ตอนที่ 144 : ภาค 2-บท 44 ธงประจำกองทัพ
ในเวลาต่อมาธงประจำทัพของจอมมารเวลโดรได้ถูกชักขึ้นเหนือเมืองก็อบลิน เพื่อส่งสัญญาณให้รับรู้โดยทั่วกันว่าตอนนี้เผ่าก็อบลินได้ย้ายมาอยู่ฝั่งของจอมมารลำดับที่ 3 เวลโดรแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ในส่วนของกองทัพโครงกระดูกนั้นก็มีธงประจำชนเผ่าของตน แต่กองทัพนักรบเงาและก็อบลินจะใช้ธงประจำทัพของจอมมารเวลโดร
ตามปกติแล้วก็อบลินจะไม่มีธงประจำเผ่าของตนเพราะเผ่าก็อบลินมักจะแยกกลุ่มกันอยู่ พวกมันมีที่พึ่งอันเป็นศูนย์รวมอำนาจคือราชันก็อบลินเท่านั้น
โดยราชันก็อบลินจะเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดและได้รับอำนาจในการควบคุมก็อบลินทุกตัว นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ราชันก็อบลินเริ่มบ้าอำนาจและคิดแต่เรื่องโง่ ๆ
เมื่อมีธงของจอมมารเวลโดรให้เป็นสัญลักษณ์นั้นก็ทำให้พวกก็อบลิบเริ่มมีแรงใจอยากสู้ขึ้นมา มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการรักชาติ
อันที่จริงแล้วเหล่าประชาชนเผ่าก็อบลินก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ราชันของตนตัดสินใจตัดขาดจากจอมมารอาร์คนอสแล้วตั้งตนเป็นอิสระ
เพราะถ้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับไม่มีใครคุ้มกะลาหัวให้ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้จึงต่างทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจ
ราชันก็อบลินก็ได้เจ้านายที่แข็งแกร่งและเด็ดขาด ประชาชนก็อบลินก็มีคนคุ้มกะลาหัว เวลโดรก็ได้ลูกน้องเพิ่มขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นานจอมมารเวลโดรและพรรคพวกของเขาก็ได้รับการเชื้อเชิญไปยังพระราชวังก็อบลิน แต่ก็ถูกเวลโดรปฎิเสธแทบจะทันที
“ข้าต้องการกำลังพลของเจ้าอีกหนึ่งหมื่นตนเพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังผสม” เวลโดรออกคำสั่ง
ราชันก็อบลินที่ได้ยินดังนั้นก็รีบออกไปจัดการตระเตรียมกำลังพลทันที
คาเรอัสที่เห็นดังนั้นก็คว้าแผนที่ขึ้นมาจากคลังเก็บของมิติ ซึ่งมันเป็นรูปแบบเดียวกับที่เฉดและจาร์เร็ตมี ซึ่งเหตุผลที่คาเรอัสมีได้นั้นก็เพราะเขาเองก็เป็นนักเวทมิติคนหนึ่งเช่นเดียวกัน
“นายท่านเขตแดนที่เชื่อมต่อกับเผ่ามนุษย์คือเผ่าก็อบลินและเผ่าโอเกอร์ ถ้าผ่านเขตใดเขตหนึ่งไปจะพบกับป้อมปราการโบราณที่พวกเราใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับตั้งรับเมื่อพันปีที่แล้วขอรับนายท่าน ถ้าให้เทียบแล้วเส้นทางไปยังป้อมปราการนั้นใกล้กว่าเผ่าโอเกอร์มาก”
ป้อมปราการที่ว่านั้นก็คือป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ลากอาณาเขตเริ่มไปตั้งแต่มหาสมุทรแห่งหนึ่งยาวไปจนถึงมหาสมุทรอีกแห่งหนึ่ง รวมระยะทางแล้วได้ประมาณ 100 กิโลเมตร
“เคลื่อนทัพไปที่ป้อมปราการนั่น หลังจากนั้นค่อยเข้าสู่เขตแดนของเผ่าโอเกอร์” เวลโดรเริ่มวางแผน
กันต์ในร่างของเวลโดรเริ่มอยากที่จะระลึกความหลังขึ้นมาทันที เพราะป้อมปราการนั้นมันมีในฉากเนื้อเรื่องหลายครั้งมาก เขาอยู่เผ้าดูตั้งแต่มันเริ่มสร้างจนกระทั่งเสร็จ
ใช้เวลาไปในเกมประมาณ 2 ปีถึงจะสร้างเสร็จ ในชีวิตจริงก็ลากไปเกือบเดือน
“นายท่านข้าเองก็ไม่ได้ไปที่นั่นมากว่าหลายสิบปีแล้ว ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าถ้าไปแล้วจะเจออะไรบ้าง ทางที่ดีให้ข้าลองส่งทหารไปสำรวจเส้นทางก่อนเพื่อความสะดวก”
“ไม่ใช่ที่นั่นอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าปีศาจหรอกรึ” เวลโดรถามกลับ
“ขอรับนายท่านป้อมปราการยังอยู่ในการปกครองของเผ่าปีศาจ แต่ทว่าตอนนี้ผู้ที่คุมกองทัพปีศาจคือจอมมารอาร์คนอส หากท่านตั้งใจจะขึ้นครองบัลลังก์แทนอาร์คนอส นั่นก็แสดงว่าท่านได้ประกาศสงครามกับอาร์คนอสไปแล้ว”
คาเรอัสรีบอธิบายด้วยเหตุผลอันยาวเหยียด
“ประกาศสงครามระหว่างจอมมารกับจอมมาร” เวลโดรทวนคำพูด
“ขอรับนายท่าน มันคือสงครามแย่งชิงอำนาจ” คาเรอัสย้ำอีกครั้ง
“คาเรอัส ข้าขอสั่งให้เจ้าจัดเตรียมกำลังพลเดี๋ยวนี้รวมถึงจัดตำแหน่งให้กับก็อบลินด้วย ส่วนราชาก็อบลินมันต้องไปกับข้า”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดของเวลโดร คาเรอัสก็รีบกลับไปคุมกองทัพทันที
ในขณะเดียวกันนั่นเองราชาก็อบลินก็เป็นผู้นำการเดินทัพของก็อบลินนับหมื่นตน มาเคารพเวลโดร
“ราชันก็อบลิน เจ้าจงนำทัพของเจ้าไปหาคาเรอัสแล้วจากนั้นเจ้าจะรู้เองว่าควรทำเช่นไรต่อ”
“ขอรับท่านจอมมาร” ราชันก็อบลินก้มหัวให้กับเวลโดรก่อนที่จะออกเดินทัพต่อ
หลังจากนั้นกองทัพก็อบลินที่เหลือก็แยกกระจายตัวกลับไปตามป่าตามเขาดังเดิม เหลือทิ้งไว้เพียงกองทัพก็อบลินอีกหนึ่งหมื่นตัวที่ถูกจัดทัพร่วมกับโครงกระดูกและนักรบเงา
ในเวลาต่อมาคาเรอัสได้เดินเข้ามาหาเวลโดรพร้อมกับม้าตนหนึ่ง
มันเป็นม้าศึกที่ถูกประดับด้วยชุดเกราะอย่างงดงาม ด้วยลวดลายสีม่วงดำจึงทำให้มันดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
“นี่คือม้าทมิฬ เป็นม้าพันธุ์เดียวกับที่นายท่านเคยขี่เมื่อพันปีก่อนขอรับ” คาเรอัสจูงม้ามาหาเวลโดร
“ที่ข้าเคยขี่มันคือราชันม้าทมิฬ หัวหน้าฝูงของเหล่าม้าทมิฬ” เวลโดรแก้ไขข้อเท็จจริง
“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยขอรับนายท่าน หลังจากที่ราชันม้าทมิฬเมื่อพันปีก่อนได้สิ้นชีพลง ก็ไม่มีราชันม้าทมิฬกำเนิดใหม่อีกเลยเป็นเวลานับพันปีจนถึงปัจจุบัน”
จิตใต้สำนึกของเวลโดรที่ได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นมาทันที
“แท้จริงแล้วราชันม้าทมิฬไม่มีอยู่จริง ตัวที่ข้าเคยขี่นั้นคือม้าที่ข้าฝึกด้วยตนเอง พวกตนอื่นก็เอาแต่คิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วราชันม้าทมิฬต้องสร้างขึ้นมาเอง เจ้ามนุษย์เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าทำมันได้เช่นไร”
อ่า ผมรู้ดีเลยล่ะเพราะมันมีฉากเนื้อเรื่องที่อธิบายเกี่ยวกับราชันม้าทมิฬอยู่ และเวลโดรเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลยด้วย อาจจะเป็นเพราะว่านี่เป็นสิ่งที่มีแค่จอมมารเท่านั้นที่ทำได้
เวลโดรค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและจ้องเข้าไปในดวงตาของม้าทมิฬตรงหน้า
“ดึงวิญญาณ” เวลโดรเปิดใช้ทักษะ
ทันใดนั้นเองท้าทมิฬที่คาเรอัสจูงด้วยเชือกอยู่ก็เริ่มที่จะบ้าคลั่งขึ้นมา มันเริ่มพยศด้วยความหวาดกลัว
เสียงร้องอันทรมานของม้าทมิฬดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“คาเรอัสถอยไป ข้าจะจัดการเอง”
เวลโดรออกคำสั่งพร้อมกับใช้กรงเล็บของตนเข้ากรีดแขนตนเองในส่วนที่ไม่มีเกราะหุ้ม
เลือดสีม่วงสด ๆ หลั่งรินออกมาจากปากแผลและติดไปกับบริเวณกรงเล็บของเวลโดร
คาเรอัสที่เห็นดังนั้นก็ถอยห่างและกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ทันที เหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้าคาเรอัสนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#492 pppoommn (จากตอนที่ 144)วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 / 09:28กันต์อดไปเรียนอีกเเล้ว5555#4921
-
#492-1 SuruMaster(จากตอนที่ 144)11 พฤษภาคม 2563 / 18:23กว่าจะได้ไปก็ต้องผ่านอะไรอีกเยอะครับ#492-1
-
-
#306 Ramiel D gleam (จากตอนที่ 144)วันที่ 21 มีนาคม 2563 / 10:34เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว กันต์ไม่ได้กล่าวแต่เรากล่าว#3061
-
#306-1 SuruMaster(จากตอนที่ 144)21 มีนาคม 2563 / 15:56555 เป็นทุกอย่างจริงๆครับ#306-1
-
-
#305 danayapat123 (จากตอนที่ 144)วันที่ 21 มีนาคม 2563 / 09:39ไม่รู้ว่ากันต์จะได้ไปเรียนในหน่วยจู่โจมอีกไหม#3051
-
#305-1 SuruMaster(จากตอนที่ 144)21 มีนาคม 2563 / 15:54ถ้าพี่แกยังไม่ออกจากร่างจอมมารคงไม่ได้กลับสักทีละครับ#305-1
-
-
#304 Fikusa (จากตอนที่ 144)วันที่ 21 มีนาคม 2563 / 09:07ต่อจากนี้จะสลับบทบาทยังไงไม่ให้วุ่นวายเนี่ย#3041
-
#304-1 SuruMaster(จากตอนที่ 144)21 มีนาคม 2563 / 15:55สลับกันวุ่นแน่นอนครับ#304-1
-