ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องของต้นเหมย ` ✿ (end. สนพ.sensebook)

    ลำดับตอนที่ #15 : 14 ✿ ขอร้อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.5K
      527
      14 พ.ย. 64


    14

    ขอร้อง , ต้นเหมย

     

    นั่งก่อนๆเสียงคุ้นเอ่ยพลางผายมือไปยังโซฟาข้างกัน แขกผู้มาเยือนพยักหน้าลงครั้งหนึ่งแล้วทิ้งตัวลงนั่งด้วยความอ่อนล้า หย่งถอนหายใจแผ่วปรายตามองคนฝั่งตรงข้าม ความรู้สึกผิดก่อตัวซ้ำซากมาหลายอาทิตย์ตั้งแต่มีเรื่องกับไอ้ลูกชายตัวดีไป กระทั่งคิดว่าไม่สามารถเก็บเอาไว้และไม่มีทางออกใดนอกจากพูดความจริงจึงได้พาตัวเองมาเหยียบบ้านตระกูลเจี๋ยตั้งแต่หัววัน หายดีแล้วหรือพี่หย่ง ฉันคิดจะไปเยี่ยมอยู่เชียวแต่ยังหาเวลาไม่ได้เลย

    ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะหย่งกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ กระอักกระอ่วนอย่างไรไม่รู้ วันนี้ที่ฉันมา ฉันมีเรื่อง... เรื่องสำคัญ

    เรื่องเครียดหรือ ดูสีหน้าพี่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนา

    เรื่องงานแต่งของหนูเพ่ยกับเจ้าเหมยเขาพูดโดยสบตากับผู้เป็นบิดาของว่าที่ลูกสะใภ้ของตน ฝ่ายนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่กลับไม่พูดอะไร เป็นอันรู้กันว่าคงจะให้เขาพูดต่อจนจบ เมื่อวันที่ฉันผิดนัดเรื่องพาหนูเพ่ยไปเลือกแหวน ความจริงแล้วฉันรอคุยกับเจ้าเหมยมันก่อน ฉันขอโทษที่เงียบอยู่นาน แต่ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร

    พี่หย่งมีอะไรพูดมาเลย ดีกว่าอ้อมค้อมกันอยู่อย่างนี้เหว่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยทว่าไม่ได้หงุดหงิดแต่อย่างใด ฉันบอกแล้วว่ามีอะไรเราคุยกันได้ทุกเรื่อง

    ฉันขอโทษที่ไม่สามารถทำให้เจ้าเหมยแต่งงานกับหนูเพ่ยได้หัวใจของหย่งบีบคั้นเพราะเขาเอ็นดูเพ่ยเพ่ยเสียเหมือนลูกสาวอีกคน คาดหวังว่าเธอจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวตั้งแต่ไหนแต่ไร เหมยมันไม่ยอม ฉันพูดอย่างไรมันก็ไม่ยอมท่าเดียว แถมยังบอกฉันอีกว่ามีแฟนแล้ว ฉันขอโทษจริงๆ

    หย่งยกมือขึ้นไหว้ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ เวลาเนิ่นนานมาพอสมควร หลายอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ไหนจะการบอกกล่าวปากต่อปากว่าจะมีงานแต่งเกิดขึ้นแต่เมื่อใกล้ถึงเวลากลับถูกยกเลิกอย่างตั้งใจ

    ไม่ต้องไหว้ฉันหรอกเหว่ยยกมือขึ้นปราม เขาเองรู้จักครอบครัวของพี่หย่งมานานหลายปี ยินดีจะได้ปรองเป็นครอบครัวเดียวกัน แบบนี้ก็แปลว่าพี่หย่งทะเลาะกับเจ้าเหมยหรือ

    อืม ฉันน่ะโกรธมันเอาเสียมากๆ

    มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม หย่งพยักหน้าเมื่อสิ้นสุดเสียง ก่อนเหว่ยจะถอนหายใจออกมา “ฉันน่ะ พอจะรู้อยู่หรอกว่าเจ้าเหมยไม่ได้อยากจะแต่งงาน”

    “ฉันขอโทษแทนด้วยนะ มันคงเป็นความผิดของฉันที่บังคับมันไม่ได้”

    จะพูดอย่างนั้นคงจะไม่ถูกเสียทีเดียว ฉันเองพอมาคิดๆ ดูแล้วตอนฉันแต่งงานพ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับ ...แต่ฉันเห็นว่าเหมยรู้จักกับอาเพ่ยมาตั้งแต่เด็ก คิดว่าเด็กๆ คงรักกัน แต่พอมาถึงวันนี้รู้แล้วว่าที่ผ่านมาคนเป็นพ่ออย่างฉันน่ะคิดไปเอง ความจริงฉันไม่เคยถามไถ่อาเพ่ยเลยว่ารู้สึกอย่างไร

    “…”

    มัวแต่คิดว่าได้คู่กับเจ้าเหมยคงจะดีและดูแลอาเพ่ยได้ แต่ถ้าเหมยไม่ได้รักลูกสาวฉัน บังคับให้แต่งกันทั้งที่ไม่ได้รัก อืม... ฉันเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะหาความสุขจากตรงไหนให้ลูก ดีไม่ดีอาจจะเป็นฉันที่สร้างความทุกข์ให้แทน

    ฉันขอโทษจริงๆ เรื่องที่ได้บอกคนอื่นไปแล้ว บอกได้เลยนะว่าความผิดมาจากฝั่งฉันเมื่อได้ฟังสิ่งที่อาเหว่ยพูด เขาเริ่มจะคิดได้บ้างว่าเราต่างอยากให้ลูกมีความสุขแต่ไม่ทันได้คิดว่าสิ่งที่เราเรียกว่าเป็นความสุขนั้นอาจจะกำลังกลายเป็นความทุกข์ของลูก ฉันไม่อยากบังคับมันอีก

    ถ้าเจ้าเหมยมันมีแฟนก็ให้ได้รักกับแฟนไปเถอะพี่หย่ง อย่าไปแยกเขาเลย

    ฮึ ฉันน่ะ... แค่ไม่บังคับเรื่องแต่งงาน แต่ถ้าให้ยอมรับเรื่องแฟนมัน ฉันทำไม่ได้หรอก

    ทำไมหรือเหว่ยเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

    พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันหนักใจ ไม่รู้ว่าเลี้ยงมาผิดวิธีตรงไหน ...มันไม่ชอบหนูเพ่ยเพราะมาสารภาพกับฉันว่าชอบผู้ชายด้วยกัน ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนพูดจบก็ยกมือขึ้นลูบหน้า คราแรกจะไม่พูดให้ฟังหรอกแต่ไหนๆ ได้คุยแล้ว เขาอาจจะได้ที่ปรึกษาเพิ่มอีกสักคน

    พี่หย่งหมายถึงเจ้าเหมยน่ะหรือชอบผู้ชายเหว่ยถามเสียงเรียบเฉยทว่าภายในอกกลับรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

    ใช่ มันชอบผู้ชาย ฉันถึงได้ปวดประสาทอยู่แบบนี้ ตอนแรกบอกมีแฟนฉันยังคิดแล้วคิดอีกว่ามีอะไรดีถึงได้จับอยู่หมัด ที่ไหนได้... เหอะ ฉันรับไม่ได้

    ยังดีนะที่เจ้าเหมยยอมมาสารภาพ ไม่อย่างนั้นเราทั้งคู่จะกลายเป็นคนสร้างความทุกข์ให้เด็กๆ เขานะพี่หย่ง

    อืม ฉันสงสารหนูเพ่ย

    ไม่ต้องกังวลเรื่องอาเพ่ยหรอก ฉันห่วงเจ้าเหมยน่ะสิ พี่หย่งไม่ยอมรับออกหน้าออกตาอย่างนี้ ไม่สงสารเจ้าเหมยมันหรือ ...อย่าหาว่าฉันวุ่นวายกับครอบครัวพี่เลยนา แต่ตั้งแต่ที่ฉันได้รู้จักมา จะมีสักกี่หนเชียวที่เหมยมันขัดใจพี่น่ะ

    “…” เรื่องนี้เขารู้ดีกว่าใคร วันนั้นก็โดนไอ้ลูกชายตัวดีพูดตอกหน้ามา แต่คนมันโมโหจะให้ทำอย่างไร อีกอย่างเขาคาดหวังครอบครัวอันสมบูรณ์ไว้แต่ถ้ามันคบผู้ชายจะเอาอะไรมามีหลานสืบตระกูลให้ล่ะ ฉันรู้ แต่ทำใจไม่ได้จริงๆ

    รักกันมันไม่ใช่เรื่องผิด เชื่อฉันสิ คิดเสียว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกชายพี่อีกสักคน

    มันผิดเพศกันอย่างนั้นน่ะหรือจะให้ฉันยอมรับคนถูกถามกลับแสดงสีหน้าหนักใจ มันเป็นคนเดียวยังไม่เท่าไหร่ ยังมาพาลให้เจ้าหมิงเป็นไปอีกคนนี่น่ะสิ ชีวิตฉันไม่คิดว่าจะต้องมาเจอแบบนี้ ความหวังที่ฉันตั้งไว้มันพังหมดเลย

    อาจจะพูดง่ายเกินไปหน่อย ฉันไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกับพี่หย่ง แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนา คนรักกันถ้าพี่ห้ามจะใจร้ายไปไหม อีกอย่างเจ้าแฝดมันก็ลูก แฟนเจ้าเหมยก็เด็กผู้ชายคนหนึ่งเป็นคนเหมือนกันนะ ฉันว่าพี่เปิดใจดูหน่อยเถอะ ...ฉันเคยอ่านสัมภาษณ์อะไรสักอย่าง เขาบอกว่าความจริงเราน่ะรักลูกตั้งแต่เกิดมาโดยที่ยังไม่รู้เพศเลยด้วยซ้ำแล้วทำไมการที่ลูกเป็นเกย์ถึงจะรับไม่ได้ล่ะ

    “…”

    ความรักสมัยนี้ มันไม่เกี่ยวกับเพศนะพี่หย่ง

    “…”

    มันทำเพื่อพี่มาหลายอย่างแล้ว ฉันว่าพี่ลองเปิดใจให้เด็กมันหน่อย อย่างน้อยๆ ก็เห็นแก่ความรักของมันเถอะ

     

     


    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่สอดอยู่ใต้หมอนปลุกคนในภวังค์ความฝันให้ตื่น เจ้าของร่างสูงผ่อนลมหายใจคล้ายหงุดหงิดก่อนหยิบมันขึ้นมากดรับสายโดยไม่มองว่าใครเป็นผู้โทรเข้า แต่เพียงได้ยินเสียงกลับรู้ได้ทันที

    (พี่เหมยคะ) เจ้าของชื่อได้สติ ลืมตาตื่นทันที เขายกโทรศัพท์ออกจากใบหูเพื่ออ่านให้แน่ชัดว่าไม่ได้คิดไปเอง ตั้งแต่มีเรื่องทะเลาะกับป๊า แม้เพ่ยเพ่ยพยายามจะโทรหาแต่เขาปฏิเสธเสียทุกครั้ง จะว่าเขาใจร้ายมันคงเป็นแบบนั้น ทว่าเขาไม่รู้ว่าป๊าบอกเรื่องเขายกเลิกงานแต่งกับทางตระกูลเจี๋ยไปหรือยังอีกฝ่ายถึงได้โทรมาอีก

    ครับ

    (...พี่เหมย)

    เพ่ยมีอะไรครับเหมยรู้ตัวว่าเขาทำนิสัยไม่ดีเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขายังมองเธอเป็นแค่น้องสาว แม้จะไม่พอใจเวลาโดนบังคับให้ไปรับส่งหรือใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่หากไม่มีเรื่องงานแต่งงานเข้ามาเกี่ยว เขาคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นพี่ชายที่ดี ดูแลเธอเหมือนเวลาดูแลหมิงได้ เขาเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง เลือกทำให้เธอเจ็บช้ำมาตลอดหมายจะยกเลิกงานแต่ง แต่ไม่ว่าจะแสดงออกเท่าไหร่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

    (หนู...) เธอขานตอบเสียงเบาและเหมยพยายามจะทำตนให้นิ่งไม่ใจร้อน (หนูรู้เรื่องที่พี่จะยกเลิกงานแต่งแล้วนะคะ)

    ครับ

    (ป๊ากับคุณอาเพิ่งคุยกันเมื่อคืน)

    “…”

    (หนูโทรมาหา หนูแค่อยากจะถามว่าวันนี้พี่เหมยว่างไหม ...ถ้าเกิดว่าพี่ไม่ว่าอะไร หนูขอคุยกับพี่หน่อยได้ไหมคะ) สิ้นสุดเสียงเหมยใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ที่ผ่านมาเขาไม่อยากไปเจอนั่นคือความจริง ไม่อยากสานบทสนทนาหรือทำสิ่งใดให้เพ่ยเพ่ยคิดว่าเขามีใจเพราะมันไม่เป็นอย่างนั้น (เพราะหนูไม่น่ารักหรือเปล่า พี่ก็เลย...)

    พี่ขอเวลาหนึ่งชั่วโมง เดี๋ยวโทรไปถามว่าจะเจอกันที่ไหน

    (พี่เหมยไม่ลำบากใช่ไหมคะ)

    ไม่ครับ เดี๋ยวเจอกัน

    เขากดตัดสายทันทีที่พูดจบ ไม่อาจปล่อยให้เพ่ยเพ่ยคิดว่าที่เรื่องราวเป็นแบบนี้เพราะเธอเป็นคนผิด แต่หากจะถามหาคนผิดจริงๆ ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะโทษใคร ถ้าจะโทษทางครอบครัวของเรามันก็... อ่า พูดยาก เพราะรู้ว่าอยากเลือกคนที่ควรเป็นคู่ครองให้ลูก ตามความคิดป๊าคงมองมาแล้วว่าถ้าอยู่ด้วยกันมันต้องดี

    แต่เหมยเลือกแล้วว่าอยากรักใคร ตอนนี้เวลานี้มันดีมาก เขามีความสุขกับทุกอย่าง มีความสุขแล้วกับคนที่ตัวเองเลือก ต่อให้สุดท้ายเขาต้องเจ็บก็จะไม่เสียใจมากเกินไปและจะไม่โทษใคร

    เพราะเขาเป็นคนเลือกเอง

     

     


    ปุ่นไม่เข้าไปด้วยกันเหรอหมิงเอ่ยพลางชะโงกหน้ามาหา

    “ไม่ไปดีกว่า เราคนนอกอะ เดี๋ยวรออยู่แถวๆ นี้” ญี่ปุ่นยิ้มรับก่อนหันมาปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก วันนี้พวกเขานัดกันออกมาหาอะไรกินในช่วงบ่ายแต่ต้นเหมยบอกว่ามีธุระต้องมาคุยกับเพ่ยเพ่ยซึ่งเคยเป็นว่าที่เจ้าสาวจึงขออนุญาตแวะมาหาก่อน ถ้าเกิดว่าเสร็จแล้วไม่เจอเราโทรมาก็ได้นะ

    ไปนั่งข้างในสิเหมยท้วง เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก เอาเข้าจริงคืออยากให้รู้ความเป็นไปเกี่ยวกับเขาทั้งหมด ไม่เป็นไรหรอก

    ไม่เอา ต้นเหมยก็เข้าไปกับหมิง เรารอข้างนอกได้ น้องเขาอาจจะอยากคุยเรื่องส่วนตัวเขาไม่ได้ทำน้ำเสียงไม่ดีหรือประชดประชัน เรารู้ว่าต้นเหมยห่วงความรู้สึกเรา แต่ว่า...เรื่องนี้เราเข้าใจจริงๆ นะ อีกอย่างน้องเขามากับคุณแม่ จะให้เราเข้าไปนั่งอยู่ด้วยมันก็จะแปลกๆ

    โอเคครับ ถ้างั้นเดี๋ยวเหมยรีบคุย

    ไม่ต้อง...

    เหมยจะรีบคุยครับญี่ปุ่นย่นจมูกเพราะโดนขัดออกมาอีกครั้งทั้งที่ยังพูดไม่จบ อย่าไปไหนไกลนะ

    อื้ม รู้แล้ว

    ชายหนุ่มพยักหน้าหนหนึ่งก่อนลงมาจากรถด้วยกันทั้งสามคน แฟนตัวเล็กขอไปเดินเล่นเพราะแถวนี้มีร้านอาหารและคาเฟ่เยอะพอสมควร แม้ว่าร้านที่เพ่ยเพ่ยนัดมาเจอจะสามารถเข้าไปนั่งดื่มได้ แต่ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวผลเลยเป็นแบบนี้

    มึงคุยกับเขาดีๆ นะหมิงพูดเสียงเบาหลังจากเดินเข้ามาในร้าน เพียงแค่กวาดสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าสองแม่ลูกนั่งอยู่มุมใด สองแฝดเดินตรงเข้าไปหาก่อนเหมยจะเป็นคนเอ่ยปากทักทาย

    สวัสดีครับทั้งเพ่ยเพ่ยและอาทิพย์เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างพร้อมเพรียง ก่อนผู้อาวุโสจะยิ้มรับแล้วผายมือเชิญให้เขากับน้องนั่งลงตรงข้าม

    ทานอะไรกันมาหรือยังคะ

    ยังครับ พอดีผมมีธุระต่อหมิงกระตุกแขนเสื้อแฝดพี่เบาๆ แม้น้ำเสียงจะไม่ได้หงุดหงิดแต่การบอกปัดอย่างนั้นทำให้เขารู้สึกเกรงใจคุณอาทิพย์อยู่ไม่น้อย ต้องขอโทษด้วยครับ

    ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าอย่างนั้นเข้าเรื่องเลยดีกว่านะคะเหมยพยักหน้ารับรู้ อากับน้องเพ่ยรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว จริงๆ อาไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ แต่อาเพียงแค่อยากจะรู้เหตุผลว่าทำไมเหมยถึงไม่อยากแต่งงานกับน้อง เพราะว่าน้องไม่น่ารักหรือว่าจุกจิกเหมยมากเกินไปหรือเปล่าคะ

    ไม่ใช่หรอกครับ เพ่ยไม่ได้ผิดอะไร แต่ผมไม่สามารถรักเพ่ยแบบคนรักได้จริงๆ ครับเขาว่าพลางสบตากับเด็กสาวตรงหน้า เธอนั่งนิ่งเฉยไม่แสดงสีหน้าใดจนเขาไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แล้วป๊าผมบอกกับทางบ้านคุณอาว่าอะไร ขอโทษที่ต้องถามนะครับ พอดีผมยังไม่ได้ติดต่อกับป๊าม้า

    คุณหย่งบอกว่าเหมยมีแฟนแล้วค่ะ

    ครับเด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ มองหน้าอาทิพย์เหมือนต้องการฟังว่ามีอะไรนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่

    เห็นว่าเพิ่งคบกันมาไม่นานใช่ไหมคะเหมยพยักหน้าลงอีกครั้ง อากับพี่เหว่ยไม่อยากบังคับใจใคร วันที่คุณหย่งบอกเรื่องยกเลิกงานแต่งดูเป็นกังวลมาก แต่อาเข้าใจค่ะ

    ขอบคุณครับที่เข้าใจ ขอโทษด้วยที่ผมทำให้ต้องเสียเวลาเขายกมือขึ้นไหว้แทนคำขอโทษ ไม่ได้เพียงแค่พูดออกไปให้เรื่องจบ แต่ส่วนลึกคือเขารู้สึกผิดจริงๆ ขอโทษที่ทำให้น้องผิดหวังด้วยครับ

    หนู... ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่อยากรู้ว่าหนูไม่ดีตรงไหนหรือเปล่าเธอตอบเสียงแผ่วก่อนเหมยจะส่ายหน้าอีกครั้ง แม้จะตอบไปแล้วว่าไม่ใช่แต่เข้าใจหากว่าจะคิดอย่างนั้น

    ไม่ใช่ความผิดของเพ่ยจริงๆ ครับเขาย้ำอีกครั้ง กำลังลังเลใจว่าควรจะบอกถึงสาเหตุดีไหม สุดท้ายเขาเลือกทำตามใจตัวเองและเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด พี่ชอบผู้ชายครับ อ่า แฟนพี่เป็นผู้ชาย

    บรรยากาศบนโต๊ะเงียบทันใด หมิงเบิกตาโพลงพลางหันไปมองหน้าแฝดพี่อย่างตระหนก ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆ เหมยจะพูดแบบนี้ออกมา ดูท่าแล้วสองแม่ลูกเองก็อึ้งไม่ต่างกัน รู้ได้แน่ชัดว่าป๊าเขาไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่เอาเถอะไม่บอกตอนนี้สักวันต้องรู้อยู่ดีเพราะพวกเขาไม่มีทางเปลี่ยนตัวเอง

    หนูเข้าใจแล้วค่ะเพ่ยยิ้ม ตอนแรกรู้เพียงแค่พี่เหมยมีแฟนเธอจึงไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงเป็นเธอไม่ได้ แต่คำตอบนี้เคลียร์ทุกปัญหาภายในหัวใจของเธอ เรื่องความรักมันไม่ใช่ใครก็ได้จริงๆ หนูขอให้พี่มีความสุขนะคะ

    ครับ เหมือนกันนะเขาตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้ ขอโทษอีกครั้งนะครับ ถ้าเกิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีแฟนผมรออยู่

    ค่ะอาทิพย์ยิ้มให้เขาก่อนพยักหน้าให้โดยไม่ถามอะไรอีก เขาจึงถือวิสาสะลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้แล้วขอตัวออกมา

    มึงพูดไปแบบนั้นจะดีเหรอ ถ้าเกิดว่าอาทิพย์เขาไปคุยกับป๊ามึงทำยังไงหมิงเดินตามมาติดๆ แถมยังกระซิบด้วยน้ำเสียงกังวลจนเหมยต้องหันไปมองแล้วตอบคล้ายไม่ใส่ใจ

    เรื่องมาถึงขนาดนี้ จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ

    ...

    ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว

    เหมยยิ้มมุมปากก่อนผลักประตูร้านออกมา เขาเดินตรงไปรถแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเบอร์ของญี่ปุ่นเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวเดินไปถึงไหน เขาใช้เวลาพูดคุยกับคุณอายังไม่ถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำ

    มึง

    ว่าเขาหันไปตอบทั้งที่ยังแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหู มีอะไรหมิง

    แฟนมึงเดินมาโน่นแล้วหมิงพูดเจือหัวเราะแล้วชี้ไปยังฝั่งตรงข้าม ญี่ปุ่นถือถุงอะไรสักอย่างไว้ในมือกำลังจะเดินข้ามถนนมาฝั่งนี้ เขากดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า มึงเดี๋ยวแวะไปส่งกูบ้านเพลิงหน่อยนะ

    ไปทำไมแม้จะมีญี่ปุ่นอยู่ใกล้ตัวแต่เขาอดทำตัวเป็นพี่ชายหวงไข่ไม่ได้

    คืนนี้จะค้างบ้านมัน พ่อมันไปต่างจังหวัด มึงก็อยู่กับญี่ปุ่นไปดิส่วนหนึ่งเป็นแผนของเขานั่นล่ะ เห็นว่านานแล้วที่เหมยกับญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนเลยขอเป็นฝ่ายแยกตัวออกมาดีกว่า เคนะ

    ถ้ามีอะไรก็โทรมาความเป็นห่วงแฝดน้องยังมีอยู่เต็มอก ถึงหมิงจะทำตัวเหมือนไม่ได้คิดอะไรมากแล้วแต่เขามองออกจากสายตานั้นยังคงสะท้อนความกังวลออกมาจนเห็นได้ชัดในทุกวัน เมื่อน้องไม่สดใสเหมือนเคยมีหรือเขาจะไม่รู้

    หมิงเราซื้อมาฝาก

    อะไรอะเจ้าของชื่อหันไปมองพลางทำหน้าฉงน คว้าถุงในมือของญี่ปุ่นมาดู ให้เหมยได้ไหมอะ คือหมิงไม่ชอบกินกล้วยอะดิ

    อ้าว งั้นเอาอันนี้ไหม แต่เราลืมว่ามันเรียกว่าอะไรญี่ปุ่นหัวเราะแห้งๆ ก่อนส่งขนมอีกถุงหนึ่งให้ดู ทว่าหมิงส่ายหน้าระรัวเพราะมันไม่ใช่ของโปรดเขาเลยสักนิด อันนี้ก็ไม่ชอบเหรอ

    เดี๋ยวเหมยกินเอง หมิงกินยากแฝดพี่เป็นคนตอบแทนเพื่อไม่ให้บทสนทนายืดเยื้อไปมากกว่านี้ หากเป็นขนมเบื้องใส่ฝอยทองหมิงคงกินอยู่หรอกแต่พอเป็นไส้เค็มน้องชายเขาไม่เคยอยากกิน ไปกัน

    ไปไหนเหรอคนเพิ่งมาถึงกะพริบตาปริบๆ เขาคิดว่าจะไปซื้อขนมมานั่งกินระหว่างรอ แต่ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะคุยกับทางบ้านนั้นเร็วขนาดนี้ แถมยังไม่กล้าถามอีกว่าเป็นอย่างไรบ้าง

    วันนี้ปุ่นอยู่ค้างบ้านพี่ครามเป็นเพื่อนไอ้เหมยหน่อยได้เปล่า หมิงจะไปนอนบ้านเพลิงอะ มันชวนหมิงชิงพูดออกมาก่อนเรียกว่ามัดมือชกก็ย่อมได้และหากว่าพี่ยิ้มมีปัญหาเรื่องญี่ปุ่นมานอนค้างกับเหมย เขานี่แหละจะเป็นคนโทรไปฟ้องพู่กันเพื่อให้พี่ครามไปสั่งพี่ยิ้มอีกที ต้องทำต่อกันเป็นทอดๆ อย่างนี้แหละถึงจะสำเร็จ

    อ...อ๋อ เราไม่มีปัญหาหรอก แต่ต้องถามพี่ยิ้มก่อนนะคนตัวขาวยิ้มตอบอย่างน่ารัก หมิงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหมยถึงได้ชอบนั่งมองหน้าญี่ปุ่น หากเป็นเขาก็จะมองเหมือนกัน คนบ้าอะไรเวลายิ้มแล้วน่ารักไปหมด ถ้างั้นไปเลยไหมเดี๋ยวจะเสียเวลา

    ได้ๆ เหมยมึงขับนะ กูจะนอน

    เหมยเพียงพยักหน้าก่อนหันไปช่วยญี่ปุ่นถือถุงขนมแล้วเดินไปเปิดประตูรถ เขาคิดว่าโชคดีแล้วที่มีน้องชายเข้าใจเรื่องความรักแถมยังเข้ากับแฟนเขาได้ด้วย

    นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งเลยล่ะ

     

     


    เหมยได้โทรขออนุญาตพี่ยิ้มเพื่อให้ญี่ปุ่นมานอนค้างด้วยกันบ้านพี่ครามเรียบร้อยแล้ว วันนี้ไม่มีใครกลับบ้านอีกเช่นเคย เขากับหมิงนอนห้องแขกมาตลอดจนเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นบ้านอีกหลังไปเสียแล้ว

    ง่วงแล้วเหรอ

    อื้อคนดื้อหันมาพยักหน้าลงระรัว หลังจากส่งหมิงบ้านเพลิง พวกเขาได้แวะไปห้างซื้อของและกินข้าวมาเรียบร้อยแล้ว พอกลับมาถึงบ้านครามเลยนั่งดูหนังแต่เขาสังเกตได้สักพักแล้วว่าญี่ปุ่นง่วง แต่เรายังไม่ได้อาบน้ำเลย

    ลุกสิ

    หนังยังไม่จบเลยด้วย

    ค่อยดูใหม่ก็ได้ครับญี่ปุ่นย่นจมูกก่อนหันไปมองหน้าจอโทรทัศน์แล้วสลับมามองหน้าเขา นอนกับเหมยหรือเปล่า

    นอนซี่คนถูกถามขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่นอนกับต้นเหมยจะให้เราไปนอนไหนเล่า

    นึกว่าจะนอนห้องน้ำเงิน

    ไม่เอาหรอก เกรงใจแย่เลย เรานอนกับต้นเหมยแหละ

    งั้นเดี๋ยวไปดูต่อในห้องไหม

    ได้เหรอ

    ได้ครับญี่ปุ่นฉีกยิ้มน่ารักก่อนพยักหน้าลงหลายหน เหมยจึงลุกขึ้นก่อนดึงคนบนโซฟาให้ลุกขึ้นตามกัน เขาเดินไปปิดโทรทัศน์แล้วพาอีกฝ่ายเดินเข้าไปในห้องนอนชั่วคราวของตัวเอง ไปอาบก่อนเลยครับ เดี๋ยวเหมยจะเปิดหนังรอ

    ต้นเหมย

    หืม

    เรื่องวันนี้...คนตัวเล็กกว่าอ้ำอึ้ง คิดว่าจะไม่เอ่ยปากถามแต่สุดท้ายมันก็ทำไม่ได้ อีกอย่างเขาอยากจะให้อีกฝ่ายได้กลับไปคุยกับทางบ้าน เป็นยังไงบ้างเหรอ

    ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกเหมยยิ้มตอบหวังให้ญี่ปุ่นคลายความกังวล แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น เหมยบอกกับเขาไปแล้วว่าชอบปุ่น

    ทำไมพูดไปแบบนั้นเล่าหากเดาถูกนั่นแปลว่าทางบ้านของเพ่ยเพ่ยต้องรู้แน่แล้วว่าต้นเหมยชอบผู้ชาย เดี๋ยวก็มีปัญหา

    ไม่สนแล้ว

    ต้นเหมย

    ...

    ถ้าเราอยากจะขอให้กลับไปคุยกับที่บ้านได้ไหมเหมยหรี่ตาเมื่อประโยคขอร้องนั่นกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เขาลำบากใจพอสมควร ไม่รู้ว่าหากกลับไปคุยแล้วจะจบลงทิศทางไหน ดีไม่ดีโดนไล่ตะเพิดออกมาอีกหนึ่งยก เราไม่อยากให้ต้นเหมยต้องทะเลาะกับที่บ้าน อีกอย่างนี่มันก็พักหนึ่งแล้วเหมือนกันนะ

    ยังไม่อยากคุย

    จะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอญี่ปุ่นกัดริมฝีปากเมื่อคนเป็นแฟนพยักหน้าลงยืนยัน เขารู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก ลึกๆ ยังคิดว่าสาเหตุนั้นมาจากตัวเองเป็นที่ตั้ง

    เหมยเลือกปุ่น

    ถ้าต้นเหมยเลือกเราก็กลับไปคุยได้ไหม

    “…” เหมยรู้ว่าทำไมญี่ปุ่นถึงเป็นทุกข์ใจ หากเป็นเขาเองคงจะไม่ต่างกัน เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ใช่ว่าไม่อยากจะทำตามคำร้องขอแต่เขาไม่รู้ว่าจะไปเริ่มอย่างไร ให้กลับคุยและทักทายด้วยคำไหนป๊าถึงจะไม่ไล่ออกมา

    แม้จะผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีท่าทีว่าป๊าจะยอมรับเรื่องเขาชอบผู้ชายได้และหากเป็นเช่นนั้นเขาคงเก็บความหงุดหงิดใจเอาไว้ไม่ไหว สุดท้ายต้องได้เถียงกันแล้วออกมาก่อนอยู่ดี

    ต้นเหมย

    “…”

    เราขอร้องคนตัวโตลอบถอนหายใจแผ่ว ช้อนสายตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเห็นแววความไหวสั่นจากดวงตาคู่นั้นราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา

    และเขาเป็นผู้พ่ายแพ้

    ได้ครับเพียงแค่คำตอบรับสั้นๆ กลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าดื้อรั้นหวนกลับคืนแต่คำว่า แต่ไม่รู้จะกลับไปเมื่อไหร่ยังคงติดอยู่ที่ปากไม่ได้พูดออกไป

    ญี่ปุ่นเดินเข้ามาใกล้ เหมยจึงอ้าแขนทั้งสองออกก่อนคนตัวเล็กจะโผเข้ากอดแล้วซุกหน้าลงกับต้นคอ หลังจากนั้นได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ข้างหู

    กอดนานๆ เลยได้ไหมเหมยยกยิ้มมุมปากแล้วเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยหลังผละเจ้าตัวยุ่งออกจากอ้อมแขน ช่วงวินาทีเขาจับคนตัวเล็กพลิกให้นอนลงบนเตียง ชายหนุ่มโน้มไปกระซิบข้างหูคล้ายกับที่ญี่ปุ่นทำเมื่อครู่

    เปลี่ยนเป็นจูบนานๆ ได้หรือเปล่า


    tbc.

    ทุกคนคับ เรื่องของต้นเหมย หนังสือยังมีให้สั่งซื้ออยู่น้า 

    ส่วนแบบฉบับอีบุ๊กมีแต่ช้าค่ะ ซึ่งเราต้องรอทางสนพ.นะคับ ถ้ามีความคืบหน้าจะรีบอัปเดตเลยค่า

    #เรื่องของต้นเหมย

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×