มหาจอมเวทเทพอสูร
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี ผู้แต่ง : ละอองมาร
My.iD :
https://my.dek-d.com/Supakit_Chacha/writer/
ตอนที่ 13 : ป่าทุ่งมรกต(3)
บทที่ 11 ป่าทุ่งมรกต(3)
“เหยียบสายลม!!!” “เพลิงร่ายรำ!!!” “คลื่นวิหค!!!”
ปีเตอร์ร่ายเวทย์ทั้งสามบทอย่างรวดเร็วเปลวเพลิงสองลูกลุกไหม้หมุนเวียนอยู่รอบตัวเขา วิหคสายลมพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้า ในระยะเท่านี้เป็นระยะหวังผลของบทเวทย์วิหคสายลม ที่ผ่านมาเขาเคยทดสอบบทเวทย์นี้กับเสาไม้ ผลที่ได้นั้นสร้างความพึ่งพอใจอย่างมาก มันสามารถสร้างความเสียหายให้กับเสาไม้นั้นได้เป็นอย่างดี หากแต่เขายังไม่เคยเอาออกมาต่อสู้จริงเลย ยิ่งเป็นสัตว์อสูรระดับสองที่มีระดับมากว่าเขาถึงหนึ่งขอบเขต คงต้องมาลุ้นกันว่าจะทำอะไรมันได้มากน้อยแค่ไหน
ตูมมม!!!
เมื่อวิหคสายลมพุ่งกระทบกับอสูรกระทิงเพลิงแรงปะทะนั้นทำให้สัตว์อสูรถอยหลังไปได้สองก้าว บนร่างกายปรากฏรอยแผลลึกเพียงหนึ่งเซนติเมตรหลายสิบรอย ถึงอย่างไรเลือดของมันก็ไม่ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว แสดงถึงความแข็งแกร่งบนผิวหนังของมันได้เป็นอย่างดี ดวงตาของมันแดงกล่ำอย่างเห็นได้ชัด มันวิ่งพุ่งตรงมาทางปีเตอร์อย่างสุดกำลัง ก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ตำแหน่งของเขาคู่บนหัวมัน ตรงกับปีเตอร์ ไอความร้อนพวยพุ่งออกมารอบร่างกายของมัน ปีเตอร์เร่งเร้าพลังเวทย์ของตนเองไปที่เท้าทั้งสองข้าง หากจะทำการหลบคงต้องเป็นระยะที่ใกล้ที่สุด อสูรกระทิงเพลิงวิ่งเข้าประชนิดปีเตอร์ในระยะสองเมตร ปีเตอร์ระเบิดพลังเวทย์บริเวณใต้เท้าของเขาพุ่งออกด้านข้าง
ตูมมม!!!
มันพุ่งเข้าชนต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง เศษฝุ่น เศษไม้ กระจายออกมาโดยรอบ ลำต้นของต้นไม้ต้นนั้นปรากฏหลุมขนาดใหญ่ กระทิงเพลิงหันกลับมาจ้องมองทางปีเตอร์ เร่งเร้าไอร้อนในร่างของมัน บรรยากาศโดยรอบคล้ายอยู่ในทะเลทราย มันอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันอันแหลมคม ประกายไฟเริ่มปรากฏและถูกรวบรวมอย่างรวดเร็วภายในปากของมัน เพียงเสี้ยววินาที เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากปากของมันตรงเข้าหาปีเตอร์ ความร้อนในอากาศเพิ่มสูงขึ้น บนใบหน้าของปีเตอร์ปรากฎเม็ดเหงื่อผุดออกมาจนเต็ม ไม้กายสิทธิ์ถูกชี้ไปเบื้องหน้า แสงสีฟ้าส่องประกายจากปลายสุดของไม้
“โล่วารี”
ฟู่!!!!!!! ฟู่!!!!!!! ฟู่!!!!!!!
เบื้องหน้าปรากฏกลุ่มก้อนของน้ำหมุนวนเป็นวงกลมคล้ายน้ำวน เป็นวงกลมแบนขนาดความกว้างสองเมตร ต้านรับเปลวเพลิงที่ถูกปล่อยออกมาจากอสูรกระทิงเพลิง ไอน้ำพวยพุ่งออกไปทั่วทั้งบริเวณ ปกคลุมไปโดยรอบคล้ายหมอกหนาทึบ อำพรางทุกสรรพสิ่งให้ไม่อาจมองเห็นได้เกินระยะหนึ่งเมตร นี่เป็นโอกาสที่ปีเตอร์รอคอย เขาหลับตาใช้พลังจิตวิญญาณของเทพอสูรสัมผัสการมีอยู่ และตำแหน่งของอสูรกระทิงเพลิง เพียงพริบตาเดียวตำแหน่งของมันก็ชัดเจน ปีเตอร์ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปเบื้องหน้าร่ายบทเวทย์ด้วยความเร็วสูงสุด ประกายแสงสายฟ้าปกคลุมไปทั่วปลายไม้
“โซ่สายฟ้า”
เปรี้ยง!!!!
กระแสไฟฟ้าสีเหลืองพุ่งออกจากปลายไม้กายสิทธิ์ตรงไปยังอสูรกระทิงเพลิงที่ไม่สามารถรับสัมผัสอันใดได้ จนเมื่อสายฟ้าเส้นหนึ่งปรากฏเบื้องหน้าในระยะน้อยกว่าหนึ่งเมตร มันพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่เป็นผลอันใด สายฟ้าเส้นนั้นกระแทกใส่ตัวมันจนเกิดเสียงคล้ายฟ้าผ่า รอบตัวปรากฏกระแสไฟฟ้าเส้นเล็กหลายสิบเส้นเลื้อยพันไปมาราวกับอสรพิษ ความรู้สึกด้านชาแผ่ไปทั่วทั้งร่างของมัน ไม่อาจจะขยับตัวได้แม้แต่น้อย เด็กน้อยเบื้องหน้าของมันปรากฏรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัว คราแรกที่มันเห็นเด็กน้อยคนนี้ มันคิดว่าคงจะเป็นเหยื่อชั้นดี และสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย หากแต่เป็นนี้รอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวทำให้มันสั่นสะท้านไปวิญญาณของมัน ปีเตอร์ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นแล้วเร่งเร้าพลังเวทย์ในร่างกาย สมาธิจดจ่อกับบทเวทย์บทนี้ เขาใช้พลังออกถึงหกส่วนด้วยกัน
“เพลิงแผดเผา!!” “คลื่นวิหค!!”
ฟิ้วววว!!! ตูมมมมม!!!!!
วิหคลมก่อรูปร่างขึ้นมาเหมือนเช่นทุกครั้งที่ใช้ หากแต่ครั้งนี้มีกลุ่มก้อนเปลวเพลิงสอดแทรกประสานเข้ามาพลังธาตุลมส่งเสริมธาตุไฟ จนบัดนี้กลายเป็นวิหคอัคคี ความหนาแน่นที่แผ่ออกมานั้นทรงพลังอย่างมาก แทบจะใกล้เคียงกับบทเวทย์ระดับกลางได้เลย ปีเตอร์สะบัดวิหคอัคคีให้พุ่งไปยังอสูรกระทิงเพลิง แววตาของมันเบิกกว้างออก เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ภาพสุดท้ายที่มันเห็นคือเด็กน้อยคนหนึ่งยื่นยิ้มอย่างน่าหวาดกลัว มันไม่คาดคิดเลยว่าชีวิตของมันจะมาจบลงด้วยเด็กน้อยเพียงคนเดียว ความมืดเข้าปกคลุมดวงตาของมัน จนสุดท้ายก็ดับสนิทไป
“จบได้เสียที เห้อ!!” ปีเตอร์กล่าวพร้อมถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย และเดินไปเก็บผลึกแก่นแท้สัตว์อสูรระดับสอง พร้อมทั้งซากของมันเข้าไปยังลูกแก้วมิติ เขาไม่คิดเลยว่าสัตว์อสูรระดับของจะจัดการได้ยากถึงเพียงนี้ แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก แต่การที่เขาต้องใช้เวทย์ประสานถึงจะล้มมันได้นั้นเหลือความคาดหมายของเขาไปมากทีเดียว ถึงมันจะไม่ใช่ไม้ตายของเขา แต่ในตอนนี้ พลังเวทย์ในจักรวาลพลังเวทย์ของเขาเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งส่วนแล้วด้วยซ้ำ การร่ายบทเวทย์พื้นฐานเพียงไม่กี่บทกลับทำให้เขาแทบจะไม่เหลือพลังเวทย์เลย เขาคงต้องรีบบ่มเพาะเพื่อเพิ่มระดับขอบเขตของเขาให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะสามารถต่อสู้ได้นานกว่านี้
ปีเตอร์เดินกลับมาทางด้านหลังประมาณหนึ่งร้อยเมตร มีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง เขาก่อกองไฟขึ้นด้วยเศษไม้รอบๆ แล้วจุดด้วยเปลวเพลิงของเขา กองไฟกองหนึ่งถูกจุดขึ้น ปีเตอร์หย่อนก้นลงบนขอนไม้ เขาหยิบยารักษาบาดแผลหนึ่งเม็ด และยาเพิ่มพลังเวทย์หนึ่งเม็กเข้าปกทันที เม็ดยาค่อยๆละลายภายในท้องของเขา บาดแผลถลอกเริ่มถูกเยียวยารักษา พลังเวทย์จากเม็ดยาไหลเวียนไปทั่วร่างแล้วตรงเข้าสู่จักรวาลพลังเวทย์ฟื้นฟูพลังเวทย์ที่เสียไปในการต่อสู้ ปีเตอร์หยิบไม้แหลมข้างตัวขึ้น เสียบเนื้อของสัตว์อสูรกระทิงเพลิงแล้วย่างด้วยกองไฟของเขา กลิ่นหอมพัดโชยไปตามลม...
“ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลงแล้ว”
“น่าจะใช้นะ เสียงเงียบลงไปแล้ว องค์ชายจะเป็นอะไรหรือไม่”
“คนมีความสามารถระดับท่านคงไม่เป็นอะไรหรอก”
“พวกเจ้าได้กลิ่นอะไรไหม หอมมากเลย เหมือนกลิ่นเนื้อย่างเลย”
“ดูท่าองค์ชายจะไม่เป็นอะไรจริงๆ ท่านคงกำลังย่างเนื้อมันกินแน่ๆ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนว่าจะใช่นะ พวกเราก็มากินบ้างเถอะ” เหล่าทหารที่ค่อยติดตามปีเตอร์กล่าวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างทางพวกเขาเจอกับสัตว์อสูรแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น จึงไม่เป็นอุปสรรคอันใดสำหรับพวกเขา
กลับมาที่ปีเตอร์
หลังจากเขากินเนื้ออสูรกระทิงเพลิงไปกว่าสองกิโลกรัม พลังเวทย์ฟื้นฟูไปมากกว่าเจ็ดส่วน หลังจากที่เรี่ยวแรงเริ่มกลับมา เขาคิดว่าจะงีบหลับสักเล็กน้อย แต่เพียงพริบตาเดียวความคิดนั้นก็หายไป เขาฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า กลิ่นของเนื้อย่างที่โชยไปตามลม อาจจะนำปัญหามาให้เขาได้ หลังจากคิดได้ดังนั้นเขากำลังจะลุกเดินจากไป ทันใดนั้นเอง
โฮกกก!!! โฮกกก!!! โฮกกก!!! โฮกกก!!! โฮกกก!!!
เสียงร้องคำรามดังออกมาจากทุกทิศรอบตัวของเขา ท่ามกลางความมืดในช่วงหัวค่ำ ดวงตาสีแดงฉานห้าคู่จับจองมาทางปีเตอร์ เสียงฝีเท้าค่อยๆก้าวเดินมาทางเขาอย่างช้าๆ แสงสว่างจากกองไฟสาดส่องไปกระทบกับใบหน้าของสัตว์อสูรทั้งห้า ดวงตาแดงฉาน เขี้ยวอันแหลมคม กรงเล็บยาวกว่าหนึ่งนิ้ว ปกคลุมด้วยขนสีเทาอมดำ สูงประมาณหนึ่งเมตร มันคือ ‘อสูรหมาป่า’ แผ่กลิ่นอายของอสูรระดับหนึ่งออกมา พวกมันจะออกล่ากันเป็นฝูง ความหน้ากลัวของพวกมันอยู่ที่ความเร็วในการจู่โจม แม้พวกมันจะเป็นสัตว์อสูรระดับหนึ่ง แต่การจะรับมือกับพวกมันที่จู่โจมเป็นกลุ่มนั้น แม้แต่ระดับผู้ใช้เวทย์ยังแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
“เห้อ นี่มันเพิ่งจะวันแรกเองนะ ข้าจะเจอเรื่องหน้าปวดหัวถึงขนาดนี้เชียวหรือ” ปีเตอร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเพิ่งจะสู้กับสัตว์อสูรระดับสองเสร็จ ยังมาเจอสัตว์อสูรระดับหนึ่งอีกห้าตัวพร้อมกัน อะไรมันจะซวยได้ขนาดนี้ แต่ถึงอย่างไรเสีย มันก็เป็นการฝึกฝนของเขา ในสถานการณ์จริง คงไม่มีศัตรูที่ไหนให้เวลาเขาพักเป็นแน่ ไม้กายสิทธิ์ถูกเรียกออกมา
“เพลิงร่ายรำ”
“โซ่สายฟ้า”
เปรี้ยงงง!!!
บทเวทย์เพลิงร่ายรำถูกร่ายออกมา เปลวเพลิงสองลูก หมุนวนรอบตัวของเขา หากพวกมันเขาถึงตัวเขาได้ ก็ต้องกระทบกับเปลวเพลิงนี้ก่อน โซ่สายฟ้าถูกร่ายออกไปพุ่งตรงไปยังอสูรหมาป่าตนหนึ่งด้านหน้าของเขา สายฟ้ากระทบเข้ากับผืนดินระเบิดกระจายออก มันกระโดดหลบด้วยความเร็วสูง หากจะสู้กับพวกมันที่มีระดับความเร็วขนาดนี้ โซ่สายฟ้าคงทำอะไรกับมันไม่ได้แน่ๆ บทเวทย์ที่โจมตีได้รวดเร็วที่สุดของเขาอย่างคลื่นวิหคก็คงไม่สามารถทำอะไรมันได้เช่นกัน บทเวทย์เหยียบสายลมถูกร่ายเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับเขา อสูรหมาป่าสามตัวกระโดดพุ่งตรงมายังเขา พวกมันกางกรงเล็บหมายจะตะปบ ปีเตอร์กระโดดหลบออกมาทันที บทเวทย์เพลิงแผดเผาถูกร่ายออก เปลวเพลิงปกคลุมไปทั่วทั้งหมัดของปีเตอร์ เขาระเบิดพลังเวทย์ใต้ฝ่าเท้า พุ่งทะยานตรงไปยังอสูรหมาป่าตัวหนึ่ง จากด้านหลังสองหมัดถูกปล่อยออกกระแทกเข้ากลางลำตัวของมันอย่างแรง
ตูมมม!!! ตูมมม!!!
โฮกกก
อสูรหมาป่าตนนั้นร้องคำรามอย่างทุกข์ทรมาน เปลวเพลิงปกคลุมไปทั่วทั้งตัว แผดเผาทำลายผิวหนังจนเลือดสีแดงสดหลั่งไหลออกมาเป็นสาย ร่างของมันล้มลงกับพื้น อสูรหมาป่าทั้งสี่ตัวจับจ้องไปยังศพของเพื่อนมัน จากนั้นจ้องมองมาทางปีเตอร์อย่างโกรธแค้น พวกมันทั้งสี่ปลดปล่อยพลังออกมา พุ่งตัวเข้าหาปีเตอร์อย่างพร้อมเพียงกัน
“โล่วารี” ปีเตอร์ร่ายเวทย์โล่วารีขึ้นมาป้องกัน การจู่โจมเมื่อครู่ของเขา ทำให้เกิดอาการชาไปทั่งตัวเล็กน้อย จึงไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ เนื่องจากใช้พลังไปกว่า สี่ส่วนเมื่อครู่ อสูรหมาป่าสามกระแทกเข้ากับโล่วารีบังเกิดเสียงทึบดังขึ้น อสูรหมาป่าหนึ่งตัวไหวตัวกับโล่วารีจึงเข้าโจมตีด้านข้าง กางกรงเล็บตะปบไปที่แขนของปีเตอร์ ปีเตอร์รีบกระโดดหลบออกมา แต่ก็ยังโดนปลายของกรงเล็บเข้า รอยเล็บสามลอยลึกครึ่งนิ้วปรากฏบนต้นแขนของปีเตอร์ อสูรหมาป่าเสียหลักล้มลงกับพื้น จังหวะนี้ปีเตอร์ไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแล้ว ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาร่ายบทเวทย์ทันที ระยะห่างเพียงสามเมตรนี้คือโอกาสทองของเขา
“คลื่นวิหค”
ตูมมมม!!!!
วิหคสายลมพุ่งกระแทกใส่อสูรหมาป่าตนนั้นอย่างจัง แรงระเบิดฉีกกระชากร่างของอสูรหมาป่าออกเป็นหลายสิบชิ้น ระยะใกล้ขนาดนี้โดนบนเวทย์นี้อย่างเต็มแรง อานุภาพที่ได้จึงรุนแรงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ดีตอนนี้พลังเวทย์เขาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เหลืออสูรหมาป่าอีกสามตัวเบื้องหน้า....เดี๋ยวนะหายไปไหนหนึ่งตัว ปีเตอร์ยังไม่ทันมองสำรวจไปรอบๆ ร่างสีเทาก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วกัดเข้าที่ขาของเขา เขี้ยวฝังของไปลึกกว่าหนึ่งนิ้ว
อ๊ากกกก
“บัดซบเอ้ย!!!”
ปีเตอร์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันกัดไม่ยอมปล่อยแถมยังออกแรงกัดมากขึ้นกว่าเดิม ปีเตอร์อดทนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น มือกำไม้กายสิทธิ์ไว้แน่ ระยะใกล้ขนาดนี้ เพลิงร่ายรำ ลุกไหม้บนตัวของมัน ปีเตอร์ร่ายบทเวทย์เพลิงแผดเผาเสริมเข้าไป อัดกระแทกมันบังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น แรงกระแทกของการระเบิดผลักทั้งอสูรหมาป่าและเขาออกจากกัน ปีเตอร์นั่งทรุดลงกับพื้น ในขณะที่อสูรหมาป่านั้นนอนแน่นิ่งเปลวเพลิงปกคลุมไปทั่วร่าง ที่ท้องบังเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้น เครื่องในไหลทะลักออกมาเป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง เขาได้รับบาดเจ็บอย่างแรงที่ขา ในขณะนี้ยังเหลืออสูรหมาป่าอีกสองตัว การจะรับมือกับมันได้คงต้องเอาตัวเข้าแรกแล้วรีบจบอย่างรวดเร็ว สัตว์อสูรหมาป่าสองตัววิ่งตรงมายังเขา ปีเตอร์หลับตาทำสมาธิ ไม้กายสิทธิ์เตรียมพร้อมอย่างเบื้องหน้า
“อีกนิด...เข้ามาอีก...อีกนิดเดียว”
“เข้ามาอีกนิดเดียว….อีกนิดเดียวเท่านั้น”
“ตอนนี้แหละ”
เปรี้ยงงง!!!!
ปีเตอร์ทำสมาธิรับสัมผัสการเคลื่อนไหวของอสูรหมาป่า พวกมันวิ่งตรงเข้ามาด้วยความโกรธแค้นที่เพื่อนของมันตายลงสตินึกคิดของมันถูกบดบังด้วยโทสะ พวกมันเขาใกล้ปีเตอร์ในระยะหนึ่งเมตรแล้ว ขณะที่พวกมันสัมผัสกับเพลิงร่ายรำ ที่ลุกไหม้อยู่รอบตัวของปีเตอร์ ปีเตอร์ก็ได้ร่ายเวทย์โซ่สายฟ้าสองเส้นใส่พวกมัน เสียงดังสนั่นดุจฟ้าผ่ากระแทกใส่พวกมันสองตัว โซ่สายฟ้ารัดพันร่างของพวกมัน พันธนาการการเคลื่อนไหวจนไม่สามารถขยับได้ แววตาของปีเตอร์ฉายแววโหดเหี้ยมออกมา
“พวกแกบังอาจทำให้ข้าบาดเจ็บถึงเพียงนี้ จงตายอย่างทรมานเสียเถอะ!!!”
“คลื่นวิหค”
ฟิ้วววว!!!! ฟิ้วววว!!!! ฟิ้วววว!!!! ฟิ้วววว!!!! ตูมมมมมมมมม!!!!!
โฮกกกกกกกกก โฮกกกกกกกกก
คลื่นวิหคสายลมของปีเตอร์ถูกร่ายออกไปกระเข้าที่ขาหน้าของพวกมันทั้งสองตัว แรงระเบิดฉีกกระชากขาหน้าของพวกมันทั้งสองขาดออกร่างของพวกมันทรุดลงกับพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มันจ้องมองมาทางปีเตอร์ก็พบกับสายตาแห่งความโหดเหี้ยมอำมหิต ปีเตอร์เดินกระเผก มายังพวกมันทั้งสอง มือทั้งสองของเขาแตะสัมผัสลงที่ท้องของพวกมันเปลวเพลิงถูกจุดขึ้นที่มือทั้งสองข้าง แผดเผาช่วงท้องจนผิวหนังไหม้ พุพอง เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล อวัยวะภายในระเบิดออกด้วยความร้อน เสียงร้องแห่งความทรมานจากอสูรหมาป่าทั้งสอง ดังลั่น ปีเตอร์หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา ชี้ไปทางหัวของพวกมัน ร่ายเวทย์คลื่นวิหคกระแทกหัวของพวกมัน จนระเบิดออกเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“หึ ไอ้พวกสัตว์ชั้นต่ำ”
มันมาละภาพจอมมารนี้แค่ยังไม่เก่งนะ-ถ้าเวล99กุว่ายึดเมืองคนเดียวเลย
ขอบคุณค่ะ