คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สองสกุล
จวนตระกูลผิง เมืองหลวง
“นายท่านเซียวท่านมาเสียที นายท่านผู้เฒ่ารอพวกท่านอยู่นานแล้วขอรับ” พ่อบ้านลี่เชื้อเชิญบุรุษร่างใหญ่ที่เดินเข้ามาในจวนพร้อมบุตรชายสองคนด้วยท่าทางอ่อนน้อมเป็นกันเองอย่างที่สุด
“เกรงใจแล้วท่านพ่อบ้านลี่” เซียวหยุนพยักหน้ารับคำเชิญลงเล็กน้อยทักทายพ่อบ้านลี่ ก่อนจะก้าวนำหน้าให้บุตรชายทั้งสองเดินตามเขาไป
เซียวหยุน เป็นบุตรชายคนเดียวของ เซียวอวี๋ ซึ่งเป็นสหายและผู้มีพระคุณของนายท่านผู้เฒ่าผิงเก่อ เขาจึงได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนสกุลผิงมาโดยตลอด
เมื่อหลายปีก่อนเซียวอวี๋และผิงเก่อได้พบกันโดยบังเอิญที่เมืองเป่ยเจิ้ง ในขณะนั้นเซียวอวี๋เป็นพ่อค้าฟืนและเผาถ่านไม้ยากจนผู้หนึ่ง ส่วนผิงเก่อเขาเป็นพ่อค้าเกลือและเครื่องเทศที่ร่ำรวยมีร้านค้าหลายร้านในเมืองหลวงและต่างเมือง เขาเดินทางออกจากเมืองหลวงเพื่อหาซื้อที่ดินเตรียมตัวที่จะขยายสาขาการค้าของสกุลผิงออกไปที่เมืองเป่ยเจิ้ง
ในระหว่างการเดินทางผ่านพื้นที่ชายป่านอกเมือง ที่เมื่อสองสามวันก่อนมีฝนตกหนักถนนจึงเป็นหลุมเป็นบ่อและมีน้ำขัง รถม้าของผิงเก่อเกิดติดหล่มโคลนไม่สามารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ ในขณะนั้นผิงเก่อเองก็กำลังนอนป่วยหนักด้วยพิษไข้อยู่ภายในรถม้า และเนื่องจากเป็นการสำรวจดูที่ดินพวกเขาจึงเดินทางกันมาเพียงแค่สามคน คือผิงเก่อ พ่อบ้านลี่และคนขับรถม้าเพียงเท่านั้น พื้นที่บริเวณนั้นก็มีแต่ป่าเขายังไม่เข้าสู่ตัวเมืองไม่มีผู้คนผ่านทางมากนักจึงทำให้พ่อบ้านลี่ร้อนใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่พ่อบ้านลี่และคนบังคับม้าพยายามช่วยกันดันล้อรถม้าให้ขึ้นจากหลุมอยู่หลายครั้ง จนล้อข้างหนึ่งชำรุดไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เขาทั้งสองคนกำลังหมดแรงและหมดหวังเต็มที่ ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เซียวอวี๋และบุตรชายเซียวหยุนบรรทุกฟืนมาเต็มเกวียนผ่านมาทางนี้เข้าพอดี และให้การช่วยเหลือโดยขนฟืนทั้งหมดของตนกองไว้กับพื้นดิน แล้วนำร่างของผิงเก่อขึ้นเกวียนลาพาไปหาหมอในเมืองได้ทันเวลา
หลังจากที่ผิงเก่อหายดี ก็สืบเสาะจนได้ความว่าเซียวอวี๋เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านผูหลง มีอาชีพตัดฟืนและเผาถ่านนำเข้ามาขายในเมืองเป่ยเจิ้ง สองคนพ่อลูกให้การช่วยเหลือผิงเก่อ โดยไม่ยอมรับค่าตอบแทนจากพ่อบ้านลี่ที่เดินทางมาด้วย ผิงเก่อจึงพึงพอใจที่เขาเป็นคนมีจิตใจดี ตัดสินใจซื้อร้านค้าเล็กๆ ที่เมืองเป่ยเจิ้งและยกให้กับเซียวอวี๋ โดยทำการขายส่งเกลือและเครื่องเทศให้เซียวอวี๋ทำการค้าเป็นของตนเองเป็นการตอบแทนน้ำใจของสองพ่อลูกสกุลเซียว ทั้งสองจึงกลายเป็นผู้มีพระคุณซึ่งกันและกัน คนหนึ่งช่วยชีวิตอีกคนหนึ่งก็ให้อาชีพและทรัพย์สิน และคบหากันเป็นสหายตั้งแต่นั้นมา
สี่ปีต่อมา เซียวอวี๋และเซียวหยุนสามารถสร้างฐานะได้มั่นคงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการค้า เซียวหยุนในวัย 27 ปี เดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกับภรรยาฉิงยี่และบุตรชายสองคน คือเซียวซ่านวัย 6 ขวบ และเซียวซ่งวัย 2 ขวบ เพื่อมาเปิดร้านในเมืองหลวงและวางแผนที่จะให้เด็กชายทั้งสองได้มาร่ำเรียนในเมืองหลวงด้วย ส่วนตัวเซียวอวี๋ที่เริ่มแก่ชราลงแล้ว ก็ปล่อยร้านค้านั้นให้ผู้อื่นเช่า และตนเองก็กลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเดิมในหมู่บ้านผูหลง เขามีทรัพย์สินที่ได้จากการเก็บหอมรอมริบเอาไว้ระหว่างที่ทำการค้าเกลือและเครื่องเทศมากพอสมควร สามารถดูแลตนเองยามแก่เฒ่าได้อย่างสบาย จึงอยากสนับสนุนให้บุตรชายและหลานชายเข้าเมืองหลวงไปเพื่อโอกาสในอนาคตที่ดีขึ้นของเด็กๆ
เมื่อเซียวหยุนเดินทางมาถึงเมืองหลวง ก็ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนท่านลุงผิงเก่อสหายผู้มีพระคุณของบิดา ผิงเก่อยังคงให้การต้อนรับเซียวหยุนบุตรชายของเซียวอวี๋เป็นอย่างดี แนะนำทำเลการค้าและช่วยเป็นธุระจนเซียวหยุนเปิดร้านค้าขายอุปกรณ์งานเขียน พู่กัน หมึก กระดาษ ได้สำเร็จ
ผิงเก่อมีบุตรชายหนึ่งคนเช่นเดียวกับเซียวอวี๋ คือผิงซีหวงอายุมากกว่าเซียวหยุนอยู่สามปี ผิงซีหวงและเซียวหยุนก็เป็นคนรุ่นที่สองที่คบหากันเป็นสหายเช่นเดียวกันกับผู้เป็นบิดาของทั้งสองฝ่าย
นับจากเหตุการณ์ที่สองผู้เฒ่าสกุลผิงและสกุลเซียวได้พบกันที่เป่ยเจิ้ง เวลาก็ผ่านไปถึง 15 ปีแล้ว บัดนี้เซียวหยุนในวัย 42 ทำการค้าอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นและมั่นคง และในวันนี้ผิงซีหวงได้เชิญเซียวหยุนและครอบครัวมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอายุครบ 13 ปีให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเอง ผิงจินเยว่
“น้องชาย หลานชาย พวกเจ้ามากันแล้วหรือ เข้าไปหาท่านพ่อกันก่อนเร็วจะได้รีบมาดื่มกัน” ผิงซีหวงเดินแหวกทางจากกลุ่มคนภายในงานเลี้ยงมาหาพ่อลูกสกุลเซียวทั้งสาม และเดินนำสหายรุ่นน้องกับบุตรชายสองคนของเขาเข้าไปในเรือนพักหลังใหญ่ภายในจวนสกุลผิง
ผิงซีหวงเป็นบุรุษร่างอ้วนแต่ก็สูงใหญ่จึงทำให้ดูสมส่วนตามวัยอยู่พอสมควร เขาอายุ 45 ปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงดูอ่อนวัยอยู่ ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้านดูภูมิฐานตามแบบฉบับคหบดีที่ร่ำรวย ส่วนเซียวหยุนเป็นคนร่างผอมสูงมีผิวสีคล้ำกว่าคนทั่วไปอยู่เล็กน้อยเนื่องจากเขาทำงานตัดไม้เผาถ่านมา 20 กว่าปี กว่าที่จะได้มาเป็นเถ้าแก่ในเมืองหลวง มือไม้และผิวพรรณก็หยาบกร้าน ใบหน้ามีริ้วรอยดูเหมือนจะชรากว่าผิงซีหวงเสียด้วยซ้ำ
“พี่ชายแล้วพี่สะใภ้เล่าขอรับ ข้ายังไม่ทันได้ทักทายนางเลย” เซียวหยุนเอ่ยทัก เกรงว่าตนเองและบุตรชายจะเสียมารยาทกับเจ้าบ้าน
“นางอยู่กับจินเยว่ที่เรือนพักด้านหลังน่ะ รอออกมาร่วมงานพร้อมกับท่านพ่อข้าทีเดียวเลย ช่วงนี้ก็ปล่อยให้แขกได้พูดคุยทำความรู้จักกันไปก่อน จัดงานเลี้ยงวันเกิดให้จินเยว่ครั้งนี้ข้าก็หวังจะใช้ประโยชน์ในการทำความรู้จักผู้คนให้มากขึ้นเพียงเท่านั้น พวกนางสองแม่ลูกออกมารับของขวัญเป็นพิธีนิดหน่อยก็พอแล้ว”
เซียวหยุนเพียงยิ้มรับบางๆ อย่างไม่ติดใจอันใด เขาคุ้นชินกับสกุลผิงที่เป็นพ่อค้าโดยสายเลือดแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะหยิบจับอะไรก็จะต้องคำนวนถึงผลได้ผลเสียอยู่เป็นประจำ แม้ว่าสกุลผิงจะร่ำรวยมหาศาลแต่พวกเขาก็ไม่เคยใช้เงินสิ้นเปลืองไปกับเรื่องไร้สาระที่ไร้ผลประโยชน์เลยสักครั้ง
ไม่นานคนทั้งสี่ก็มาถึงเรือนลู่สุ่ย อันเป็นที่พักของผิงเก่อนายท่านผู้เฒ่าสกุลผิงวัย 67 ปีกับฮูหยินผู้เฒ่าโจวที่มีสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาจนไม่ค่อยได้ออกมาพบผู้คนเท่าใดนัก
“คำนับท่านลุง/ท่านปู่ ขอรับ” สามพ่อลูกสกุลเซียวเอ่ยทักทายผิงเก่อ ที่นั่งยิ้มรอพวกเขาทั้งสามมาแต่ไกลแล้ว
“อาหยุนมาแล้วหรือ แล้วฉิงยี่เล่า” ผิงเก่อร้องทักเมื่อไม่เห็นภรรยาของเซียวหยุนร่วมทางมาด้วย
“ภรรยาข้าป่วยอยู่ขอรับท่านลุง นางได้แต่ฝากของขวัญมาให้หลานสาวจินเยว่ หวังว่าท่านลุงและพี่ซีหวงจะไม่ถือสานะขอรับ” เซียวหยุนกล่าวพลางยื่นของขวัญส่งให้กับบ่าวรับใช้ที่ก้าวออกมารับเอาไว้
“ถือสาอันใดกัน พวกเราเป็นเหมือนพี่น้องเจ้าอย่าคิดมาก” ผิงซีหวงตบบ่าเซียวหยุนเบาๆ
“ดูสิข้าไม่ได้พบเซียวซ่านกับเซียวซ่งนานเท่าใดแล้วนี่ พวกเจ้าโตเป็นบุรุษหล่อเหลากันยิ่งนัก มาๆ พวกเจ้ามาหาปู่ใหญ่ทางนี้ ส่วนอาหยุนเจ้าก็ไปต้อนรับแขกเป็นเพื่อนพี่ชายเจ้าเถิด ข้าจะคุยกับหลานชายข้าสักหน่อย” ผิงเก่อกวักมือเรียกหลานชายของสหายตนอย่างรักใคร่เอ็นดู
ผิงเก่อมีบุตรชายเพียงคนเดียวคือผิงซีหวง เขามีภรรยาเอกและอนุภรรยาอีกสองคนแต่มีเพียงหลานหย่วนเหอผู้เป็นภรรยาเอกเท่านั้นที่ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรสาวงดงามปานเทพธิดาซึ่งเป็นเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้คือผิงจินเยว่อายุ 13 ปี ดังนั้นผิงเก่อผู้ยังไม่มีหลานชายเลยสักคนจึงชมชอบและเอ็นดูบุตรชายของเซียวหยุนราวกับว่าทั้งสองเป็นหลานชายแท้ๆ ของตน
ความคิดเห็น