ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กฎของเข็มทิศ ` ✧

    ลำดับตอนที่ #8 : 07 ✧ ปะติดปะต่อ

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 64



    07

    ปะติดปะต่อ


    ถ้าหากความทรงจำต้องการเก็บเราในนั้น

    ก็จงอย่าปล่อยให้มันมารบกวนปัจจุบันได้หรือเปล่า

    ผู้คนมากมายพยายามแบกอดีตบนหลัง

    นั่นทำให้เรายิ่งไปต่อกันไม่ได้

    *ปะติดปะต่อ – greasy café



    ไม่มีใครชอบการจากลา

    นับเงินเป็นหนึ่งในนั้น เหตุผลเพราะเขามีประสบการณ์มาแล้ว จำได้แม่นยำว่าตอนเลิกกับเข็มทิศมันเจ็บปวดจนแทบยืนไม่ไหว เราเคยห่างกันมาแล้วหนหนึ่ง ไร้ซึ่งคำบอกรักและทักทายหลังจากนั้น แน่นอนว่าถ้ากลับมาคบกัน เหตุการณ์สมัยก่อนต้องเวียนซ้ำกลับมาหา

    หากยังไม่มีใครแน่ใจว่าจะไม่กระทำตัวแบบเดิม... ก็ไม่สมควรกลับไป

    เขาพรูลมหายใจ ปิดแฟ้มเอกสารเพราะไม่มีสมาธิเลย การทำงานของเขากับเข็มทิศยังคงเหมือนเดิม เช้าขึ้นมาอีกฝ่ายไปรับ ตอนเย็นกลับพร้อมกัน ทว่าสิ่งที่ต่างไปคงเป็นบทสนทนา ราวกับว่าต่างคนต่างมีเรื่องให้ทบทวนมากขึ้นเกี่ยวกับสถานะความสัมพันธ์

    เจ้าของชุดเรียบร้อยลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินออกมาหน้าห้อง เข็มทิศออกไปประชุมตั้งแต่เก้าโมงตามกำหนดจะเสร็จเรียบร้อยตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง จนกระทั่งถึงเวลาพักแล้วแต่เขาอุตส่าห์นั่งรออยู่ภายในห้อง ทว่าไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาสักมาที ยิ่งออกมาเจอเลขาฯ ส่วนตัวนั่งอยู่หน้าห้อง ยิ่งทำให้นับเงินแปลกใจ

    พี่เข็มไปไหนเหรอครับ เขาตัดสินใจถามด้วยความอยากรู้ เข็มทิศไม่ได้ส่งข้อความมาบอกว่าจะไปไหนด้วยซ้ำหรือมีงานอื่นแทรกเข้ามาโดยที่เขาไม่รู้

    คุณรัศมีมาค่ะ คงอยู่ห้องรับรอง

    ขอบคุณนะครับ ...คุณขิมไปกินข้าวได้แล้วนะ เขาผงกศีรษะขอบคุณแล้วเดินตรงมาหน้าลิฟต์ ลังเลอยู่ว่าควรไปไหนดีเพราะอยากพักสมองสักชั่วครู่ จังหวะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น เขาหยิบขึ้นมาดูและกดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิท

    (ไงจ๊ะไอ้หนุ่ม อยู่บริษัทปะ) ยิ้มทักทายด้วยเสียงหัวเราะ

    อยู่สิ จะให้กูไปไหน

    (พักยัง กูผ่านมาแถวนี้ ไปแดกข้าวกัน)

    เออ ดีเลย กูกำลังเบื่อ สิ้นคำพูดจึงกดปุ่มเรียกลิฟต์ ครู่เดียวตู้โดยสารจอดเทียบเพราะก่อนหน้านี้อยู่ถัดไปเพียงแค่ชั้นเดียว กูกำลังลงไปรอ มาถึงแล้วบอกนะ”

    เป็นการตัดสินใจง่ายๆ โดยไม่ต้องท้วงถามว่าจะไปกินข้าวที่ไหนเพราะมีร้านประจำ ยิ้มมาช่วยคลายเวลาเบื่อหน่ายของเขาได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ายังไม่ได้เล่าเรื่องราวคราวก่อนที่เกี่ยวกับเข็มทิศให้ใครฟังทั้งนั้น

    นับเงินลงมาถึงชั้นล่าง ก่อนนึกได้ว่าลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ด้านบน ดีนักที่ยิ้มยังมาไม่ถึง เขาจึงมีเวลากลับขึ้นไปเอา ตู้โดยสารจอดชั้นสามเมื่อมีใครบางคนกดและมันช่างพอเหมาะเหลือเกิน บานประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมทั้งเจอบุคคลในความคิดที่ทำให้เขาฟุ้งซ่าน

    อีกฝ่ายเดินเข้ามาอย่างเคร่งเครียด เข็มทิศมองหน้าเขาแล้วสลับไปมองตัวเลขระบุชั้น คาดว่าคงกลับไปห้องทำงานเช่นกัน อาการตึงผ่านสีหน้าทำให้เขาอดถามออกไปไม่ได้

    เธอเป็นอะไรหรือเปล่า

    เปล่าครับ

    แล้วทำไมเธอทำหน้าแบบนั้น นับยังคงสงสัย แม้ปกติเข็มทิศจะมีสีหน้าเรียบเฉยเกือบตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่มีเรื่องบางอย่างและมันหนักหนามักแสดงออกให้เห็นผ่านหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันมุ่น มีปัญหาอะไรไหม

    ... เข็มทิศไม่ตอบคำถาม ช่างกดดันเสียเหลือเกิน ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอนับเงินเสียด้วยซ้ำเพราะเมื่อครู่โทรถามคุณขิม เธอบอกว่าน้องลงมาข้างล่างแล้ว เขาเป็นฝ่ายเลี่ยงเจอเวลาเกิดปัญหาอะไรบางอย่างกับตัวเองเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องจับสังเกตได้

    เธอไม่สะดวกใจเล่าก็ไม่เป็นไร

    “…”

    แต่เธออย่าคิดมากไปแล้วกัน หากคนอื่นมองเห็นหรือผ่านมาได้ยิน คงเป็นการแสดงความเป็นห่วงที่ดูไม่จริงใจสักเท่าไหร่ แต่มันเป็นคำพูดที่คนคุ้ยเคยรู้กันดี นับเงินเดินออกมาก่อนหลังประตูลิฟต์เปิด เขานำเข้ามาในห้องตรงไปหยิบกระเป๋าสตางค์บนโต๊ะ ก่อนได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

    เธอ

    “หือ” เมื่อได้ยินเสียงเรียก นับเงินกำลังจะหมุนตัวกลับไปแต่จ้าของห้องกลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง และมันเป็นคำพูดที่ทำให้เขาไม่สามารถขยับเคลื่อนไหว

    พี่ขอกอดเธอหน่อยได้ไหมครับ

    เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ สมัยก่อนเข็มทิศชอบพูดว่า ‘ขอบคุณที่เธอเป็นห่วง แต่พี่ไม่อยากให้เธอต้องคิดมากไปด้วย’ จบด้วยการออดอ้อนขออ้อมกอด แม้ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่

    ทว่านับเงินน่ะ... ไม่ได้ใจร้ายกับเข็มทิศเกินไปหรอก

    หนึ่งนาที เขาตอบรับเสียงเบา ไม่ได้หันกลับไปมอง เสี้ยวนาทีแขนแกร่งโอบรัดกระชับเอว สัมผัสอบอุ่นเกิดขึ้นทันท่วงทีพร้อมลมหายใจร้อนที่ริดรนใกล้ต้นคอเพราะอีกฝ่ายซุกใบหน้าลงมา นับเงินใจสั่นระรัวแถมยังรู้สึกได้ด้วยว่าเข็มทิศหวั่นไม่แพ้กัน

    มากกว่าหนึ่งนาทีได้ไหมครับ

    เรื่องใหญ่เหรอ

    อืม

    เข็มทิศดูเหนื่อยและมีเรื่องให้คิดอย่างเห็นได้ชัด นับเงินจึงปล่อยให้อีกฝ่ายกอดโดยไม่ผละออก มันเกินหนึ่งนาทีมาแล้วแต่คนด้านหลังยังซุกอยู่แถมกระชับกอดแน่นกว่าเดิม

    อยากระบายไหม ยอมรับว่านับเงินอยากรู้ อยากรับฟังเวลาอีกฝ่ายมีปัญหา กระนั้นเขาถามเฉยๆ เพราะอย่างไรเข็มทิศก็ไม่ปริปากเล่าให้ฟังอยู่ดี และมีเพียงความเงียบตามคิดเขาจึงพรูลมหายใจเล็กน้อย “ไม่ได้อยากกดดันนะ แต่สำหรับนับเธอเก่งที่สุด”

    “…”

    “เธอผ่านมันไปได้อยู่แล้วครับ นับเงินตัดบทสนทนากำลังจะดึงแขนของอีกฝ่ายให้พ้นจากอ้อมกอด ทว่าครั้งนี้เข็มทิศทำเขาประหลาดใจอีกแล้วเพราะเจ้าตัวยอมเปิดปากเล่าให้ฟัง

    เธอจำคุณนิวัตได้หรือเปล่า

    ได้ คุณนิวัตเป็นคนสนิทและทำงานร่วมกับตระกูลของเข็มทิศมาหลายสิบปี เป็นตัวเต็งเรื่องการขยายสาขาไปสิงคโปร์ ดูแลบริหารงานหลายส่วนแถมคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดซึ่งทางครอบครัวของอีกฝ่ายไว้ใจ “ทำไมเหรอ”

    มีของบางส่วนหายไประหว่างขนส่งไปสิงคโปร์ คุณนิวัตบอกว่าสังเกตเรื่องนี้มาเจ็ดเดือนจนแน่ใจว่ามีพนักงานหลายคนที่นี่รู้เห็นด้วย”

    ...

    พี่เพิ่งไล่ตรวจเอกสารที่คุณนิวัตให้มา ของที่หายไปมันเกือบสิบเปอร์เซ็นต์จากที่ส่งไปทั้งหมด เข็มทิศถอนหายใจหนหนึ่งเพราะมันเป็นเรื่องใหญ่เอาเสียมากๆ หากประเมินมูลค่าความเสียหายตลอดหลายเดือนแต่พี่ไม่เคยเอะใจเลย

    คุณแม่ถึงได้มาที่นี่ใช่ไหม

    อืม

    “...” นับเงินอยากช่วยแต่ไม่รู้ว่าควรต้องเริ่มตรงไหน เขาลูบฝ่ามือของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนหมุนตัวกลับไปหา นัยน์ตาคมสบกันเสี้ยวนาทีเข็มทิศดูอ่อนแรงมากกว่าทุกวัน “เธอมีอะไรหรือเปล่า”

    นับ

    “…” เจ้าของชื่อใจกระตุกเพราะนานครั้งถึงจะได้ยินชื่อของตัวเองจากปากของเข็มทิศ ทั้งถ้อยเสียงและความไหวสั่นของนัยน์ตาทำเอานับเงินรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่

    พี่คงต้องไปสิงคโปร์สักพัก

    “…” หัวใจดวงน้อยวูบหล่น นับเงินเม้มริมฝีปากแล้วพรูลมหายใจแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาใจหายเพียงใด ไปจัดการเรื่องนี้ใช่ไหม

    ครับ

    สักพักคือนานแค่ไหน

    ไม่แน่ใจ แต่คงอยู่จนกว่าเรื่องจะจบ มันเกิดเพราะพี่ประมาท ไม่อยากให้คุณนิวัตอยู่ที่นั่นคนเดียว พี่ต้องรับผิดชอบครับ” เขาแสดงความมุ่งมั่นชัดเจนทว่านัยน์ตาคมสั่นไหว เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เข็มทิศรู้สึกเหนื่อยใจ เมื่อก่อนเขาคงไปแบบไม่ทันได้คิดถึงใครแม้กระทั่งนับเงิน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ควรลืมว่ายังมีความรู้สึกของคนสำคัญ

    รู้ดีว่าคิดได้ตอนสายไปแล้วแต่เขาอยากชดเชย อยากใช้เวลาอยู่กับนับเงินให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ทันไรก็ต้องห่างกันโดยไม่รู้ระยะเวลาอีกหรือ

    หากเป็นแบบนี้เราคงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

    เธอจะไปเมื่อไหร่

    อีกสองวัน พี่ต้องอยู่เคลียร์งานที่นี่ให้เสร็จก่อน

    คำตอบแสนธรรมดาแต่ชวนให้นับเงินรู้สึกปวดใจอย่างอธิบายไม่ได้ เมื่อก่อนคงไม่ตกใจเพราะอีกฝ่ายเดินทางแค่อาทิตย์เดียวก็กลับแล้ว ทว่าครั้งนี้มันไม่มีกำหนด อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเรายังระหองระแหง นั่นหมายความว่าเราคงไม่ได้เจอและแย่ไปกว่านั้นอาจถึงขั้นไม่ได้พูดคุยกัน

    อือ นับเงินขานรับเสียงเบาแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาดังจึงหยิบขึ้นมาดูปรากฏรายชื่อของยิ้ม คาดว่าเพื่อนสนิทคงมาถึงหน้าบริษัทแล้ว

    เธอจะไปไหน

    กินข้าว นัดยิ้มไว้

    ครับ

    งั้นเดี๋ยวมานะ เขาจบบทสนทนาด้วยความรู้สึกอึดอัด เผลอสบตากับเข็มทิศชั่วครู่และไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าของร่างเล็กเบี่ยงกายแล้วเดินจ้ำออกมาหน้าประตู ทว่าเขาชะงักเท้าตอนกำลังจะก้าวออกมาข้างนอกเพราะเสียงทุ้มต่ำเรียกท้วงเอาไว้

    เธอ

    หือ

    “ถ้าพี่อยากให้เธอไปสิงคโปร์ด้วยกัน”

    “...”

    เธอจะตกลงไหม

     

     

    ถ้อยคำถามว่าอยากไปด้วยกันไหมยังเวียนก้องอยู่ในหัว เขาไม่ได้ตอบรับโดยทันทีเพราะมันเร็วเกินกว่าจะตั้งตัว หลังจากนั้นไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกและยังทำงานด้วยกันเช่นปกติ ทว่าเข็มทิศคงรู้คำตอบตั้งแต่วันที่ให้จองไฟลต์บิน เขาส่งรายละเอียดทุกอย่างให้เช็ก

    และมันมีเพียงแค่ตั๋วใบเดียว

    หากเข็มทิศไปสิงคโปร์แล้ว หมายความว่าการทำงานด้วยกันเป็นอันต้องยกเลิก นับเงินจะกลับไปมีชีวิตเป็นอิสระ หางานใหม่ทำและไม่ต้องมานั่งกังวลว่าวันนี้จะปั้นสีหน้าอย่างไรเมื่อพบกัน

    เจ้าของร่างเล็กพลิกกายนอนตะแคงก่อนคว้าหมอนข้างมากอด พรุ่งนี้ตอนบ่ายโมงครึ่งเข็มทิศต้องบินไปสิงคโปร์แล้วแต่ไม่มีวี่แววว่านับเงินจะเคลื่อนไหว ขนาดแม่ถามเรื่องนี้เขายังทำเฉยชาจนทุกคนมั่นใจว่าเขาปฏิเสธการเดินทางในครั้งนี้

    แม้ว่าหลังจองตั๋วเครื่องบินให้เข็มทิศ ไม่กี่นาทีจากนั้นเขาจะกดเข้าเว็บไซต์เดิมแล้วจองเพิ่มอีกหนึ่งที่นั่ง แต่ไม่มีอะไรมายืนยันได้เลยว่าเขาจะตอบตกลง

    เพราะนับเงินไม่มั่นใจอะไรเลยสักอย่าง ไม่มั่นใจในตัวเข็มทิศ แม้กระทั่งใจของตัวเองยังไม่มั่นใจเลย

    นับเงินถอนหายใจคลายอารมณ์ฟุ้งซ่านก่อนคว้าโทรศัพท์บนหมอนขึ้นมาดูเวลา เพิ่งจะสี่ทุ่มเท่านั้นแต่เขาเลือกนอนไวเพราะไม่อยากคิดอะไรให้มากความ

    แต่ยิ่งฝืนมันยิ่งแย่

    พยายามข่มตาแล้วแต่มันเอาแต่นึกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปภายในภาพอันมืดมัว สุดท้ายเลยต้องลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สบายใจ เขาจิ๊ปากหงุดหงิดแล้วโทรออกไปหาเพื่อนสนิทอย่างคราม รออยู่พักหนึ่งปลายทางก็กดรับ

    (ว่า ...หนูกินก่อนเลย พี่คุยกับนับแป๊บ) คนในสายตอบรับเขาก่อน ส่วนประโยคหลังพูดกับแฟนตนเองอย่างน้องพู่กัน

    มึงกำลังจะกินข้าวเหรอ เขาถามเสียงฉงน ยอมรับว่าเกรงใจอยู่ไม่น้อยแต่ไม่รู้จะแบกหน้าไปปรึกษาใคร วันนี้ยิ้มไม่ว่างด้วยเพราะไปธุระกับครอบครัว

    (เปล่าอะ น้องทำขนมให้กินเฉยๆ มึงมีอะไร)

    “...” นับเงินขบริมฝีปาก เรื่องไปสิงคโปร์เขายังไม่ได้พูดให้ใครฟังเลย มีเพียงแค่องศาที่รู้เพราะมันเกี่ยวเนื่องกันภายในครอบครัว “มึง”

    (ว่าไง ร้านสักไม่เปิดนะไอ้สัด)

    กูไม่ได้บอกว่าจะไปร้านสัก นับเงินย่นจมูกแล้วถอนหายใจ คราวก่อนเขาไปแก้มาเรียบร้อยและดูแลรักษาอย่างดีตอนนี้จึงไม่มีปัญหาอะไร

    (แล้วเป็นไร) น้ำเสียงแสนกระด้างขานถามออกมา แต่นับเงินรู้ดีว่ามันแสดงถึงความเป็นห่วง (เล่ามาดิ)

    พี่เข็มจะไปสิงคโปร์ เขาสูดอากาศเข้าร่างกายก่อนผ่อนออกเชื่องช้า ตั้งใจโทรหาเพราะอยากปรึกษาก็ไม่ควรมานั่งเงียบเป็นเป่าสาก พรุ่งนี้

    (เขาไปแล้วทำไมมึงต้องทำเสียงเครียดขนาดนั้น) ไม่แปลกเลยถ้าครามจะถามอย่างนั้น พี่เข็มไปสิงคโปร์เป็นเรื่องปกติเพราะติดต่อธุรกิจบ่อย บางคราวยังมีเขาติดสอยห้อยตามไปด้วยจากคำสั่งของมารดา

    แต่ครั้งนี้ไปแบบไม่มีกำหนดกลับ นับตัดสินใจบอก หัวใจกำลังสั่นไหวยามนึกถึงน้ำเสียงของเข็มทิศเมื่อวันก่อน เขาชวนกูไปด้วย

    (แล้วมึงไปไหม)

    “…”

    (มึงรู้จักตัวเองดีที่สุดนะ มึงรักพี่เขาแหละแต่ทำปากเก่งว่าอยู่ได้ไง) แค่นับเงินเงียบเพื่อนสนิทปลายทางก็รู้ดีว่าคำตอบคืออะไรและมันแสดงความกังวลอย่างชัดเจนผ่านทางน้ำเสียง (กูว่าต้องถามมึงจริงๆ แล้ว)

    “ถามไรวะ”

    (มึงจะหนีไปถึงเมื่อไหร่)

    “...”

    (ถามให้ตอบ)

    กูกลัว เขาขานรับเสียงเบา เผยด้านอ่อนแอให้เพื่อนรับรู้ ปกติเอาใจตนเองเป็นที่ตั้งทว่าสุดท้ายยังต้องการคนรับฟังอยู่ดี มันจึงเกิดความรู้สึกกระดากหลายหน สงสารเพื่อนที่ต้องคอยมาให้คำปรึกษากับเรื่องราวชวนปวดหัว “กลัวกลับไปคบแล้วต้องเลิกกันอีก กูไม่อยากไม่มีเขา ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย”

    (กูพอจะเข้าใจบ้าง แต่ถ้าหนีอยู่แบบนี้ สุดท้ายมึงก็จะไม่มีเขาอยู่ดี) ปลายสายตอบอย่างจริงจัง (มึงกับเขามันเหลือแค่สถานะพี่น้อง)

    แต่มันก็...

    (อยู่ที่มึงคิดนะ แต่กูเคยแล้วว่ะ แม่งทำใจลำบากฉิบหายตอนพี่ปัถย์มาคุยด้วย กูรู้เลยว่าทำไม่ได้ กูเป็นแค่พี่ชาย เป็นคนรู้จักให้พู่กันไม่ได้ กูเห็นแก่ตัวจนทนไม่ได้เลยถ้าน้องจะเป็นแฟนคนอื่น)

    “...”

    (พี่น้องกับแฟนอะ ถ้าความรู้สึกมันไม่ใช่ กูว่ามันแทนกันไม่ได้ สถานะพี่น้องอาจทำให้มึงได้คุยกับเขาอยู่บ้าง แต่ถ้าวันนึงพี่เข็มมีคนใหม่แล้วตอนนั้นจะทำยังไงต่อ มึงเอาอะไรมาแน่ใจว่าจะมีเขาอยู่ด้วย)

    ...

    (วันที่เขามีคนของตัวเอง จะหวังให้เขาเป็นเหมือนเดิมกับมึง มันไม่ได้หรอกนะ)

    “...”

    (ตอนเขาทำใจได้แล้วเปิดใจรับคนใหม่ วันนั้นแหละความรู้สึกจะเปลี่ยนเพราะมีบทเรียนแล้วว่าอะไรมันสำคัญ)

    อือ

    หัวใจดวงเล็กบีบรัดเป็นจังหวะ ร่างกายชาวาบยามคิดตามคำพูดของเพื่อนสนิท ไม่มีใครเป็นเหมือนเดิมไปตลอดแม้จะบอกว่ารัก ทว่าสักวันหนึ่งความรู้สึกเหล่านั้นคงจางหายไปทีละนิดเพราะเขามีคนใหม่ที่มอบความรักให้มากกว่า นับเงินรู้และรู้ดีด้วยว่าถ้าเกิดขึ้นจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ

    (มึงเป็นคนบอกกูเองนะว่าตอนเลิกกันมันไม่ได้ผิดที่พี่เข็มคนเดียว หลายอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่เหรอ)

    “...”

    (ไม่ใช่แค่มึงที่ให้โอกาสเขา แต่เขามาง้อเพราะอยากมีมึงอยู่ด้วยเหมือนกัน)

    “…”

    (ตัดสินใจเอา แต่มึงจะเลือกทางไหนกู ไอ้ยิ้ม ไอ้ศาก็ยังอยู่กับมึงอยู่ดี ...ยิ้มไรหนู)

    นับเงินหลุดหัวเราะในลำคอเพราะถัดจากประโยคให้กำลังใจ เป็นเสียงครามถกเถียงกับพู่กันจับใจความได้ว่าน้องหัวเราะเพราะไม่คิดว่าครามจะพูดอะไรแบบนี้กับเขาเป็นด้วย

    มึงไปกินขนมกับน้องเหอะ กูไม่กวนแล้ว ขอบคุณมากไอ้สัด ไม่อยากให้ประโยคมันเลี่ยนเกินไปนักจึงตบท้ายด้วยคำด่า มันทำให้ครามสวนกลับอย่างว่องไว

    นี่แหละ ความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็น...

    (เดี๋ยว สรุปแล้วมึงจะเอายังไง)

    ยังไม่รู้ว่ะ เอาไว้ก่อนแล้วกัน ขานตอบเสียงเหนื่อยล้า ตอนนี้เขากลายเป็นคนโลเลที่หนึ่ง คิดอะไรไม่รู้เต็มหัวไปหมดจนอยากจะหลับตาแล้วนอนพัก

    (พี่เขาไปพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอวะ)

    อือ กูสับสนอะ ขอไปนอนคิดก่อน

    (เออ งั้นมีไรโทรมา... แต่ไอ้นับ)

    ว่า

    (คำตอบเปลี่ยนชีวิตนะไอ้สัด ไม่อยากเจ็บเป็นหมาก็ทำตามใจตัวเองได้แล้ว ช่างหัวอนาคตไปเหอะ)

    เออ ขอบใจ

    นับเงินกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงข้างกาย ยกมือนวดระหว่างหัวคิ้วอย่างอ่อนแรง เขาผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเหลือบสายตามองพาสสปอร์ตบนโต๊ะข้างเตียง

    สุดท้ายแล้ว...

    เรื่องบางเรื่องควรจบลงในทิศทางของมัน

     

     

    สนามบินใหญ่ภายในประเทศเนืองแน่นไปด้วยผู้คน เข็มทิศลากกระเป๋าเดินทางมาอยู่หยุดหน้าบอร์ดเพื่อมองหาเคาน์เตอร์เช็กอิน เขามาก่อนเวลาตามกฎกันความผิดพลาดและไม่ได้ให้ใครมาส่งขึ้นเครื่องแต่อย่างใด

    ทว่าส่วนลึกของหัวใจแอบคาดหวังว่าใครคนหนึ่งที่เอ่ยปากชวนเมื่อหลายวันก่อนจะตกลง แม้เขารู้คำตอบตั้งแต่วันจองไฟลต์บินแล้วก็ตามว่าน้องไม่อยากมาด้วยกันและเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้

    ระหว่างเข็มทิศกับนับเงินคงไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว

    ชายหนุ่มเดินไปเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์เพื่อรับเอกสารและจัดการอะไรต่างๆ ก่อนขึ้นเครื่องให้เรียบร้อย เขาอยากอยู่กับนับเงินให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบที่มีน้องอยู่ข้างกันอีกครั้งแต่มันคงเป็นแค่เพียงความคิด ทุกวันนี้เรื่องราวเดิมยังตอกย้ำอยู่เสมอว่าเขาเป็นแฟนที่แย่มากเพียงใด มันคงถูกแล้วหากนับจะไม่ให้อภัยกัน

    เข็มทิศผ่อนลมหายใจแล้วเดินเข้ามาภายในเกต เดินเท้าอย่างไม่รีบเร่งเพราะมีเวลาเหลือมากพอสมควร เมื่อถึงจุดกำหนดรอขึ้นเครื่องแล้วจึงหามุมเงียบๆ เพื่อทบทวนความรู้สึก เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องห่างกับนับเงินทว่าหนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ได้เจอ แต่เราคงไม่ได้คุยกันอีก ทำงานอยู่ห้องเดียวกันยังรับรู้ได้ถึงความห่างเลยแล้วนี่ต้องอยู่ไกลกันตั้งเท่าไหร่

    เขาเท้าศอกกับหัวเข่ายกสองมือประสานไว้ใต้คาง ปิดเปลือกตาลงแผ่วเบาภายในใจตอนนี้รู้สึกปั่นป่วนจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ต่อให้พยายามไม่คิดอะไรแต่ดันมีเสียงคำถามผุดขึ้นมาซ้ำๆ ว่า น้องจะไม่มาจริงหรือ และหากคำตอบคือใช่...

    ถ้านับเงินไม่อยากไปสิงคโปร์ด้วยก็จะไม่ร้องขออีก แต่อย่างน้อยอยากให้ส่งข้อความมาหาหรือแวะมาส่งเขาที่สนามบินก่อนแยกกัน ทว่ามันคงไม่ได้ทันแล้ว เขาควรหยุดคาดหวังเสียที... เข็มทิศพรูไอความร้อนผ่านริมฝีปาก ต่อให้พูดอย่างนั้นแต่ฝ่ามือใหญ่ยังล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

    กดเข้าแชตที่ปักหมุดไว้เป็นคนแรก อีโมจิรูปหัวใจสีดำเป็นของนับเงินมาเสมอ มันคงเป็นความหม่นหมองแต่ก็ไม่ได้คิดเปลี่ยนอะไร นิ้วเรียวพิมพ์ข้อความสั้นๆ อย่าง ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ทิ้งไว้ในแชตของน้อง ไม่มีวี่แววว่ามันจะถูกเปิดอ่านแต่อย่างใด

    หรือเขาไม่ควรแค่หยุดคาดหวังแต่ควรตัดใจปล่อยให้น้องไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าสักที เข็มทิศไม่ได้คิดติดต่อใครอีก คงได้คุยกับแม่หรือน้องชายอีกครั้งตอนถึงสิงคโปร์ นัยน์ตาคมนั่งมองแชตอย่างว่างเปล่าอยู่พักใหญ่แต่ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว และมันนานเกินพอเขาจึงคิดเก็บโทรศัพท์

    ทว่าจังหวะกำลังจะปิดหน้าจอ ข้อความตัวเล็กปรากฏขึ้นแสดงว่านับเงินกดอ่านเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มใจกระตุกแล้วนั่งมองอยู่อย่างนั้นเพื่อรอดูว่าปลายทางจะตอบอะไรกลับมา แต่จนแล้วจนเล่าช่องแชตก็ยังคงค้างอยู่เหมือนเคย เขาเลียริมฝีปากแล้วนึกหัวเราะเยาะตนเอง สุดท้ายจึงยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋า

    เข็มทิศหลับตาลงพลางยกมือลูบใบหน้า รู้สึกว่าร่างกายมันรวดร้าวเกินกว่าปกติ ก้อนเนื้อหัวใจเต้นถะถี่จนเขาต้องกัดริมฝีปากเพื่อข่มมันเอาไว้ หากให้พูดกันตามตรงเขาเหมือนจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ ลมหายใจอุ่นถูกปรับให้ผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะปกติ นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่งและต้องยอมรับว่าก้นบึ้งยังเฝ้ารอว่าโทรศัพท์จะสั่นขึ้นมาอีกสักครั้ง

    กระทั่งได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกให้ขึ้นเครื่อง นาทีนั้นเข็มทิศจำต้องละทิ้งทุกความคิดเพราะคำตอบทุกอย่างมันชัดเจนมากเกินพอแล้ว

    ร่างสูงโปร่งเดินขึ้นมาบนเครื่องแล้วมองหาที่นั่งของตนเอง แอบนึกถึงนับเงินอีกครั้งเพราะอีกฝ่ายจองที่นั่งไว้ริมหน้าต่าง ปกติแล้วหากมาด้วยกันน้องจะร้องขอนั่งตรงนั้นเสมอ เหตุผลเพราะเจ้าตัวชอบมองวิวภายนอกเวลาเครื่องบินกำลังลอยขึ้นบนท้องฟ้าหรือตอนกระทั่งระดับความสูงลดลงจนเห็นทิวทัศน์เบื้องล่าง

    มันเป็นเบาะคู่ทว่าข้างกันยังคงเว้นว่างเอาไว้ เขาเดินไปนั่งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพราะต้องทำทุกอย่างตามระเบียบเช่นปกติ แอบกดเข้าแชตของนับแต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับอยู่ดี เข็มทิศทิ้งลมหายใจแล้วเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง

    ยอมรับว่าตอนนี้สับสนจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากทบทวนจนลึกลงไปแล้วเขายังไม่สามารถตัดใจจากนับเงินได้เลย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังรักนับอยู่คนเดียว ช่วงจังหวะความคิดหมุนเปลี่ยนเดี๋ยวผุดซ้ำเดี๋ยวสลัดทิ้ง เขารับรู้ได้ว่ามีใครบางคนหย่อนตัวลงนั่งข้างกาย ชายหนุ่มหันมองทันทีเพราะอยากเห็นว่าผู้ร่วมทางบนไฟลต์นี้เป็นใคร

    ทว่าหัวใจดวงใหญ่กระตุกวูบ นัยน์ตาคมไหวสั่นยามเจ้าของเสื้อเชิ้ตสีครีมสบมองกัน

    นับเคยบอกให้เธอหาอะไรกินก่อนขึ้นเครื่อง ถ้อยเสียงคุ้นหูเอ่ยกระซิบเพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารท่านอื่น ไม่ได้กินอีกแล้วใช่ไหม

    เธอ

    อะไร

    ล้อเล่นหรือเปล่า เข็มทิศถามเสียงประหม่า เป็นคำถามที่ไม่น่าถามออกไปด้วยซ้ำเพราะนับเงินนั่งอยู่ข้างกันและเขายังคงมองน้องไม่วางตาราวกับไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้

    ถ้าเธอไม่ได้ชวนนับเล่นๆ นับก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ

    “…”

    เพราะเธออยากให้ไปด้วย



    tbc.

    เริ่มกลับมาเป็นรูปเป็นร่าง ความสัมพันธ์กำลังจะหมุนกลับมาทางเดิมแล้ว

    ขอบคุณทุกกำลังใจของทุกคนเลยนะคะ ♥ ดีใจมากเลยที่ชอบ แฮ่

    #กฎของเข็มทิศ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×