คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 08 ✧ ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ
08
ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ
ถ้าหากจะมีใครสักคน เดินเข้ามา
ในช่วงเวลาความยากเย็น ที่ฉันเป็นอยู่
และคนคนนั้น ได้ทำให้รู้ ว่าการมองเห็น ไม่ใช่ทุกอย่าง
และคนคนนั้น จะโอบมือฉันประคอง ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ
ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ – greasy café
✧
การเดินทางมาสิงคโปร์ไม่ได้ใช้เวลานานเกินไปนัก
เข็มทิศมีเรื่องราวหลายอย่างอยากพูดคุยกับนับเงิน
ทว่าอีกฝ่ายตัดจบทุกความสงสัยด้วยการหยิบผ้าปิดตากันแสงมาสวมให้กับเขาโดยไม่เปิดโอกาสให้ถามไถ่อะไร
นังเงินต้องการให้เข็มทิศพักผ่อนเยอะๆ
เป็นหนึ่งเรื่องที่เขาร้องขอมาตลอดเวลา ร่างกายของคนเราบางครั้งไม่แน่นอน
ต่อให้ภายนอกดูปกติแต่ภายในเหมือนนับเวลารอวันพัง
พี่พัตเตอร์เคยพูดกับเขาอย่างนั้น แน่นอนว่าเตือนและย้ำอยู่หลายหน
แต่ผลสุดท้ายไม่เป็นไปตามใจหวังจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลใหญ่ที่ทำให้เราไปต่อไม่ได้
เมื่อเหยียบสิงคโปร์คุณนิวัตมารอรับและพาเดินทางมาจนถึงห้องพัก
ปกติแล้วพวกเขามาที่นี่บ่อยจนแทบจะกลายเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง คาดว่าช่วงแรกเข็มทิศคงต้องบินไปมาก่อนเพราะเคลียร์เรื่องเอกสารสำคัญและต้องประสานงานกับองศาด้วย
“เธอหิวไหม”
เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เรียบร้อย
เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงไม่ขานตอบอะไรมาสักคำจึงต้องเรียกซ้ำ
“เธอครับ”
“เธอจะออกไปทำงานเลยหรือเปล่า”
“วันนี้ยัง” กำหนดการดำเนินงานส่วนอื่นคือพรุ่งนี้เพราะวันนี้เขาต้องเคลียร์ระบบอยู่ห้องพัก
อีกทั้งตั้งใจจะออกไปวัดใกล้ๆ ด้วย แต่หากน้องหิวเขาจะพาไปกินข้าวโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด
“ตกลงหิวข้าวไหม”
เขาอยากปรับตัว
อยากเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่น้องเคยบอกเพราะเข็มทิศอยากมีนับเงินอยู่ด้วยกันเหมือนอย่างเคย
“นับยังไม่หิว
แต่เดี๋ยวจะสั่งข้าวให้เธอ” เขารู้ดีว่าเข็มทิศไม่ชอบกินข้าวบนเครื่องบินและไม่ชอบแวะกินก่อนเดินทางด้วย
เรียกว่ามาฝากท้องที่ปลายทางโดยเฉพาะ “เธอกินเหมือนเดิมไหม”
“ไม่ครับ
เดี๋ยวออกไปกินข้างนอก”
“จะไปไหน?” นับเงินเด้งตัวเองขึ้นจากเตียง
แสดงสีหน้างุนงงจนเข็มทิศหลุดหัวเราะ “ขำอะไร”
“ตกใจอะไรขนาดนั้น
พี่จะออกไปวัดใกล้ๆ เธอไปด้วยไหม” มันเป็นวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักสักเท่าไหร่
ตั้งใจไว้หลายหนแล้วว่าอยากไปทว่าไม่ได้โอกาสสักที
“ไม่ไปได้ไหมล่ะ” เขาแกล้งถามเสียงประชด คำพูดของเข็มทิศไม่ได้เป็นเพียงคำชวนแต่เป็นการบังคับต่างหาก
ถ้าเขามาด้วยมีหรืออีกฝ่ายจะยอมไปไหนมาไหนคนเดียว
“ไม่ได้ครับ
พี่อยากให้เธอไปด้วย”
“เธอขี้บังคับ” ความจริงนับเงินมีสิทธิ์ไม่กระทำตาม
เพราะงั้นแล้วเรื่องนี้โทษเข็มทิศคนเดียวไม่ได้หรอก “ขอเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ”
“ได้ครับ” ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินไปเปิดผ้าม่านกันแสงเพื่อให้ห้องสว่างขึ้นกว่าเดิม
จะได้ไม่อึดอัดเกินไปนัก ทว่าช่วงจังหวะหันกลับมานัยน์ตาคมเผลอจดจ้องเรือนร่างของนับเงิน
หัวใจดวงใหญ่เต้นระรัวก่อนพับความคิดในหัวเมื่อน้องหันหน้ากลับมามอง
“เสื้อเธอใส่แล้วสบายดี”
ไม่แน่ใจนักว่าเข็มทิศจ้องเขามานานเท่าไหร่และคงเป็นเพราะเขาเอาเสื้อยืดตัวโปรดมาสวมใส่ซึ่งมันเป็นเสื้อที่อีกฝ่ายออกแบบให้สมัยคบกันอยู่
ฟังดูเลี่ยนไปหน่อยทว่ามันเกิดขึ้นจริง
เสื้อยืดสีครีมปักลายรอยสักของเข็มทิศบนอกข้างขวา...
เรียกได้ว่าลิมิเต็ดเพราะมีตัวเดียวในโลก
“พี่นึกว่าเธอทิ้งไปหมดแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยติดหัวเราะ
ความรู้สึกหลายอย่างปะปนอยู่ในหัว เขาไม่ได้ตกใจเรื่องเสื้อหรอกทว่าเป็นอะไรบางอย่างบนร่างกายของนับเงิน
“เอะอะเธอก็คิดว่านับทิ้งอย่างเดียวเลยหรือไง”
เขาเลิกคิ้วแล้วโยนเสื้อเชิ้ตที่เพิ่งถอดลงตะกร้า กลับมาจากข้างนอกค่อยเอาไปซักทีเดียว
“นับไม่ได้ทำลายข้าวของเก่งขนาดนั้น”
“พี่ไม่ได้คิดว่าเธอทำลายข้าวของเก่ง” เข็มทิศพูดเสียงเบาขณะเดินเข้าไปใกล้จนระยะห่างระหว่างเราลดหลั่นลง
อีกเพียงก้าวเดียวจะสามารถเข้าประชิดตัวอย่างง่ายดาย “แต่พี่คิดว่าเธอไม่อยากเก็บของที่เป็นของพี่ไว้แล้ว”
“ก็ไม่อยากเก็บ”
“แล้วทำไมเธอไม่ทิ้ง”
“…” นับเงินเม้มริมฝีปากหลังได้ยินคำถาม
เผลอสบนัยน์ความมั่นคงเพียงครู่เดียวแล้วเบี่ยงสายตาหลบมองทางอื่น
คำตอบเดียวภายในใจของเขาคือ ‘ยังรัก’ ทว่าอ้าปากตอบไม่ตรงกับความคิด “อยากทิ้งอยู่หรอก
แต่มันมีที่นับคนเดียว”
“…”
“เสียดาย”
สิ้นเสียงเจ้าของคำพูดถูกรวบไปกอดหลวมๆ
สัมผัสอุ่นแนบชิดและชวนคิดถึงด้วยกลิ่นน้ำหอมบนเสื้อผ้า
หากเป็นช่วงแรกที่ทะเลาะกันอยู่นับเงินคงผละออกแล้วตะโกนถามว่าเป็นบ้าอะไร
แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังหวนคืน
กำลังกลับคืนอย่างที่เคยเป็น
“เธอรู้ไหม”
ชายหนุ่มกระซิบถามชิดใบหู แขนแกร่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“เวลาเธออยู่กับพี่”
“…”
“เธอโกหกไม่เก่งเลย”
อาจเป็นอย่างนั้นขนาดโกหกตัวเองว่าไม่รักพี่เข็มแล้วยังทำไม่ได้เลย
นับประสาอะไรกับการโกหกคนที่ยังปันใจให้กันอยู่เต็มร้อยและเพราะเราเคยคุ้นกันทุกอย่างจึงฉายชัดให้รับรู้ว่าเขายังรู้สึก
...พยายามมากเท่าไหร่ก็ตัดใจไม่ได้สักที
และจากนี้นับเงินคงไม่คิดตัดใจอีกแล้ว
“นับโกหกไม่เก่ง
หรือเธอเก่งเกินไป” เขาผละออกแผ่วเบา
ตั้งมั่นว่าจะหลบสายตาทว่าอีกฝ่ายเอื้อมมือมาเชยคางเชิงบังคับให้สบมองและตรึงเขาไว้ด้วยนัยน์ตาคู่คม
สุดท้ายนับเงินจึงยอมแล้วพูดถ้อยคำในความคิด “พี่เข็มครับ”
“...”
เรายังคงสบตากันอยู่แม้หัวใจดวงใหญ่จะกระตุกวูบเพราะน้ำเสียงและการเรียกชื่อก็ตาม
นานครั้งถึงจะได้ยินแบบนี้และกลายเป็นเขาที่ทำอะไรไม่ถูก
“พี่คิดอะไรอยู่”
“…”
“กับเรื่องของเรา”
✧
บทกล้าบ้าบิ่นคิดถามออกไปก็กล้า
ทว่าสุดท้ายนับเงินไม่ยืนรอฟังคำตอบใด
ชิ่งออกจากห้องแล้วเดินลงมาด้านล่างก่อนโดยมีเข็มทิศตามหลังมา
อีกฝ่ายไม่พูดถึงคำถามก่อนหน้าเลยสักนิดราวกับรู้ดีว่าเขาไม่ต้องการคำตอบ
หลังเรียกแท็กซี่แล้วใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาจนถึงวัดตามตั้งใจ
บรรยากาศชวนกระอักกระอ่วนไม่น้อยและบนรถไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ
ต่างคนต่างเดินเข้ามาภายในวัดและเสียงจอแจของผู้คนพอมีให้ได้ยินประปราย
“ระวังครับ” เข็มทิศดึงชายเสื้อของเด็กตรงหน้าให้ถอยกลับมาทันใด
นับเงินมัวมองแต่ทางซ้ายจึงไม่ทันระวังขวาซึ่งมีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งถือธูปเดินมาเกือบชนเข้าอย่างจัง
“ขอโทษ
นับไม่ทันมอง” เขาเอี้ยวหน้าไปขอโทษเข็มทิศอย่างเคยชิน
โดยไม่ลืมหันไปผงกศีรษะแล้วเอ่ยขอโทษนักท่องเที่ยวคนนั้นด้วย ซึ่งมัวแต่มองดอกไม้ไหว้พระอยู่จึงไม่ทันสังเกตคนอื่น
“ครับ”
หลังจากซื้อดอกไม้และธูปจึงเดินเข้าไปไหว้ เรานั่งข้างกายโดยไม่ได้พูดอะไรทว่าผู้คนรายล้อม นับเงินตั้งสติแล้วคิดคำอธิษฐานภายในใจ ยอมรับตามตรงว่าพรของเขาเป็นการขอให้กับคนที่มาด้วยกันวันนี้ เขาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและอย่าให้เข็มทิศมีเรื่องทุกข์ใจนานเกินไป
นับเงินลุกขึ้นมาก่อน
ไม่ถึงนาทีดีคนเป็นพี่ก็ลุกตามมา เขาคงเป็นเด็กเสียมารยาทไม่น้อยเพราะภายในใจดันอยากรู้ว่าเข็มทิศขอพรอะไรถึงได้นั่งอยู่นานสองนาน
หลังจากปักธูปลงกระถางเรียบร้อย ภารกิจของวันนี้จึงถือว่าเสร็จสิ้นและเพราะผู้คนเริ่มเยอะแยะจนขวักไขว่
ฝ่ามือเล็กที่ควรจะไปซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง
ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าถูกกอบกุมไว้ด้วยไออุ่นของมือคนข้างกัน
เข็มทิศกระชับไว้หลวมๆ เพื่อไม่ให้อึดอัดมากไปนัก อีกฝ่ายไม่ได้ขออนุญาตและนับเงินรู้ดีว่าเป็นการกระทำอันแสนเอาแต่ใจ
เขาแค่หันมองแล้วปล่อยให้จับไว้นิ่งเฉย
“เธอ”
“หิวน้ำไหมครับ” ไม่เปิดโอกาสให้นับได้พูดอะไรเขาชิงถามเสียก่อนเพราะเห็นน้องเหงื่อตก
ปกติแล้วเวลาไปไหนมาไหนแล้วมีรถยนต์ส่วนตัวจะมีแก้วน้ำประจำไว้ทว่าครั้งนี้มารถโดยสาร
“นิดหน่อย
แต่ไปกินร้านข้าวก็ได้ เธอจะได้กินข้าวสักที”
“ได้ครับ
เธออยากกินอะไร”
เข็มทิศถามความเห็น
เขาไม่ใช่คนเลือกร้านอาหารเก่งสำหรับที่นี่แต่พอจะมีร้านประจำอยู่บ้าง “ร้านเดิมไหม”
“ตามใจเธอแล้วกัน”
เราสบตากันเสี้ยวนาทีเพราะกำลังจะเดินข้ามถนน ร้านประจำอยู่ใกล้กับที่พักซึ่งต้องนั่งรถวนกลับไปทว่าพอเขาพูดอย่างนั้นเข็มทิศจึงปล่อยมือแล้วหันมาบอก
“รอตรงนี้ก่อน” ชายหนุ่มไม่เอ่ยบอกแล้วดึงน้องไปหลบใกล้ร่มไม้ก่อนตนเองจะวิ่งไปร้านสะดวกซื้อ
ก่อนกลับออกมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด
“ไม่เห็นต้องรีบเลย”
“เธอร้อน” เข็มทิศตอบขณะหมุนฝาขวดน้ำ
ใส่หลอดลงไปแล้วยื่นให้กับน้องโดยที่ตนเองยังถือไว้ นับเงินดูลังเลกับการกระทำของเขาแต่สุดท้ายโน้มลงมาดูดน้ำดับกระหาย
หารู้ไม่ว่าคนที่ยืนถือขวดน้ำให้อยู่กำลังยกยิ้มกว้างเพียงใด
“ขอบคุณครับ” เขาตอบรับเสียงเบา เมื่อครู่อีกฝ่ายเล่นเอาหัวใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ ตอนแรกคิดจะเก็บความอยากรู้อยากเห็นของตนเองไว้ทว่าความคิดและปากเจ้ากรรมดันทำงานรวดเร็ว
“เมื่อกี้เธอขออะไรเหรอ”
“หมายถึงพรหรือครับ” คนโตกว่าเลิกคิ้วระหว่างปิดฝาขวดหลังจากตัวเองดื่มน้ำตามไปบ้างแล้ว “อยากรู้เหรอ”
“แค่สงสัยว่าเธอขออะไรเห็นนั่งอยู่นาน
แต่นับลืมไปว่าเขาไม่ให้บอกพรของตัวเองกับคนอื่น” นึกได้ตอนโพล่งถามไปแล้วเสียด้วยจึงต้องชิงเปลี่ยนเรื่องเสียก่อนเพราะไม่อยากก้าวก่ายเกินไปนัก
“ไปกินข้าวกันได้แล้ว”
เข็มทิศพยักหน้าโดยไม่ตอบคำถาม
รอเวลาครู่หนึ่งรถประจำทางจึงมาจอดตรงป้าย มันวิ่งผ่านเส้นทางของที่พักเลยเลือกใช้แทนแท็กซี่
เขาให้นับเงินนั่งเบาะด้านในสุดเหมือนอย่างเคย
ระหว่างนั้นกำลังทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเรา คิดตอบคำถามของน้องก่อนจะออกมาข้างนอก
ร่องรอยบางอย่างที่ปรากฏชัดอยู่บนร่างกายของนับเงิน
ถ้อยคำถามเกี่ยวกับเรื่องของเราและพรของเขาเมื่อครู่ มันทำให้เขาไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายแล้วด้วยซ้ำ
“เธอครับ” เสียงทุ้มกระซิบใกล้ คนที่นั่งมองทิวทัศน์รอบนอกผ่านทางหน้าต่างเลยหันกลับมามอง
“พี่มีเรื่องอยากถาม”
สิ้นคำถามของเขา
คนข้างกายแสดงสีหน้าฉงนทันใด เข็มทิศตั้งใจไว้แล้วว่าจะเริ่มพูดคุยทีละเรื่อง แม้ตอนนี้สถานที่จะไม่ได้เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ทว่าเขาไม่อาจทนรอให้กลับไปจนถึงห้องได้
“เรื่องอะไร...
เธอ”
นับเงินสะดุ้งเฮือกตอนฝ่ามือใหญ่แตะบริเวณสีข้างเอวซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่สักไว้
เขาพยายามเก็บอาการไม่ให้แสดงออกมากจนเกินไปเพราะกลัวความลับจะแตกเสียก่อน
กระนั้น... ไม่อาจพูดอะไรได้เลย
“ตรงนี้”
“…”
“เธอสักรูปเดียวกับพี่ใช่ไหมครับ”
✧
พลาด...
เขาทำพลาดมากๆ
“เธอเลิกมองนับสักที” เขาดุเสียงนิ่งแล้วเปลี่ยนมาเม้มริมฝีปาก
เขาลืมเสียสนิทตอนเปลี่ยนเสื้อในห้องและตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วด้วย “พี่เข็ม”
“เธอจะให้พี่มองหน้า
หรือจะให้พี่สำรวจรอยสัก” ประโยคคำถามแฝงความเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่ามันทำให้อีกฝ่ายทำตัวไม่ถูกจึงพลิกตัวหนีไปอีกฝั่ง
นัยน์ตาคมยังจดมองคนบนเตียงด้วยความค้างคา “น้องนับ”
“อะไรของเธอ” นับเงินแหววเสียง ลุกขึ้นนั่งมองด้วยใบหน้ายู่ ไม่ชอบเวลาเข็มทิศตอนเป็นแบบนี้เอาเสียเลย
ไม่ว่าจะตอนคบหรือเลิกกันแล้วก็ตาม ไอ้สายตาชวนจับผิดและคิดค้นหาอะไรอยู่ตลอดเวลา “ถ้าเธอว่างก็ไปทำงานตัวเองได้แล้ว
นับจะนอน”
“เธอสักมานานหรือยังครับ” เขาทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจคำพูดไล่ของน้องแล้วย้อนกลับ
ถามตั้งแต่บ่ายจนป่านนี้ยังไม่ได้คำตอบเลย เอ่ยถึงกี่ครั้งนับเงินก็บ่ายเบี่ยงทว่าหลังจากนี้เข็มทิศไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
“ทำไมนับต้องบอกเธอด้วย”
“เพราะพี่อยากรู้”
“ไม่บอก”
นับเงินกอดอก เชิดหน้ามองราวกับว่าตนเองอยู่เหนือกว่า แต่เปล่าเลย เขารีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายเอาไว้เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินมาหย่อนกายลงนั่งจนเตียงยวบ
“เธออย่ายุ่งได้ไหม”
“เธอขโมยแบบของพี่ไปสัก
ไม่ขอพี่สักคำ”
“…” เขาเม้มริมฝีปากเพราะไม่อาจปฏิเสธว่ามันเป็นอย่างนั้น
มาถึงขั้นนี้เขาควรต้องเคลียร์ให้ชัดเจนใช่ไหม “เธอจะเอาคืนเหรอ”
“เธอจะให้คืนหรือไง” เข็มทิศถามเสียงเบา
เรียวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย “ทำไมเธอถึงเอาไปสักครับ”
“…” บอกแล้วว่าไม่ชอบเข็มทิศโหมดนี้
ไม่ชอบเลยสักนิด “สวยดี”
“แค่นั้นเหรอครับ”
“อือ
เธอจะเอาแค่ไหน”
นับเงินเหมือนผู้ร้ายทำความผิดแล้วโดนไต่สวนอย่างหนัก ไม่อาจหลบหลีกสายตาไปไหนได้เลย
ราวกับถูกสะกดให้พักสายตาไว้กับเข็มทิศเท่านั้น หัวใจดวงน้อยกระตุกไหวยามเจ้าของใบหน้าที่ตรึงอยู่ภายในความทรงจำตลอดเวลาขยับเข้ามาใกล้
“ธะ...เธอ”
“รอยสักบนตัวพี่” เสียงทุ้มกระซิบขาน “มันมีความหมาย”
“…” รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้กำลังโดนอีกฝ่ายกลั่นแกล้ง
เพียงแค่พลาดท่าให้เห็นรอยสักแต่มันคงให้เข็มทิศได้รู้อะไรหลายอย่างเลย
“เธอขโมยไปสักเพราะแค่สวยเหรอ”
“…”
“น้องนับ” เข็มทิศเรียกย้ำจนอีกฝ่ายสะดุ้ง ใบหน้าคมคายยังคงความเรียบเฉยเอาไว้แม้ว่าอยากยิ้มมากเพียงใดตอนเห็นท่าทีไม่พอใจ
“พี่เข็มรอคำตอบอยู่ครับ”
“นับเบื่อเธอมาก
...แบบมากๆ เลย” เขากล่าวติดประชด ยกแขนขึ้นกอดแล้วผ่อนลมหายใจเพราะยอมแพ้แล้ว
“อย่างเธอไม่ต้องมาแกล้งไม่รู้หรอก”
“อย่างพี่ทำไม”
“ฉลาดไง”
คำพูดของเขาไม่ผิดจากไปนี้หรอก การแสดงออกของเข็มทิศนั่นทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่านับเงินกำลังคิดอะไรอยู่
“หรือเธอจะบอกว่าไม่รู้ แต่มันไม่มีทางเลย
...ถ้านับพูดตรงๆ เธอจะพอใจใช่ไหม แล้วเธอจะกล้าพูดสิ่งที่คิดอยู่ตอนนี้กับนับหรือเปล่า”
“แลกกับพรที่พี่ขอดีไหมครับ” เข็มทิศเป็นคนมีลูกเล่นมาแต่ไหนแต่ไร
ส่วนมากจะเก่งกาจด้านธุรกิจส่วนทางความรักหยิบยกมาใช้เพียงครั้งคราว เขารู้ดีว่าพูดอย่างไรนับเงินถึงจะยอมปริปากบอกกัน “หรือเธออยากรู้อะไรมากกว่านั้น”
“เธอไม่กลัวไม่สมหวังหรือไง”
“ไม่ครับ
พี่คิดว่ามันดีด้วยซ้ำ ถ้าเธอรู้ ตกลงไหม?”
“…งั้นเธอบอกมาก่อน” นับเงินกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า
ไม่คิดบอกเรื่องราวภายในใจของตนเองก่อนหรอก อย่างน้อยขอให้ได้ถือไพ่เหนือกว่าสักเล็กน้อย
อีกฝ่ายหยักยิ้มมุมปากคงรู้แล้วว่าหากตอบคำถามไม่ถูกใจก็ไม่คิดบอกให้รู้ เรื่องเฉไฉเขาก็พอใช้ได้เหมือนกัน
“เธอขออะไร”
“พี่ขอให้เธอมีความสุข”
“…”
“ไม่ว่าเธอจะอยู่กับใคร”
นับเงินใจกระตุกกับถ้อยคำที่ได้ยิน
มันเป็นการขอพรรูปแบบเดิมของอีกฝ่าย ทว่าเมื่อก่อนมันจะเป็นคำว่า ‘พี่ขอให้เธอมีความสุข
ทุกครั้งที่เธออยู่กับพี่’ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะเข็มทิศตั้งใจเปลี่ยนมัน
“ทำไมเธอถึงขอให้นับมีความสุขเวลาอยู่กับคนอื่น”
“ตั้งแต่ที่เธอบอกเลิก”
“…”
“พี่คิดว่าพี่คงเป็นความสุขให้เธอไม่ได้แล้ว”
“…”
“ส่วนเรื่องที่เธอถามว่าพี่คิดอะไรอยู่กับเรื่องของเรา”
“พี่เข็ม” ก้อนสะอึกก่อตัวขึ้นมาจนรู้สึกอึดอัด
นับเงินคิดไว้ตลอดว่าจะไม่มีวันร้องไห้ต่อหน้าเข็มทิศอีก ทว่าตอนนี้เขากำลังจะทำไม่ได้
ไอความร้อนผ่อนออกแผ่วเบาและเขายังไม่พร้อมจะรับฟัง คิดอ้าปากแย้งแต่ทำได้แค่นั่งเงียบเพื่อรอ
“มันฟังดูเห็นแก่ตัว
ถึงพี่จะขอให้เธอมีความสุขเวลาอยู่กับคนอื่น”
“…” ฝ่ามือเล็กกำเข้าหากันโดยอัตโนมัติยามน้ำเสียงของอีกฝ่ายแว่วเข้ามากระทบโสตประสาท
เขาพยายามซ่อนทุกความรู้สึกตอนนี้ให้ลงไปลึกสุดหัวใจ
“แต่พี่ยังอยากกลับมาเป็นความสุขของเธอคนเดียวอยู่ดี”
“เธอยังอยากกลับมารักนับอยู่เหรอ” เขาถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ มันเป็นคำถามเดียวที่ค้างคาอยู่ภายในใจตลอดมาตั้งแต่เลิกกัน
นับเงินหลับตาลงเมื่อชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ไอความร้อนเป่ารดข้างแก้มจนลมหายใจเริ่มติดขัด
“ไม่ได้อยากกลับมารัก”
“…”
“แต่พี่ไม่เคยไม่รักเธอ”
สุดท้ายหยดน้ำตาร่วงหล่นเมื่อประโยคแสนหวานที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนานจบลง
ปลายจมูกรั้นจดลงบนแก้มใส
ฝังจมูกย้ำซ้ำราวกับทดแทนทุกช่วงเวลาที่ขาดหายไป เสียงสะอื้นดังพอให้คนได้ยินใจสั่น
เขาผละออกก่อนยกนิ้วขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาแล้วดึงนับเงินเข้ามากอดจนจมอก ฝ่ามือใหญ่ลูบเรือนผมเพื่อบอกย้ำว่าทุกคำพูดและการกระทำของเขาเป็นเรื่องจริง
คนที่เคยบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้กันตอนนี้กลับยกสองแขนขึ้นโอบกอดไว้
กระชับแน่นเหมือนหวาดเกรงว่าจะจางหายไปไหนอีก นับเงินกลั้นสะอื้นได้เพียงเล็กน้อยก่อนปล่อยโฮเพราะสัมผัสอันอบอุ่น
“นับจะเป็นบ้า...
จะเป็นบ้าเพราะเธออยู่แล้ว”
“พี่ขอโทษครับ” เขาเอ่ยโดยไร้ความขลาดอายแล้วปล่อยให้น้องกอดแน่น
เข็มทิศปลอบประโลมอย่างที่เคยทำจนอีกฝ่ายผ่อนเสียงแล้วเงียบลง จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างเราเกิดขึ้นอีกครั้ง
หากไม่เดินหน้าก็ต้องถอยหลัง แน่นอนว่าเขาต้องการให้เราเดินไปข้างหน้าโดยกลับมามีกันและกันเหมือนอย่างเคย
“เธอไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ แต่พี่แค่อยากให้เธอรู้”
“…”
“พี่ยังรักเธอเหมือนเดิม”
ทุกความทรงจำ
ถ้อยเสียงบอกรักเวียนซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง หนนี้มันชัดเจนเสียจนไม่อาจปฏิเสธหรือต่อต้าน
ทั้งที่เคยคิดว่าจะลืมให้ได้ทว่านับเงินเป็นฝ่ายพ่ายแพ้กับเรื่องราวครั้งนี้
...เขาใจแข็งกับเข็มทิศต่อไปไม่ไหวแล้ว
“นับสักรูปเข็มทิศ” เสียงหวานปนสะอื้นเฉลยความสงสัยแผ่วเบา
ตอนเลือกรอยสักไม่ได้คิดลังเลเลยสักนิด “เหตุผลนับคงไม่ต้องบอกเธอแล้วมั้ง”
“บอกสิ” เข็มทิศมองหน้านับเงินนิ่งๆ ไม่มีใครหลบสายตาใครเลยเพราะสมัยยังคบกันอยู่การมองตาถือเป็นเรื่องปกติระหว่างเรา
“พี่อยากได้ยิน”
“นับสักก็เพราะเธอ”
“พี่ทำไม”
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจ ไม่ใช่เพราะเหนื่อยหน่ายแต่คิดว่าหลังจากคำพูดของตัวเองแล้วอีกฝ่ายคงได้ใจ
“ถ้านับบอกแล้วเธอห้ามล้อนะ”
“พูดมาเถอะครับ”
“มันเป็นอย่างเดียวที่ทำให้นับรู้สึกว่ายังมีเธอ” เขาสักหลังจากเลิกกันแล้ว เคยคิดว่าไม่ควรยึดติดกับอีกฝ่ายมากเกินไปแต่ทำไม่ได้เลยเลือกทำตามหัวใจตัวเอง
นับเงินรู้ดีว่าระดับที่หัวใจสามารถรับได้ไหวอยู่ตรงไหน และเพราะรู้ดีจึงสักไม่เคยคิดไปลบทิ้งแต่อย่างใด
แม้มีเพียงรูปเข็มทิศไม่ได้มีตัวอักษรย้ำชัดเหมือนบนร่างกายของคนเป็นพี่ แต่... “นับลืมเธอไม่ได้สักที”
“พี่รักเธอ”
ประโยคบอกรักสิ้นสุดลงราวกับทุกอย่างบนโลกหยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะ
ลมหายใจผ่อนผสานกันทีละน้อยและหัวใจดวงใหญ่เต้นโครมคราม ปลายจมูกเฉียดผ่านสัมผัสเพียงเสี้ยวนาทีเราต่างดึงดูดเข้าหากัน
ความอุ่นร้อนทาบสนิทบนริมฝีปาก ขยับขบเชื่องช้าเป็นผลให้เลือดภายในกายสูบฉีดเหมือนดั่งจูบแรกระหว่างกัน
ความรู้สึกโหยหากันและกันหวนคืนมาอย่างเรียบง่าย
สัมผัสวาบหวามไล่เลียบนกลีบปากเนิบนาบ ปล่อยอารมณ์คิดถึงให้ทำงานจนตายใจก่อนปลายลิ้นซุกซนจะสอดเย้าตักตวงรสคุ้นเคย
มันผ่านไปอย่างอ้อยอิ่งเพื่อเติมเต็มช่วงเวลาก่อนหน้านั้น คล้ายว่าจะไม่หยุดลงภายในห้วงเวลาอันสั้น
มันเป็นรสจูบที่ตอกย้ำว่าเราทั้งคู่...
รักกันจนหาใครมาแทนไม่ได้เลย
ความคิดเห็น