ตอนที่ 139 : ภาค 2-บท 39 อาจารย์เรล์ม
กันต์เองก็คุ้นเคยกับการต่อสู้ด้วยดาบมาแล้วพอตัว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรับหรือรุกเขาก็มีประสบการณ์ทั้ง 2 อย่าง นั่นจึงทำให้ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะหลบการโจมตีของเรล์มได้
“ถ้าเจ้าเอาแต่หลบ จุดจบที่รออยู่ก็มีเพียงแค่ความตาย”
หลังจากที่เรล์มกล่าวจบปลายคมดาบสีเงินก็พุ่งเข้าจ่อที่คอหอยของกันต์แล้ว
เพียงชั่วพริบตาเรล์มก็สามารถย่นระยะห่างและคาดเดาการเคลื่อนไหวของกันต์ออก
“ประสบการณ์ของเจ้ายังน้อยไป ลองใช้สมาธิให้มากกว่านี้”
เรล์มชักดาบกลับและก้าวเท้าถอยหลัง
การที่ผมไปสู้กับผู้หญิงคนนั้นในถ้ำ ทำให้มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะหลบการโจมตีของเรล์มแค่ไม่กี่ครั้งเองเหรอ
“ไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้น สตรีที่เจ้าสู้ด้วยในถ้ำนางไม่ได้ใช้ดาบเป็นอาวุธหลัก การที่เจ้าจะมีประสบการณ์น้อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด”
นั่นก็หมายความว่ากันต์สามารถเทียบเคียงฝีมือกับสตรีหน้ากากแดงก็เพราะเธอยังไม่ได้เอาจริงด้วยเหตุผลบางอย่างเธอ
“เห็นด้วยเหรอครับ ว่าตอนที่ผมเล่นเป็นจอมมารเวลโดรทำอะไรลงไปบ้าง”
“ไม่ใช่แค่ข้า แต่เป็นทุกคน พวกเราเห็นทุกอย่างไม่ว่าเจ้าเห็นสิ่งใด พวกเราก็เห็นสิ่งนั้น เอาล่ะเลิกเสียเวลาแล้วฝึกต่อได้แล้ว”
เรล์มเอ่ยขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้กันต์เองก็สามารถยกดาบรับการโจมตีของเรล์ม และในบางจังหวะก็เบี่ยงตัวหลบ
แต่ทว่ากันต์ยังไม่สามารถหาจังหวะสวนกลับไปได้เลยสักนิด การโจมตีของเรล์มแทบไร้จุดบอด เขาฝึกวิชาดาบมากี่ปีแล้วกันแน่
[จิตใต้สำนึกของเครกพยายามบอกให้คุณอย่าพึ่งยอมแพ้]
[จิตใต้สำนึกของเวรัคมองความห่างชั้นระหว่างคุณกับเรล์มด้วยสายตาอันเรียบเฉย]
[จิตใต้สำนึกของอาร์เซนยังคงหลับใหลเช่นเคย]
ผมโอเคกับความคิดของเวรัคกับเครกน่ะ แต่อาร์เซนเขายังมีอารมณ์นอนอยู่อีกเหรอ
“เครกสอนเจ้าแล้วไม่ใช่รึ ว่าห้ามเสียสมาธิระหว่างต่อสู้”
ปลายคมดาบของเรล์มเฉือนผิวหนังบริเวณต้นคอของกันต์ และฝากรอยแผลบาง ๆ ไว้
“ขอโทษครับ ขออีกครั้ง” กันต์ตั้งท่าใหม่โดยเขาลอกวิธีมาจากเรล์ม
เรล์มยืนยังไงหันเท้าทางไหน กันต์ลอกเลียนแบบทุกอย่าง
“เรียนโดยใช้ข้าเป็นตัวอย่างก็ไม่ใช่วิธีที่แย่นัก” เรล์มเอ่ยสั้น ๆ ก่อนที่จะตวัดดาบ
2 ชั่วโมงครึ่งผ่านไป
เรล์มและกันต์ต่างฟาดฟันดาบใส่กันอย่างบ้าคลั่ง เสียงของดาบและประกายไฟที่เกิดขึ้นนั้นแทบจะเป็นวินาทีต่อวินาที
กันต์ได้เข้าใจถึงบางอย่างแล้ว วิชาดาบของเรล์มนั้นไม่มีอยู่จริง เขาเพียงแค่โจมตี โจมตี ไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
การโจมตีของเรล์มไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนและตายตัว มันจะเปลี่ยนตัวเองไปตามสภาพของฝ่ายตรงข้าม
“เคร้ง” เสียงของดาบที่เข้าปะทะกันดังขึ้นอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันนั่นเองดาบของเรล์มก็ตวัดลงอย่างฉับพลันและฟันเข้าไปในมือของกันต์
เลือดสีแดงสด ๆ ไหลออกมาจากปากแผลที่มือของเขาอย่างชัดเจน
กันต์ถึงกับรีบปล่อยมือออกจากดาบและคุกเข่าลง
ในครั้งนี้เขาเจ็บจริงและส่งตรงไปถึงสมอง โดยไม่มีการถ่ายโอนความเจ็บปวดสู่สิ่งใดทั้งสิ้น
กันต์กัดฟันด้วยความทรมาน เมื่อมองดูให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่ามือขวาของกันต์ถูกฟันจนนิ้วแทบขาด
ความรู้สึกของเขาชาไปชั่วขณะ เพราะความเจ็บปวดที่รุนแรงเกินไป
[ร่างกายของผู้เล่นจะถูกฟื้นฟูโดยอัตโนมัติหากผู้เล่นต้องการเพียงเอ่ยคำว่าฟื้นฟู]
“ฟื้นฟู” กันต์รีบพูดออกไปทันที
มือที่โชกเลือดเริ่มฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติ และในที่สุดมันก็กลับเป็นเหมือนเดิมเหลือทิ้งไว้เพียงเลือดสีแดงเท่านั้น
“หากนี่เป็นสนามรบบาดเจ็บแค่นี้เป็นเรื่องธรรมดา โดนเพียงแผลเดียวถึงกับต้องปล่อยดาบ เจ้ายังไม่มีความอดทนมากพอ”
ที่เรล์มพูดมันถูกแล้ว ถ้าเขาไม่รู้จักอดทนกับความเจ็บปวดบ้างสุดท้ายคนที่ตายก็เป็นตัวเขาเอง
กันต์ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและคว้าดาบในมือขึ้นมา
การโดนฟันมือทำให้กันต์เข้าใจถึงความจริงอีกเรื่องหนึ่ง แท้จริงแล้ววิชาดาบของเรล์มนั้นก็มีรูปแบบที่แน่นอนอยู่
ทั้งช่วงต้นและปลายมีรูปแบบที่ชัดเจน เพียงแต่ตรงช่วงกลางนั้นสามารถยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้
ถ้าไม่โดนด้วยตัวเองก็คงไม่มีวันเข้าใจ
เมื่อกันต์เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งเรล์มก็ได้หายตัวไปกับลำแสงสีฟ้าแล้ว
[เวลาคงเหลือ 0 นาที จิตใต้สำนึกของเรล์มถูกเรียกตัวกลับเรียบร้อย]
“มีแต่ต้องทำสินะ” กันต์สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ และยกดาบขึ้นกรีดแขนตัวเอง
การกระทำของเขามันอาจจะดูเหมือนคนบ้า แต่เขาคิดออกแค่วิธีนี้เท่านั้น
เลือดไหลออกมาจากปากแผลอย่างช้า ๆ
ในการต่อสู้เขาจะเสียสมาธิไม่ได้ หากโดนความรู้สึกเจ็บปวดเข้าเล่นงานจนเผลอปล่อยดาบในมืออีก ผลที่ตามมาก็มีแต่ความตาย
กันต์นั่งลงกับพื้นวิหารและเริ่มฝึกดึงมานาออกจากร่างกายอีกครั้งในขณะที่แผลยังเปิดอยู่
หลายชั่วโมงผ่านไปกันต์ฝึกแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดเขาก็ชินกับความเจ็บปวด และมีความสามารถมากพอจะสู้ต่อในสถานการณ์ที่บาดเจ็บได้
เรล์มคงเจ็บปวดและทรมานมากในตอนที่เขาใช้ร่างของเรล์มเข้าต่อสู้กับดันเต้ มันเป็นความเจ็บปวดที่กันต์ไม่มีวันได้รู้สึกถึง
เพราะสิ่งที่ร่างของเรล์มเจอในวันนั้นมันก็เท่ากับก้าวไปสู่ความตายเกือบสมบูรณ์ หยดโลหิตไร้มลทินนั้นเป็นทักษะที่ต้องทนกับความเจ็บปวดในระยะเวลาที่ยาวนาน หากทนไม่ได้มันก็จะกลายเป็นเพียงทักษะที่ไร้ประโยชน์
ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้ต้องการอะไรเช่นนั้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#289 Fikusa (จากตอนที่ 139)วันที่ 16 มีนาคม 2563 / 11:22เจ็บแล้วจำคือคนเจ็บแล้วทนคือเทพ#2893
-
#289-1 besdcom(จากตอนที่ 139)16 มีนาคม 2563 / 18:37เพลงลอยมาเลย#289-1
-
#289-2 SuruMaster(จากตอนที่ 139)16 มีนาคม 2563 / 19:20555เหมือนจะเป็นไปได้หลายเพลงเลยนะครับ แค่เปลี่ยนคำสุดท้าย#289-2