ตอนที่ 146 : ภาค 2-บท 46 ป้อมปราการทมิฬ
ณ ป้อมปราการโบราณ
ป้อมปราการกำแพงสีทมิฬสูงกว่า 10 เมตรยังคงตั้งตระหง่านเช่นเคยมานานนับพันปี
มันรับลมและฝนรวมถึง ลูกเห็บ หิมะมาอย่างยาวนาน แต่นั่นก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับป้อมปราการนี้มากนัก
มีกำแพงบางส่วนที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่เพราะผลกระทบจากสงครามครั้งใหญ่ จึงทำให้สีกำแพงดูแตกต่างกันไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วยังคงเป็นสีดำเช่นเคยเพียงแค่อ่อนเข้มต่างกันไป
“พวกเรามาถึงแล้วขอรับนายท่าน ที่นี่คือป้อมปราการทมิฬ” คาเรอัสเริ่มแนะนำสถานที่
กันต์ในร่างของจอมมารเวลโดรถอดสายตามองไปยังกำแพงขนาดใหญ่ที่มีความยาวสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือขวาก็ล้วนดูเหมือนจะยาวจนไร้ที่สิ้นสุด
แต่กำแพงแห่งนี้มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญอยู่คือแม่น้ำนั่นเอง
แม่น้ำที่กว้างประมาณ 10 เมตรลึกประมาณ 5 เมตรเป็นแม่น้ำลำธารที่ไหลทอดยาวไปจนถึงมหาสมุทรทั้ง 2 ฝั่ง จะเรียกว่าเป็นลำธารที่ไหลเลียบขนาบข้างไปกับกำแพงก็ว่าได้
ถ้าศัตรูต้องการบุกรุกเข้าไปภายในป้อมปราการก็จำเป็นต้องก้าวข้ามผ่านลำธารนี้ไปให้ได้ก่อน
“เหตุผลที่ข้าเลือกที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับสร้างกำแพงเพราะมันง่ายต่อการลำเลียงทรัพยากรและเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการตั้งรับที่ดี” จิตใต้สำนึกของเวลโดรอธิบายด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
“ป้อมปราการทมิฬเป็นสิ่งที่ข้าคาดหวังและเฝ้าดูมาตั้งแต่ต้น ข้าเป็นคนวางแผนการก่อสร้างและเป็นคนควบคุมการดำเนินงานเกือบทั้งหมด ข้าเป็นคนจัดการและแบ่งงานตามความถนัดของแต่ละเผ่า จึงทำให้ป้อมปราการถูกสร้างเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ในเวลาเพียง 2 ปี”
อันที่จริงสำหรับการก่อสร้างป้อมปราการในเกม Farness World ผมทำเพียงนั่งดูฉากเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ เท่านั้น ผมไม่ได้มีส่วนในการตัดสินใจอะไรเลย งานนี้เวลโดรจัดการด้วยตนเองจริง ๆ
“พวกมันคงลืมไปแล้วว่าใครเป็นผู้สร้างป้อมปราการนี้ บังอาจมาชักธงของจอมมารอาร์คนอสแทนธงของข้า พวกมันคงลืมไปแล้วว่าข้าเป็นใครและข้าเคยช่วยอะไรบรรพบุรุษของพวกมันไว้”
เมื่อพันปีก่อนเวลโดรเป็นผู้นำกองทัพปีศาจ และในขณะเดียวกันเผ่าไซเรนก็กำลังถูกล้างบางโดยพวกมนุษย์และปีศาจ เพราะไซเรนเป็นเผ่าที่โจมตีไม่เลือกหน้า
ไม่ว่าใครที่คิดจะผ่านลำธารนี้ไป ส่วนใหญ่ก็จะถูกเผ่าไซเรนเข้าโจมตีแทบทั้งสิ้น
เวลโดรเป็นคนหยุดการล้างบางเผ่าพันธุ์ด้วยการผนวกเผ่าไซเรนเข้ากับกองทัพและมอบข้อเสนอให้เผ่าไซเรนว่าห้ามโจมตีเผ่าปีศาจอีก
นั่นจึงทำให้เผ่าไซเรนยังคงมีการสืบทอดสายพันธุ์และรอดชีวิตจนถึงทุกวันนี้
แต่ถ้าให้เทียบแล้วเวลโดรเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการก่อสร้างป้อมปราการนี้มาก ถึงขนาดป่าวประกาศออกไปว่าธงของตนจะต้องตั้งอยู่บนป้อมปรากการแห่งนี้ชั่วนิรันดร์
เพื่อบ่งบอกว่าผู้ใดที่เป็นผู้จัดการและควบคุมการก่อสร้างป้อมปราการนี้
แต่ในตอนนี้ธงของจอมมารอาร์คนอสกลับตั้งตระหง่านขึ้นมาแทน ซึ่งป้อมปราการนี้ส่วนใหญ่แล้วเผ่าไซเรนจะเป็นผู้ดูแล และเวลโดรก็ได้มอบคำสั่งให้ดูแลธงของตนไว้ ถ้าหากธงเกิดชำรุดหรืออะไรก็ให้มาเปลี่ยน
แต่ทว่าในปัจจุบันมันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
“กำลังโกรธงั้นสินะ เวลโดร” กันต์เอ่ยถามจิตใต้สำนึกของเวลโดรเบา ๆ
“ข้าไม่ได้โกรธ ข้าเพียงแค่…มันก็แค่อดีต…ทุกสิ่งที่ข้าเคยมีมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ข้า…”
หลังจากนั้นเวลโดรก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีกและเงียบราวกับหายตัวไป
สำหรับจอมมารเวลโดรที่ถูกขังอยู่ในผนึกนับพันปีนั้นยังคงมีห่วงกับเรื่องราวในอดีต สำหรับคนอื่นช่วงเวลาพันปีนั้นคงยาวนานมาก แต่สำหรับเวลโดรแล้วมันก็เป็นเพียงแค่การหลับใหลเพื่อข้ามวัน
ความรู้สึกเหมือนตื่นมาแล้วทุกสิ่งที่ตนเคยมีในเมื่อวานได้ถูกช่วงชิงไปนั้น เป็นความรู้สึกที่ทำใจยอมรับได้ยาก และเวลโดรเองก็กำลังรู้สึกเช่นนั้น
กันต์ในร่างของจอมมารเวลโดรควบม้าราชันทมิฬและนำทัพไปหยุดตรงบริเวณทางเข้าป้อมปราการ
ลำธารน้ำขนาดใหญ่กำลังขวางกั้นพวกเขาไว้ ซึ่งหนทางที่จะผ่านไปยังป้อมปราการได้คือสะพานที่อยู่ฝั่งป้อมปราการ
คารัสรีบควบม้ากระดูกเข้ามายืนเคียงข้างจอมมารเวลโดรและตะโกนออกไปทันที
“เผ่าไซเรน พวกเจ้าจงเปิดประตูและทอดสะพานให้แก่ท่านจอมมารเวลโดรบัดเดี๋ยวนี้”
เสียงของคาเรอัสดังกึกก้องไปทั่วบริเวณและเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเผ่าไซเรนที่ประจำการอยู่บนป้อมปราการต้องได้ยิน
แต่ถ้าจะถามว่าทำไมเผ่าไซเรนถึงขึ้นบกได้ นั่นก็เพราะเมื่อเผ่าไซเรนตนใดมีเลเวลเกิน 60 แล้วจะสามารถเปลี่ยนท่อนล่างของตนให้กลายเป็นขาเหมือนมนุษย์ได้
เผ่าไซเรนเป็นเผ่าที่มีเกล็ดบางส่วนอยู่ตามลำตัว ต่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์ก็ยังมีบางส่วนของร่างกายที่เป็นเกล็ด
และเผ่านี้ยังมีภูมิต้านทานพิษที่อยู่ในระดับสูง ตามตำนานเล่ากันว่าถ้าได้ดื่มเลือดหรือกัดกินเนื้อของเผ่าไซเรน ผู้นั้นจะได้รับภูมิต้านทานพิษเช่นกัน
แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีตำนานบทไหนได้ยืนยันว่าผู้ที่กินเข้าไปแล้วจะมีผลลัพธ์เช่นไร
ทันใดนั้นเองเสียงของสะพานไม้ที่กำลังทอดตัวลงจากหน้าทางเข้าป้อมปราการก็ได้ดังขึ้น
จนกระทั่งในที่สุดสะพานที่ยาวนับสิบเมตรและมีขนาดกว้างกว่า 6 เมตรก็ได้ทอดตัวลงบนอีกฝั่งได้สำเร็จ
“นายท่าน กรุณาให้ข้าเป็นคนนำด้วยเถิด มันอาจจะมีโอกาสที่เราจะถูกดักซุ่มโจมตี” คาเรอัสแนะนำ
จอมมารเวลโดรพยักหน้าให้กับคาเรอัสเพื่อบ่งบอกว่าให้คาเรอัสนำไปตามที่บอก
จากนั้นคาเรอัสก็ได้นำทัพโครงกระดูกนับหมื่นตามตนข้ามสะพานไม้ไป
หลังจากที่คาเรอัสหันมองและตรวจดูรอบ ๆ เสร็จแล้ว เขาจึงควบม้ากลับไปหาเวลโดรและเชิญให้เวลโดรเป็นคนนำไป
ในเวลาต่อมาเวลโดรจึงได้ควบม้าและข้ามสะพานไม้ได้สำเร็จ
เมื่อเข้ามายังภายในป้อมปราการได้แล้ว เวลโดรจึงกวาดสายตามองรอบ ๆ
ทหารหญิงเผ่าไซเรนแต่ละคนล้วนมีใบหน้าที่สวยสดงดงาม ทหารชายเองก็มีใบหน้าที่หล่อเหลาไม่แพ้กัน
กองกำลังเผ่าไซเรากำลังจัดทัพกันอย่างรวดเร็วเพื่อต้อนรับจอมมารเวลโดร แต่ถึงจะอย่างนั้นพวกเขาก็ยังต้องเหลือทหารประจำตามจุดบนกำแพงเมืองไว้เพื่อเฝ้าระวัง
ในขณะเดียวกันนั่นเองทัพก็อบลินและนักรบเงาที่ถูกนำทัพโดยราชันก็อบลินและคาอัสก็จัดตั้งทัพเช่นเดียวกัน
จนท้ายที่สุดแล้วกองทัพไซเรน ทัพโครงกระดูก ทัพก็อบลิน และทัพนักรบเงารวมทั้งหมดทั้งมวลนับหลายหมื่นนั้นกำลังคุกเข่าลงต่อหน้าเวลโดร
ผู้นำทัพของเผ่าไซเรนนั้นเป็นทหารชายตนหนึ่งที่ดูแล้วก็น่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าไซเรนเพราะชุดเกราะของเขาดูท่าแล้วน่าจะดูมีราคาและหรูกว่า
“ข้าหัวหน้าเผ่าไซเรน ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมมารเวลโดรที่สามารถทำลายผนึกศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ”
เวลโดรลงจากม้าราชันทมิฬและเดินเข้าไปหาหัวหน้าเผ่าไซเรนที่กำลังคุกเข่าและก้มหน้าอยู่
“จงเงยหน้าขึ้น” เวลโดรกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉย
ทหารชายเผ่าไซเรนที่ได้ยินดังนั้นก้เริ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว และรีบก้มตัวลงแทบเท้าเวลโดรทันที
“ได้โปรดยกโทษให้กับเผ่าของเราด้วย ข้ารู้ดีว่าเผ่าไซเรนมีหน้าที่ดูแลป้อมปราการและเฝ้ารักษาธงของท่านจอมมารเวลโดรตั้งแต่บรรพกาล แต่…ข้าจำใจต้องทำตามคำสั่งของจอมมารอาร์คนอส ได้โปรดไว้ชีวิตเผ่าของเราด้วย”
หัวหน้าเผ่าไซเรนตนปัจจุบันรีบอธิบายด้วยความหวาดกลัว
ตั้งแต่ที่พวกเขารู้ว่าจอมมารเวลโดรได้ฟื้นคืนชีพนั้นจอมมารอาร์คนอสก็ได้ส่งเทพลูซิเฟอร์มาเตือนเหล่าไซเรนว่า ห้ามเปลี่ยนธงประจำป้อมปราการแห่งนี้เด็ดขาด
ซึ่งมันก้เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเผ่าไซเรนต้องทำตามเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ ถึงแม้ว่าหน้าที่ซึ่งสืบทอดมาอย่างยาวนานตั้งแต่เมื่อพัยปีที่แล้วนั้นอาจจะต้องสิ้นสุดลงก็ตาม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#309 Fikusa (จากตอนที่ 146)วันที่ 23 มีนาคม 2563 / 11:36ชีวิตใครใครรก็รัก ยิ่งมีลูกเผ่าอยู่เบื้องหลังแล้วก็ต้องเอาตัวรอด#3091
-
#309-1 SuruMaster(จากตอนที่ 146)23 มีนาคม 2563 / 18:15แบบนั้นเลยครับ 555#309-1
-