ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กฎของเข็มทิศ ` ✧

    ลำดับตอนที่ #7 : 06 ✧ ยามวิกาล

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 64



    06

    ยามวิกาล

     

    'เพลงของเรานั้น เพลงของเธอฉัน ดังขึ้นมาอีก'

    ยามวิกาล – Greasy Café

     


    เฮ้ยๆ แดกให้มันน้อยหน่อย” ยิ้มบอกเสียงติดตระหนก ก่อนหันไปคว้าแก้วเหล้าจากมือเพื่อนสนิทมาถือไว้เอง “เดี๋ยวเมาเละแล้วจะกลับกันยังไง! กูเอารถมานะโว้ยย”

    “ดูหน้ากูด้วยยิ้ม” นับเงินขมวดคิ้วแล้วดึงแก้วคืนมา เขากระดกรวดเดียวหมดก่อนวางลงบนโต๊ะ กระดิกนิ้วให้เพื่อนฝั่งตรงข้ามชงมาให้อีก แต่ว่าอีกฝ่ายกลับเมินเฉยเลยต้องบอกย้ำให้รู้ “ศา อีกแก้ว”

    “พอแล้วนับ” องศาเตือนเสียงนิ่ง เขารู้ดีว่าสาเหตุหลักของการออกมาดื่มครั้งนี้คืออะไร เมื่อช่วงบ่ายเข็มทิศโทรมาปรึกษา ถามว่าควรทำอย่างไรเพราะบอกนับไปแล้วว่ายังไม่ลืม “จะกี่แก้วมันก็เหมือนเดิม”

    “ไอ้ศา” ครามปรามเรียกสติองศาเพราะกลัวคำพูดจะไปกระตุ้มต่อมหงุดหงิดของนับเงิน วันนี้พวกเขาไม่ได้เข้าผับทว่ามาร้านนั่งชิล ดื่มเหล้าเคล้าเพลงเบาๆ พอให้มีสีสันและสามารถคุยกันได้รู้เรื่อง

    “จะให้ทำยังไง” องศาถามเสียงฉงนก่อนเลื่อนสายตาไปสบกับนับเงินอีกครั้ง ยังดีตรงที่ทั้งคู่แยกปัญหาความสัมพันธ์ออก ผู้เป็นคนกลางเลยไม่ได้รับผลกระทบอะไร “พี่เข็มยังรักมึงจริงๆ”

    “พี่มึงแม่ง...” นับเงินสบถอย่างหัวเสีย นึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล้วยิ่งเจ็บแปลบ เข็มทิศมีอิทธิพลซึ่งเขารู้มาตลอดแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำให้แพ้ยับเยินอย่างนี้ กูทำอะไรไม่ถูก

    “…”

    แต่เจ็บฉิบหายเลยเขากลืนก้อนสะอื้นลงคอ กระดกแอลกอฮอล์เข้าปากอีกหนโดยไม่กลัวว่าพรุ่งนี้เช้าจะลุกไม่ไหว คงเพราะเกินห้ามจึงไม่มีใครค้านอะไรอีก นับเงินฟุบลงกับโต๊ะเมื่อคิดอะไรไม่ออก ยอมรับว่าส่วนลึกนั้นดีใจที่อะไรบางอย่างยังตรงกัน แต่อีกส่วนหนึ่งกลับบอกย้ำว่าเขา...

    ไม่ควรกลับไป

    นับเงินผุดลุกขึ้นยืนท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนสนิท อ้าปากบอกเพียงแค่ว่าจะเข้าห้องน้ำจึงไม่มีใครเดินตามมา เขาไม่ได้มึนเมาขนาดพูดคุยไม่รู้เรื่องและสติยังคงเหลืออยู่มากพอ

    ฝ่ามือเล็กผลักบานประตูห้องน้ำ มุ่งตรงไปยังอ่างล้างมือก่อนเปิดก๊อกแล้วกวักน้ำล้างหน้าตา เขาผ่อนลมหายใจคลายความอึดอัดบางส่วน พอคิดถึงเข็มทิศแล้วมันคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ไม่ชอบอาการอย่างนี้เลยสักนิด

    หวนนึกถึงตอนเลิกกันใหม่ๆ เรียกว่าเสียศูนย์เลยทีเดียว

    เขากับเข็มทิศเข้ากันได้ดีในหลายเรื่อง ทว่าไม่มีอะไรมาเป็นเครื่องยืนยันได้เลยว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ปัญหาก่อนเลิกกันยังสะสางไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้ากลับไปหาแล้วทุกอย่างแย่กว่าเดิมจะต้องทำอย่างไร

    ยอมรับว่านับเงินปากเก่งไปอย่างนั้น เพราะส่วนลึกของใจยังอยากมีเข็มทิศอยู่ด้วยกันเสมอไม่ว่าจะสถานะอะไรและเขากลัว ...กลัวว่าทุกอย่างแย่ลงแล้วจะไม่มีกันและกันอีก

    ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราเหมือนเล่นเกมเดิมพัน

    ร่างโปร่งสะบัดศีรษะไล่ความคิด พยายามบอกตนเองว่าช่างมันเถอะและคิดกลับไปโต๊ะ ทว่าตอนเปิดประตูออกมาแล้วดันได้ยินเสียงเพลงที่ทำให้หัวใจกระตุก

     

    เป็นไปได้ไหม การที่เรานั้นลืมใครให้ได้

    หรือเป็นเพราะเรานั้น ต่างเลือกจดจำ เก็บมันเอาไว้

    เช่นเพลงนี้...

    เพลงของเรานั้น เพลงของวันนั้น ดังขึ้นมาอีก

     

    เขาขบริมฝีปากแล้วเลิกสนใจท่วงทำนอง จังหวะกำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากหน้าห้องน้ำดันมีใครบางคนคว้าข้อมือไว้ นับเงินหันมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงท้วงด้วยความตกใจ

    พี่เบส... ทำไมมาอยู่นี่ครับ” เด็กหนุ่มถามเสียงตระหนก ก่อนคนอายุมากกว่าจะปล่อยข้อมือเขาให้เป็นอิสระ

    พี่แวะมาหาเพื่อนครับ ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะเบสหัวเราะแห้ง ไม่ได้ตั้งใจจะคว้ามือแล้วทำให้น้องตกใจขนาดนั้น แล้วนับมากับใคร

    มากับพวกศาครับ พี่เบสเพิ่งมาเหรอ

    ใช่ๆ แต่พี่มาห้องน้ำก่อน เจอนับเลยทักนี่แหละเขาตอบโดยไม่ปิดบัง พอคาดเดาได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำหน้าตื่นอย่างนั้น ไม่ต้องตกใจหรอก พี่มากับไอ้พัตสองคน

    “… พี่จะรู้ดีเกินไปไหมนับเงินมุ่ยหน้ากับความรู้ทันของรุ่นพี่ เพราะไม่อยากคุยเรื่องเดิมจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แล้วพี่เบสเลือกสโนว์โกลบได้หรือยังครับ ยิ่งรายละเอียดเยอะยิ่งแพงนะ”

    “หือ พี่เหรอ?” เบสชี้นิ้วเข้าตนเองพลางขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ท่าทางของเขาทำให้อีกฝ่ายมองด้วยความสงสัยเช่นกัน

    ที่พี่เบสฝากมาถามคราวก่อนไงครับ

    พี่จะเอาสโนว์โกลบไปทำอะไร แฟนไม่มี แม่ก็ไม่เล่นเขาหัวเราะร่วน ก่อนยกมือตบบ่าของเด็กตรงหน้าเบาๆ มีคนเดียวที่กล้ายกชื่อเขาไปอ้าง คนถามมันหาเรื่องชวนคุยมากกว่า

    “…”

    แต่เดี๋ยวพี่คงต้องไปทวงชื่อร้านหน่อยแล้ว อยากฝากอะไรไหม

    โคตรแย่เลยครับนับเงินแค่นยิ้ม ก่อนเราทั้งคู่จะหัวเราะพร้อมกัน กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับเขาเพราะไม่คิดว่าเข็มทิศจะใช้วิธีนี้เป็นข้ออ้างในการโทรหาแล้วเรียกตัวเขากลับบ้านเมื่อคราวก่อน หากไม่เจอพี่เบสเรื่องนี้คงเป็นความลับต่อไปเอาไว้คุยกันใหม่นะพี่เบส ผมออกมานานแล้ว เดี๋ยวโดนพวกมันบ่น

    พี่ไปส่งที่โต๊ะไหม

    ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะการพบเพื่อนของเข็มทิศเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อก่อนพวกเขาเคยมาด้วยกันและถือเป็นร้านอันดับสองเลยด้วยซ้ำเพราะมาบ่อย หากอยากนั่งชิลซึมซับบรรยากาศเบาๆ ไม่มีใครลุกขึ้นเต้นจนวุ่นวายน่ะนะ

    กระนั้นสองขากลับหยุดชะงักเมื่อเดินเข้าใกล้โต๊ะของตนเอง ระยะสายตามองเห็นว่ามีใครบางคนนั่งอยู่คนเดียว ความบังเอิญแท้จริงแล้วเป็นสิ่งปั้นแต่งเพราะห้วงเวลานี้ย้ำให้รู้ว่าทุกสถานการณ์ที่นี่

    เข็มทิศตั้งใจ

    ทำไมถึงไปนานเจ้าของเสียงทุ้มต่ำเอ่ยติดดุ ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองแล้ววางแก้วแอลกอฮอล์ลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงน้ำแข็งกระทบกัน

    ไหนพี่เบสบอกว่าเธอไม่มา... แล้วเพื่อนนับไปไหนหมด

    เพื่อนเธอก็อยู่

    อยู่ไหนนับเงินถามเสียงนิ่ง ก่อนขยับปลายเท้าเข้ามาใกล้โต๊ะแล้วหย่อนตัวลงนั่ง แปลว่าเขาโดนทั้งเพื่อนทั้งพี่เบสหรอกอย่างนั้นหรือ “เธอ”

    ในร้าน เดี๋ยวก็มา

    เธอมาที่นี่ทำไม

    ...ชายหนุ่มไม่ได้ขานตอบด้วยน้ำเสียง นัยน์ตาคมสบมองเด็กตรงหน้าโดยไม่ละหนีจนกระทั่งนับเงินยอมแพ้แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง เขาจึงขยายความให้เข้าใจ “เธอเลิกงานก่อนเวลา พี่ก็มาตามเธอ”

    จะตามให้กลับไปทำงานตอนนี้เหรอ

    อืม เธอออกมาก่อนเวลาตั้งหลายชั่วโมง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพูดด้วยถ้อยเสียงจริงจัง เขามาที่นี่เพราะโทรถามน้องชายและทั้งหมดที่พูดไปนั่นเป็นเพียงข้ออ้างทั้งนั้น เธอต้องกลับพร้อมพี่

    อย่าเอาแต่ใจได้ไหม

    พี่คนเดียว

    “…”

    หรือเราทั้งคู่ที่เอาแต่ใจ

    เข็มทิศไม่ได้ต้องการคำตอบจึงไม่ถามซ้ำ นับเงินคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง แน่นอนว่าเขายกแก้วตามราวกับท้าทายกันและกันอยู่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่เขาไม่ได้อยากแข่งด้วยสักหน่อย

    นับไม่รู้...เขาพูดเสียงเบา เก็บกลั้นทุกความรู้สึกเอาไว้ในส่วนลึก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เวลาเจอหน้าเธอ

    ทำเหมือนเดิม

    แต่มันไม่เหมือนเดิม ...มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย

    “…” เข็มทิศพรูลมหายใจ เอื้อมมือไปดึงแก้วแอลกอฮอล์ออกจากมือของอดีตคนรัก ช่วงจังหวะนั้นเราสบตากันอีกหลายวินาที เราไปคุยกันที่อื่นได้หรือเปล่า

    “…”

    พี่อยากคุยกับเธอ

     

     

    อารมณ์หวั่นไหวกับความรู้สึกส่วนลึกสั่งการให้นับเงินใจอ่อน แรกเริ่มตั้งใจคุยกันบนรถของเข็มทิศ แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงกลายมาเป็นโฮมออฟฟิศของอีกฝ่าย เขายกมือขึ้นนวดขมับเพราะดันหลวมตัวมาเสียได้ แต่ส่งข้อความบอกเพื่อนสนิทเรียบร้อยแล้วว่าไม่ต้องห่วง แน่นอนไม่มีใครตกใจเลยสักคน

    เพราะทั้งหมดนี่เข็มทิศเป็นผู้บงการโดยมีกลุ่มเพื่อนของเขาร่วมมือ

    เธอใช้คำพูดเก่งเหมือนเดิม” เขาเอ่ยขณะก้าวเท้าเข้ามาภายในโฮมออฟฟิศ นัยน์ตากวาดมองโดยรอบด้วยความรู้สึกคิดถึง ข้าวของทุกอย่างเปลี่ยนทิศทางเหมือนว่ากำลังจะตกแต่งใหม่ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยังวางไว้เหมือนเดิมคือกีต้าร์ตัวนั้น “...ยังเล่นอยู่อีกเหรอ”

    ไม่ค่อยได้เล่นหรอก” เข็มทิศรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ชายหนุ่มเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ตาคมมองตามแผ่นหลังบางและเลื่อนมองกีต้าร์โปร่งสีดำเงาซึ่งเขาเพิ่งปัดฝุ่นมัน เขามองนับเงินที่เดินเข้าไปใกล้ก่อนหยิบมันลงมา “เธอจะเล่นหรือไง”

    “ลองดู แต่ลืมไปหมดแล้วเมื่อก่อนนับเงินเคยหัดอยู่บ้างและเข็มทิศเป็นคนสอน แต่เขาไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น เจ็บนิ้วนิดหน่อยก็หยุดเล่นไปนานหลายอาทิตย์ สุดท้ายคิดได้ว่าเป็นผู้ฟังนั้นดีกว่าอะไรทั้งสิ้น

    เจ้าของร่างโปร่งหิ้วกีต้าร์แล้วทิ้งกายลงนั่งบนพื้นด้วยความทุลักทุเล เขาจัดท่าทางของตนเองมั่วๆ จนทำให้เข็มทิศลุกขึ้นแล้วอ้อมมาอยู่ด้านหลัง

    “จับแบบนี้” เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหู ความอบอุ่นของฝ่ามือใหญ่ผสานอยู่กับเขา ช่วยจัดวางท่าทางและปลายนิ้ว เพราะอยู่ใกล้กันเพียงแค่คืบกลิ่นน้ำหอมของอีกฝ่ายจึงดึงความทรงจำกลับคืน เหมือนต่างคนต่างลืมไปแล้วว่าเราต้องการหาแหล่งสงบเพื่อพูดคุย

    รู้... รู้แล้ว

    เธอจะเล่นคอร์ดไหน เข็มทิศถามไปอย่างนั้น รู้ดีว่าน้องจำคอร์ดกีต้าร์ไม่ได้สักเพลง กระนั้นยังขยับนิ้วของนับให้เป็นไปตามคำสั่งด้วยการแตะคอร์ดง่ายๆ เมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ “กดแน่นๆ ครับ”

    “เจ็บ”

    “อดทน”

    “นับไม่เล่นแล้ว ...เธอมีอะไรก็คุยเลยดีกว่า” นับเงินทำลายบรรยากาศอย่างเอาแต่ใจ ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะในลำคอก่อนดึงกีต้าร์จากเขาคืนไปแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้าเขา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแล้วก้มหน้ามองสองมือของตนเอง

    จังหวะนั้นเสียงกีต้าร์ดังขึ้นแผ่วเบา นับเงินไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองการกระทำ ความทรงจำส่วนลึกเวียนซ้ำขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงใสดีดเป็นทำนองอันเคยคุ้น

    มันเป็นเพลงแรกที่เข็มทิศเล่นให้เขาฟัง

     

    อาจมีบางวันที่เราต้องห่างไกล ให้เธอรู้เอาไว้ในใจของฉันจะไม่เปลี่ยน

    เนิ่นนานเท่าไหร่ให้เธอรู้ไว้ว่าแค่เพียง... รู้ไว้แค่เพียงว่าเธอยังมีฉัน

    ฉันจะคงย้ำในคำตอบ นานแค่ไหนฉันจะบอก

     

    ว่าฉันนั้นรัก รักเธอ

    “…” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำเงยหน้าขึ้นมองเขา ถ้อยเนื้อร้องยังก้องอยู่ในโสตการรับรู้และเข็มทิศทำให้หัวใจสั่นไหวระรัว เสียงกีตาร์เงียบลงแล้วแทนด้วยคำร้องสุดท้ายดังขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม

    และจะรักอย่างนี้เรื่อยไป


    *SQWEEZ ANIMAL - จนวันสุดท้าย

     

     

    น้ำเสียงบอกรักผ่านเนื้อเพลงยังก้องอยู่ในหัว นับเงินหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจเพราะมันยิ่งกว่าความฝัน ซ้ำยังจดจำแววตาของเข็มทิศได้ดีทว่าไม่มีบทสนทนาใดหลังจากนั้นเพราะเขาวิ่งหนีมาเข้าห้องน้ำเสียก่อน

    ยอมรับเลยว่าหัวใจเขากระตุกไหวเหมือนวันแรกที่รู้สึกตัวว่าตกหลุมรักเข้าแล้ว

    เขาอยู่ในห้องน้ำมาพักใหญ่เพราะไม่กล้าออกไปเจอหน้า นับเงินนั่งไถโทรศัพท์เล่นเพื่อกลบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ กระนั้นยังทำไม่ได้เลย เพียงแค่นึกถึงใบหน้าก็ร้อนวูบวาบและมันคงนานเกินไปแล้ว เข็มทิศจึงมาเคาะประตู

    เธอ

    “…” นับเงินเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ลอบเลียริมฝีปากคลายความประหม่าเพราะแค่ได้ยินเสียงก็ใจสั่นอีกแล้ว ถ้าเปิดประตูออกไปแล้วต้องทำสีหน้าอย่างไร สถานะระหว่างเราดูสับสนไปหมด ทว่ามันไม่ใช่เพราะเข็มทิศ

    แต่เป็นเพราะเขาต่างหาก

    ไม่ร้อนเหรอ เสียงทุ้มดังแว่วอีกหน เขาตอบอยู่ภายในใจว่าร้อนจะตายอยู่แล้ว ฝ่ามือกำลังจะเอื้อมไปจับลูกบิดประตูแต่ต้องชะงักไว้เมื่อคนด้านนอกส่งเสียงเข้ามาอีกครั้ง เธอไม่อยากออกมาเจอหน้าพี่ใช่ไหม

    “…”

    เธอเมินพี่ตั้งแต่ที่บริษัท อีกฝ่ายคงยืนอยู่ใกล้ประตูมากๆ น้ำเสียงถึงดังชัดเจน เธอจะเมินกี่รอบ แต่พี่ก็ยังจะบอกเธอเหมือนเดิม

    “…” นับเงินขบปากแน่นกว่าเดิม ภาวนาอยู่ในใจขอร้องอย่าให้อีกฝ่ายพูดมันซ้ำออกมาอีกครั้ง ทว่ามันมีแต่เขา ...มีแค่เขาที่ได้ยินคำร้องขอของตนเอง

    พี่คิดถึงเธอ

    แพ้ราบคาบ... ไม่ว่าจะกี่ครั้งเขาไม่เคยชนะเข็มทิศได้เลยสักที นับเงินกลั้นลมหายใจซ้ำไม่คิดจะเปิดประตูไปเผชิญหน้า ทว่าลูกบิดประตูดันหมุนและคงเป็นอีกครั้งที่คนด้านนอกใช้กุญแจไขเข้ามา

    เมื่อก่อนเป็นแบบนี้เสมอเวลาเรามีเรื่องโกรธเคือง หากไม่อยากคุยทั้งที่อารมณ์คุกรุ่น คนหนึ่งจะหลบอยู่ในห้อง ส่วนอีกคนหนึ่งจะรออยู่หน้าประตูเมื่อปล่อยอารมณ์ให้เย็นได้ครู่หนึ่ง เข็มทิศจะไขกุญแจเข้ามาหาแล้วพาเขาออกไป

    “นับไม่ได้โกรธอะไรเธอ” เขาพูดขึ้นมาทั้งที่ยังก้มหน้ามองพื้น หัวใจสั่นคลอนเพราะการกระทำอันเรียบง่าย มือใหญ่เอื้อมมาเชยคางก่อนบังคับให้เงยขึ้น ชั่วขณะนั้นเราสบตากันเสี้ยวนาที

    ถ้อยคำพูดมากมายถูกกลืนหายไปหมดแล้ว ปลายนิ้วเรียวซับเหงื่อเม็ดพรายตามกรอบหน้าแผ่วเบา นับเงินกลั้นลมหายใจทุกวินาทีเพราะเหตุการณ์เดิมหวนคืนมา ขอบตาเริ่มร้อนผะผ่าวพอเข็มทิศละฝ่ามือลง

    จังหวะนั้นถึงได้กลั้นหยาดน้ำตาไว้ไม่ไหว

    นับเงินหลุดสะอื้นและยิ่งเก็บกลั้นไม่ได้ยามคนเป็นพี่ดึงเข้าไปกอดแนบแน่น มือใหญ่ลูบแผ่นหลังปลอบประโลมซ้ำเลื่อนขึ้นมาลูบผมเชื่องช้า ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะเขาปล่อยโฮโดยไม่อาย

    “พี่ขอโทษครับ” เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหู หัวใจดวงใหญ่รู้สึกเจ็บร้าวเป็นจังหวะ “อย่าร้องไห้”

    “…ฮึก

    พี่ง้อไม่เก่ง เธอก็รู้

    เธอจะง้อทำไม นับเงินถามเสียงอู้อี้ ใบหน้ายังซุกอยู่กับแผ่นอกและไม่คิดผละหนี น้ำหอมของเข็มทิศยังคงเป็นกลิ่นเดิม เขากระชับแขนแน่นขึ้นซ้ำต้องยอมรับว่าโคตรคิดถึง “...นับไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว”

    กลับมาอยู่ด้วยกันได้ไหม

    เข็มทิศเก็บคำนี้ไว้สักพักแล้ว คิดจะจัดการอะไรให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงค่อยบอกทว่าแค่เห็นนับเงินร้องไห้ทุกอย่างจึงพังลง หากเขายังฟอร์มจัดหรือรอนานกว่านี้มันคงแย่กว่าเดิม กระนั้นไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ตอนนี้น้องยังอยากกลับมาหาเขาอยู่หรือไม่

    เธอเล่นอะไร

    ไม่ได้เล่น ชายหนุ่มพรูลมหายใจก่อนผละอ้อมกอดออก เขายกมือขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยด้วยความรักและวันนี้นับเงินไม่ได้ขัดการกระทำของเขาเลยสักนิดเดียว “พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน”

    “…”

    พี่คิดถึงเธอทุกวัน

    หมดแล้ว... เข็มทิศละทิ้งความฟอร์มจัดของตนเองจนหมดสิ้น ทั้งที่เคยบอกว่าจะไม่ง้อเพราะคิดว่ามันต้องจบลงเหมือนเดิม ทว่าทบทวนความรู้สึกมาถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่คงอยู่ใต้ก้นบึ้งคือความรักและเขาไปรักคนอื่นนอกจากนับเงินไม่ได้เลย

    ... หัวใจดวงน้อยเต้นหนักหน่วงจนเจ็บไปหมด ความรู้ชาวาบแล่นพล่านทั่วร่างกาย เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ มาเจอเข้าจริงจังเล่นเอาไปไม่เป็นเลย “แต่...”

    พี่ยอมเธอแล้วครับ

    ความคิดและความรู้สึกตีกันอยู่ภายใน นับเงินยังคงเงียบแล้วดึงทุกอย่างมาคิดมั่วไปหมด ฟากหนึ่งบอกว่าเขาควรเลือกทำตามหัวใจ หยุดปฏิเสธและยอมรับทุกความจริง ทว่าอีกฝั่งหนึ่งนั้นผุดขึ้นมาว่าอย่าคิดหวนกลับ แม้ตอนนี้เราต่างเจ็บปวดแต่มันอาจกินระยะเวลาสั้นๆ และอีกหน่อยคงลืม

    เพราะถ้าคิดกลับไปคบกันอีกครั้งแล้วทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม

    “แล้วนับจะทำยังไง...” เสียงหวานสั่นคลอน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นแล้วขานถามอย่างเจ็บปวด “ถ้าเราเป็นเหมือนเดิม”

    ...

    เราปรับตัวหากันหลายครั้งแล้วนะ

    “…”

    แต่มันไม่ดีขึ้นเลย แน่นอนว่าความจริงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเข็มทิศมาง้อแล้วเขาคงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดมาก แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เลยเพราะเขาไม่อยากกลายเป็นคนแปลกหน้า “เราลองผิดลองถูกกันมากี่ครั้งแล้วนับไม่เคยลืมเลย ...นับไม่เคยลืมเธอด้วยเหมือนกัน”

    ครับ

    แต่นับไม่อยากให้เราต้องเสียใจแล้ว เธอพอเข้าใจไหม

    “...” ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย มันเป็นเหมือนประโยคปฏิเสธทว่าเขาต้องยอมรับ เข็มทิศพยักหน้าลงยืนยันว่าเข้าใจก่อนอีกฝ่ายจะถามต่อ

    “เธอลองคิดดูหรือยัง”

    คิดอะไร

    “ถ้ากลับมาคบกันแล้วไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวังเอาไว้...” ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงลำคอ นับเงินกลืนความหวั่นไหวราวกับว่าตนเองเข้มแข็งมากพอ “เราจะเป็นยังไงกันต่อ”

    “...” เข็มทิศดูเป็นคนคิดน้อยทันทีเพราะไม่รู้คำตอบจึงยืนเงียบ เขาตั้งใจเพียงแค่ให้นับเงินกลับมาอยู่ด้วยกันก่อนแล้วค่อยพยายามปรับเปลี่ยน แต่คำพูดของน้องเป็นเรื่องจริงทุกประการ เราทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันมามากพอทว่ามันไม่ดีขึ้นจนต้องเลิกกัน

    นับว่าเธอลองคิดดูอีกครั้งดีไหม มันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ จะบอกว่านับเงินคิดมากเกินไปก็ได้ แต่อย่างน้อยมันดีกว่าการไม่คิดอะไรเลย ถ้ากลับไปคบแล้วเลิกกันซ้ำสอง หากคาดเดาความสัมพันธ์หลังจากนั้น

    เราทั้งคู่คงยับเยินเกินกว่าจะมองหน้ากันได้อีก

    “หมายถึงเรื่องที่พี่ขอให้เธอกลับมาอยู่ด้วยกันใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย หากน้องบอกใช่ เขาคงตอบได้ว่าคิดมาดีเกินพอแล้ว แต่นับเงินดันส่ายหน้าแทนคำตอบ

    “ไม่ใช่”

    แล้วเรื่องไหน

    “ถึงเวลาที่เราต้องปล่อยมือกันจริงๆ แล้วหรือเปล่าครับ” เป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่พูดอะไรจริงจังหลังจากเลิกกันนาน แน่นอนว่านับเงินกำลังฝืนความรู้สึกของตนเองเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นให้มันสามารถดำเนินต่อไปได้ในสถานะพี่น้อง “เราควรเริ่มต้นใหม่”

    “…”

    ไม่ใช่เริ่มต้นใหม่ด้วยกัน

    “…”

    แต่เริ่มใหม่กับคนอื่น

    พี่ยังรักเธอ เข็มทิศละทิ้งความปากแข็ง ยอมหมดทุกอย่างแล้วเพราะอยากมีน้องอยู่ด้วยกัน แม้เป็นถ้อยคำบอกรักทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ขัดเขินและหัวใจของเขากระตุกวูบเมื่อนับเงินตอบกลับมาเสียงเบา

    นับก็ยังรักเธอ

    เราทั้งคู่ต่างเจ็บปวดกับการเดินบนเส้นด้ายแห่งความสัมพันธ์ การเลือกเดินต่อไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับมาหาทั้งที่ยังรักกันอยู่มันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

    สำหรับนับเงินการปล่อยมือกันตอนนี้ ไม่ใช่ปล่อยเพื่อกลายเป็นคนแปลกหน้า แต่ปล่อยเพื่อคงความสัมพันธ์ให้มองหน้ากันติดและพูดคุยกันได้เสมอหากต้องการ

    “แล้วทำไมเราถึงต้องทำแบบนั้น” เป็นเข็มทิศเองที่ไม่เข้าใจ บอกแล้วว่านอกจากเรื่องงานเขาก็ไม่เก่งอะไรเลย แม้กระทั่งความรักทั้งที่เคยมีคนรักอยู่ข้างกัน ...อ่า หากเขารักษาเอาไว้ได้ก็คงไม่เป็นแบบนี้ “เธอกลัวว่าเราจะเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม”

    อือ

    พี่อยากมีเธออยู่ด้วยกัน

    “…”

    เธอให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหมครับ

    นับเงินเม้มริมฝีปากหลังสิ้นสุดคำอ้อนขอของคนตรงหน้า คำตอบภายในใจนั้นแตกต่างกับความคิดที่ต้องการพูดออกไป เขามองหน้าเข็มทิศก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาซึ่งมันร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง  

    ถ้ากลับมาคบกัน ไม่ใช่แค่เธอที่ต้องปรับตัวหรอก นับก็เหมือนกัน” เจ้าของใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บกลั้นความอ่อนแอเอาไว้ นับอยากให้เราปรับตัวด้วยกันใหม่อีกรอบ”

    “…”

    “แต่อีกใจก็กลัวเจ็บ... ตอนเลิกกับเธอแรกๆ มันโคตรแย่เลยนะ เธอก็ไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอ เขารู้เรื่องราวมาจากปากขององศา แม้อีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกมากมายว่าเสียใจแต่เราทั้งคู่ต่างรู้ดี

    กระนั้นช่วงที่ผ่านมานับเงินไม่เคยแน่ใจเลยว่าเข็มทิศยังรักเขาหรือวนเวียนอยู่ใกล้เพราะความจำเป็นแล้วคิดแกล้งกันเท่านั้น จนกระทั่งได้ยินจากปากวันนี้

    และเพราะยังรัก ...เพราะความรู้สึกยังตรงกันเลยอยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราพังจนมองหน้ากันไม่ติดเพียงเพราะปัญหาที่แก้ไม่ตกจนเดินไปด้วยกันไม่ได้

    อืม

    เธอ

    พูดมาเลยครับ

    ถ้ากลับมาคบกันใหม่ เธอคิดว่ารักของเรามันจะมากพอหรือเปล่า”

    ...

    มันจะมากพอที่ทำให้เราไม่ต้องเลิกกันอีกได้ไหม”

    ...

    ถ้าคิดดูแล้วมันไม่ได้มากมายขนาดนั้น

    “…”

    เราควรปล่อยมือกันจริงๆ สักที



    tbc.
    ถึงเวลาต้องคิดแล้วนะคะว่ารักกันแค่ไหน ฮือ T___T 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×