ตอนที่ 125 : ภาค 2-บท 25 สงครามเอดัน
ผมเลือกเวรุสไปเป็นคนนำทัพในตอนนั้น เพราะพอดีว่ามันเป็นฉากเนื้อเรื่องที่มีตัวเลือกแค่คาเรอัสกับเวรุส
ในวันนั้นผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมนั่งค้างอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นชั่วโมง
ในทุกครั้งที่เกมมีตัวเลือกแบบนี้มาให้มันก็มักจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องของเกมเสมอ
บางครั้งผมก็เคยสงสัยว่าเกมนี้มันมีฉากจบกี่แบบกันแน่ หรือทุกตัวเลือกมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน
สุดท้ายผมก็โทรเรียกเพื่อนสนิทหรือก็คือไอ้นนท์มาที่บ้านและช่วยกันคิดถึงตัวเลือกที่ถูกต้อง
นนท์บอกกับผมว่าเวรุสไม่เคยคุมกองทัพใหญ่ ๆ เขาต้องแพ้แน่
ผมเลยตอบกลับไปว่าเกมFarness World มันคงไม่สมจริงขนาดนั้นหรอกมั้ง มันเป็นแค่เกมแผ่นเอง
แน่นอนผมเลือกเวรุสเพราะเขาดูเก่งกว่าและจริงจัง แต่สุดท้ายก็คิดผิด ผมน่าจะฟังคำเตือนของนนท์
เกมนี้มันเป็นอย่างที่นนท์เคยพูดไว้ มันสมจริงเกินไป มันมีระบบที่เยอะเกินไป มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ก้าวล้ำกว่าวงการเกมในปัจจุบัน
มันเหมือนกับเป็นเกมที่มาจากอนาคต และคำตอบสุดท้ายที่ได้คือ
แน่นอนผมเลือกเวรุสเพราะเขาดูเก่งกว่าและจริงจัง แต่สุดท้ายก็คิดผิด ผมน่าจะฟังคำเตือนของนนท์
แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลักของเกมมากนัก ไว้ผมจะเล่าเรื่องสงครามเอดันอีกถ้ามีโอกาส
ในระหว่างที่เถียงกับเวลโดรผมก็เก็บของในวิหารสมบัติลอยฟ้าจนเกลี้ยง ถึงแม้มันจะมีอะไรไม่ค่อยมากก็เถอะ
และในหีบกล่องสุดท้ายนั่นเอง มันเป็นกล่องสีทองที่ถูกประทับด้วยตราของเทพ 3 องค์ คือเรติอุส อัลเมเนีย และอาเธน่า
มันเป็นกล่องที่ดูหรูหราและสวยงามที่สุดในหมู่กล่องสมบัติทั้งหมด
เมื่อกล่องถูกเปิดออกก็ปรากฏให้เห็น ลูกโลกสีทองขนาดเท่ากำมือ มันมีวงแหวนสีทอง 2 วงที่กำลังหมุนวนรอบ ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง
บางทีเจ้าวงแหวนของสิ่งนี้อาจจะหมุนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานับพันปี เพื่อรอเวลาที่จอมมารเวลโดรจะได้ออกมาจากผนึกอีกครั้ง
จิตใต้สำนึกของเวลโดรที่เห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น “ผนึกศักดิ์สิทธิ์อีกอันหนึ่งรึ พวกมนุษย์ก็กลัวข้ากันเสียเหลือเกิน”
ใช่แล้ว อย่างที่จิตใต้สำนึกของเวลโดรพูดไว้ มันคือตั๋วเบิกทางเพื่อกลับไปยังร่างต้นของผมนั่นเอง
ผมเลือกที่จะเก็บสิ่งนี้ไว้ในคลังก่อน และเดินกลับไปยังส่วนกลางของวิหารลอยฟ้า
“จุดวาร์ปรูปแบบพิเศษ”
ผมกำลังพูดถึงวงเวทเคลื่อนย้ายข้ามมิติที่ถูกเขียนวางไว้ใต้โลงศพกลางวิหาร
ถ้ายังจำกันได้ผมเคยใช้มันในตอนที่เล่นเป็นเวรัคครั้งแรก
วิธีใช้ก็เหมือนเดิม พยายามนึกภาพในหัวถึงสถานที่ ที่ต้องการไปให้ชัดเจน
มันถูกโลงศพอะไรก็ไม่รู้วางทับวงเวทไว้อยู่และถ้าฝืนใช้วงเวทเคลื่อนย้ายไปตอนนี้โลงศพนี่ก็จะข้ามมิติไปพร้อมกับผมด้วย
เอาจริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกแค่เอาโลงศพไปเดียวคงไม่ใช่เรื่องใหญ่
และผมก็ไม่สามารถเอาโลงศพนี่เก็บไว้ในคลังได้เช่นกัน น่าจะเป็นเพราะมันมีขนาดที่ใหญ่เกินไป
ผมใช้ร่างของเวลโดรเดินเข้าไปใกล้ ๆ โลงศพและเริ่มกระบวนการร่ายเวทเพื่อใช้วงเวทเคลื่อนย้าย
ตอนนี้ผมมีปัญหาอยู่ หนึ่งคือการจะใช้ผนึกศักดิ์สิทธิ์นั้นจำเป็นต้องให้คนที่มีเลเวลอย่างต่ำ 90 มาผนึกให้
ในสถานการณ์ปัจจุบันคือผมทำไม่ได้และไม่มีใครทำได้ด้วยในตอนนี้
และการปล่อยให้ร่างของเวลโดรถูกผนึกที่นี่ไปอีกครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ทางที่ดีไปผนึกที่อื่นจะดีกว่า
“ข้าจะไม่ถามว่าเจ้าจะไปที่ไหน แต่ข้าขอเตือนว่าหากเจ้าคิดจะผนึกข้า เรื่องของเราคงไม่จบลงง่าย ๆ” จิตใต้สำนึกของเวลโดรเตือนออกมาด้วยความหวังดี
หลังจากที่เวลโดรกล่าวจบวงเวทก็เรืองแสงออกมา พร้อมกับนำพาร่างของเวลโดรและโลงศพข้ามมิติไป
ที่สมาคมการค้าดาบสีคราม เมื่อไม่กี่นาทีก่อน
เรย์รีบวิ่งออกไปดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นข้างนอกด้วยความวิตกกังวล
ในเวลานี้เป็นยามบ่าย แต่ท้องฟ้านั้นกลับเต็มไปด้วยเมฆสีเทาเข้มกระจายตัวไปทั่ว
บริเวณทางทิศเหนือของเมืองนั้นปรากฏให้เห็นเงาของมังกรขนาดใหญ่ที่กำลังโบยบินอยู่ในท้องนภาภายใต้หมู่เมฆ
เสียงคำรามของมังกรตนนั้นดังกึกก้องไปเกือบทั่วทั้งโลก พร้อมกับเสียงฟ้าร้องที่ดังตามมาเป็นระยะ ๆ
ผู้คนที่ได้ยินเสียงคำรามของมังกรล้วนพากันฉงนและสงสัยในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
“มันเป็นสัญญาณของผู้กล้าคล็อด” เสียงของเรติน่าที่ดังมาจากข้างหลัง
เรติน่าพยายามเดินออกมาดูข้างนอกในขณะที่ตนกำลังตกอยู่ในอาการปวดหัว
“เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้วผู้กล้าคล็อดได้สร้างแท่นบูชาเทพเจ้ามังกรทองรีไดอัสไว้ และสร้างข้อตกลงร่วมกับทุกอาณาจักร”
เรย์ที่ได้ยินดังนั้นก็หันหลังกลับมามองที่เรติน่าแทบจะทันที “หรือว่านั่น...คือสาสน์มังกรทอง”
เรติน่าผงกหัวเบา ๆ เพื่อยืนยันคำพูดของเรย์
“ข้าต้องรีบกลับไปเกาะลอยฟ้า ถ้าหากท่านเครกกลับมาก็ฝากบอกท่านด้วยว่าข้าอยู่ที่อาณาจักรทางตอนกลาง”
เรย์รับคำของเรติน่าและหันหลังไปมองยังฟากฟ้าเพื่อยืนยันสิ่งที่เห็นด้วยตาตนเองอีกครั้ง
ณ ปราสาทแห่งหนึ่ง
บรรยากาศรอบปราสาทนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัดและวังเวง ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนมันก็ล้วนสร้างบรรยากาศที่กดดันได้เสมอ
ภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่นั้นมีเพียงบุคคลคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ ส่วนบนบัลลังก์นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ปีศาจผู้มีใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพกำลังปรายสายตามองไปยังด้านนอกหน้าต่าง
สายตาอันเรียบเฉยของเขาจ้องมองไปยังเงาของมังกรภายใต้หมู่เมฆอันมืดครึ้ม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

739 ความคิดเห็น
-
#269 SKYOriginal (จากตอนที่ 125)วันที่ 7 มีนาคม 2563 / 18:18มันคือ#2691
-
#269-1 SuruMaster(จากตอนที่ 125)7 มีนาคม 2563 / 18:56ถ้าหมายถึงสาสน์มังกรทองก็คงรู้แล้วใช่ไหมครับ#269-1
-