตนนี้ คือตนที่เปิดประตูมิติให้พวกปีศาจสามารถเข้ามาโจมตีเกาะครีอัสเอลได้ และเป็นคนที่ปิดการใช้งานประตูมิติเพื่อตัดขาดความช่วยเหลือจากโลกภายนอก
สำหรับทางคอร์แล้วการฆ่านักเวทมิติคนนี้ให้เร็วที่สุดคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง
ในระหว่างที่กฤติธีกำลังนั่งคิดอยู่ภายในร้านเครื่องประดับที่เละและเต็มไปด้วยสิ่งของกระจัดกระจายเต็มไปหมด เขาก็ได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนเป็นภาษาแลงเกล
"เจ้ามนุษย์ ข้ามีอะไรอยากจะถามเจ้า"
เมื่อกฤติธีหันมองไปก็ปรากฏให้เห็นชายคนหนึ่งที่มีอายุประมาณ 30 ปี ใบหน้าอันหล่อเหลาที่แทบจะทำให้คิดว่าเป็นดารา
กฤติธีหันกลับมองไปยังภาพที่ถูกส่งมาจากคอร์แทบจะทันที
"นักเวทมิติที่ทำเกาะแห่งนี้พังคือนายเองสินะ"
"ใช่ เป็นข้าเอง แล้วมันทำไมล่ะเจ้ามนุษย์ ?" ชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับ
"งั้นคงจะปล่อยออกไปโดยสวัสดิภาพไม่ได้แล้ว"
กฤติธีก้มตัวลงและกวาดมีดสั้นโจมตีออกไปด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะเปลี่ยนกลายเป็นสีดำ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#364 Ramiel D gleam (จากตอนที่ 172)วันที่ 18 เมษายน 2563 / 14:47มีแต่คนเก่งๆพระเอกตอนนี้เลยกลายเป็นกระจอกซะงั้น#3641
-
#364-1 SuruMaster(จากตอนที่ 172)18 เมษายน 2563 / 16:59ถ้าให้เทียบก็ไม่แน่นอนหรอกครับ 555#364-1
-
-
#363 Fikusa (จากตอนที่ 172)วันที่ 18 เมษายน 2563 / 09:35เลเวลอัพกันไวจริงๆ พวกอัจฉริยะสายขยันนี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยเรอะ#3631
-
#363-1 SuruMaster(จากตอนที่ 172)18 เมษายน 2563 / 17:00ก็เป็นพวกหัวกระทิระดับโลกนะครับ#363-1
-