แม่ค้าขายข้าวต้มมัด - แม่ค้าขายข้าวต้มมัด นิยาย แม่ค้าขายข้าวต้มมัด : Dek-D.com - Writer

    แม่ค้าขายข้าวต้มมัด

    ด้วยความที่หญิงชราเคยทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง ถึงแม้วันนี้แกจะมีลูกเป็นถึงประธานบริษัทแต่แกก็ยังพยายามหาเงินโดยการขายข้าวต้มมัดอยู่

    ผู้เข้าชมรวม

    140

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    140

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 มี.ค. 67 / 05:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ลมพัดเอากลิ่นน้ำเน่าจากคลองท้ายหมู่บ้านสุวินทวงศ์ปลิวเข้ามาชนจมูกหญิงชราสวมเสื้อพวงทับด้วยเสื้อแขนยาวและนุ่งผ้าซิ่น ปกคลุมผิวหนังอันเหี่ยวย่น เสียงครางกระหึ่มของเครื่องบินที่จะบินไปจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิขณะที่หญิงชราออกแรงเข่นรถเข่นไม้ที่บรรทุกถังน้ำไว้เต็มคันรถกลางแดดจ้าในยามเช้าตรู่เพื่อที่จะไปรดน้ำผักที่ปลูกไว้หลังหมู่บ้าน แกชื่อว่ายายสวัสดิ์

    ก่อนที่ยายสวัสดิ์จะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพกับลูกชาย ยายแกเคยอยู่ที่บ้านนอก บ้านที่แกอยู่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ข้างหลังบ้านเป็นสวนกล้วย ได้กลิ่นโคลนสาบควายจากคอกควายข้างๆ บ้าน แกเคยฆ่าไก่เพื่อไปขายที่ตลาดสด เคยต้มข้าวต้มหมัดไปขายที่ตลาดนัดคลองถม สามีของหล่อนตายไปตั้งแต่ลูกยังทั้ง5คนยังเล็ก หญิงชราจึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้เงินมาจุนเจือชีวิตของหล่อนและส่งเสียลูกให้เรียนหนังสือ

    สามีของยายสวัสดิ์ชื่อว่าตาจารกึกตอนที่ยังมีชีวิตมีนิสัยชอบกินเหล้าและเจ้าชู้ ลูกคนที่3ของหล่อนชื่อว่านูญมีหน้าตาคล้ายกับตาจารกึกมาก ในตอนนั้นนูญพึ่งจะเป็นวัยรุ่นได้เริ่มหัดดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน ทันทีที่เด็กหนุ่มเดินโซเซกลับมาถึงบ้าน เขาได้พบกับผู้เป็นแม่กำลังทำข้าวต้มหมัดอยู่พอดี หล่อนได้กลิ่นเหล้าคลุ้งที่โชยมาจากร่างของลูกชาย หล่อนรีบคว้าไม้กวาดกระหน่ำฟาดเข้าที่หลังของลูกชายด้วยความเกรี้ยวโกรธ ชีวิตของนูญจึงไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ แต่ยังพอจับพลัดจับผลูหาเลี้ยงชีพตัวเองด้วยการซ่อมมอเตอร์ไซต์ ยายสวัสดิ์ให้กำเนิดลูกชายคนที่ 4 ในช่วงที่โผนกิ่งเพชรนักมวยไทยชื่อดังได้แชมโลก ลูกชายคนที่ว่าจึงได้ชายว่าโผน ชีวิตของโผนประสบความสำเร็จเหมือนกับโผนกิ่งเพชรเช่นกันคือ สอบได้เป็นที่ 1 ของห้อง สอบเข้ามหาลัยได้ จนสุดท้ายได้เป็นถึงประธานบริษัทแห่งหนึ่งแถวบางนา ยายสวัสดิ์จึงย้ายมาอยู่กับลูกชายคนนี้

    ถึงแม้ลูกชายของยายสวัสดิ์จะเป็นถึงประธานบริษัท แต่หลอนก็ยังไม่ยอมหยุดไขว่คว้าหาเงินทองตามพื้นเพนิสัยเดิม คนอื่นๆ ตอนอารมณ์เสียเขาพากันสบถด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่กลับยายแกชอบสบถว่า

    “เงินเอ่ย เงินเอ่ย เงินเอ่ย”

    หญิงชรามีประพฤติกรรมแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งคือชอบตัดต้นไม้ที่มันไม่ได้ผลิดอกออกผลเพื่อที่จะเอาไปขายได้

    ลุงแดงไว้ผมทรงมหาดไท ลุงแกเป็นยามเฝ้าหมู่บ้านสุวินทวงศ์ วันๆ ใช้เวลาไปกับการเฝ้าอยู่ที่ประตูหน้าหมู่บ้านเพื่อคอยเปิดปิดประตูให้กับรถยนต์และมอเตอร์ไซต์เดินทางเข้าออก ลุงแกทำแปลงผักไว้หลังป้อมยาม ตอนรู้สึกเบื่อๆ ก็มาถอนหญ้าที่ขึ้นรอบๆ ต้นผัก

    وَلَمْ یُصِبْ صَاحِبُهَا مِنْهَا شَیْئاً إِلاَّ فَتَحَتْ لَهُ حِرْصاً عَلَیْهَا،

    وَلَهَجاً بِهَا، وَلَنْ یَسْتَغْنِیَ صَاحِبُهَا بِمَا نَالَ فِیهَا عَمَّا لَمْ یَبْلُغْهُ مِنْهَا

     

    (คำแปล ผู้ที่ลุ่มหลง (กับชีวิตใน) โลกนี้ เขาจะไม่ได้รับสิ่งใดจากมัน นอกเสียจากสิ่งนั้น (โลก) จะเปิดประตูแห่งความโลภหลงและการยึดติดกับมันให้แก่เขา และผู้ที่ลุ่มหลงในมันจะไม่รู้สึกพอเพียงต่อสิ่งที่เขาได้รับ จากสิ่งที่เขายังไปไม่ถึงมัน)

    เสียงสวดคัมภีร์อัลกุรอานดังกลบเสียงงัดแงะประตูเหล็กข้างหลังบ้านยายสวัสดิ์ในช่วงเช้ามืด แต่ด้วยความบังเอิญที่ยายแกตื่นมาเตรียมของจะทำขนมขายจึงพบกับหัวขโมย มันกำลังพยายามตัดแม่กุญแจที่ประตูหลังบ้าน หัวขโมยพอมันรู้ว่ามีคนเดินมา มันรีบเผ่นหนี้ไป

    ใบตองกล้วยถูกตัดนำมากองเรียงรายไว้ด้านหลังบ้านจัดสรร ยายสวัสดิ์นั่งเหยียดขาบนตั่งไม้เลาะใบตองกล้วยออกจากก้าน แล้วจึงใช้กรรไกรตัดใบตองเป็นแผ่นเล็กๆ ซ้อนกันสองแผ่น ข้างๆ ยายมีเตาถ่านที่มีไฟที่พึ่งจะจุด ถ่านยังไม่ทันจะกลายเป็นสีแดง หญิงชรารู้สึกแสบแป็บที่ดวงตาทั้งสองข้างเพราะควันไฟปลิ่วมาเข้าตา หล่อนย้ายที่นั่งไปอยู่ใต้ทางลม แล้วหล่อนจึงเด็ดกล้วยน้ำว้าลูกหนึ่งออกจากหวีมัน แล้วปลอก จากนั้นจึงฝาดแบ่งครึ่งมันไว้บนใบตองที่เตรียมไว้ แล้วนำข้าวเหนียวมูนกับถั่วดำต้มมาโรยทับอีกทีหนึ่งก่อนจะห่อใบตอง จากนั้นจึงหมัดประกบคู่มันด้วยตอก (เชือกที่ทำด้วยไม้ไผ่) แล้วเอาค่อยใส่หม้อนึ่ง หล่อนกะเวลาที่ข้าวต้มมัดสุกคือตอนฟ้าสางพอดี หลอนยกหม้อนึ่งลงจากเตา แล้วเปิดฝาชีออกมา ไอน้ำร้อนปะทะเข้ากับหน้าอันเหี่ยวย่น พอข้าวต้มมัดเย็นลงสักหน่อย จากนั้นหลอนเอาข้าวต้มหมัดมาวางเรียงบนกระจาดหาบเหร่ย่างสวยงาม ยายสวัสดิ์สวมรองเท้าแตะเดินย่ำเท้าบนบาทวิถี บนหัวสวมใส่หมวกฟางเพื่อปกป้องแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาแยงตา

    ในขณะนั้นลุงแดงกำลังขี่จักรยานคันเก่าขึ้นสนิม ตรวจตราความเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน พอผ่านทางสามแพร่งแกเหลือบไปมองเห็นบ้านหลังหนึ่งสีผนังลอกและแตกเป็นรอยร้าวไม่มีใครซื้อเหตุผลเพียงเพราะฮวงจุ้ยไม่ดี ผ่านหน้าบ้านหลังถัดได้ยินเสียงหมาเห่า ก่อนที่มันวิ่งเข้ามาหา แต่มันติดที่ประตูเหล็กหน้าบ้าน มันจึงได้แต่ยืนเห่าอยู่ตรงนั้นแหละ ลุงแดงขี่จักรยานลัดเลาะไปเรื่อยๆ ตามบ้านแต่ละหลังจนพบเข้ากับยายสวัสดิ์กำลังขายข้าวต้มหมัด ซึ่งลุงยามเคยเตือนหลอนไปแล้วรอบหนึ่ง นี้เป็นครั้งที่สองที่มาเจอหลอนขายของ ลุงยามพูดด้วยความโกรธไปว่า

    “อีแก ที่นี้เขาไม่ให้ขายของ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไงวะ”

    หญิงชราจึงต้องเดินคอตกกลับบ้านไป เมื่อกลับถึงบ้านหลอนเล่าเรื่องที่โดนยามเอ็ดให้โผนลูกชายฟัง วันต่อมาโผนจึงไปซื้อจักรยานมาให้หลอนถีบไปขายข้าวหมัดที่เซเว่นหน้าหมู่บ้าน หลอนทำอย่างนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งที่ร่างกายทรุดโทรมมากเข้าเรื่อยๆ ถึงแม้ใจจะถวิลหาการขายข้าวต้มหมัด แต่สังขารมันไม่เอื้ออํานวยแล้วในวันนี้ จึงต้องอยู่แต่ในบ้านไปวันๆ เพื่อรอวันสุดท้ายจะมาถึง

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×