ตอนที่ 115 : ภาค 2-บท 15 พลังที่ตื่นขึ้นของราชาปีศาจ(1)
ในระหว่างที่เวลโดรกำลังเดินไปอยู่นั้น นักรบพาลาดินก็พุ่งเข้ามาโจมตีตามสัญญาณของนักบุญศักดิ์สิทธิ์
“เคร้ง” ดาบสีเงินของพาลาดินคนหนึ่งถูกเวลโดรคว้าไว้ด้วยมือเปล่า
เสียงของกรงเล็บและดาบเข้ากระทบกันทำให้เกิดเสียงดังที่แสบแก้วหู
กรงเล็บที่ปลายนิ้วของเวลโดรนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันมีความแข็งเทียบเท่ากับอาวุธระดับตำนานเลยทีเดียว
“ข้าไม่มีเวลามาสนใจพวกเจ้า” เวลโดรขย้ำดาบด้วยกรงเล็บจนแตกกลายเป็นเศษดาบและชกสวนกลับไป
ทักษะการพูดของกันต์นั้นเรียกได้ว่าสามารถลอกเลียนแบบเวลโดรได้เกือบทุกอริยาบท เพราะตัวละครเวลโดรเป็นตัวละครที่กันต์เล่นมาเป็นเวลาเกือบปี
เมื่อหมัดของเวลโดรเข้ากระทบกับม่านพลังที่นักบุญศักดิ์สิทธิ์ร่ายไว้ให้แก่นักรบพาลาดินนั่นเอง
มันก็ทำได้เพียงส่งร่างของพาลาดินกระเด็นไปเท่านั้น หมัดของเวลโดรยังไม่สามารถเจาะทะลุม่านพลังได้
เวลโดรที่เห็นดังนั้นก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาเล็กน้อย
“คุกหนามทมิฬ” กันต์ในร่างของเวลโดรเปิดใช้ทักษะ
เวลโดรยื่นมือขวาออกมาและกำมือ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มท่องบทอะไรสักอย่างก่อนที่จะทุบกำปั้นนั้นลงพื้นดิน
ในขณะเดียวกันนั่นเองพื้นของเกาะลอยฟ้าก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
พื้นดินรอบ ๆ ตัวของเวลโดรเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีดำม่วงและแพร่ขยายเป็นวงกว้าง
“รีบหนีออกจากพื้นสีดำนี่เร็วเข้า!” นักบุญศักดิ์สิทธิ์ตะโกน
คำเตือนของนักบุญศักดิ์สิทธิ์นั้นช้าเกินไป เวทของเวลโดรสามารถทำงานได้เร็วกว่า
ทันใดนั้นเองหนามสีดำก็พุ่งทะลุขึ้นมาจากพื้นดินเข้าทิ่มแทงเหล่านักรบพาลลาดินที่อยู่โดยรอบ
นับเป็นโชคดีของเหล่านักรบที่หนามไม่ได้พุ่งมาเร็วมากนักและพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ทำให้สามารถหลบการโจมตีที่ถึงชีวิตมาได้
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเสียม่านพลังของนักบุญศักดิ์สิทธิ์ไป เพราะเวทบทนี้ของเวลโดรมีไว้เพื่อทำลายเวทม่านพลังโดยเฉพาะ
มันเป็นหนามที่มีพลังในการเจาะทะลวงที่สูง
หนามสีดำที่พุ่งมาจากพื้นดินเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนห้อมล้อมและถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเหมือนคุกขนาดใหญ่
ทักษะนี่เองก็เป็นหนึ่งในทักษะที่โกงที่สุดจากตัวละครทั้งหมด เพราะมันกินมานาน้อยมาก แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่
เส้นทางที่มุ่งไปยังสะพานเชื่อมเพื่อไปต่อยังวิหารลอยฟ้านั้นถูกล้อมไปด้วยหนามสีดำ
เหล่านักรบพาลาดินและนักบุญศักดิ์สิทธิ์ถูกกีดกันไว้ข้างนอก
แต่หนามสีดำนั้นมีความสูงแค่ประมาณ 4 เมตรเท่านั้น นักรบพาลาดินสามารถกระโดดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
แต่มันยังไม่จบแค่นั้นเพราะหนามนั้นมันยังสามารถยืดขยายจนกลายมาเป็นหลังคาคุมไว้ได้อีก
ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีใครสามารถกระโดดหรือบินเข้ามาภายในคุกหนามทมิฬได้อีกแล้ว
กันต์ตั้งใจใช้ทักษะนี้ของเวลโดรเพื่อไล่ให้พวกคนเกะกะออกไป แล้วหลังจากนั้นตัวเองจะได้เดินไปยังวิหารลอยฟ้าง่าย ๆ
แต่น่าเสียดายความจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น
“เจ้าก็ยังอุตส่าห์เข้ามาทัน” เวลโดรมองบุคคลตรงหน้าด้วยความเหน็ดเหนื่อยใจ
นักบุญศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรทางตอนกลางสามารถเข้ามาภายในคุกหนามทมิฬก่อนที่มันจะปิดลงได้ และในตอนนี้เธอก็ยืนอยู่หน้าเวลโดรแล้ว
“ข้าไม่ยอมให้ปีศาจอย่างเจ้าได้เข้าใกล้วิหารลอยฟ้าสมบัติแสงเด็ดขาด”
นักบุญศักดิ์สิทธิ์ประกาศกร้าวและยื่นมือทั้ง 2 ข้างของเธอออกมาข้างหน้า
ทันใดนั้นเองม่านพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นอีกหลายต่อหลายชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เวลโดรเดินเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้
“นักบุญศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าทำได้มากสุดก็แค่ป้องกันและช่วยเหลือ ส่วนด้านการโจมตีก็ไร้ซึ่งฝีมือ”
เวลโดรกล่าวเยาะเย้ยในความพยายามของนักบุญศักดิ์สิทธิ์
“ข้าชอบประโยคที่เจ้าพูด มันเหมือนกับที่ข้าเคยด่าบรรพบุรุษของยัยนั่นไม่มีผิด” จิตใต้สำนึกของเวลโดรกล่าวขึ้นด้วยความชอบใจ
ตามปกติแล้วนักบุญศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้รับการฝึกฝนในการต่อสู้เพราะพลังแห่งเทพที่ได้รับมานั้นไม่ได้เหมาะสำหรับการโจมตี
นักบุญศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกเปลี่ยนมานับหลายต่อหลายรุ่นในช่วงเวลานับพันปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยมีบันทึกไว้เลยว่าจะมีนักบุญศักดิ์สิทธิ์รุ่นไหนใช้พลังแห่งเทพในการโจมตีได้
“ข้าจะไม่ฟังคำของปีศาจอย่างเจ้า จอมมารเวลโดร” นักบุญศักดิ์สิทธิ์ยังคงพยายามร่ายเวทม่านพลังต่อไป
“เจ้ามนุษย์แสดงพลังของข้าให้ยัยนั่นดู เอาให้มันหวาดกลัวจนหัวหดให้มันสิ้นหวังและยอมรับในความพ่ายแพ้”
ดูเหมือนจิตใต้สำนึกของเวลโดรจะเริ่มรำคาญคำพูดของนักบุญศักดิ์สิทธิ์แล้ว
กันต์เองก็เริ่มอยากรู้แล้วว่าระบบเพิ่มเลเวลของตัวละครยังทำงานอยู่ไหม ถ้าเขาลองทำตามคำขอของจิตใต้สำนึกตัวละคร
“ราชันแห่งอสูรกายอินทนิล” เวลโดรร่ายเวท
หลังจากที่เวลโดรเอ่ยจบนั้นเอง บรรยากาศรอบ ๆ กายของเขาก็เริ่มหนักอึ้งและให้ความรู้สึกกดดัน
แสงสีม่วงเข้มสว่างวูปลอดผ่านเกราะหมวกบริเวณดวงตาซ้ายและจางหายไป
ออร่าสีม่วงเข้มเริ่มปรากฏขึ้นรอบกายของเวลโดร นั่นมันทำให้เขาดูน่ากลัวขึ้นไปอีกเท่าตัว
ทักษะราชันแห่งอสูรกายอินทนิลจะทำให้เวลโดรได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นตามความหวาดกลัวที่อยู่รอบ ๆ
ยิ่งหวาดกลัวกันมากเท่าไหร่เวลโดรก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
เวลโดรค่อย ๆ ย่างเท้าเข้าไปใกล้ม่านพลังศักดิ์สิทธิ์
แต่ละก้าวที่ผ่านไปมันก็ยิ่งทำให้นักบุญศักดิ์สิทธิ์รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#489 pppoommn (จากตอนที่ 115)วันที่ 10 พฤษภาคม 2563 / 21:07เรื่องนี้มีหลายปมให้ดูจริงๆ5555#4891
-
#489-1 SuruMaster(จากตอนที่ 115)11 พฤษภาคม 2563 / 09:19มันเยอะมากเลยละครับ#489-1
-
-
#247 ChaiyapakTop (จากตอนที่ 115)วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 / 13:07แจ่มแมว#2471
-
#247-1 SuruMaster(จากตอนที่ 115)21 กุมภาพันธ์ 2563 / 17:06555 แน่นอนครับ#247-1
-
-
#246 Fikusa (จากตอนที่ 115)วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 / 11:10เอาจริงๆก็สงสัยนะว่าตอนที่เล่นเป็นเกมอยู่พวกความรู้สึกของตัวละครที่กำลังสู้กันอยู่แสดงผลออกมาเป็นยังไง พวกเวทเกี่ยวกับจิตใจความรู้สึกที่จอมมารใช้ในเกมแสดงผลออกมาเหมือนในชีวิตจริงมากแค่ไหน ดูยังไงว่ามอนในเกมรู้สึกกลัว โอย ปวดหัว#2465
-
#246-3 SuruMaster(จากตอนที่ 115)21 กุมภาพันธ์ 2563 / 12:19เฮ้ยวาดรูปไร ใกล้สอบแล้วอ่านหนังสือดิ#246-3
-
#246-5 SuruMaster(จากตอนที่ 115)21 กุมภาพันธ์ 2563 / 12:26น่าอิจฉา นี่ปิดเทอมรอแก้ !!#246-5
-
#245 danayapat123 (จากตอนที่ 115)วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 / 09:36ไรท์คะ ถ้ากันหลับอยู่อย่างนี้ จะทำยังไงเรื่องกลิ่นอายปีศาจในร่างกายล่ะคะ#2451
-
#245-1 SuruMaster(จากตอนที่ 115)21 กุมภาพันธ์ 2563 / 09:49นั่นแหละครับ มันถึงทำให้พระเอกเราต้องรีบกลับไป แต่เวลาที่ต่างโลกนั้นเดินช้ากว่า พี่แกเลยมีเวลาอีกประมาณเกือบ 4 วัน เพื่อหาทางกลับ#245-1
-