ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในความทรงจำ(กระบี่ใบไม้)

    ลำดับตอนที่ #140 : แสงสว่างบนยอดดอย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      0
      24 ก.ค. 53

     



    “หนูว่ายน้ำข้ามฟากจากบ้านเกิด

    เพื่อหวังเปิดโลกแห่งฝันอันพร่างพร้อย

    เบื้องหน้าหนูยังมีครูผู้รอคอย

    พวกหนูจะท้อถอยได้อย่างไร”

     

    ที่ตรงนี้มีใบไม้มีสายน้ำ

    มีไม้ป่างอกงามริมน้ำใส

    แต้มภูผาด้วยหมอกหนาวทอดยาวไกล

    ไม่เคยคิดว่ามีใครแต่มี “ครู”

     

    ไร้ถนนทอดยาวสู่ราวป่า

    มีเพียงแค่ความเหว่ว้าให้ต่อสู้

    อุดมการณ์ล้ำค่าน่าเชิดชู

    นำต้นธารแห่งความรู้สู่พงไพร

     

    ครูจากมาสู่ตรงนี้ที่ภูสูง

    ที่เมืองกรุงแสงคงพร่างสว่างไสว

    “แต่ตรงนี้ก็คือเขตประเทศไทย

    เหตุไฉนกั้นคนให้ไกลห่างกัน”

     

    ครูคงเป็นเช่น“แพ”น้อยที่ลอย“ล่อง”

    ส่งเด็กดอยข้ามน้ำนองสู่ฟากฝัน

    ครูคงเป็นเช่นสีทองแห่งแสงตะวัน

    ส่งผ่านความอุ่นไอนั้นสู่ยอดดอย

     

    “หนูว่ายน้ำข้ามฟากมาจากบ้านเกิด

    เพื่อหวังเปิดโลกแห่งฝันอันพร่างพร้อย

    เบื้องหน้าหนูยังมีครูผู้รอคอย

    เธอจะให้ครูท้อถอยได้อย่างไร”

     

     

     

     

    กระบี่ใบไม้ เขียนบทกวีบทนี้ขึ้น เพราะได้แรงบันดาลใจจากการชมรายการทีวีรายการหนึ่ง(รู้สึกจะเป็นช่องNBT) ชื่อรายการ ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ตอน แสงเทียนที่ปลายฟ้า (23 ก.ค. 53) ที่บอกเล่าถึงโรงเรียนในป่าดงโรงเรียนหนึ่งชื่อโรงเรียนล่องแพวิทยา ที่ทั้งนักเรียนและครู 11 ชีวิต ต้องต่อสู้กับความยากลำบากและความขาดแคลนนานัปประการเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ที่นี่นักเรียนชาวเขาต้องเดินทางข้ามเขาไปโรงเรียนด้วยระยะทางหลายกิโล

    โดยเฉพาะช่วงหนึ่งในรายการที่ทำเอาข้าพเจ้าซึ้งจนแทบน้ำตาไหล เป็นภาพของเด็กชาวเขาที่รอคอยข้ามแม่น้ำเงาที่เชี่ยวกรากเฝ้ารอคอยความหวังว่าจะมีเรือซักลำผ่านมาเพื่อขออาศัยข้ามแม่น้ำไป หรือรอคอยใครซักคนที่ว่ายน้ำเป็นมาช่วยถือข้าวของและคอยประคองกันข้ามแม่น้ำเป็นกลุ่ม ๆ พวกเธอเล่าว่า(เด็กชาวเขากลุ่มนี้เป็นผู้หญิง) ถ้าไม่มีเรือซักลำผ่านมา หรือไม่มีคนช่วยเหลือ วันนั้นเธอก็คงต้องกลับบ้านไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ

    ที่แห่งนี้คล้ายโรงเรียนประจำได้รับเงินอุดหนุนจากทางรัฐที่มาเฉลี่ยรวมกันแล้วเหลือแค่หัวละห้าบาท เด็กๆ ต้องกินต้มบะหมี่กับปลากระป๋องและโปรตีนเกษตรเหมือน ๆ กันทุกมื้อ(พูดให้ถูกก็คือเด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาจากรัฐน้อยกว่านักโทษในเรือนจำเสียอีก)

    ข้าพเจ้า เคยคิดว่าตัวเองโชคร้าย ที่ตอนเด็กอยากจะไปเที่ยวเตร่เกเรเหมือนเด็กคนอื่นเขาก็ทำไม่ได้ ที่ทำไม่ได้ไม่ใช่เพราะไม่อยากทำแต่เพราะแม่ส่งเงินมาให้แค่นั้นเนื่องจากที่บ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไร  แต่พอเอาความยากลำบากของตัวเองมาเปรียบเทียบกับเด็กพวกนี้แล้วก็นับว่ายังสบายกว่าเป็นพันเท่า ยังไงก็ขอส่งกำลังใจไปยังครูและนักเรียนที่อยู่บนยอดดอย ขอให้เข้มแข็งและสู้ต่อไปนะครับ...^-^v

     

    ที่มาของรูปภาพและบทกลอน http://www.oknation.net/blog/longpaewittaya/2009/03/19/entry-1

    Backgrounds From FreeGlitters.Com
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×