ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กฎของเข็มทิศ ` ✧

    ลำดับตอนที่ #5 : 04 ✧ ภาพของเรา

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 64



    04

    ภาพของเรา


    เสียงเธอยังลอยอยู่

    รูปเราที่ถ่ายอยู่คู่กัน

    ฉันยังเก็บมันอยู่ตรงนั้นเลยและไม่เคยที่จะไม่มอง

    *ภาพของเรา - greasy cafe




    ร้านเพ้นท์ไทม์กลายเป็นสถานที่นัดพบของกลุ่มเพื่อนสนิท พวกเขานัดกันมาตามคำเชิญชวนของครามและเลือกนั่งสุมกันอยู่หลังร้านเพราะจะได้ไม่รบกวนลูกค้าท่านอื่น

    “ทำหน้าแบบนี้ ตีกับพี่เข็มมาอีกดิ” ยิ้มเป็นฝ่ายทักทายเมื่อเห็นนับเงินเดินมานั่งด้วยใบหน้ามู่ทู่

    “เออ” นับเงินตอบก่อนหย่อนกายลงนั่ง นัยน์ตาตวัดมองน้องชายของแฟนเก่า หากรู้จักและมองภาพรวมลักษณะนิสัยต่างกันมากพอสมควร ทว่ามีหนึ่งอย่างที่เหมือนกันคือความนิ่งเย็น “พี่เข็มกวนประสาทมากศา”

    “เดี๋ยวก็ดีกัน” องศาเอ่ยเสียงเรียบก่อนยื่นแก้วน้ำเย็นให้ดับอารมณ์ เขาชินเสียแล้วเพราะเป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ เวลานับเงินกับพี่ชายเจอหน้ากันต้องมีเรื่องถกเถียงตลอด หากวันไหนไม่มีถือว่าผิดปกติ

    “ถามกูยังว่าอยากดีไหม” เขามุ่ยหน้าพลางถอนหายใจ คว้าแก้วน้ำขึ้นกระดกแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งเปิดประตูหลังร้านออกมาพร้อมกับแฟนของมัน นับเงินยิ้มให้พู่กันตอนน้องเดินมาวางขนมลงบนโต๊ะ “ขอบคุณนะครับพู่”

    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มให้พี่ครามเข้าไปบอกผมได้เลยนะ” เจ้าของร้านบอกด้วยรอยยิ้ม กลุ่มของพี่ครามยึดครองหลังร้านส่วนกลุ่มเพื่อนของเขายึดโต๊ะประจำด้านใน ต้องนั่งแยกกันเพราะพวกเขามีงานต้องทำขืนรวมกลุ่มได้โม้กระจายจนงานไม่เดินแน่ๆ

    “พี่ไปนั่งกับหนูไม่ได้เหรอ” ครามถามเสียงออดอ้อนจนแฟนเด็กหันมาย่นจมูกใส่ เขาจึงยกมือลูบหลังท้ายทอยน้องเบาๆ “ไม่กวนหรอก”

    ไม่เอาอะ พี่นั่งอยู่นี่แหละเขาปฏิเสธ ไม่ว่าครามจะทำหน้าออดอ้อนเพียงใดก็ยังยืนยันคำเดิม งอแงอะไรเนี่ยพี่คราม ดูพี่ศาไม่เห็นจะต้องไปเกาะแกะไอ้เงินเลย

    ไม่เกาะแกะอะไรหนู มันโดนน้ำไล่มาเหมือนกันชายหนุ่มพูดติดหัวเราะและน้องไม่เชื่อคำพูดเลยหันไปมองหน้าองศา เพื่อนสนิทเขาจึงพยักหน้าลงเพื่อยืนยันว่าเป็นอย่างนั้น “เห็นปะ พี่ไม่ได้หลอกหนูเลย”

    ถ้าพี่ยิ้มกลับแล้วค่อยเข้าไปข้างในพู่กันยื่นข้อเสนอเพราะอยากแกล้งรุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังดูดน้ำโดยไม่สนใจคนรอบข้าง และคำพูดเขาทำให้แฟนตัวโตอ้าปากไล่เพื่อนแบบติดหัวเราะ

    ไอ้ยิ้ม มึงกลับไปเลย

    แค่กกูว่าแล้วไอ้เวรยิ้มแทบสำลัก เขาวางแก้วลงแล้วหรี่ตาเล็กน้อย รู้อยู่ว่าไอ้ครามมันติดพู่กันแต่ไม่คิดว่าจะติดหนึบขนาดนี้ มึงปล่อยไอ้พู่บ้างเหอะ ตัวติดหนึบจนกูคิดว่าทากาวติดกันแล้ว

    พู่ไปทำงานเถอะครับองศาที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง เขาเหลือบสายตามองนับเงินเพื่อให้สัญญาณ เสี้ยวนาทีครามถูกหิ้วคอแล้วผลักให้นั่งลงบนเก้าอี้ เดี๋ยวพี่ล่ามไว้

    กูไม่ใช่หมาครามสบถแต่ยอมนั่งนิ่ง ขืนลุกขึ้นไปตอนนี้ได้โดนนับเงินทุบหลังแอ่นแน่ เขาฉีกยิ้มให้แฟนเด็กก่อนพู่กันจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินหายเข้าไปภายในร้าน เมื่อเหลือแค่กลุ่มเพื่อนจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่ทุกคน พวกมาร ขัดขวางความรักกู

    มึงเพ้อเจ้อนะไอ้เหี้ยยิ้มสบถด้วยเสียงหัวเราะ หยุด ไม่ต้องด่า กูจะเสือกเรื่องไอ้นับ

    เรื่องอะไรของกู?” นับเงินท้วงเสียงฉงน เขาหยิบน้ำขึ้นดูดก่อนนึกได้ว่าเมื่อครู่กำลังพูดถึงเข็มทิศ เรื่องพี่เข็มอะนะ?”

    เออ มึงฟัดอะไรกับเขามาอีก

    มึงใช้คำพูดให้มันรื่นหูได้ไหม ฟัดเฟิดอะไรเขาถอนหายใจหน่าย ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของไอ้ครามและยิ้ม หัวเราะอะไร

    หัวเราะคนปากแข็ง กูเห็นนะว่ามึงโพสต์รูปรองเท้าคู่ใหม่ครามกดรอยยิ้มมุมปาก นั่งเท้าคางแล้วสลับสายตาไปมององศาที่กำลังตีหน้านิ่งเฉย พี่เข็มซื้อไม่ใช่เหรอวะ ถ้ามึงไม่คิดอะไรแล้ว…”

    แล้ว?” นับเงินท้วงเมื่อครามเงียบไป ก่อนถูกสมทบด้วยคำพูดของยิ้ม

    อีโมจิรูปหัวใจสีดำ

    “สัด” เขาด่าคำหนึ่งทว่าเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนได้อีกครั้ง เป็นอันรู้กันว่าอีโมจิรูปหัวใจสีดำเป็นสัญลักษณ์แทนความรู้สึกของเขามาตั้งแต่ต้น คนอื่นใช้ความหมายอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับเขาหมายถึงความรักที่มีให้เข็มทิศ มันอาจจะหมองหม่นเช่นสีดำแต่สุดท้ายก็ยังรัก

    ใจสั่นเลยดิ หวั่นไหวเลยดิ อยากกลับไปเลยดิยิ้มแซวหนักจนต้องเบี่ยงศีรษะหลบกำปั้นหนักๆ ของนับเงิน เฮ้ย ขี้โมโหจังวะไอ้สัด

    มึงรู้กันได้ไงว่าพี่เข็มซื้อนับเงินถามเพราะคาใจ หากบอกว่าเห็นมาจากโซเซียลคงไม่ใช่เพราะเข็มทิศไม่ลงอะไรเลย เรียกว่าไม่ค่อยได้เล่นด้วยจะดีกว่า มันสองคนตอบคำถามของเขาด้วยการหันไปมององศาเป็นตาเดียว มึงเหรอศา

    พวกมันถามองศาตอบเสียงเรียบเฉย เขาไม่ได้หลบสายตาและไม่ได้กลัวการคาดโทษจากนับเงินเลยสักนิด พี่เข็มเลือกรองเท้าเก่ง

    ไม่ใช่ประเด็นเลยเขาถอนหายใจครั้งหนึ่ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ โชคดีที่วันนี้ไม่มีแดด ไม่อย่างนั้นคงออกมานั่งตากลมด้านหลังร้านไม่ได้ กูไม่ได้ขอให้เขาซื้อด้วยซ้ำ

    พี่เข็มบอกว่ารองเท้ากัดมึงครามพูดบ้างทำให้นับเงินขมวดคิ้วมุ่น กูรู้หมดแหละว่าวันนั้นมึงทำอะไรมาบ้าง เพราะพี่เข็มเขาเล่าให้ไอ้ศาฟัง

    เล่าหมดเลยเหรอ

    ระบายมากกว่า

    “บ่นกูยับเลยมั้ง” ใจของนับเงินนิ่งเย็นตามท่าทางขององศา ปกติแล้วสองพี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่เพราะเข็มทิศมัวแต่หมกอยู่กับงาน กระนั้นพักหลังมีประโยคหนึ่งที่เพื่อนสนิทชอบพูดให้ฟังนั่นคือ...

    ไม่บ่นสักคำ เดี๋ยวนี้เริ่มสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงานแล้วด้วย

    มึงไม่ลองกลับไปคุยกับพี่เขาดีๆ ดูวะยิ้มเสนอทางเลือก ก่อนหน้าเพื่อนเขามีปัญหาจุกจิกหัวใจหลายอย่างจนพังกันเป็นแถบๆ แต่ตอนนี้ต่างคนต่างมีความรักลงตัว เหลือแต่ไอ้นับนี่แหละที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับรักที่ยังไม่ลืม กูว่าเขาก็รักมึงอยู่

    กูก็คิดแบบนั้น มึงกลับไปอยู่ใกล้เขาไม่เท่าไหร่ แต่เขาเริ่มสนใจเรื่องอื่นนอกจากงานแล้ว มึงไม่คิดว่าพี่เข็มจะยอมปรับตัวเองบ้างหรือไงครามเสริมขึ้นมา ตอนเขามีปัญหากับพู่กันต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะนับและจบลงได้เพราะมันเช่นกัน เรียกว่าเป็นเพื่อนทุกช่วงจังหวะของชีวิต เขาสมหวังแล้วก็อยากให้มันปรับความเข้าใจกับพี่เข็มสักที กูว่าเขายังรักมึง

    สำหรับกูคำว่ารักกันอยู่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละ มันมีหลายอย่างที่ทำให้ไปต่อกันไม่ได้ ก่อนจะเลิกกัน มึงคิดว่าพวกกูไม่จูนหากันเหรอ

    “…”

    พยายามจนมันไม่ได้แล้วอะ

    “…”

    ทำได้อย่างเดียวคือเลิกกัน

    นับเงินอธิบายด้วยถ้อยเสียงเรียบง่าย ไม่ได้สั่นไหวหรือรู้สึกอยากร้องไห้เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนเลิกกับเข็มทิศ มันผ่านมานานแล้วแต่ความรู้สึกทุกอย่างยังตรึงอยู่ในความทรงจำจนเหมือนชินชา

    เขาคิดเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ไม่อยากให้บรรยากาศบนโต๊ะเสียเพราะเรื่องของหัวใจอันสับสนของเขา ทว่าโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้าไว้ข้างฝ่ามือกลับสั่นขึ้นมาเสียก่อน

    ของแรงจริงๆ ว่ะคนนี้ยิ้มพูดติดหัวเราะตอนเจ้าของโทรศัพท์หงายหน้าขึ้นมาแล้วผู้โทรเข้าคืออีโมจิหัวใจสีดำ “ไปรับดิ”

    “เออ” นับเงินพรูลมหายใจแล้วคว้าโทรศัพท์มาถือ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินหลบมาคุยมุมอื่นเพราะไม่อยากให้เพื่อนได้ยิน แน่นอนว่าไม่มีใครอ้าปากแซวอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าหากทำอย่างนั้นเขาจะกดตัดสายทันที

    (อยู่ไหน)

    ร้านน้องพู่เขาขานตอบพลางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นกอดอก ปลายเท้าเตะฝุ่นไปมาระหว่างรอคำพูดจากปลายสาย

    (กลับบ้านเมื่อไหร่)

    ไม่แน่ใจ เธอมีอะไรนับเงินถามด้วยความไม่เข้าใจ ช่างน่าแปลกที่อีกฝ่ายโทรหาเขาเพราะเข็มทิศไม่น่าจะว่างโทรหาแม้เป็นวันหยุด ปกติแล้วคนส่วนมากจะใช้เวลาพักผ่อนอยู่บ้าน ออกไปหาของกินอร่อยๆ หรือทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจแต่สำหรับคนปลายทางน่ะหรือ... แหล่งพักผ่อนคือห้องทำงานในบริษัท

    (สโนว์โกลบที่เคยให้ เธอซื้อมาจากไหน)

    สั่งทำมาลูกแก้วหิมะอันนั้นเป็นของที่นับเงินตั้งใจสั่งแบบพิเศษให้อีกฝ่าย เขาเลือกของตกแต่งด้านในด้วยตนเองเพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบชิ้นหนึ่ง เธอจะซื้อให้ใคร

    (ไม่ได้จะซื้อให้ใคร เบสฝากให้ถาม)

    เดี๋ยวนับส่งร้านให้เขาลอบเลียริมฝีปากแล้วเผลอหัวใจพองโตขึ้นมาเสียดื้อๆ ตอนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดซื้อเป็นของขวัญพิเศษให้กับคนอื่น ให้พี่เบสไปดูเอานะ

    (ครับ) ปลายทางเงียบไปครู่หนึ่งจนนับเงินคิดว่าบทสนทนาคงจบลงเพียงเท่านั้นเพราะธุระของเข็มทิศเสร็จสิ้นแล้ว แต่เปล่า... (เธอ)

    อะไร

    (รีบกลับบ้าน)

    ทำไมต้องรีบ

    (พี่รอกินข้าว)

    “…”

    (อยู่บ้านเธอ)

    เธอไปบ้านนับได้ยังไงเรียวคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่น นับเงินยกมือข้อมือขึ้นดูนาฬิกาและพบว่าเป็นเวลาสี่โมง ใครจะคิดเล่าว่าอีกฝ่ายจะไปอยู่บ้านเขา ทั้งที่ควรจะอยู่บริษัทมากกว่าเธอได้ยินไหมเนี่ย

    (กลับมาบ้านสิ เธอจะได้รู้)

    นับไม่กลับถ้าเธอไม่บอกนับเงินยื่นคำขาด สงครามประสาทก่อตัวขึ้นแล้วเพราะเขาจะไม่ยอมและคิดว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายชนะเกมนี้ ทว่าเสียงหัวเราะของปลายทางทำให้เขาเม้มปากเข้าหากันแน่น

    (เธอก็รู้ว่าพี่จะไม่บอก)

    เธอก็รู้ว่านับจะไม่กลับเขายอกย้อน อย่างไรหนนี้ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด เธออย่าเอาแต่ใจ บอกมา ไม่งั้นนับไม่กลับจริงๆ

    (ถ้าพี่บอกว่าอยากเจอเธอ)

    “…”

    (เธอจะกลับไหม)

     



    นับเงินขับรถกลับบ้านด้วยความจำยอม เขาไม่ได้อยากเจอหรอกเพียงแต่ข้องใจว่าเข็มทิศกำลังเล่นตลกอะไรกันแน่ หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วร่างสูงโปร่งเลยรีบเดินจ้ำเข้าไปภายในบ้าน แน่ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกเพราะเห็นรถจอดอยู่ ลมหายใจร้อนผ่อนออกเล็กน้อย เดินผ่านห้องรับแขกไปจนถึงห้องครัวด้วยความรวดเร็ว

    แม่เขาเรียกมารดาเสียงขุ่นซึ่งเธอกำลังจัดวางอาหารบนโต๊ะ โดยมีเข็มทิศยืนช่วยอยู่ข้างๆ เสี้ยวนาทีเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏมุมปากของอีกฝ่าย นับเงินกรอกตาไม่สบตาอารมณ์ก่อนเปลี่ยนสีหน้าฉับไวเมื่อแม่หันมาพูดคุยด้วย

    น้องนับ มากินข้าวกันค่ะคำสั่งส่งผ่านน้ำเสียงมาเบาๆ ไม่เปิดโอกาสให้ลูกชายได้โต้แย้ง ประมาณหนึ่งทุ่ม แม่จะออกไปข้างนอกนะ มีนัดตัดชุดกับคุณผกา วันนี้อาจจะกลับดึก

    แล้วทำไมพี่เข็มถึงต้องมากินข้าวที่นี่คำถามของเขาทำให้คนเป็นแม่หยุดชะงัก สายตาดุมองลูกชายอย่างคาดโทษ แค่ถามเฉยๆ

    แม่ชวนพี่เข็มเองค่ะ เธอขานตอบเสียงเรียบ เลิกให้ความสนใจลูกชายแล้วหันไปมองแขกคนสำคัญ กว่าจะกินข้าวเสร็จคงเย็นพอดี ถ้าพี่เข็มไม่ว่าอะไรนอนค้างที่นี่ก็ได้นะคะ

    พี่เข็มเขาไม่ว่างหรอกครับ แม่อย่าไปกวนสิ นับเงินรีบท้วงขณะหย่อนกายลงนั่งเก้าอี้ประจำ ตั้งแต่เข้ามาเข็มทิศยังไม่เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ ทว่าเห็นมารดาส่งสายตาประกายวิบวับให้คนเป็นพี่แล้วรู้สึกประหม่าในใจ เขาคาดเดาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่อยู่ค้างคืนที่นี่แน่

    ผมจะไม่รบกวนใช่ไหมครับเข็มทิศไม่ได้ฟังคำพูดของเด็กหนุ่มแต่เลือกให้ความสนใจกับคุณแม่ ริมฝีปากคลี่ยิ้มเล็กน้อยยามเห็นคนตรงข้ามหรี่ตาจดจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง

    รบกวนอะไรกันเล่าคะ ดีเสียอีกจะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อนน้อง อีกอย่างพรุ่งนี้แม่จะได้ฝากน้องนับไปทำงานด้วยเลย ...พี่เข็มเถอะค่ะ สะดวกใช่ไหมถ้าจะนอนค้าง

    สะดวกครับ

    นับเงินเผลอขบริมฝีปากเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย ทว่ายังคงตีหน้านิ่งไม่แสดงอาการไม่พอใจเพราะไม่อยากโดนแม่ดุซ้ำสอง ตอนแม่ออกไปธุระแล้วค่อยไล่อีกฝ่ายกลับ หากมารดาถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็อ้างว่าพี่เข็มมีงานด่วนเลยขอตัวกลับก่อน แต่ไอ้เรื่องยากเย็นน่ะ... มันอยู่ตรงที่เข็มทิศจะยอมกลับไหมต่างหาก

    มื้ออาหารเย็นผ่านไปเรียบง่าย บทสนทนาระหว่างแม่กับพี่เข็มเกิดขึ้นเป็นระยะจนกระทั่งอีกฝ่ายยืนรอส่งมารดาของเขาหน้าประตูบ้าน หลังจากนั้นนับเงินคิดว่าทุกอย่างจะง่ายดาย แต่ไม่เลย ตั้งแต่แม่ออกไปทำธุระก็ผ่านมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทว่าคนเป็นพี่ยังคงนั่งอยู่ในห้องรับแขกเหมือนเป็นบ้านของตนเอง

    ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่เถียงเลยเพราะไปมาหาสู่กันบ่อย ครอบครัวของเราทั้งสองต่างต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีเวลาเราไปหากัน ทว่าตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้วจะมาทำตัวเหมือนเดิมได้อย่างไร

    สรุปเธอจะไม่กลับบ้านใช่ไหมนับเงินเอ่ยถามหลังนั่งอยู่ด้วยกันมานานสองนานจนหมดความอดทน พอเห็นอีกฝ่ายยกแขนขึ้นเท้าคางแล้วเบนใบหน้ามามองจึงผ่อนลมหายใจเสียงดัง

    ลำบากใจเหรอครับเขาถามกลับทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ตอนตัดสินใจว่าจะนอนค้างที่นี่ก็รู้อยู่แก่ใจว่านับต้องขุ่นเคือง

    เธอไม่น่าถามคำนี้เลยนับเบะปากก่อนลุกขึ้นยืน อย่างไรวันนี้คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาทอดสายตามองเข็มทิศด้วยสีหน้าหงุดหงิด สังเกตมาครู่หนึ่งแล้วว่าอีกฝ่ายเริ่มนั่งไม่สบายตัว อาจเพราะพนักโซฟามันรองรับแผ่นหลังได้ไม่ดีเท่าที่ควร เธอไปอาบน้ำไป

    “…”

    ห้องนับจำต้องพูดต่อเมื่อคนอายุมากกว่ามองหน้าเชิงสงสัย ตอนคบกันอยู่มันก็มีอยู่แค่ห้องเดียวที่เข็มทิศจะเข้าไปนอนพัก อีกอย่างบ้านเขาไม่มีห้องนอนแขกเหลือหรอก แม่เล่นเอาของเข้าไปเก็บจนรกไปหมดแล้วยังไม่เก็บกวาด เธออย่าลีลา อาบน้ำจะได้นอน

    ครับเข็มทิศหยัดกายขึ้นจากโซฟา บิดหัวไหล่สองสามครั้งก่อนเดินตามเจ้าบ้านขึ้นมาบนห้อง เขามีเวลาพักผ่อนเวลาไม่ได้อยู่บ้านของตนเองเพราะไม่มีอุปกรณ์สำหรับทำงาน ชายหนุ่มเข้ามาภายในห้องนอนของน้องและเพิ่งได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานับเงินไม่ได้เคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนแปลงอะไร

    ทุกอย่างยังคงวางอยู่มุมเดิม

    รวมไปถึงกรอบรูปคู่ของเรา

    เดี๋ยวเอาชุดให้

    ยังมีอยู่เหรอชายหนุ่มเลือกตอบบทสนทนาแทนการทักเรื่องกรอบรูปเพราะกลัวว่าหลังจากเข้าไปอาบน้ำ ออกมาจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว

    แม่ไม่ให้ทิ้งนับเงินเอ่ยตอบเสียงเย็นชา แน่นอนว่าโกหกทั้งนั้นเพราะแม่ไม่ได้เข้ามารู้เห็นด้วยว่ามีอะไรของเข็มทิศหลงเหลืออยู่ในห้องของเขาบ้าง มันเป็นชุดที่ซื้อมาเก็บเผื่อเวลาอีกฝ่ายมานอนค้างด้วยกะทันหัน ไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องหยิบออกมาใช้อีกครั้ง

    ขอบคุณครับ

    อือ บทสนทนากระอักกระอ่วน นับเงินเปิดตู้เสื้อผ้าของตนรื้อเอาชุดนอนไซซ์ของเข็มทิศออกมาจากด้านในสุดซึ่งมันถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อย รวมถึงหยิบแปรงสีฟันอันใหม่ออกมาให้ด้วยและแทนที่เขาจะเดินกลับไปยื่นอีกฝ่าย แต่ดันเดินผ่านเข้ามาภายในห้องน้ำแล้ววางลงด้วยความเคยชิน พอนึกได้ว่าไม่ควรจึงจิ๊ปากไม่สบอารมณ์

    นับเงินเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่พูดอะไร เช่นเดียวกันกับเข็มทิศที่ไม่ได้ทักทายเรื่องที่เขาเผลอไป ต่างคนต่างเดินสวนกันหน้าห้องน้ำเงียบๆ กระทั่งประตูปิดลงและได้ยินเสียงหยาดน้ำกระทบพื้น เจ้าของห้องจึงยกมือลูบใบหน้าคลายความประหม่า ทั้งที่ท่องไว้แล้วว่าห้ามเผลอเด็ดขาด

    ทว่าความเคยชินมันน่ากลัวเกินไป แม้จะผ่านมานานแล้วแต่เมื่อได้ใกล้ชิดอีกครั้งดันกระทำอย่างเดิมง่ายๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง จังหวะนั้นสายตาจึงหยุดอยู่ตรงกรอบรูปข้างเตียง ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นแล้วคว้ามันอย่างตระหนกก่อนเอาไปยัดลงลิ้นชัก หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก คาดว่าเข็มทิศคงเห็นแล้วแต่ไม่ทักเท่ากับว่าเขาเสียฟอร์มไปหนึ่งแต้ม

    เขาปล่อยความคิดเหล่านั้นให้ไหลผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป ไม่นานนักเข็มทิศเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมสวมชุดนอนเรียบร้อยทว่ายังไม่ได้ติดกระดุมเสื้อเลยสักเม็ด นับเงินจดสายตาจับจ้องเจ้าของร่างสูงเนิ่นนานจนอีกฝ่ายรู้ตัว

    ข้องใจอะไร

    ทำไมเธอไม่ติดกระดุม

    จะมาติดข้างนอก เธอจะได้รีบเข้าไปอาบน้ำเข็มทิศว่าพลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาเช็ดศีรษะเปียกชื้นของตน แค่ไม่อยากให้น้องรอนานจึงรีบสวมชิ้นหลักๆ อย่างเดียว

    ถ้าเธอง่วงก็ปิดไฟนอนไปเลยนับงินพูดแค่นั้นก่อนรีบเดินเข้าห้องน้ำไป

    ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเมื่อเกิดความรู้สึกเอ็นดูเหมือนเมื่อก่อน เวลานับเงินต้องการจะหนีเขาสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน เข็มทิศทิ้งกายลงนั่งบนเตียงหันมองกรอบรูปคู่แล้วส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อไม่เห็นมันอีกแล้ว ทั้งที่ไม่ได้อ้าปากทักเลยสักคำ แต่อีกฝ่ายคงรู้แล้วเก็บแอบไปไว้ไหนสักแห่ง

    เขาหยิบหมอนบนเตียงมากองกับพื้นใบหนึ่ง ไร้ซึ่งผ้าปูรองนอนรวมถึงผ้าห่ม คิดเอาไว้ว่าหากนับออกมาค่อยถามว่ามีอะไรใช้รองนอนไหม แค่นอนห้องเดียวกันก็ยั่วประสาทน้องได้มากพอควรแล้ว ขืนนอนเตียงเดียวกันคืนนี้อีกฝ่ายคงนอนไม่หลับ

    เข็มทิศเอนแผ่นหลังพิงเตียง เช็ดผมพลางกดโทรศัพท์ตอบแชตเลขาฯ ส่วนตัว เขาไล่เช็กตารางงานคร่าวๆ ของวันพรุ่งนี้ หากตอนนี้อยู่บ้านคงยังอยู่บนโต๊ะทำงานกว่าจะได้ล้มตัวลงนอนก็ปาไปตีหนึ่งตีสอง ช่วงไหนงานเยอะหน่อยก็เกือบสว่าง บางวันเหลือเวลานอนไม่ถึงสามชั่วโมง

    ไม่มีใครบังคับให้เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างนี้ แต่ส่วนหนึ่งดันเป็นเพราะตนเองต้องการความสมบูรณ์ทุกกระเบียดนิ้ว เขาบ้างานจึงทำให้ทะเลาะกับนับเงินอยู่บ่อยครั้ง ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิดเมื่อเห็นเจ้าของห้องเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว น้องขมวดคิ้วยุ่งขณะเอาผ้าไปแขวนบนราว

    เธอมีผ้าห่มไหม

    ทำไมถึงลงไปนอนตรงนั้นนับเงินถามอย่างเรียบเฉย ทว่าแฝงเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

    ไม่อยากให้เธออึดอัด

    “…”

    ตกลงว่าเธอมีให้พี่ไหม

    ขึ้นไปนอนบนเตียงเจ้าของห้องเอ่ยสั่งเสียงเรียบก่อนเดินไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบกระปุกครีมขึ้นมาป้ายบนผิว เขาทาครีมอยู่พักหนึ่งจนเสร็จแต่พอหันกลับไปมองแล้วดันเกิดความรู้สึกหงุดหงิดเพราะเข็มทิศยังคงนั่งอยู่บนพื้นไม่ขยับไหว อย่านอนบนพื้น

    ทำไม

    เธอนอนไม่ไหวหรอก

    ผมพี่ยังไม่แห้ง

    นับเงินเม้มปากเมื่ออีกฝ่ายขานตอบคนละเรื่อง แต่สามารถเข้าใจได้ว่าเข็มทิศรู้แล้วว่าต้องย้ายขึ้นมานอนบนเตียง พื้นแข็งอย่างนั้นต่อให้มีผ้าปูรองนอนหนาขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้นอนสบายตัวหรอก

    ร่างโปร่งเดินไปนั่งบนเตียง ท่าทางเงอะงะเวลาไถโทรศัพท์และเช็ดผมไปพร้อมกันแอบทำให้เขาไม่พอใจ มองเข็มทิศเช็ดผมอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งทนไม่ไหวจึงเอื้อมมือไปแย่งผ้าขนหนูมาถือไว้

    จะคุยงานก็คุยไปเขาเผลอกลั้นลมหายใจเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าลงโดยไม่หันมามองกัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่แต่คาดว่าคงไม่พ้นเรื่องงาน ฝ่ามือเล็กไล่จับช่อผมทีละส่วน ละเมียดเช็ดแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ศีรษะของคนตรงหน้าสั่นคลอนมากนัก ผมเธอยาวมันถึงแห้งช้า

    เดี๋ยวว่างแล้วค่อยตัด

    เดี๋ยวว่างคือเมื่อไหร่ ปลายปีล่ะสิถ้อยเสียงแขวะทำให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอจากนั้นความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจสลับกับเสียงผ้าขนหนูแนบเส้นผม เขาเช็ดเรือนผมของเข็มทิศจนแห้งสนิทก่อนวางผ้าขนหนูคืนไว้บนหัวไหล่ ปิดไฟให้ด้วยนะ

    เข็มทิศพยักหน้ารับ หยัดกายขึ้นเต็มความสูงแล้วเอาผ้าขนหนูไปแขวนให้เรียบร้อย ปิดสวิตช์ไฟดวงใหญ่แล้วเดินกลับมาดับโคมไฟสลัวบนโต๊ะข้างเตียง จังหวะกำลังจะทิ้งตัวลงนอนนับเงินก็เอื้อมมาจับแขนเอาไว้แน่นและเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

    ไม่มีอะไรหรอกชายหนุ่มขานเสียงเบาแล้วเอนกายลงนอน นับเงินไม่ชอบให้ห้องมืดสนิทอย่างน้อยต้องเปิดโคมไฟข้างเตียงพอสลัว ผิดกันกับเขาที่ไม่ชอบให้มีแสงอะไรเล็ดลอดเข้ามาและเขารู้ว่าน้องไม่วางใจจึงพูดให้รับรู้ พี่อยู่

    แต่มัน...

    พี่ไม่เคยหลับก่อนเธอจำต้องย้ำให้มั่นใจ เขาเป็นห่วงน้องเสมอเวลานอนด้วยกันและเข็มทิศเป็นคนปิดไฟทุกครั้งจะให้ทิ้งตัวหลับโดยไม่สนใจอีกฝ่ายได้อย่างไร และคำพูดหนนี้คงทำให้นับเงินเบาใจจึงยอมปล่อยมือจากแขนของเขาแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง นอนเถอะครับ

    อือ

    ท่ามกลางความมืดช่างเงียบสงบจนได้ยินเสียงแผ่วเบาของลมหายใจ เข็มทิศนอนมองเพดานคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ความใกล้ชิดทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมเจือจางซึ่งไม่แน่ใจว่ามาจากตนเองหรือคนข้างกายกันแน่ เขาคิดว่าน้องคงหลับแล้วแต่สักพักอีกฝ่ายขยับร่างกายเลยต้องท้วงถาม

    นอนไม่หลับหรือยังไง

    นอนไม่หลับ

    เพราะ?”

    ไม่รู้เหมือนกันนับเงินขานราวกระซิบ ครู่เดียวลมหายใจของเขาสะดุดเมื่อคนข้างกายพลิกตัวมาหากัน เสี้ยวนาทีสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่วางลงบนเรือนผม ทำอะไร

    ลูบผมให้เธอ

    นับไม่ใช่เด็กแล้ว

    ไม่เกี่ยวว่าเด็กหรือไม่เด็กฝ่ามือใหญ่ยังคงลูบไล้เส้นผมเชื่องช้า นับเงินไม่ได้เอนศีรษะหลบหนีนั่นแปลความหมายได้ว่าเขาสามารถลูบผมต่อไปได้เรื่อยๆ หลับตาไว้

    เธอนอนเถอะ

    พี่รอเธอหลับ

    ถ้านับไม่หลับ เธอจะลูบอยู่แบบนี้เหรอ

    อืม

    สิ้นเสียงตอบรับนับเงินจึงกลั้นใจพลิกตัวไปหาอีกฝ่ายบ้างเป็นการบอกให้หยุดการกระทำ การลูบผมให้เขาจนกว่าจะหลับนั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยเพราะเข็มทิศต้องเมื่อยมือแน่ๆ

    ไม่ต้องลูบผมให้แล้วเขาจับมือของเข็มทิศออกจากศีรษะ มันมืดจึงไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหน ทว่าสองข้างแก้มของนับเงินตอนนี้เห่อร้อนไปหมดแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมานอนข้างกันกับคนที่ยังรักอย่างนี้เลย ...เธอ

    เข็มทิศไม่ได้ขานตอบอะไร ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไล้วางแนบบนแก้มนิ่มก่อนลากปลายนิ้วโป้งเชื่องช้า ซึ่งเป็นท่าทางที่เขาทำอยู่บ่อยครั้งสมัยยังคบกันอยู่และเป็นเหมือนยานอนหลับชั้นดีให้กับนับเงิน

    หลับตา

    เธอไม่ต้องทำ...

    นอนได้แล้ว

    ก็ได้ เพราะไม่อยากเถียงเลยตอบตกลงโดยอัตโนมัติ เขาข่มตานอนและปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสัมผัสจากปลายนิ้วบางเบาเป็นยากล่อมให้เขานอนหลับ ปกติแล้วเข็มทิศลูบอยู่ไม่กี่นาทีหรอกพอแน่ใจว่าเขาหลับแล้วถึงจะละมือลง ทว่าหนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นเพราะนับเงินไม่มีความรู้สึกง่วงเลยสักนิด

    ต่อให้ฝืนมากมายสักเท่าไหร่แต่หลับไม่ลงแถมหัวใจยังสั่นไหวอย่างอธิบายไม่ได้อีก

    สัมผัสชวนเคลิบเคลิ้มจางหายไปทีละน้อย นับเงินลืมตาขึ้นมาภายใต้ความมืดอีกครั้ง ได้ยินเสียงเข็มทิศเรียกชื่อแผ่วเบาเหมือนเช็กดูว่าหลับไปหรือยัง แต่มีหรือเขาจะตอบรับให้รู้ว่ายังตื่นอยู่ ทว่าเสี้ยวนาทีก้อนเนื้อภายในอกกระตุกสั่นเป็นจังหวะเมื่อลมหายใจร้อนของอีกฝ่ายรินรดอยู่ข้างแก้ม

    ...พร้อมกับเสียงทุ้มเอ่ยหยอกใกล้ชิดใบหู

    ต้อง Goodnight kiss ใช่ไหม

    “…”

    เธอถึงจะยอมนอนสักที


    tbc.

    ฮึ่ม นั่นแหละ 55555555555 ไม่มีอะไรจะพูด แง่ง 

    คสพ.ไม่ได้ซับซ้อนแต่มันไม่ได้ มันแบบ ฮือ พยายามจนมันไม่ได้แล้วอะ T___T 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×