ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่ายรักนางร้าย (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #6 : ข้อสงสัย

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 66


    พ่อบ้านลี่เห็นว่าหากไม่จัดการลงโทษก็อาจทำให้บิดามารดาของคุณหนูทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาโกรธแค้นเอาได้ อีกทั้งสาวใช้ทั้งสองคนนี้ก็เป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูจินเยว่ หากคุณหนูอนุญาตให้ทำโทษพวกนางได้ เขาก็ไม่คิดจะขัดคำสั่ง จึงเรียกให้บ่าวชายมาลากตัวสาวใช้ผู้กระทำความผิดออกไปโบยทันที

    “โบยพวกนางคนละ 20 ไม้ จากนั้นขังเอาไว้ก่อน หากบิดามารดาของคุณหนูสองคนนั้นเอาเรื่องราวอันใดอีก ก็ให้ลากพวกนางออกมารับโทษเพิ่ม” พ่อบ้านลี่สั่งการ

    สองสาวใช้เหลือบตาขึ้นมามองคุณหนูของพวกนางอยู่ชั่วครู่ด้วยร่างกายที่สั่นเทา จากนั้นก็หันไปสบตากันแล้วปล่อยให้บ่าวรับใช้ชายร่างใหญ่สองคนลากตัวพวกนางออกไปอย่างยอมรับชะตากรรม

     

    ผิงจินเยว่มองตามสาวใช้ส่วนตัวสองคนของตนไปด้วยแววตาเจ็บปวด นางกัดริมฝีปากแดงของตนเอาไว้แน่นดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา 

    “คุณหนู” ชุ่ยอิงสาวใช้อีกคนที่ยืนอยู่กับนางส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้คุณหนูผู้งดงามของตน

    “พี่ชุ่ยอิง ข้าเสียใจยิ่งนัก เป็นเพราะข้าไม่อบรมพวกนางให้ดีเอง” เด็กสาวร้องไห้คร่ำครวญ พาลให้คุณหนูคุณชายที่ยืนมุงดูเรื่องราวอยู่พากันสงสารคุณหนูสกุลผิงอย่างจับใจ

    “คุณหนูเหมี่ยว ข้าขออภัย ข้าสั่งสอนบ่าวไพร่ได้ไม่ดีเอง เป็นความผิดของข้าเจ้าอย่าร้องไห้เลย” ผิงจินเยว่ร้องไห้น้ำตานอง กล่าวคำขอโทษกับเหมี่ยวหวั่นชิงเด็กสาวอายุ 12 ปี ที่ร้องไห้อยู่ด้วยความตกใจกลัวอยู่เช่นกัน

    “พี่จินเยว่ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ” เหมี่ยวหวั่นชิงกอดร่างงามที่เข้ามาปลอบโยนตนเองเอาไว้แน่น

    “ข้ารู้ ข้าย่อมออกหน้าช่วยพูดให้เจ้าอย่างแน่นอน”

     

    ผิงซีหวงมาถึงศาลาริมทะเลสาบพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ พ่อบ้านลี่ก็รีบก้าวออกไปเล่าความให้ทุกคนได้ฟัง ส่วนฮูหยินสกุลหมิงและสกุลจ้าวทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่สลบอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคือบุตรสาวของตน ก็รีบสั่งให้สาวใช้ข้างกายเข้าไปรับร่างของบุตรสาวทั้งสองมาแทน 

    ยามนี้สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายอยู่ไม่น้อย เพราะบิดาของชายหนุ่มทั้งสองที่อุ้มร่างของสตรีสองนางเอาไว้ต่างก็รีบแย่งกันออกมารับผิดชอบ ที่บุตรชายของตนถือวิสาสะถูกเนื้อต้องตัวบุตรสาวผู้อื่น ในที่นี้มีแต่คนร่ำรวย พื้นฐานฐานะครอบครัวดี หากได้จับคู่กันไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ล้วนเหมาะสมไปเสียหมด พวกเขาจึงรีบฉวยโอกาส

    ท่านเจ้ากรมโยธาหมิงและนายท่านใหญ่จ้าวจินฮั่งบิดาของคุณหนูทั้งสองก็หน้าดำคล้ำ โมโหจนตัวสั่น การจับคู่ให้บุตรีของตนนั้นพวกเขาคาดหวังกับคุณชายสกุลเซียวทั้งสองคนเอาไว้แล้ว แต่ถึงจะพลาดจากคุณชายรูปงามทั้งสองไป ในงานเลี้ยงวันนี้ก็มีแต่บุตรชายของคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงที่ล้วนเป็นสกุลที่ร่ำรวยทั้งนั้น ไม่ว่าบุตรสาวของพวกเขาจะถูกตาต้องใจกับคุณชายคนใดก็ล้วนเหมาะสมทั้งสิ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้รับความรับผิดชอบในการสู่ขอบุตรสาวด้วยเรื่องไม่งามเช่นนี้

    ผิงซีหวงรีบจัดการให้คนพาคุณหนูทั้งสองคนไปทำการรักษาภายในเรือนรับรองของสกุลผิง และเชื้อเชิญให้ทุกคนกลับไปร่วมงานเลี้ยง โดยจะเป็นผู้สืบสาวความผิดและรับผิดชอบเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยตนเอง จึงทำให้ฝูงชนกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง 

    แต่เรื่องราวเช่นนี้ อย่างไรก็เป็นเรื่องยอดนิยมที่ผู้คนมักจะนำไปซุบซิบนินทากันภายนอกอยู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะแย้มยิ้มสนทนากันด้วยมิตรไมตรี แต่เมื่อใดที่มีโอกาสทับถมผู้อื่นมีหรือจะไม่ทำ!! 

     

    เซียวซ่งเดินกลับไปหาเซียวหยุนผู้เป็นบิดาในงานเลี้ยงพร้อมกับแขกคนอื่น ๆ เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อนึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ เขาเห็นชัดเจนว่าก่อนหน้านี้ผิงจินเยว่ได้กระซิบกระซาบบางอย่างอยู่กับสาวใช้ชุ่ยอิง และเขาก็เห็นช่วงจังหวะที่ชุ่ยหงหนึ่งในสาวใช้สามคนของคุณหนูผิงผู้นั้นใช้เท้าขัดขาคุณหนูเหมี่ยวให้ล้มลงอย่างจงใจ

    ตอนที่เดินจากเรือนลู่สุ่ยของท่านปู่ผิงเก่อ เขาได้ใกล้ชิดกับผิงจินเยว่เลยได้ยินชื่อสาวใช้ทั้งสามคนของนาง และเขาก็จดจำใบหน้าของสาวใช้สามคนนี้ได้อย่างชัดเจน  ชุ่ยหงและชุ่ยต่งเป็นผู้ที่ประคองแขนผิงจินเยว่เอาไว้ และนางทั้งสองคนก็เป็นเจ้าของรอยแผลและรอยเลือดบนท่อนแขน ส่วนชุ่ยอิงเป็นสาวใช้ที่สูงขึ้นมาอีกขั้นและดูเหมือนว่าคุณหนูผิงจะสนิทสนมกับสาวใช้คนนี้เป็นพิเศษ ดูจากที่นางเรียกชุ่ยอิงว่า “พี่” ก็รู้แล้วว่านางให้ความสำคัญกับสาวใช้ผู้นี้มาก

     ในใจเขาก็ยังสับสนไม่มั่นใจว่าเด็กสาวจะรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ด้วยจริงหรือไม่ การกระซิบกระซาบกันระหว่างนางกับชุ่ยอิงดูมีพิรุธยิ่งนัก แต่นางมีเหตุผลอันใดที่ต้องทำเช่นนั้นกันเล่า เขารู้จักหมิงเนี่ยฮุ่ย และจ้าวอวี้หลัน สตรีทั้งสองมักจะพยายามมาทอดสะพานยั่วยวนเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่เขามั่นใจว่าผิงจินเยว่ไม่รู้จักสตรีทั้งสองคนนี้อย่างแน่นอน

     แต่สิ่งที่ทำให้เขาเชื่อมโยงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจเกี่ยวพันกับผิงจินเยว่ และเป็นไปได้ว่านางจะเป็นผู้สั่งการก็เพราะว่า เขาได้ยินนางสั่งโบยสาวใช้ของตนเองได้อย่างเด็ดขาด ชั่วจังหวะหนึ่งสายตาของนางดูน่ากลัว ไม่มีความเมตตาหลงเหลือให้สาวใช้ข้างกายเลยแม้แต่น้อย แต่นางเพิ่งจะอายุ 13 เท่านั้น เด็กสาวในห้องหอที่แสนดีและบอบบางอย่างนางจะทำเรื่องร้ายกาจได้เชียวหรือ 

    เซียวซ่งหลับตาลงครู่หนึ่ง เพื่อสลัดความคิดวุ่นวายในใจออกไป อาจจะเป็นเขาที่คิดมากเกินไปกระมัง 

     

    เมื่อมีเหตุการณ์ที่คุณหนูสองคนตกลงไปในทะเลสาบ บรรยากาศในงานก็เริ่มไม่สนุก แขกเริ่มทยอยกันมาอำลาผิงเก่อ และจากไปทีละคน รวมทั้งเซียวหยุน ก็พาบุตรชายทั้งสองคนมาร่ำลาเซียวหยุนเพื่อปล่อยให้ผิงซีหวงได้รีบกลับไปจัดการเรื่องราวภายในจวนต่อ

    สามคนพ่อลูก ต่างคนต่างก็มีความคิดที่ต้องไตร่ตรองเรื่องราวบางอย่างในใจ จึงได้นั่งนิ่งเงียบกันมาในรถม้าจนกระทั่งกลับถึงจวนสกุลเซียวแล้วจึงได้รู้สึกตัว

    “มืดแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถิด พรุ่งนี้เช้าพวกเจ้าเข้ามาพบพ่อที่ห้องหนังสือด้วยแล้วกัน” เซียวหยุนเอ่ยคำกับบุตรชายทั้งสอง แท้จริงแล้วเขาอยากจะคุยกับเซียวซ่านเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็คิดว่าตนเองและบุตรชายต่างก็ดื่มสุรากันมาไม่น้อย รอให้สร่างเมา สมองโล่งกว่านี้ค่อยปรึกษากันจะเป็นการดีกว่า

     

    เช้าวันต่อมา

     

    เซียวซ่านคุณชายใหญ่สกุลเซียวรีบมารอพบบิดาที่ห้องหนังสือตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคืนเขาวุ่นวายใจจนนอนไม่หลับไปตลอดคืน รอจนกระทั่งบ่าวรับใช้รินน้ำชาและเดินออกจากห้องหนังสือไปแล้วจึงได้เริ่มเปิดบทสนทนาเป็นคนแรก

    “ท่านพ่อข้าไม่คิดเลยว่าสกุลผิงจะใช้เงินในการติดสินบนแลกกับหน้าที่การงานของข้า เช่นนี้ไม่เท่ากับว่าข้าได้ตำแหน่งมาอย่างไม่บริสุทธิ์หรือขอรับ” ชายหนุ่มเผยสีหน้าวิตกกังวลออกมาอย่างชัดเจน

    “เจ้าใหญ่ เจ้าก็อย่าได้ดูถูกตนเองไปเช่นนั้น การสอบของเจ้าก็เป็นไปด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ อย่างไรเจ้าก็มีผลงานดีอยู่ในระดับหนึ่งที่พิสูจน์ได้ถึงความสามารถตนเอง การจัดการให้เจ้าได้เป็นเจ้าหน้าที่ในกรมคลังของสกุลผิงเป็นเพียงแค่ใช้เส้นสายในการให้เจ้าได้อยู่ในตำแหน่งที่สุขสบายและรวดเร็วกว่าผู้อื่นเท่านั้น”

    “ท่านพ่อ ท่านก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ในงานเลี้ยงเมื่อวานมีผู้ใดที่กล่าวชื่นชมความสามารถของข้าสักคนหรือไม่ ทุกคนมีแต่ยินดีกับตำแหน่งใหม่ของข้าในฐานะหลานชายคนโปรดของสกุลผิงกันทั้งสิ้น ข้ารู้สึกอับอายมากกว่าภาคภูมิใจนักขอรับ” เซียวซ่านเปิดอกคุยกับบิดาอย่างตรงไปตรงมา เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์เปิดเผยไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาแบกรับคำกล่าวว่าตนใช้เงินทองติดสินบนเพื่อแลกกับหน้าที่การงาน

    “ไม่ใช่ว่าพ่อไม่ร้อนใจ ข้ารู้นิสัยเจ้าดี ข้าถึงต้องเรียกเจ้ามาพูดคุยในวันนี้อย่างไรเล่า ข้าเชื่อมั่นในตัวนายท่านผู้เฒ่าผิงเก่อว่าเขามีความปรารถนาดีอย่างจริงใจให้เจ้าสองคนพี่น้อง ส่วนผิงซีหวงเขาติดนิสัยการเป็นพ่อค้าที่ต้องเอาเรื่องเงินทองมาเกี่ยวพันกับการดำเนินชีวิต พ่อคิดว่าท่านลุงซีหวงของพวกเจ้าคงไม่มีเจตนาร้ายแต่ทำไปด้วยความเคยชินเพียงเท่านั้น พ่อขอร้องเจ้าล่ะเซียวซ่าน ตั้งใจทำงานอย่าไปคิดอันใดมาก หากเจ้าบริสุทธิ์ใจไม่ช้าเวลาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเจ้าเอง”

    อันที่จริงเซียวหยุนก็ตะขิดตะขวงใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เมื่อคืนเขาก็นอนไม่หลับเช่นกัน ผิงซีหวงเป็นพ่อค้าโดยสายเลือด มีเล่ห์เหลี่ยมและซ่อนเขี้ยวเล็บได้เป็นอย่างดี เขามั่นใจว่าคนผู้นี้มีแผนการอยู่ในใจ แต่หากบุตรชายประพฤติตนให้เหมาะสม ก็ย่อมตีตัวออกจากเหตุการณ์ยุ่งยากในภายหน้าได้ เขาไม่อยากเอ่ยความในใจเหล่านี้ให้บุตรชายทั้งสองคนฟัง สกุลผิงเป็นผู้มีพระคุณของสกุลเซียว ที่มีอยู่มีกินสร้างฐานะมาได้ถึงทุกวันนี้ก็ล้วนเป็นเพราะคนสกุลผิงสนับสนุนมาทั้งสิ้น เขาไม่อยากให้บุตรชายมีใจคิดไม่ดีกับคนสกุลผิงคนใดเลยสักคน

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×