คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 06 ✧ ยามวิกาล
06
ยามวิกาล
'เพลงของเรานั้น เพลงของเธอฉัน ดังขึ้นมาอีก'
ยามวิกาล – Greasy Café
✧
“เฮ้ยๆ แดกให้มันน้อยหน่อย” ยิ้มบอกเสียงติดตระหนก ก่อนหันไปคว้าแก้วเหล้าจากมือเพื่อนสนิทมาถือไว้เอง
“เดี๋ยวเมาเละแล้วจะกลับกันยังไง! กูเอารถมานะโว้ยย”
“ดูหน้ากูด้วยยิ้ม”
นับเงินขมวดคิ้วแล้วดึงแก้วคืนมา เขากระดกรวดเดียวหมดก่อนวางลงบนโต๊ะ
กระดิกนิ้วให้เพื่อนฝั่งตรงข้ามชงมาให้อีก แต่ว่าอีกฝ่ายกลับเมินเฉยเลยต้องบอกย้ำให้รู้
“ศา อีกแก้ว”
“พอแล้วนับ”
องศาเตือนเสียงนิ่ง เขารู้ดีว่าสาเหตุหลักของการออกมาดื่มครั้งนี้คืออะไร เมื่อช่วงบ่ายเข็มทิศโทรมาปรึกษา
ถามว่าควรทำอย่างไรเพราะบอกนับไปแล้วว่ายังไม่ลืม “จะกี่แก้วมันก็เหมือนเดิม”
“ไอ้ศา”
ครามปรามเรียกสติองศาเพราะกลัวคำพูดจะไปกระตุ้มต่อมหงุดหงิดของนับเงิน
วันนี้พวกเขาไม่ได้เข้าผับทว่ามาร้านนั่งชิล ดื่มเหล้าเคล้าเพลงเบาๆ
พอให้มีสีสันและสามารถคุยกันได้รู้เรื่อง
“จะให้ทำยังไง”
องศาถามเสียงฉงนก่อนเลื่อนสายตาไปสบกับนับเงินอีกครั้ง
ยังดีตรงที่ทั้งคู่แยกปัญหาความสัมพันธ์ออก ผู้เป็นคนกลางเลยไม่ได้รับผลกระทบอะไร
“พี่เข็มยังรักมึงจริงๆ”
“พี่มึงแม่ง...”
นับเงินสบถอย่างหัวเสีย นึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล้วยิ่งเจ็บแปลบ
เข็มทิศมีอิทธิพลซึ่งเขารู้มาตลอดแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำให้แพ้ยับเยินอย่างนี้ “กูทำอะไรไม่ถูก”
“…”
“แต่เจ็บฉิบหายเลย”
เขากลืนก้อนสะอื้นลงคอ กระดกแอลกอฮอล์เข้าปากอีกหนโดยไม่กลัวว่าพรุ่งนี้เช้าจะลุกไม่ไหว
คงเพราะเกินห้ามจึงไม่มีใครค้านอะไรอีก นับเงินฟุบลงกับโต๊ะเมื่อคิดอะไรไม่ออก
ยอมรับว่าส่วนลึกนั้นดีใจที่อะไรบางอย่างยังตรงกัน แต่อีกส่วนหนึ่งกลับบอกย้ำว่าเขา...
ไม่ควรกลับไป
นับเงินผุดลุกขึ้นยืนท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนสนิท
อ้าปากบอกเพียงแค่ว่าจะเข้าห้องน้ำจึงไม่มีใครเดินตามมา
เขาไม่ได้มึนเมาขนาดพูดคุยไม่รู้เรื่องและสติยังคงเหลืออยู่มากพอ
ฝ่ามือเล็กผลักบานประตูห้องน้ำ
มุ่งตรงไปยังอ่างล้างมือก่อนเปิดก๊อกแล้วกวักน้ำล้างหน้าตา เขาผ่อนลมหายใจคลายความอึดอัดบางส่วน
พอคิดถึงเข็มทิศแล้วมันคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ไม่ชอบอาการอย่างนี้เลยสักนิด
หวนนึกถึงตอนเลิกกันใหม่ๆ
เรียกว่าเสียศูนย์เลยทีเดียว
เขากับเข็มทิศเข้ากันได้ดีในหลายเรื่อง
ทว่าไม่มีอะไรมาเป็นเครื่องยืนยันได้เลยว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ปัญหาก่อนเลิกกันยังสะสางไม่ได้ด้วยซ้ำ
ถ้ากลับไปหาแล้วทุกอย่างแย่กว่าเดิมจะต้องทำอย่างไร
ยอมรับว่านับเงินปากเก่งไปอย่างนั้น
เพราะส่วนลึกของใจยังอยากมีเข็มทิศอยู่ด้วยกันเสมอไม่ว่าจะสถานะอะไรและเขากลัว
...กลัวว่าทุกอย่างแย่ลงแล้วจะไม่มีกันและกันอีก
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราเหมือนเล่นเกมเดิมพัน
ร่างโปร่งสะบัดศีรษะไล่ความคิด
พยายามบอกตนเองว่าช่างมันเถอะและคิดกลับไปโต๊ะ
ทว่าตอนเปิดประตูออกมาแล้วดันได้ยินเสียงเพลงที่ทำให้หัวใจกระตุก
เป็นไปได้ไหม
การที่เรานั้นลืมใครให้ได้
หรือเป็นเพราะเรานั้น
ต่างเลือกจดจำ เก็บมันเอาไว้
เช่นเพลงนี้...
เพลงของเรานั้น
เพลงของวันนั้น ดังขึ้นมาอีก
เขาขบริมฝีปากแล้วเลิกสนใจท่วงทำนอง
จังหวะกำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากหน้าห้องน้ำดันมีใครบางคนคว้าข้อมือไว้
นับเงินหันมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงท้วงด้วยความตกใจ
“พี่เบส...
ทำไมมาอยู่นี่ครับ” เด็กหนุ่มถามเสียงตระหนก
ก่อนคนอายุมากกว่าจะปล่อยข้อมือเขาให้เป็นอิสระ
“พี่แวะมาหาเพื่อนครับ
ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ” เบสหัวเราะแห้ง ไม่ได้ตั้งใจจะคว้ามือแล้วทำให้น้องตกใจขนาดนั้น
“แล้วนับมากับใคร”
“มากับพวกศาครับ
พี่เบสเพิ่งมาเหรอ”
“ใช่ๆ แต่พี่มาห้องน้ำก่อน
เจอนับเลยทักนี่แหละ” เขาตอบโดยไม่ปิดบัง พอคาดเดาได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำหน้าตื่นอย่างนั้น
“ไม่ต้องตกใจหรอก พี่มากับไอ้พัตสองคน”
“… พี่จะรู้ดีเกินไปไหม”
นับเงินมุ่ยหน้ากับความรู้ทันของรุ่นพี่
เพราะไม่อยากคุยเรื่องเดิมจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“แล้วพี่เบสเลือกสโนว์โกลบได้หรือยังครับ ยิ่งรายละเอียดเยอะยิ่งแพงนะ”
“หือ
พี่เหรอ?” เบสชี้นิ้วเข้าตนเองพลางขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ท่าทางของเขาทำให้อีกฝ่ายมองด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ที่พี่เบสฝากมาถามคราวก่อนไงครับ”
“พี่จะเอาสโนว์โกลบไปทำอะไร
แฟนไม่มี แม่ก็ไม่เล่น” เขาหัวเราะร่วน ก่อนยกมือตบบ่าของเด็กตรงหน้าเบาๆ
มีคนเดียวที่กล้ายกชื่อเขาไปอ้าง “คนถามมันหาเรื่องชวนคุยมากกว่า”
“…”
“แต่เดี๋ยวพี่คงต้องไปทวงชื่อร้านหน่อยแล้ว
อยากฝากอะไรไหม”
“โคตรแย่เลยครับ”
นับเงินแค่นยิ้ม ก่อนเราทั้งคู่จะหัวเราะพร้อมกัน กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับเขาเพราะไม่คิดว่าเข็มทิศจะใช้วิธีนี้เป็นข้ออ้างในการโทรหาแล้วเรียกตัวเขากลับบ้านเมื่อคราวก่อน
หากไม่เจอพี่เบสเรื่องนี้คงเป็นความลับต่อไป “เอาไว้คุยกันใหม่นะพี่เบส
ผมออกมานานแล้ว เดี๋ยวโดนพวกมันบ่น”
“พี่ไปส่งที่โต๊ะไหม”
“ไม่เป็นไรครับ
ขอบคุณนะ” การพบเพื่อนของเข็มทิศเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อก่อนพวกเขาเคยมาด้วยกันและถือเป็นร้านอันดับสองเลยด้วยซ้ำเพราะมาบ่อย
หากอยากนั่งชิลซึมซับบรรยากาศเบาๆ ไม่มีใครลุกขึ้นเต้นจนวุ่นวายน่ะนะ
กระนั้นสองขากลับหยุดชะงักเมื่อเดินเข้าใกล้โต๊ะของตนเอง
ระยะสายตามองเห็นว่ามีใครบางคนนั่งอยู่คนเดียว ความบังเอิญแท้จริงแล้วเป็นสิ่งปั้นแต่งเพราะห้วงเวลานี้ย้ำให้รู้ว่าทุกสถานการณ์ที่นี่
เข็มทิศตั้งใจ
“ทำไมถึงไปนาน” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำเอ่ยติดดุ ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองแล้ววางแก้วแอลกอฮอล์ลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงน้ำแข็งกระทบกัน
“ไหนพี่เบสบอกว่าเธอไม่มา...
แล้วเพื่อนนับไปไหนหมด”
“เพื่อนเธอก็อยู่”
“อยู่ไหน” นับเงินถามเสียงนิ่ง ก่อนขยับปลายเท้าเข้ามาใกล้โต๊ะแล้วหย่อนตัวลงนั่ง
แปลว่าเขาโดนทั้งเพื่อนทั้งพี่เบสหรอกอย่างนั้นหรือ “เธอ”
“ในร้าน เดี๋ยวก็มา”
“เธอมาที่นี่ทำไม”
“...” ชายหนุ่มไม่ได้ขานตอบด้วยน้ำเสียง นัยน์ตาคมสบมองเด็กตรงหน้าโดยไม่ละหนีจนกระทั่งนับเงินยอมแพ้แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง
เขาจึงขยายความให้เข้าใจ “เธอเลิกงานก่อนเวลา พี่ก็มาตามเธอ”
“จะตามให้กลับไปทำงานตอนนี้เหรอ”
“อืม
เธอออกมาก่อนเวลาตั้งหลายชั่วโมง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพูดด้วยถ้อยเสียงจริงจัง
เขามาที่นี่เพราะโทรถามน้องชายและทั้งหมดที่พูดไปนั่นเป็นเพียงข้ออ้างทั้งนั้น “เธอต้องกลับพร้อมพี่”
“อย่าเอาแต่ใจได้ไหม”
“พี่คนเดียว”
“…”
“หรือเราทั้งคู่ที่เอาแต่ใจ”
เข็มทิศไม่ได้ต้องการคำตอบจึงไม่ถามซ้ำ
นับเงินคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง แน่นอนว่าเขายกแก้วตามราวกับท้าทายกันและกันอยู่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
แต่เขาไม่ได้อยากแข่งด้วยสักหน่อย
“นับไม่รู้...” เขาพูดเสียงเบา เก็บกลั้นทุกความรู้สึกเอาไว้ในส่วนลึก “ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เวลาเจอหน้าเธอ”
“ทำเหมือนเดิม”
“แต่มันไม่เหมือนเดิม
...มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย”
“…” เข็มทิศพรูลมหายใจ
เอื้อมมือไปดึงแก้วแอลกอฮอล์ออกจากมือของอดีตคนรัก ช่วงจังหวะนั้นเราสบตากันอีกหลายวินาที
“เราไปคุยกันที่อื่นได้หรือเปล่า”
“…”
“พี่อยากคุยกับเธอ”
✧
อารมณ์หวั่นไหวกับความรู้สึกส่วนลึกสั่งการให้นับเงินใจอ่อน
แรกเริ่มตั้งใจคุยกันบนรถของเข็มทิศ แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงกลายมาเป็นโฮมออฟฟิศของอีกฝ่าย
เขายกมือขึ้นนวดขมับเพราะดันหลวมตัวมาเสียได้ แต่ส่งข้อความบอกเพื่อนสนิทเรียบร้อยแล้วว่าไม่ต้องห่วง
แน่นอนไม่มีใครตกใจเลยสักคน
เพราะทั้งหมดนี่เข็มทิศเป็นผู้บงการโดยมีกลุ่มเพื่อนของเขาร่วมมือ
“เธอใช้คำพูดเก่งเหมือนเดิม”
เขาเอ่ยขณะก้าวเท้าเข้ามาภายในโฮมออฟฟิศ นัยน์ตากวาดมองโดยรอบด้วยความรู้สึกคิดถึง
ข้าวของทุกอย่างเปลี่ยนทิศทางเหมือนว่ากำลังจะตกแต่งใหม่
ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยังวางไว้เหมือนเดิมคือกีต้าร์ตัวนั้น “...ยังเล่นอยู่อีกเหรอ”
“ไม่ค่อยได้เล่นหรอก”
เข็มทิศรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ชายหนุ่มเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
ตาคมมองตามแผ่นหลังบางและเลื่อนมองกีต้าร์โปร่งสีดำเงาซึ่งเขาเพิ่งปัดฝุ่นมัน
เขามองนับเงินที่เดินเข้าไปใกล้ก่อนหยิบมันลงมา “เธอจะเล่นหรือไง”
“ลองดู แต่ลืมไปหมดแล้ว” เมื่อก่อนนับเงินเคยหัดอยู่บ้างและเข็มทิศเป็นคนสอน
แต่เขาไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น เจ็บนิ้วนิดหน่อยก็หยุดเล่นไปนานหลายอาทิตย์
สุดท้ายคิดได้ว่าเป็นผู้ฟังนั้นดีกว่าอะไรทั้งสิ้น
เจ้าของร่างโปร่งหิ้วกีต้าร์แล้วทิ้งกายลงนั่งบนพื้นด้วยความทุลักทุเล
เขาจัดท่าทางของตนเองมั่วๆ จนทำให้เข็มทิศลุกขึ้นแล้วอ้อมมาอยู่ด้านหลัง
“จับแบบนี้”
เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหู ความอบอุ่นของฝ่ามือใหญ่ผสานอยู่กับเขา
ช่วยจัดวางท่าทางและปลายนิ้ว เพราะอยู่ใกล้กันเพียงแค่คืบกลิ่นน้ำหอมของอีกฝ่ายจึงดึงความทรงจำกลับคืน
เหมือนต่างคนต่างลืมไปแล้วว่าเราต้องการหาแหล่งสงบเพื่อพูดคุย
“รู้... รู้แล้ว”
“เธอจะเล่นคอร์ดไหน” เข็มทิศถามไปอย่างนั้น รู้ดีว่าน้องจำคอร์ดกีต้าร์ไม่ได้สักเพลง
กระนั้นยังขยับนิ้วของนับให้เป็นไปตามคำสั่งด้วยการแตะคอร์ดง่ายๆ
เมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ “กดแน่นๆ ครับ”
“เจ็บ”
“อดทน”
“นับไม่เล่นแล้ว
...เธอมีอะไรก็คุยเลยดีกว่า” นับเงินทำลายบรรยากาศอย่างเอาแต่ใจ
ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะในลำคอก่อนดึงกีต้าร์จากเขาคืนไปแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้าเขา
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแล้วก้มหน้ามองสองมือของตนเอง
จังหวะนั้นเสียงกีต้าร์ดังขึ้นแผ่วเบา
นับเงินไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองการกระทำ ความทรงจำส่วนลึกเวียนซ้ำขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงใสดีดเป็นทำนองอันเคยคุ้น
มันเป็นเพลงแรกที่เข็มทิศเล่นให้เขาฟัง
อาจมีบางวันที่เราต้องห่างไกล ให้เธอรู้เอาไว้ในใจของฉันจะไม่เปลี่ยน
เนิ่นนานเท่าไหร่ให้เธอรู้ไว้ว่าแค่เพียง... รู้ไว้แค่เพียงว่าเธอยังมีฉัน
ฉันจะคงย้ำในคำตอบ
นานแค่ไหนฉันจะบอก…
“ว่าฉันนั้นรัก
รักเธอ”
“…” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำเงยหน้าขึ้นมองเขา ถ้อยเนื้อร้องยังก้องอยู่ในโสตการรับรู้และเข็มทิศทำให้หัวใจสั่นไหวระรัว
เสียงกีตาร์เงียบลงแล้วแทนด้วยคำร้องสุดท้ายดังขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
“และจะรักอย่างนี้เรื่อยไป”
✧
น้ำเสียงบอกรักผ่านเนื้อเพลงยังก้องอยู่ในหัว
นับเงินหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจเพราะมันยิ่งกว่าความฝัน
ซ้ำยังจดจำแววตาของเข็มทิศได้ดีทว่าไม่มีบทสนทนาใดหลังจากนั้นเพราะเขาวิ่งหนีมาเข้าห้องน้ำเสียก่อน
ยอมรับเลยว่าหัวใจเขากระตุกไหวเหมือนวันแรกที่รู้สึกตัวว่าตกหลุมรักเข้าแล้ว
เขาอยู่ในห้องน้ำมาพักใหญ่เพราะไม่กล้าออกไปเจอหน้า
นับเงินนั่งไถโทรศัพท์เล่นเพื่อกลบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
กระนั้นยังทำไม่ได้เลย เพียงแค่นึกถึงใบหน้าก็ร้อนวูบวาบและมันคงนานเกินไปแล้ว
เข็มทิศจึงมาเคาะประตู
“เธอ”
“…” นับเงินเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
ลอบเลียริมฝีปากคลายความประหม่าเพราะแค่ได้ยินเสียงก็ใจสั่นอีกแล้ว
ถ้าเปิดประตูออกไปแล้วต้องทำสีหน้าอย่างไร สถานะระหว่างเราดูสับสนไปหมด
ทว่ามันไม่ใช่เพราะเข็มทิศ
แต่เป็นเพราะเขาต่างหาก
“ไม่ร้อนเหรอ” เสียงทุ้มดังแว่วอีกหน เขาตอบอยู่ภายในใจว่าร้อนจะตายอยู่แล้ว
ฝ่ามือกำลังจะเอื้อมไปจับลูกบิดประตูแต่ต้องชะงักไว้เมื่อคนด้านนอกส่งเสียงเข้ามาอีกครั้ง
“เธอไม่อยากออกมาเจอหน้าพี่ใช่ไหม”
“…”
“เธอเมินพี่ตั้งแต่ที่บริษัท” อีกฝ่ายคงยืนอยู่ใกล้ประตูมากๆ น้ำเสียงถึงดังชัดเจน “เธอจะเมินกี่รอบ แต่พี่ก็ยังจะบอกเธอเหมือนเดิม”
“…” นับเงินขบปากแน่นกว่าเดิม
ภาวนาอยู่ในใจขอร้องอย่าให้อีกฝ่ายพูดมันซ้ำออกมาอีกครั้ง ทว่ามันมีแต่เขา
...มีแค่เขาที่ได้ยินคำร้องขอของตนเอง
“พี่คิดถึงเธอ”
แพ้ราบคาบ...
ไม่ว่าจะกี่ครั้งเขาไม่เคยชนะเข็มทิศได้เลยสักที
นับเงินกลั้นลมหายใจซ้ำไม่คิดจะเปิดประตูไปเผชิญหน้า
ทว่าลูกบิดประตูดันหมุนและคงเป็นอีกครั้งที่คนด้านนอกใช้กุญแจไขเข้ามา
เมื่อก่อนเป็นแบบนี้เสมอเวลาเรามีเรื่องโกรธเคือง
หากไม่อยากคุยทั้งที่อารมณ์คุกรุ่น คนหนึ่งจะหลบอยู่ในห้อง ส่วนอีกคนหนึ่งจะรออยู่หน้าประตูเมื่อปล่อยอารมณ์ให้เย็นได้ครู่หนึ่ง
เข็มทิศจะไขกุญแจเข้ามาหาแล้วพาเขาออกไป
“นับไม่ได้โกรธอะไรเธอ”
เขาพูดขึ้นมาทั้งที่ยังก้มหน้ามองพื้น หัวใจสั่นคลอนเพราะการกระทำอันเรียบง่าย
มือใหญ่เอื้อมมาเชยคางก่อนบังคับให้เงยขึ้น ชั่วขณะนั้นเราสบตากันเสี้ยวนาที
ถ้อยคำพูดมากมายถูกกลืนหายไปหมดแล้ว
ปลายนิ้วเรียวซับเหงื่อเม็ดพรายตามกรอบหน้าแผ่วเบา
นับเงินกลั้นลมหายใจทุกวินาทีเพราะเหตุการณ์เดิมหวนคืนมา ขอบตาเริ่มร้อนผะผ่าวพอเข็มทิศละฝ่ามือลง
จังหวะนั้นถึงได้กลั้นหยาดน้ำตาไว้ไม่ไหว
นับเงินหลุดสะอื้นและยิ่งเก็บกลั้นไม่ได้ยามคนเป็นพี่ดึงเข้าไปกอดแนบแน่น
มือใหญ่ลูบแผ่นหลังปลอบประโลมซ้ำเลื่อนขึ้นมาลูบผมเชื่องช้า ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะเขาปล่อยโฮโดยไม่อาย
“พี่ขอโทษครับ”
เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหู หัวใจดวงใหญ่รู้สึกเจ็บร้าวเป็นจังหวะ “อย่าร้องไห้”
“…ฮึก”
“พี่ง้อไม่เก่ง
เธอก็รู้”
“เธอจะง้อทำไม” นับเงินถามเสียงอู้อี้ ใบหน้ายังซุกอยู่กับแผ่นอกและไม่คิดผละหนี น้ำหอมของเข็มทิศยังคงเป็นกลิ่นเดิม
เขากระชับแขนแน่นขึ้นซ้ำต้องยอมรับว่าโคตรคิดถึง
“...นับไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว”
“กลับมาอยู่ด้วยกันได้ไหม”
เข็มทิศเก็บคำนี้ไว้สักพักแล้ว
คิดจะจัดการอะไรให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงค่อยบอกทว่าแค่เห็นนับเงินร้องไห้ทุกอย่างจึงพังลง
หากเขายังฟอร์มจัดหรือรอนานกว่านี้มันคงแย่กว่าเดิม
กระนั้นไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ตอนนี้น้องยังอยากกลับมาหาเขาอยู่หรือไม่
“เธอเล่นอะไร”
“ไม่ได้เล่น” ชายหนุ่มพรูลมหายใจก่อนผละอ้อมกอดออก
เขายกมือขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยด้วยความรักและวันนี้นับเงินไม่ได้ขัดการกระทำของเขาเลยสักนิดเดียว
“พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน”
“…”
“พี่คิดถึงเธอทุกวัน”
หมดแล้ว...
เข็มทิศละทิ้งความฟอร์มจัดของตนเองจนหมดสิ้น ทั้งที่เคยบอกว่าจะไม่ง้อเพราะคิดว่ามันต้องจบลงเหมือนเดิม
ทว่าทบทวนความรู้สึกมาถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่คงอยู่ใต้ก้นบึ้งคือความรักและเขาไปรักคนอื่นนอกจากนับเงินไม่ได้เลย
“...” หัวใจดวงน้อยเต้นหนักหน่วงจนเจ็บไปหมด ความรู้ชาวาบแล่นพล่านทั่วร่างกาย เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้
มาเจอเข้าจริงจังเล่นเอาไปไม่เป็นเลย “แต่...”
“พี่ยอมเธอแล้วครับ”
ความคิดและความรู้สึกตีกันอยู่ภายใน
นับเงินยังคงเงียบแล้วดึงทุกอย่างมาคิดมั่วไปหมด ฟากหนึ่งบอกว่าเขาควรเลือกทำตามหัวใจ
หยุดปฏิเสธและยอมรับทุกความจริง ทว่าอีกฝั่งหนึ่งนั้นผุดขึ้นมาว่าอย่าคิดหวนกลับ
แม้ตอนนี้เราต่างเจ็บปวดแต่มันอาจกินระยะเวลาสั้นๆ และอีกหน่อยคงลืม
เพราะถ้าคิดกลับไปคบกันอีกครั้งแล้วทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม
“แล้วนับจะทำยังไง...”
เสียงหวานสั่นคลอน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นแล้วขานถามอย่างเจ็บปวด
“ถ้าเราเป็นเหมือนเดิม”
“...”
“เราปรับตัวหากันหลายครั้งแล้วนะ”
“…”
“แต่มันไม่ดีขึ้นเลย” แน่นอนว่าความจริงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเข็มทิศมาง้อแล้วเขาคงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดมาก
แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เลยเพราะเขาไม่อยากกลายเป็นคนแปลกหน้า
“เราลองผิดลองถูกกันมากี่ครั้งแล้วนับไม่เคยลืมเลย ...นับไม่เคยลืมเธอด้วยเหมือนกัน”
“ครับ”
“แต่นับไม่อยากให้เราต้องเสียใจแล้ว
เธอพอเข้าใจไหม”
“...”
ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย มันเป็นเหมือนประโยคปฏิเสธทว่าเขาต้องยอมรับ
เข็มทิศพยักหน้าลงยืนยันว่าเข้าใจก่อนอีกฝ่ายจะถามต่อ
“เธอลองคิดดูหรือยัง”
“คิดอะไร”
“ถ้ากลับมาคบกันแล้วไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวังเอาไว้...”
ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงลำคอ นับเงินกลืนความหวั่นไหวราวกับว่าตนเองเข้มแข็งมากพอ “เราจะเป็นยังไงกันต่อ”
“...”
เข็มทิศดูเป็นคนคิดน้อยทันทีเพราะไม่รู้คำตอบจึงยืนเงียบ
เขาตั้งใจเพียงแค่ให้นับเงินกลับมาอยู่ด้วยกันก่อนแล้วค่อยพยายามปรับเปลี่ยน
แต่คำพูดของน้องเป็นเรื่องจริงทุกประการ
เราทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันมามากพอทว่ามันไม่ดีขึ้นจนต้องเลิกกัน
“นับว่าเธอลองคิดดูอีกครั้งดีไหม” มันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้
จะบอกว่านับเงินคิดมากเกินไปก็ได้ แต่อย่างน้อยมันดีกว่าการไม่คิดอะไรเลย ถ้ากลับไปคบแล้วเลิกกันซ้ำสอง
หากคาดเดาความสัมพันธ์หลังจากนั้น
เราทั้งคู่คงยับเยินเกินกว่าจะมองหน้ากันได้อีก
“หมายถึงเรื่องที่พี่ขอให้เธอกลับมาอยู่ด้วยกันใช่ไหมครับ”
ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย หากน้องบอกใช่ เขาคงตอบได้ว่าคิดมาดีเกินพอแล้ว
แต่นับเงินดันส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่ใช่”
“แล้วเรื่องไหน”
“ถึงเวลาที่เราต้องปล่อยมือกันจริงๆ
แล้วหรือเปล่าครับ” เป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่พูดอะไรจริงจังหลังจากเลิกกันนาน
แน่นอนว่านับเงินกำลังฝืนความรู้สึกของตนเองเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นให้มันสามารถดำเนินต่อไปได้ในสถานะพี่น้อง
“เราควรเริ่มต้นใหม่”
“…”
“ไม่ใช่เริ่มต้นใหม่ด้วยกัน”
“…”
“แต่เริ่มใหม่กับคนอื่น”
“พี่ยังรักเธอ” เข็มทิศละทิ้งความปากแข็ง
ยอมหมดทุกอย่างแล้วเพราะอยากมีน้องอยู่ด้วยกัน แม้เป็นถ้อยคำบอกรักทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ขัดเขินและหัวใจของเขากระตุกวูบเมื่อนับเงินตอบกลับมาเสียงเบา
“นับก็ยังรักเธอ”
เราทั้งคู่ต่างเจ็บปวดกับการเดินบนเส้นด้ายแห่งความสัมพันธ์
การเลือกเดินต่อไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับมาหาทั้งที่ยังรักกันอยู่มันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
สำหรับนับเงินการปล่อยมือกันตอนนี้
ไม่ใช่ปล่อยเพื่อกลายเป็นคนแปลกหน้า แต่ปล่อยเพื่อคงความสัมพันธ์ให้มองหน้ากันติดและพูดคุยกันได้เสมอหากต้องการ
“แล้วทำไมเราถึงต้องทำแบบนั้น”
เป็นเข็มทิศเองที่ไม่เข้าใจ บอกแล้วว่านอกจากเรื่องงานเขาก็ไม่เก่งอะไรเลย แม้กระทั่งความรักทั้งที่เคยมีคนรักอยู่ข้างกัน ...อ่า
หากเขารักษาเอาไว้ได้ก็คงไม่เป็นแบบนี้ “เธอกลัวว่าเราจะเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม”
“อือ”
“พี่อยากมีเธออยู่ด้วยกัน”
“…”
“เธอให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหมครับ”
นับเงินเม้มริมฝีปากหลังสิ้นสุดคำอ้อนขอของคนตรงหน้า
คำตอบภายในใจนั้นแตกต่างกับความคิดที่ต้องการพูดออกไป เขามองหน้าเข็มทิศก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาซึ่งมันร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง
“ถ้ากลับมาคบกัน
ไม่ใช่แค่เธอที่ต้องปรับตัวหรอก นับก็เหมือนกัน”
เจ้าของใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ
พยายามเก็บกลั้นความอ่อนแอเอาไว้ “นับอยากให้เราปรับตัวด้วยกันใหม่อีกรอบ”
“…”
“แต่อีกใจก็กลัวเจ็บ...
ตอนเลิกกับเธอแรกๆ มันโคตรแย่เลยนะ เธอก็ไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอ” เขารู้เรื่องราวมาจากปากขององศา
แม้อีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกมากมายว่าเสียใจแต่เราทั้งคู่ต่างรู้ดี
กระนั้นช่วงที่ผ่านมานับเงินไม่เคยแน่ใจเลยว่าเข็มทิศยังรักเขาหรือวนเวียนอยู่ใกล้เพราะความจำเป็นแล้วคิดแกล้งกันเท่านั้น
จนกระทั่งได้ยินจากปากวันนี้
และเพราะยังรัก
...เพราะความรู้สึกยังตรงกันเลยอยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ
ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราพังจนมองหน้ากันไม่ติดเพียงเพราะปัญหาที่แก้ไม่ตกจนเดินไปด้วยกันไม่ได้
“อืม”
“เธอ”
“พูดมาเลยครับ”
“ถ้ากลับมาคบกันใหม่ เธอคิดว่ารักของเรามันจะมากพอหรือเปล่า”
“...”
“มันจะมากพอที่ทำให้เราไม่ต้องเลิกกันอีกได้ไหม”
“...”
“ถ้าคิดดูแล้วมันไม่ได้มากมายขนาดนั้น”
“…”
“เราควรปล่อยมือกันจริงๆ
สักที”
ความคิดเห็น