ตอนที่ 153 : ภาค 2-บท 53 จุดเริ่มต้นของสงคราม
กันต์กำลังใช้ร่างของเวลโดรเอ่ยคำถามกับจิตใต้สำนึกของเวลโดร
จิตใต้สำนึกของเวลโดรที่ได้ยินดังนั้นก็พ่นลมออกจมูกด้วยความเหนื่อยใจ
“ในที่สุดเจ้าก็เลิกเลียนแบบวิธีการพูดของข้าแล้ว”
กันต์รู้ตัวดีว่าเวลโดรกำลังโกรธเรื่องที่เขาคิดจะผนึกร่างจอมมารเวลโดรอีกครั้ง แต่จะให้เขาทำยังไงล่ะอธิบายไปยังไงเวลโดรก็คงไม่สนอยู่ดี
“สงครามระหว่างปีศาจกับมนุษย์มันเริ่มต้นมาจากอะไร?” กันต์ในร่างเวลโดรเอ่ยถาม
จริงอยู่ที่กันต์เคยเล่นเกม FarnessWorld มาก่อนและรู้เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด แต่ส่วนเริ่มของสงครามนั้นเขาแทบจะไม่รู้อะไรเลย เพราะเกมเริ่มมามันก็อยู่ในช่วงกลางของสงครามแล้ว
จิตใต้สำนึกของเวลโดรเงียบอยู่นานก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจ
“ความโลภ” จิตใต้สำนึกของเวลโดรเอ่ยตอบสั้น ๆ
กันต์ที่ได้ยินดังนั้นก็ถามต่อทันที
“ความโลภของปีศาจหรือมนุษย์?”
“ทั้ง 2 ฝ่าย เผ่าปีศาจของข้าก็ต้องการยึดครองอาณาเขตเพราะเผ่าปีศาจมีความสามารถในการขยายเผ่าพันธุ์ที่สูง การแก่งแย่งพื้นที่ในเขตเผ่าตัวเองก็เริ่มมีมากขึ้น จนที่สุดมันก็เริ่มกลายเป็นสงครามในเผ่าปีศาจด้วยกัน"
"ดังนั้นท่านจอมมารลำดับที่ 1 ท่านจอมมารเบลมอท ผู้มีฉายาว่าจอมมารกระหายสงคราม จึงได้เริ่มต้นสงครามกับเผ่าอื่น ๆ เพื่อแย่งชิงอาณาเขตและพื้นที่"
เผ่าปีศาจที่เวลโดรหมายถึงนั่นก็รวมไปถึงเผ่าไซเรน เผ่าก็อบลิน โอเกอร์ และอื่น ๆ ทั้งหมดที่อยู่ฝั่งเดียวกัน
"ส่วนเผ่ามนุษย์ก็ต้องการกำจัดพวกเราออกไปจากโลกด้วยเหตุผลที่ว่า เผ่าปีศาจนั้นเป็นตัวแทนของความมืด และเป็นศัตรูของเทพเจ้า อันที่จริงเผ่ามนุษย์ก็ตั้งใจจะกำจัดเราอยู่นานแล้ว นั่นจึงเป็นการเริ่มต้นสงครามอย่างเต็มรูปแบบ”
กันต์ที่ได้ยินคำสาธยายของเวลโดรดังนั้น ก็นิ่งคิดไปสักพักก่อนที่จะถามต่อ
“เวลโดร สงครามเป็นสิ่งที่นายต้องการใช่รึเปล่า ?”
“ถึงตัวข้าจะชอบการต่อสู้ แต่ก็เกลียดสงคราม……เพียงแต่มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เผ่าปีศาจของข้า รอดพ้นจากการถูกล้างบางโดยพวกมนุษย์ได้ สงครามมันเริ่มไปแล้วจะให้หยุดกลางคันคงเป็นไปไม่ได้”
ถ้าเผ่าปีศาจตัดสินใจถอนตัวออกจากสงครามคงไม่พ้นจากการโดนกล่าวหาว่าขี้ขลาดและอ่อนแอ ซึ่งนั่นคงเป็นความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจที่จะถูกจารึกไว้ตลอดกาล
ด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่จอมมารทุกรุ่นจึงไม่เคยประกาศสงบศึกหรือยอมแพ้ใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อจิตใต้สำนึกของเวลโดรกล่าวจบดวงตะวันก็หายลับขอบฟ้าไป นั่นก็เป็นสัญญาณว่าช่วงเวลากลางคืนของวันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“ท่านจอมมารครับ ท่านคาเรอัสสั่งให้ข้ามาเรียกท่านไปยังห้องพักภายในป้อมปราการครับ”
เสียงของหัวหน้าเผ่าไซเรนดังขึ้นจากด้านหลังของเวลโดร
“นำทางข้าไป” เวลโดรออกคำสั่ง
หัวหน้าเผ่าไซเรนโค้งตัวคำนับก่อนที่จะเดินนำจอมมารลงบันไดไป
ณ เกาะลอยฟ้าเหนืออาณาจักรทางตอนกลาง
“ลาดตระเวนยังไงของเจ้า ถึงทำให้อัศวินเพกาซัสตายไปถึง 100 กว่าคน” กอสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
สถานการณ์ของมอสในตอนนี้คือกำลังร่ายเวทรักษาให้กับตนเองอยู่ สภาพร่างกายของเขาคือบาดเจ็บหนัก
ส่วนกอสเองก็มีบาดแผลเล็กน้อยไม่มากนัก เขาแทบจะไม่เชื่อเลยว่าเวลโดรที่พึ่งออกมาจากผนึกจะมีพลังมากมายถึงเพียงนี้
“ข้าประมาทเกินไป จอมมารเวลโดรนั้นเป็นอย่างที่ตำนานกล่าวไว้จริง ๆ” มอสตอบกลับ
“เจ้าก็รู้ว่าความหวาดกลัวจะกลายเป็นแหล่งพลังงานให้กับปีศาจ แล้วเพราะเหตุใดถึงยังนำกำลังเข้าโจมตีอยู่อีก ตั้งแต่อดีตเผ่ามนุษย์ของเราไม่เคยโจมตีป้อมปราการทมิฬชนะเลยสักครั้งเดียว”
กอสเดินเข้าไปใกล้มอสและชักเสื้อเกราะของเขาเข้ามา
“ถ้าเจ้ายังทำตัวเช่นนี้อีกมีหวังแต่จะทำให้พวกเราพ่ายแพ้เร็วขึ้น”
กอสตะโกนอัดหน้ามอสก่อนที่จะปล่อยตัวเขาลงและส่ายหน้าไปมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งใจและกาย
“น้องชายข้า…ดันเต้” มอสเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“เรื่องของดยุกดันเต้ที่ทรยศเผ่ามนุษย์สินะ ข้ารู้ว่าเขาเป็นน้องชายเจ้า แต่นั่นก็ใช่เหตุผลที่ทำให้เจ้าวู่วามได้ ปกติแล้วเจ้าไม่ใช่คนแบบนี้”
“ก่อนที่น้องชายข้าจะทรยศ ข้าได้รับจดหมายมาฉบับหนึ่ง เนื้อความมันบอกไว้ว่าเขาเห็นนิมิต”
“นิมิตงั้นรึ” กอสเอ่ยตอบด้วยท่าทางสนใจ
“ในวันนั้นทองฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน กองทัพปีศาจและมนุษย์จะผนวกรวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อเข้าต่อสู้กับปีศาจอัศวินดำ…ดันเต้ต้องการสืบเรื่องที่เขาเห็นในนิมิต จึงกระทำการทรยศ”
“เจ้าจะบอกว่าเผ่ามนุษย์และปีศาจช่วยกันฆ่าอัศวินดำ?”
มอสพยักหน้าเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณว่าสิ่งที่กอสคิดนั้นถูกต้อง
"ข้าว่่าน้องชายของเจ้าคงโดนเล่ห์ปีศาจล่อเข้าเสียแล้ว เลิกให้อดีตของเจ้ามาทำร้ายอนาคตเสียทีมอส"
กอสหันหลังกลับและเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด เรื่องนี้ยากที่จะให้อภัยได้ง่าย ๆ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่มีอัศวินเสียชีวิตนับร้อยคน
กลับไปที่ห้องโถงของระบบ
หลังจากที่ผมเดินทางไปหาคาเรอัส มันก็ได้เวลาผนึกพอดี ผมได้ให้คำมั่นสัญญากับคาเรอัสไปว่าตนจะกลับมาทวงคืนบัลลังก์ให้ แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้น ก็จะอนุญาตให้คาเรอัสทำลายผนึกศักดิ์สิทธิ์ได้ทันที
"อีกไม่นานหรอก"
ลางสังหรณ์ของผมมันบอกว่าต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่คาเรอัสรับมือไม่ไหวและสุดท้ายก็ต้องมาพึ่งมือเวลโดร
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็เหมือนกับกำลังเล่นหนังม้วนเดิมซ้ำอีกครั้ง
[ยินดีด้วยคุณกลายเป็นผู้เล่นระดับ 12 แล้ว กรุณาเลือกทักษะที่ต้องการ]
กันต์หันมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนที่จะนิ่งคิดอยู่เป็นเวลานาน
“ฉันขอเลือกทักษะราชันสีอินทนิล”
ทักษะราชันสีอินทนิลคือทักษะที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ใช้ตามปริมาณความหวาดกลัวที่อยู่รอบ ๆ ตัว มันเป็นทักษะที่เวลโดรเคยใช้เอาตัวรอดในหลายสถานการณ์อยู่เหมือนกัน
[ยินดีด้วยผู้เล่นได้รับทักษะราชันสีอินทนิล]
[เริ่มต้นกระบวนการดัดแปลงสายเลือด]
“ช่วงเวลาของความทรมานมาถึงแล้วสินะ” กันต์รู้ตัวดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
ทันใดนั้นเองโซ่สีขาวบริสุทธิ์ได้พุ่งเข้ามาพันธนาการกันต์จากทุกทิศทาง
โซ่สีขาวค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงอย่างช้า ๆ โดยเริ่มจากที่ปลายโซ่และลามลงไป
[เริ่มต้นกระบวนการถ่ายโอนสายเลือดรูปแบบถาวร]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#493 pppoommn (จากตอนที่ 153)วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 / 10:11ได้ultiมาอีกอันละ#4931
-
#493-1 SuruMaster(จากตอนที่ 153)11 พฤษภาคม 2563 / 18:23ใช่แล้วครับ#493-1
-
-
#321 TSKULL (จากตอนที่ 153)วันที่ 30 มีนาคม 2563 / 09:57รอๆๆอยู่นะ#3211
-
#321-1 SuruMaster(จากตอนที่ 153)30 มีนาคม 2563 / 13:51ขอบคุณครับบบบบ#321-1
-
-
#320 Fikusa (จากตอนที่ 153)วันที่ 30 มีนาคม 2563 / 09:05มีมันทุกทักษะ ฮ่าๆๆๆ#3201
-
#320-1 SuruMaster(จากตอนที่ 153)30 มีนาคม 2563 / 13:51เดี๋ยวก็เอาให้หมดละครับ555#320-1
-