คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 05 ✧ ประโยคบอกเล่า
05
ประโยคบอกเล่า
โปรดจงบอกฉันมาเสียเถิด
เรื่องราวที่เกิดข้างในหัวใจของเธอ
*ประโยคบอกเล่า - greasy cafe
✧
“ตกลงให้พวกกูยกไอ้นี่ลงไปไหม” เบสถามขณะชี้นิ้วไปยังลังเก็บของสีดำสนิทมีฝาปิดเอาไว้อย่างดีเมื่อครู่เจ้าของยกมาปัดฝุ่นเรียบร้อย
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้บ้าง ทว่ามันหนักพอสมควร
“เดี๋ยวยกเอง”
“มึงใส่อะไรไว้ข้างในอะ”
“ของนับ” เข็มทิศตอบอย่างไม่ปิดบัง เขาซื้อโฮมออฟฟิศไว้เมื่อสองปีก่อน แวะมาทำงานเป็นครั้งคราวและมาเฉพาะเวลาอยู่กับนับเงิน
พอเลิกกันแล้วเลยไม่ได้เข้ามาบ่อยเพราะทุกอย่างยังเวียนซ้ำเป็นภาพของอีกฝ่าย “อยากรู้ก็เปิดดู”
“อนุญาตใช่ปะ”
“เออ” ในกล่องเป็นของกระจุกกระจิกเกี่ยวกับนับที่เขาเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี
เข็มทิศหันกลับมาปัดฝุ่นบนชั้นวางหนังสือราวกับไม่ใส่ใจ วันนี้ตั้งใจมาเก็บลังและเอาของบางส่วนกลับบ้านเพราะคิดรีโนเวทที่นี่ใหม่
“ระวังด้วยแล้วกัน”
“กูเปิดอัลบั้มรูปได้ไหม
ขอเสือกหน่อย” พัตเตอร์เพิ่งมีเวลาว่างหลังได้วันหยุดพัก
ตอนแรกคิดจะหลบไปหย่อนใจริมทะเลแต่ขี้เกียจขับรถ เมื่อเพื่อนสนิทชวนมาเก็บของเลยไม่คิดปฏิเสธเพราะเขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้วเช่นกัน
“ตามใจ”
“มึงไปเนเธอร์แลนด์มาเมื่อไหร่วะ”
เสียงของเบสดังขึ้นอีกครั้งทำให้เข็มทิศละความสนใจจากสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำ
หมุนกลับไปหาเพื่อนที่นั่งสุมหัวรื้อข้าวของในกล่องออกมาวางบนพื้น เห็นจากระยะไกลก็จำได้อย่างแม่นยำว่ามันคืออะไร
“ไม่ได้ไป”
“แล้วเอามาจากไหน”
พัตขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นแพลนการเที่ยวเนเธอร์แลนด์ห้าวันสี่คืนแถมจัดสถานที่ไว้อย่างเรียบร้อย
“นับทำ” เขาและนับเคยจะไปเที่ยวเนเธอร์แลนด์ด้วยกันซึ่งเป็นประเทศที่น้องชอบ ไม่ใช่เพราะเลิกกันก่อนเลยไม่ได้ไปแต่เป็นเพราะวันออกเดินทางมีงานแทรกขึ้นมากะทันหัน
จำได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เราทะเลาะกันหนัก เขารู้ตัวดีว่าทำผิด
และต้องยอมรับว่าตอนนั้นเข็มทิศเลือกงานมากกว่า
“อ๋อ กูนึกออกแล้ว”
เบสท้วงขึ้นมาก่อนแสดงสีหน้าครุ่นคิด “ตอนนั้นมึงเป็นเหี้ยอะไรนะ”
“มีงานด่วน เลือกงาน
ทิ้งน้อง” พัตย้ำซ้ำอีกหน ส่วนตัวไม่ได้อยากให้ทั้งสองคนเลิกกันหรอก
ช่วงที่มีปัญหาหนักเขาเป็นฝ่ายเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยให้ แต่อย่างว่าแหละ
เรื่องหัวใจเป็นของใครของมันตัดสินใจแทนไม่ได้
เขาไม่ได้เลือกอยู่ฝั่งใครเพราะรักทั้งคู่เลยรับฟังและเคารพการตัดสินใจ “แต่เอาจริง เป็นกูก็โกรธนะ รอมาตั้งนาน ถึงเวลายังมาเทกูอีกแถมอยู่หน้างานแล้วแท้ๆ”
“อืม” เข็มทิศถอนหายใจเพราะเขากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว “เลิกย้ำได้แล้วพัต”
“รู้สึกผิดปะ” เบสถามด้วยเสียงอยากรู้ ปกติมันไม่ค่อยพูดให้ฟังว่าคิดอะไรอยู่ ตอนเลิกกับนับก็ซึมไปบ้างแต่เหมือนจะหมกอยู่กับงานจนมองไม่ออก
“กูถามจริงๆ”
“รู้สึก” เขาขานเสียงเรียบเฉย ดึงอัลบั้มรูปมาจากมือของเพื่อนสนิท มีรูปถ่ายเพียงน้อยนิดเพราะไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยวไหนด้วยกันสักเท่าไหร่
เก็บไว้ทุกอย่างแม้กระทั่งตั๋วหนังสี่เรื่องที่เคยมีโอกาสได้ไปดู
ยังจดจำความรู้สึกเหล่านั้นได้ดี แต่มันคงไม่เกิดขึ้นกับเขาอีกถ้ายังไม่คิดทำอะไรสักอย่าง
“แต่มึงรู้สึกตัวช้าไปอะ” พัตเตอร์ว่าเสียงเนือย พูดตามตรงว่าช่วงคบกันแรกๆ ก่อนมีปัญหากระทบกระทั่งนั้นเป็นคู่ที่น่ารัก
เข็มทิศคนสุขุมเปลี่ยนเป็นคนละคนเวลาอยู่กับนับเงิน “มึงจะรีโนเวทที่นี่ใหม่เพราะตั้งใจง้อน้องปะ
หรือยังไง”
“คิดว่าแบบนั้น” หลังกลับมาอยู่ใกล้กันได้สักพักทำให้เขาคิดว่าควรวางฟอร์มทุกอย่างแล้วกลับไปง้อนับอย่างจริงจังสักที
“รักน้องมากนะมึงอะ” เบสแซวติดหัวเราะ คิดอยู่แล้วว่าสุดท้ายมันต้องเป็นฝ่ายทนไม่ไหว
“เคยลองพยายามไม่รักแล้ว”
“...”
“แต่กูไปรักคนอื่นไม่ได้”
“…”
“ทำยังไงมันก็มีแต่นับ”
คำสารภาพของเข็มทิศทำให้เพื่อนสนิทสองคนยกยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าลงระรัวเชิงเห็นด้วย
เขาไหวไหล่แล้วปิดอัลบั้มความทรงจำเหล่านั้นก่อนวางมันลงในลังตามเคย ไม่รู้ว่านับจะยอมคืนดีด้วยไหมเพราะสิ่งที่เขาเคยทำนั้นทำร้ายจิตใจน้องมากเหลือเกิน
เข็มทิศรู้ตัวช้าซึ่งมันเป็นคำพูดแก้ตัวง่ายๆ และคนเห็นแก่ตัวอย่างเขาคาดหวังว่านับจะยอมให้อภัย
อย่าเผลอมารักกันอีกครั้งหรือ...
เขาพูดออกไปได้อย่างไร
เพราะไอ้คนที่ทำไม่ได้มันกลายเป็นตัวเขาเอง
✧
“รบกวนขอกาแฟแก้วให้ผมแก้วนึงครับ” เข็มทิศกรอกเสียงลงโทรศัพท์หลังเลขาฯ หน้าห้องกดรับสาย
รู้สึกว่าวันนี้ไม่สดชื่นเท่าที่ควรแถมงานยังติดพันจึงไม่สามารถปลีกตัวเลยต้องวานคุณขิมชงกาแฟให้สักแก้ว
“เธอง่วงเหรอ” นับเงินละสายตาจากโน้ตบุ๊กของตนเอง เจ้าของห้องกำลังเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลงแต่ยังคงสวมแว่นสายตาค้างเอาไว้
ดูท่าทางไม่กระปรี้กระเปร่าเลยสักนิด
“นิดหน่อยครับ”
“พักสายตาสิ ถอดแว่นออก”
เขาเอ่ยสั่งทว่าเข็มทิศส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง “ระหว่างรอกาแฟไง”
“ขี้เกียจถอด” เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อนับเงินลุกขึ้นแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้า
นัยน์ตาคมหรี่ลงตอนเห็นท่าทีหงุดหงิดของอีกฝ่าย “พี่พักแป๊บเดียว”
“แป๊บเดียวก็ถอดได้”
ไม่ว่าเปล่ายังเอื้อมมือไปดึงแว่นสายตาออกจากหน้าของเข็มทิศแล้ววางลงบนโต๊ะ
ซ้ำยังใช้สองนิ้วบีบนวดสันจมูกอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ
และการกระทำเหล่านี้ทำให้รองประธานกระตุกยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวนับไปชงให้แล้วกัน”
“เธอหาเรื่องอู้งานน่ะสิ”
เสียงทุ้มเอ่ยติดหัวเราะ คว้าข้อมือของนับเอาไว้เป็นเชิงบอกให้หยุดการนวดสันจมูก
ช่วงนี้น้องไม่ได้ตกใจเวลาแตะเนื้อต้องตัวนั่นทำให้คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราอาจจะดีขึ้น
“อย่ามารู้ทันได้ไหม”
“เมื่อยเหรอ”
“เธอว่าเมื่อยไหมล่ะ
นั่งไม่ได้ลุกไปไหนเลย” นับเงินมุ่ยหน้าแล้วละมือลงเท้ากับขอบโต๊ะ
“ระหว่างรอกาแฟ เธอนั่งพักสายตาไปเลย
ถ้านับเข้ามาแล้วยังเห็นว่าเธอทำงานต่อนะ เธอโดน”
“โดนอะไร”
“กาแฟสาด”
เป็นคำขู่ที่ทำให้เข็มทิศหลุดหัวเราะในลำคอ
เขาพยักหน้ารับคำก่อนปล่อยให้นับเดินออกไปข้างนอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีกครั้งขณะยกมือขึ้นนวดหัวไหล่คลายความเมื่อยล้า
เมื่อคืนเขานอนค้างบริษัทเพราะเคลียร์งานเก่าจนถึงตีสาม
กลับไปนอนพักไม่กี่ชั่วโมงแล้วออกไปรับน้องเพื่อมาทำงานพร้อมกัน
เข็มทิศหลับตาลงพักหนึ่ง
ปล่อยสมองให้ว่างเปล่าเพราะล้าจนแทบคิดอะไรไม่ออก ครู่เดียวได้ยินเสียงเคาะประตูเขาจึงลืมตาขึ้นก่อนผงกศีรษะขอบคุณเลขาฯ
สาวที่เอากาแฟเข้ามาให้ ด้วยความแปลกใจจึงเอ่ยถาม
“นับล่ะครับ”
“เห็นว่าจะไปยืดเส้นสายค่ะ
เดี๋ยวคงเข้ามา”
“ครับ แล้วเอกสารที่ผมขอได้หรือยัง”
“ฝ่ายบัญชีจะส่งมาตอนสิบโมงครึ่งค่ะ
คุณเข็มจะให้เร่งไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ
ถ้าส่งมาแล้วค่อยเอาให้ผม” ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงสบายๆ ก่อนคุณขิมจะขอตัวกลับไปทำงาน
เขายกแก้วกาแฟขึ้นมาพิจารณา ไหนนับบอกจะออกไปชงให้เขา คงเอามาเป็นข้ออ้างหนีไปเดินเล่นแน่ๆ
ทว่าตอนจิบกาแฟได้หนึ่งอึกหัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากัน
ไม่ใช่ฝีมือคุณขิมเหมือนทุกวัน
เข็มทิศส่ายหน้าแล้วผ่อนลมหายใจ ความคิดปรักปรำนับเงินสลัดหายไปจากหัว
รสชาติแบบนี้เลือนรางไปนานแล้ว กระนั้นพอได้กลับมากินอีกครั้งยังจดจำได้ดี
เขายกขึ้นดื่มอีกครั้งก่อนวางมันลงบนโต๊ะเมื่อคนชงเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง
“นึกว่าจะต้องเตรียมสาดกาแฟแล้ว”
นับเงินพูดติดหัวเราะแล้วเดินไปหย่อนตัวลงนั่งที่ประจำของตน
“เธอจำได้ด้วยเหรอว่าพี่กินแบบไหน”
“เมื่อก่อนนับชงให้เธอบ่อย
ถ้าลืมก็แปลก” เขาหมุนเก้าอี้ไปมองหน้าเข็มทิศ ก่อนนึกได้ว่าไม่ควรย้อนพูดถึงเรื่องราวเดิม
“แต่คงไม่ใช่แบบที่เธอชอบแล้วแหละ”
“ใครบอกเธอ” เข็มทิศเลิกคิ้วขึ้น ตีหน้านิ่งเฉยขณะสบตากับอีกฝ่าย คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้นับเงินแสดงท่าทีประหม่าออกมาให้เห็นเลยสักนิด
“คิดเอง”
“คิดผิด” เขาสวนกลับรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้นับเงินได้โต้แย้งอะไร “พี่ไม่ได้เปลี่ยนเลย”
“…”
“ยังชอบเหมือนเดิม”
✧
ทุกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้พังเละเทะเวลาอยู่ใกล้กับเข็มทิศ
พยายามไม่คิดอะไรแล้วแต่รู้สึกว่าตนเองไม่เคยหลุดพ้นจากวงโคจรของอีกฝ่ายเลย ยิ่งโดนทำดีใส่มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้หัวใจกวัดแกว่งจนแพ้ราบคาบ
สองมือยกขึ้นลูบใบหน้าคลายความเหนื่อยอ่อน
เขาเพิ่งได้โอกาสอยู่คนเดียว
ยอมรับว่ามันอึดอัดไม่น้อยกับการต้องทำงานอยู่ด้วยกัน กระนั้นมีบทสนทนาอยู่ไม่กี่นาทีหรอกเพราะเข็มทิศนั่งทำงานเงียบกริบ
ส่วนตอนนี้เจ้าของห้องไปประชุมจึงเหลือเพียงแค่เขานั่งเลื้อยอยู่บนเก้าอี้
เจ้าของร่างเล็กอ้าปากหาวหวอด
เขาทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ส่วนที่เข็มทิศยังไม่ได้พิจารณาเลยทำต่อไม่ได้ นับเงินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าเกมออนไลน์
ทว่ายังไม่ทันได้เริ่มก็มีสายเรียกเข้ามาก่อน เขาขมวดคิ้วเพราะเป็นรายชื่อบนรายการโปรด
(เธออยู่ไหน)
“ห้องทำงานสิ” นับย่นจมูก คิดจะโทรมาจับผิดกันหรือยังไง
เขาไม่ได้เข้าร่วมประชุมวันนี้เพราะไม่รู้เรื่องแถมอีกฝ่ายมีคุณขิมเป็นคนช่วยอยู่แล้ว
“เธอจะเอาอะไร”
(เดินไปโต๊ะพี่หน่อยครับ
แชร์ไฟล์โปรเจกต์ในโฟลเดอร์คุณวิภามาที พี่ลืม) เข็มทิศกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ นับเงินจำต้องลุกแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
คลิกเมาส์เพื่อเปิดหน้าจอทว่ามันดันติดพาสเวิร์ด (หาเจอไหมครับ)
“ติดพาส”
(...)
“ตกลงเธอจะเอาไหม”
เขาเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ระหว่างรอปลายสายตอบรับเพราะอีกฝ่ายเงียบเสียงไปเลย
“เธอ”
(พิมพ์ตามที่พี่บอก)
“อ่าฮะ”
(สิบสี่
หนึ่ง สิบหก แปด หนึ่ง ยี่สิบ) เป็นรหัสเปิดที่ทำให้นับเงินขมวดคิ้วยุ่ง
ตัวเลขอะไรเรียงกันเป็นพรืด (ทันไหม)
“ไม่ทัน
สิบหกแล้วอะไรต่อนะ”
(แปด
หนึ่ง ยี่สิบ) ปลายนิ้วจิ้มแป้นตัวเลขตามเสียงที่ได้ยิน เมื่อปลดล็อกเรียบร้อยแล้วสิ่งแรกที่เห็นทำเอาเขาลอบกลืนน้ำลายลงคอเพราะความประหม่า
(เธอได้ไหม)
“ดะ...ได้” พอโดนอีกฝ่ายเรียกเตือนสติเขาจึงละความสนใจแล้วเลื่อนเมาส์ไปยังโฟลเดอร์ของคุณวิภาทันที
“แชร์ลงไดร์ฟเลยใช่ไหม”
(ครับ)
นับเงินเปิดไดร์ฟแชร์งานบนโลกออนไลน์แล้วลากไฟล์ของคุณวิภาลงไป
เขาทำทุกอย่างด้วยมือเดียวเพราะอีกข้างกำลังถือโทรศัพท์ค้างสายไว้
รอจนกระทั่งมันอัปโหลดเสร็จเรียบร้อยจึงถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“เห็นไหม”
(เห็นแล้วครับ
ขอบคุณ)
“เธอ”
(ว่าไง)
“ทำไมเธอยังใช้รูปคู่เราอยู่”
นับเงินกลั้นใจถามออกไปด้วยความอยากรู้ ไม่คิดว่าเข็มทิศจะยังตั้งหน้าจอเป็นรูปคู่
ปลายสายเงียบไปสักพักหนึ่งและเขาคิดว่าตนเองควรยั้งคำตอบของอีกฝ่ายไว้เพราะไม่อยากรับรู้แล้ว
“แต่ช่างเถอะ นับไม่ได้...”
(เอาไว้พี่จะกลับไปพูดให้ฟัง)
เขาฟุบลงกับโต๊ะอาการปั่นป่วนก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจหลังเข็มทิศกดตัดสาย
ทั้งสับสนและคิดไม่ออกว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
ครู่เดียวเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนเสียมารยาทคลิกเมาส์ไปยังโฟลเดอร์ซึ่งตั้งชื่อไว้ด้วยรูปอีโมจิหัวใจสีดำ
เขารู้ดีว่ามันคืออะไรจึงภาวนาขอให้อีกฝ่ายลบมันทิ้งไปหมดแล้ว
แต่ไม่...
ภายในยังมีโฟลเดอร์แยกย่อย
ตั้งชื่อจริงของเขาอย่างณภัทรตามลำดับวันที่รวมถึงวันครบรอบระหว่างเรา เหมือนกับว่าอีกฝ่ายจดจำทุกอย่างได้
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเมื่อกดเข้าโฟลเดอร์ ‘Munchkin’ นับขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามันเป็นรูปตอนนอนหลับของตนเอง
เขาไม่เคยเห็นโฟลเดอร์นี้มาก่อน
มีตั้งแต่รูปสมัยคบกันแรกๆ และเข็มทิศพิมพ์ชื่อรูปไว้เป็นวันที่ บางรูปเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ไล่มาถึงตอนไปสิงคโปร์ด้วยกันและครั้งล่าสุดคือวันที่อีกฝ่ายไปนอนบ้านเขา
...ที่บอกว่าไม่เคยหลับก่อนยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
นับเงินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ของเพื่อนสนิทอย่างไอ้ยิ้ม
รออยู่ไม่นานปลายทางก็กดรับ เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะขณะรวบรวมคำพูดและมันคงนานเกินไปอีกฝ่ายจึงถามเสียงติดหัวเราะ
(คืออะไร
โทรมาแล้วตายห่าเหรอ)
“ไอ้สัด กูแค่นึกอยู่”
(นึกอะไร
อย่าบอกนะว่านึกชื่อกู ...เชี่ย มึงโดนพี่เข็มใช้งานหนักจนเพ้อไปแล้วเหรอ)
ปลายทางโวยวายจนเขาต้องพรูลมหายใจ
“มึงสิเพ้อ ไอ้เหี้ย”
พอถูกด่าดันหัวเราะลั่น ชักไม่แน่ใจแล้วว่าโทรมาปรึกษาถูกคนหรือไม่ “กูมีเรื่องจะถามมึงหน่อย”
(ถามไรรึ)
“สมมตินะ”
(อะเค
สมมติแปลว่ามันคือเรื่องจริง)
“ไอ้เหี้ยยิ้ม
กวนส้นตีน มึงจะฟังไหม” และเขาเป็นอย่างนี้เสมอ พอโดนจับทางได้เลยลุกลนจนผิดสังเกต
“ถ้าไม่ฟังกูจะได้โทรหาคนอื่น”
(เอ้า
โมโหใหญ่ ฟังๆๆ ว่ามาเลยเพื่อน)
“ถ้าสมมติมีคนถ่ายรูปตอนมึงหลับเก็บไว้
แบบถ่ายเรื่อยๆ มึงคิดว่ายังไง”
(เขาเป็นอะไรกับกูอะถึงมาถ่ายรูปกู
...ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่สนิทเขาจะมาถ่ายรูปกูได้ไงนะ งั้นต้องเป็นคนใกล้ชิด
ถ้าเป็นแฟนก็น่ารักดี แต่ถ้าเป็นเพื่อนพี่น้องมันอาจจะกวนส้นตีนกูอยู่
รอวันกูอับจนแล้วเอารูปกูไปแบล็กเมล์) คำตอบของยิ้มทำให้เขายกมือขึ้นนวดขมับแล้วถอนหายใจหนัก
(เอ้า ถอนหายใจ มึงถามมาตรงๆ เลยว่าอยากรู้อะไร)
“กูไม่มีอะไรทำเลยมาหาเรื่องคุยกับมึงเฉยๆ”
(มึงว่าพี่เข็มยังรักกูอยู่ไหม)
นับเงินเงียบเสียงหลังได้ยินคำถามเพราะมันเป็นสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ (ถ้าไม่รักแล้วเขาเก็บรูปกูไว้ทำไม)
“...”
(มันมองยากขนาดนั้นเลยเหรอวะนับ)
คราวนี้น้ำเสียงของเพื่อนสนิทดุขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
(ทั้งมึงทั้งพี่เข็มมันมองออกยากเหรอ กูถามจริง)
“เฮ้อ ทำไงดีวะ”
(ยอมรับดิ
มึงยอมรับเลยว่ายังรักเขาอยู่ รักเขาฉิบหาย) นับเงินกัดฟัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นอย่างนั้นแต่ไม่อยากกลับไปเสียใจอีกแล้ว เขาลุกขึ้นยืนหมุนตัวไปยืนรับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างบานใหญ่
ไม่อยากนั่งมองจอที่มีรูปคู่ของเราอยู่ หัวใจดวงเล็กเต้นหนักจนรู้สึกเจ็บปวด (แค่ยอมรับว่ายังรักอยู่มันทำให้มึงรู้สึกว่าแพ้เขาเหรอ)
“เออ ทำไมกูต้องเป็นคนบอกก่อนด้วยว่ายังรักอยู่
ทำไมกูต้องเป็นคนแพ้เขาซ้ำแล้วซ้ำอีก” บทสนทนาจริงจังเกิดขึ้นอีกครั้ง
นับเงินปรึกษายิ้มหลายคราวทว่ายังน้อยกว่าคราม
ยอมรับว่าเกรงใจเพื่อนสนิทแต่พวกมันบอกกับเขาว่ามีอะไรให้ปรึกษาได้ตลอด
ดีกว่าเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียว
(ลึกๆ
มึงก็หวังว่าจะได้กลับไปคบกันไม่ใช่เหรอ)
“ถ้ากูบอกก่อนว่ายังรักอยู่
แต่เขาไม่ได้คิดอะไรล่ะ”
(มันก็ไม่แน่ไหม)
“ถ้าเขาไม่เหมือนเดิมแล้วเท่ากับว่ากูแพ้ยับเลยนะ”
(มึงแพ้ตั้งแต่ไปสักแบบเดียวกับเขาแล้วเหอะ)
“ไอ้สัด”
(มึงจะลืมเขาได้แบบไหน
แค่มองตัวเองก็เห็นเงาเขาซ้อนขึ้นมาแล้วอะ)
นับเงินสะอึกกับคำพูด
แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเห็นรอยสักก็นึกถึงพี่เข็ม มันอยู่กับเขาตลอดเวลาและไม่คิดโทษใครเพราะตั้งใจให้เป็นอย่างนี้
วิ่งหนีแทบตายทว่าสุดท้ายมาซมซานอยู่กับความทรงจำของตนเอง
“ช่างเรื่องนั้นเหอะ กูมีอีกคำถาม”
(ว่ามาจ้ะ)
“สิบสี่ หนึ่ง สิบหก
แปด หนึ่ง ยี่สิบ มึงว่ามันคืออะไร” เขายังคงคาใจกับตัวเลขยาวเป็นพรืด
แต่ตั้งใจจดจำเพื่อเอามาถามความเห็นว่าคิดอย่างไร เมื่อก่อนเข็มทิศกับเขาจะใช้พาสเวิร์ดเดียวกันพออีกฝ่ายเปลี่ยนเลยไม่รู้ว่ามาจากไหน
(แปดแล้วอะไรต่อนะ)
“สิบสี่ หนึ่ง สิบหก
แปด หนึ่ง ยี่สิบ มึงลองคิดหน่อยว่ามันจะมาจากอะไรได้บ้าง”
“มาจากชื่อเธอ”
“…” ถ้อยเสียงคุ้นเคยดังขึ้นมาทำเอานับเงินสะดุ้งเฮือก
เขากดตัดสายอัตโนมัติโดยที่ยิ้มไม่ได้โทรกลับ คาดว่ามันคงได้ยินเสียงของพี่เข็มเช่นกัน
เจ้าของร่างโปร่งหมุนตัวกลับไปมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“สิบสี่ หนึ่ง สิบหก
แปด หนึ่ง ยี่สิบ มันเป็นชื่อเธอ”
“ชื่อนับยังไง”
“ลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ”
“…” นับเงินมุ่ยหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
ทบทวนชื่อของตนเองพลางนับนิ้วอยู่ภายในใจ ลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษมีตั้งหลายสิบจะให้ใช้มือเปล่าคงนับได้ไม่ไหว
แถมเขาไม่ได้เก่งขนาดจำได้ว่าอะไรอยู่ลำดับที่เท่าไหร่
และอีกฝ่ายคงเห็นท่าทีเก้กังจึงเดินเข้ามาใกล้แล้วชูนิ้วทั้งสิบขึ้นตรงหน้า “อะ...อะไรของเธอ”
“นิ้วเธอไม่พอ”
“ไม่ได้นับสักหน่อย”
เขาเผลอกัดริมฝีปากเมื่อโดนรู้ทันอีกแล้ว หัวใจดวงเล็กไหวสั่นเมื่อชายหนุ่มประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้ากับของเขาแล้วกระชับแผ่วเบา
พยายามไม่สนใจทว่าไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกภายใต้ก้นบึ้งได้เลย
“ตัวเอ็นลำดับที่สิบสี่”
“…”
“จบด้วยตัวทีคือยี่สิบพอดี”
นับเงินหายใจไม่ทั่วท้องพลันหลบสายตาไปทางอื่น
เขาแกะมือของตนเองให้พ้นจากการจับกุมซึ่งอีกฝ่ายยอมปล่อยแต่โดยดี
ทว่าไม่เปิดโอกาสให้ได้หลีกหนีเข็มทิศโอบแขนรอบเอวแล้วดึงเขาเข้าไปกอดจนจมอก กระนั้นยังไม่ดีดดิ้นหรือผละออกแต่ต้องปรับลมหายใจให้เป็นปกติ
“เธอ...อย่ามาเล่นแบบนี้”
“เธอไม่รู้จริงๆ
ใช่ไหมว่าพี่ใช้รูปคู่เราอยู่เพราะอะไร” เข็มทิศถามเสียงอ่อนโยน
กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วซุกใบหน้าฝังใกล้ซอกคอและนับเงินยืนนิ่งยอมให้กอด
จังหวะนั้นเขาขยับใบหน้ากระซิบชิดใบหูเพราะอยากให้อีกฝ่ายได้ยินถ้อยหลังจากนี้อย่างชัดเจน
“นับไม่...”
“พี่ใช้รูปคู่ของเรา”
“…”
“เพราะพี่ยังไม่ลืมเธอ”
tbc.
หายไปกี่วัน แหะ พอดีติดธุระส่วนตัวเลยแก้ไม่ทันคับ
เอาเป็นว่าตอนนี้น่ะนะ... พี่เข็มจะไม่ปล่อยน้องแล้วหรือเปล่า!
ดีใจที่พวกคุณชอบนะคะ แง้ เลิ้บๆ คับ
#กฎของเข็มทิศ
ความคิดเห็น