คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter Three : Weakness
แจจุงมารู้ทีหลังว่าหัวหน้าองครักษ์ที่จะมาหาเขาในวันนั้นได้รับตำแหน่งใหม่ไปประจำที่อาณาจักรตะวันตก คนที่มาในวันนั้นจึงเป็นยุนโฮที่นึกสนุกอยากหาอะไรแก้เบื่อทำ ส่วนเขาก็คือเหยื่อที่อีกฝ่าเอาไว้แก้เซ็ง ยิ่งรู้แบบนี้แจจุงยิ่งโมโห แต่รู้ว่าทะเลาะกับยุนโฮไปก็มีแต่จะเสียเปรียบ ทั้งฐานะ อำนาจ พลังเวทย์ เขาไม่มีอะไรสู้อีกฝ่ายได้สักอย่าง
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ ทำไมคนชั่วช้าอย่างนั้นถึงได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ ทำไมถึงไม่ถูกทำให้เจ็บปวดเสียบ้าง ถ้าจะมีใครสักคนทำได้ล่ะก็ เขาคงยอมสละชีวิตเพื่อให้ตัวเองได้เห็นแววตาเจ็บปวดแสนสาหัสของยุนโฮแน่
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น...ชางมินก็คงเจ็บปวดไม่แพ้กัน นั่นคือปราการแข็งแกร่งที่เขาไม่อาจทำลาย ทั้งที่ไม่อยากเห็นชางมินเสียใจ แต่เขาก็ปล่อยมันทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้ เหมือนเดินมาถึงทางตัน ถอยหลังกลับไปไม่ได้ แต่ก็เดินหน้าไปไม่ได้เหมือนกัน แล้วเขา...ควรจะทำอย่างไร?
"เป็นองครักษ์ที่ว่างจริง มีเวลามานั่งเหม่อแบบนี้ได้บ่อยๆ" ดวงตารูปอัลมอนด์ตวัดมองเจ้าของเสียงกวนประสาทอย่างไม่พอใจ
"ฝ่าบาทก็คงว่างมากสินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเวลามาสนทนากับคนต่ำต้อยเช่นข้าหรอก" ยุนโฮยิ้มกว้าง ราวกับได้ยินคำหวานก็ไม่ปาน เพราะอย่างนี้เขาถึงชอบแหย่แจจุง เพราะอีกฝ่ายทำให้เขาสนุกได้ทุกครั้งที่เจอ...หรือจะเพราะเป็นของเล่นชิ้นใหม่ ถึงทำให้สนใจได้ขนาดนี้?
"แต่ข้าคิดว่ามันเป็นความเมตตาของกษัตริย์ ที่จะมีจิตใส่ใจคนในครอบครองนะ เจ้าว่ามั๊ย?" ดวงตาเรียวพราวระยับยิ่งทำให้ร่างบางหงุดหงิด แจจุงผุดลุกขึ้น นึกอยากด่าให้สะใจแต่ก็รู้ว่ามีแต่จะทำให้อีกฝ่ายแกล้งต้อนเขาเท่านั้นเอง เลยตัดสินใจเดินหนี ไม่ใส่ใจ แต่มันกลับทำให้ยุนโฮโมโห
"ไม่เคยมีใครกล้าไร้มารยาทกับข้า" มือแกร่งกระชากแขนเรียวให้เข้ามาใกล้ ใบหน้าหวานเงยมองคนเอาแต่ใจอย่างไม่นึกกลัว
"ขอโทษ...ข้าคงไม่ทันสังเกตว่าการเดินออกไปสูดอากาศดีๆ มันจะเป็นการแสดงความไร้มารยาทต่อท่าน" แรงบีบที่แขนยิ่งเพิ่มน้ำหนักขึ้นจนแจจุงแทบร้องออกมาแต่ก็กัดฟันทนไว้ ต่อให้บีบจนกระดูกเขาแหลกคามือก็อย่าหวังจะได้ยินเสียงร้องเขาเลย ไม่มีทางซะล่ะ
"หึ...ตรงนี้อากาศมันแย่นักรึไง หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าควรจะแสดงความใจดีที่ทำให้เจ้าหายใจไม่ออก ด้วยการผายปอดดีล่ะ?"
"ข้าคงไม่บังอาจรบกวนฝ่าบาท" แจจุงสะบัดจะเดินหนี เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ปลอดภัย เมื่อคำพูดของอีกฝ่ายสื่อนัยเสียขนาดนี้ แต่ยุนโฮก็ตวัดร่างบอบบางให้เข้ามาอยู่ในวงแขนอย่างง่ายดาย แจจุงพยายามขืนตัวออกมาแต่ไร้ประโยชน์ ถึงจะสู้แรงไม่ได้ก็ใช่ว่าเขาจะอ่อนแอขนาดนั้น
กริชเงินกดทับลำคอของยุนโฮจนเกือบบาดเข้าเนื้อ ถ้าเป็นคนอื่น ใครที่กล้าทำแบบนี้คงต้องถูกส่งไปประหารอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยุนโฮเพียงแค่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะคลายอ้อมกอดออกมา ไม่ใช่เพราะกลัวแต่นึกอยากให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสความรู้สึกเหนือกว่าก่อนจะไม่ได้สัมผัสมันอีกต่างหาก
"แจจุง?" เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นทำให้คนทั้งสองหันไปมองด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง แจจุงเดินเข้าไปหาชางมิน ดูร้อนรนจนผิดสังเกต ทั้งหมดอยู่ในสายตาของยุนโฮโดยตลอด
"ท่านพี่ทำอะไรเจ้ารึเปล่า?" ชางมินถามอย่างเป็นห่วง เขารู้ว่าถ้าแจจุงคิดจะสู้กับยุนโฮล่ะก็ ต่อให้พยายามยังไงก็คงได้แค่รอยข่วน แต่ถึงจะเตือนไปก็คงไม่ฟังอยู่ดี
"เปล่าหรอก ไม่มีอะไร" แจจุงตอบกลับพลางพยักหน้าให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่คนอย่างยุนโฮกลับเห็นอะไรมากกว่านั้น
คนหนึ่งพยายามเก็บซ่อน
อีกคนหนึ่งไม่ได้คิดอะไร
แจจุงที่เก่งกล้า...ดูเหมือนจะมีจุดอ่อนเสียแล้ว
จุดอ่อนที่น่าโมโห...
****************************
"เจ้ากังวลอะไรอยู่ แจจุง?" ชางมินถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนเขาดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าใดนัก
"เอ่อ...ก็เรื่องฝีมือข้าน่ะแหละ วันนี้ลองลงไปฝึกกับพวกองครักษ์คนอื่นมา..." แจจุงไม่ได้พูดต่อ แต่ชางมินก็รู้ว่าเจ้าตัวคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ
"อย่าคิดมากเลย เรื่องพลังเวทย์น่ะ เจ้าไปทำอะไรกับมันไม่ได้หรอก อีกอย่าง สิ่งที่จำเป็นน่ะ ไม่ใช่พลังเวทย์ แต่เป็นสมองต่างหาก" แจจุงทำหน้าไม่เชื่อ
"ข้าไม่เห็นกองทัพของพี่เจ้าจะโจมตีข้าศึกด้วยสมองเลยสักครั้งเดียว" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแจจุงกำลังประชดพี่ชายเขาอยู่ ปกติชางมินคงจะนึกโกรธ หากมีใครมาพูดถึงพี่ชายเขาในทางที่ไม่ดี แต่สำหรับแจจุง เขากลับนึกหัวเราะทุกครั้งเวลาอีกฝ่ายหาเรื่องมาว่าพี่ชายเขาลับหลัง และแม้อยู่ต่อหน้าก็ไม่ได้ต่างกัน คงเพราะสิ่งนี้ที่ทำให้เขานึกชอบ พวกที่ดีแต่ว่าพี่เขาลับหลัง พออยู่ต่อหน้าทีไรก็กลายเป็นแค่สุนัขคอยเลียแข้งเลียขานั่นต่างหากที่น่ารังเกียจ
"จะให้ข้าพูดตรงๆ ก็คือ...พลังเวทย์พี่ข้าอย่างเดียว ก็ไม่มีทัพไหนชนะได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้กลศึกหรอก"
"เจ้าจะบอกว่าความจริงสมองน่ะมี แต่ยังไม่จำเป็นต้องใช้หรือไง..." แจจุงนึกอยากพูดต่อว่าตัวถึกๆ อย่างนั้นไม่น่าจะมีเนื้อที่ไว้เก็บสมองสักนิด น่าจะมีแต่กล้ามเนื้อซะมากกว่า แต่เพราะเห็นแก่ชางมินถึงได้ยั้งปากเอาไว้
"ถ้ามีแต่กำลัง ไม่มีสมองล่ะก็ คงปกครองอาณาจักรยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หรอก" คนฟังเงียบไป ถึงชางมินจะไม่เคยพูดออกมา แต่เขาก็รู้ว่าหากต้องสูญเสียพี่ชายเพียงคนเดียวไป ชางมินจะเสียใจแค่ไหน
"แล้วข้าจะบอกอะไรให้เจ้าเลิกคิดมากนะ พี่ข้าน่ะ ไม่ใช่พวกรับคนเข้าวังพร่ำเพรื่อหรอก ที่เขายอมรับเจ้า เป็นเพราะฝีมือการสู้ตัวต่อตัวของเจ้าในสนามรบนั่นต่างหาก เจ้าถึงได้เข้ามาที่นี่ อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีสิ คนเรามันก็ต้องมีดีสักอย่าง จริงไหม?"
"อย่างข้าน่ะ มีดีสักอย่างก็เหลือเชื่อจะแย่แล้ว" แจจุงแกล้งทำเป็นพูดกลบเกลื่อน ชางมินหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มอบอุ่น คำพูดที่อ่อนโยน เพราะความใจดีของเจ้าทำให้ข้าต้องลังเลใจอยู่เช่นนี้ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก เป็นเพราะข้าเองต่างหาก...ที่ขี้ขลาดเกินไป...
TBC.
ความคิดเห็น