คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 02 ✧ อุบัติเหตุ
02
อุบัติเหตุ
จะกี่ครั้ง ที่ฉันได้พยายามไม่อ่อนไหว
แต่กลับเหมือนน้ำแข็งที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
ไม่นาน ละลาย ทุกที
อุบัติเหตุ - Greasy Cafe
✧
เจ้าของร่างโปร่งเดินลงมาจากชั้นบนด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะโหมทำงานแบบไม่ได้พักผ่อน
แม้จะยังไม่ได้เริ่มเต็มตัวแต่เขาทุ่มเททั้งวันให้กับธุรกิจของบ้าน
เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งเมื่อก้าวเท้ามาใกล้ห้องรับแขกแล้วได้ยินเสียงพูดคุย
เขายกข้อมือดูนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงตรง
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อยเพราะจดจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร
ผ่อนลมหายใจแล้วฮึดเดินเข้าไปพบปะ
“อ้าว
คุณนับมาพอดีเลยค่ะ ป้ากำลังจะไปตามเลยเชียว” เสียงแหบหวานขานพร้อมรอยยิ้มก่อนผงกศีรษะให้คุณหนูของบ้านแล้วขอตัวออกมาเพราะไม่อยากรบกวน
“มาทำไมแต่เช้า”
นัยน์ตาคมจดมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเรียบเฉย
“แม่สั่งให้มารับ”
“แม่ใคร” นับเงินถามเสียงแข็งแล้วยืนมองหน้าเข็มทิศอย่างเอาเรื่อง ทว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนก้าวเท้าเข้ามาใกล้จนเขาผงะถอยหลัง
“แม่เรา”
“เธอไปก่อนก็ได้
นับจะไปหาเพื่อนเดี๋ยวตามไปทีหลัง”
“อีกสิบนาทีแม่เธอจะโทรเช็ก”
“นับนัดเพื่อนไว้แล้ว”
นับเงินเบะปากกับคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธ หากแม่ร่วมมือกันเหวี่ยงเข็มทิศกลับเข้ามาในวงโคจรของเขาแบบนี้แล้วคงทำได้แค่ยอมรับล่ะมั้ง
“เธอมีเวลาว่างขนาดที่จะพานับไปหาเพื่อนหรือไง”
“ถ้าวันนี้ก็ใช่ครับ”
“ตามใจ อย่ามาบ่นว่านับช้าแล้วกัน”
“ครับ” คนอายุมากกว่าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินนำออกไปก่อน ปล่อยให้นับเงินยืนฟึดฟัดอยู่ข้างหลัง
เข็มทิศขึ้นมาสตาร์ตรถแล้วนั่งรอ ระหว่างนั้นหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเหลืออะไรต้องทำอีกถึงยังไม่เดินตามออกมา
แต่หนึ่งความคิดกลับรู้สึกได้เองว่าน้องคงแกล้งกัน
หากนับเงินทำตัวลีลาครั้งหน้าเขาคงไม่โผล่มารับ และใช่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเข็มทิศคงบอกปัดแล้วจบลงด้วยการทะเลาะ
ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจทำอะไรชักช้าเลยสักนิด เขารู้ตัวดีว่าเคยเป็นแฟนที่แย่เพียงใดทว่าบางเรื่องสามารถปรับเปลี่ยนมันได้บ้างแล้ว
แต่นับเงินคงไม่อยากรู้หรอก
“ไปร้านน้องพู่”
เจ้าของใบหน้าติดหงุดหงิดเอ่ยเชิงออกคำสั่งทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ
เขาแกล้งทำตัวลีลาเพราะอยากให้เข็มทิศหมดความอดทนคราวหน้าจะได้ไม่อาสามารับเขาถึงบ้านอีก
“ไปกินข้าวทีหลังนะ”
“สั่งเหมือนพี่เป็นคนขับรถเลย”
“...ถ้าเธอจะไม่ให้นับสั่งก็ลงมา”
นับเงินหันไปมองหน้าคนข้างกายด้วยท่าทีเอาแต่ใจ “เดี๋ยวนับขับเอง”
“หึ”
เข็มทิศแค่นหัวเราะแล้วเคลื่อนตัวรถยนต์ทันทีเป็นผลให้นับเงินถอนหายใจเฮือกใหญ่
หากน้องเอาแต่ใจก็อยากให้รู้ไว้ว่าเขาเอาแต่ใจได้มากกว่า “ถ้าเริ่มทำงาน
พี่จะเป็นคนมารับ”
“ปฏิเสธได้ไหมล่ะ”
“ไม่”
“อยากให้นับเป็นตัวถ่วงเธอก็ตามใจ”
ถ้อยเสียงประชดประชันของนับเงินคงยั่วอารมณ์อีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เราคุยกันแบบไม่ยั่วประสาทได้ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ
“นับจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพราะคำสั่งเธอด้วย”
“เธอจะกวนพี่ยังไงก็ได้”
“...”
“เพราะรอบนี้พี่ยอมเธอ”
นับเงินเม้มริมฝีปากแล้วเบือนหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่างเพราะไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ
แถมคาดเดาไม่ได้เลยว่าตอนพูดออกมาเข็มทิศกำลังรู้สึกอย่างไร อีกฝ่ายคงรู้แน่ชัดแล้วว่าเขากวนอารมณ์และตั้งใจแกล้ง
แต่เข็มทิศบอกว่าจะยอมเขาอย่างนั้นเหรอ ฝันอยู่หรือเปล่า พูดตามตรงว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เขาคงแย่เพราะหัวใจมันยังไม่แข็งแรงพอจะสู้ด้วยหรอก ขืนเจอแบบนี้บ่อยเข้ามีหวังเขาต้องเป็นฝ่ายแพ้
ระยะทางจากบ้านของนับเงินไปคาเฟ่ของพู่กันห่างกันพอสมควร
ประจวบเหมาะเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนจราจรเลยติดขัด
“เธอจะลงไปด้วยไหม” เมื่อรถจอดเทียบหน้าร้านแล้วนับเงินจึงหันไปถาม
มีความรู้สึกไม่ดีหากจะลงไปเฉยๆ แล้วปล่อยอีกฝ่ายนั่งรอบนรถ แต่ถ้าเข็มทิศพูดเองว่าไม่ลงเขาก็ไม่คิดบังคับเลย
เข็มทิศรู้ว่าใครอยู่ในร้านบ้าง หนึ่งในนั้นคือครามเพื่อนสนิทของนับ ซึ่งฝ่ายนั้นเคยชอบนับมาก่อน
แม้ว่าตอนนี้ครามจะเป็นแฟนกับพู่กันไปแล้วแต่เขายังไม่ค่อยถูกชะตาสักเท่าไหร่
ถามว่ามีปัญหากันหรือไม่ ...ก็ไม่ กระนั้นถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากพบ
“นานหรือเปล่า
ถ้าไม่พี่จะรอบนรถ”
“เธอคิดว่าไงล่ะ”
นับเงินแสยะยิ้มเชิงกลั่นแกล้ง ครู่เดียวลอบกลืนน้ำลายลงคอเพราะอีกฝ่ายกระทำตัวเจ้าเล่ห์ด้วยการโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนเขาผงะ
แผ่นหลังบางแนบชิดกับประตูรถ “อะ...อะไร”
“นานก็รอ บอกแล้วว่าจะยอมเธอ”
“…” นับเงินหายใจสะดุด
พยายามปัดป่ายควานหามือจับเปิดประตูรถ ทว่าชายหนุ่มกลับเอื้อมมาคว้าข้อมือเขาไปก่อน
ประสานนิ้วกระชับไม่ให้ขยับหนี
“พี่เคยบอกว่าอย่าเปิดประตูรถตอนนั่งพิง”
“…”
“ลืมไปหมดแล้วหรือยังไง”
เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันพร้อมเอ่ยเสียงดุจนน้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง นับเงินชอบเปิดประตูรถเวลาโดนเขาต้อนจนมุมแล้วหาทางโต้แย้งไม่ได้
“จะลงไปหาเพื่อนก็ไป”
“อือ”
นับเงินกัดปากพอโดนดุกลายเป็นเขาหงอยเสียเอง “จะเอาอะไรไหม”
“ไม่ครับ”
เข็มทิศปล่อยมือออกจากเด็กหนุ่มแล้วปลดล็อกประตูให้
เข็ดแล้วกับการกระทำแสนบ้าบิ่นถึงรถจะจอดนิ่งสนิท แต่หากเปิดพรวดพราดแล้วหงายหลังลงไปเหมือนคราวแรกนั่นคงไม่ดีนัก
เจ้าของร่างโปร่งพยักหน้าแล้วทำทีเหมือนไม่รู้สึกอะไรก่อนเปิดประตูรถลงมา
บางอย่างรู้ทั้งรู้ว่าเข็มทิศไม่ชอบแต่ยังเผลอทำใส่
ตอนนี้อยากปั่นประสาทให้เลิกยุ่งกันไปเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้มีอะไรเปลี่ยนไปทว่าสัมผัสอบอุ่นเวลาฝ่ามือประสานกันยังตรึงอยู่ในความรู้สึกและมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
“สวัสดีครับพี่นับ” เด็กหนุ่มเจ้าของร้านเอ่ยทักทายพร้อมทั้งยกมือสวัสดี พี่นับเงินเคยบอกหลายหนแล้วว่าไม่ต้องมีพิธีรีตองแต่มันเป็นความเคยชิน
“เดี๋ยวผมเรียกพี่ครามให้นะ”
“มันไปไหนอะครับ”
“สูบบุหรี่อยู่หลังร้านอะพี่”
พู่กันสังเกตว่าสีหน้ารุ่นพี่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แต่ไม่กล้าถาม ยอมรับว่าเมื่อก่อนเขาเป็นกังวลเรื่องนับเงินกับแฟนตน
แต่เดี๋ยวนี้น่ะไม่ได้ใส่ใจแล้วเพราะพี่ครามแสดงออกชัดเจนว่ารักเขาคนเดียว
“เดี๋ยวพี่เดินไปเอง
พู่ทำงานเถอะ พี่รบกวนแป๊บเดียว”
“ตามสบายเลยครับ”
นับเงินเดินมาหลังร้านเมื่อได้รับอนุญาตจากน้อง
เห็นเพื่อนสนิทนั่งจ๋องอยู่ตรงเก้าอี้ไม้เก่าพร้อมบุหรี่หนึ่งมวนในมือ
เจ้าของใบหน้าคมตวัดสายตาขึ้นมองเขาก่อนหัวเราะเบาๆ
“ไม่ลงมาด้วยหรือไง” ครามถามอย่างอยากรู้ ก่อนหน้านี้ได้รับข้อความจากเพื่อนสนิทแล้วว่าจะแวะมาหา
มันแสดงความหงุดหงิดให้เห็นผ่านตัวอักษรเหตุผลนั่นเพราะต้องมาพร้อมพี่เข็มทิศ
“เหอะ
ไม่อยากมาเจอหน้ามึงมั้ง” นับเงินเบ้ปากก่อนเดินเข้าไปใกล้
ปัดมือไล่ควันบุหรี่ให้จางหายไปกับสายลม เขาย่นจมูกแล้วรีบเข้าเรื่องของตนเองทันที
“มึงดู”
เขาถกเสื้อเชิ้ตขึ้นจนหลุดออกจากขอบกางเกง รอยแผลปนสะเก็ดไม่ได้แปลกตาอะไรทว่าสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์คือร่องรอยบางส่วนขาดหายไป
พอครามเห็นมันจึงคว้ามือของเขาไปดูแล้วถอนหายใจหนัก
“มึงเกาทำไมล่ะ
กูบอกไม่ให้เกา” เขาปล่อยมือนับเงินแล้วสังเกตรอยแผลอีกครั้ง
คาดว่ามันคงคันจนเผลอเกาแล้วดันเล็บยาวอีก
“ก็กูคันอะ
มันยุบยิบ น่ารำคาญฉิบหายเลย” เสียงใสสบถหงุดหงิดก่อนยัดเสื้อกลับลงไปเหมือนเดิม
“กูต้องทำยังไง”
“ไปร้าน
เสือกไม่อดทน”
“แล้วไงต่อ”
“ไอ้นับ
กูไม่ใช่ช่างสัก” ครามผ่อนลมหายใจ โยนบุหรี่ทิ้งบนพื้นก่อนใช้เท้าขยี้ดับไฟ
“แต่มึงเกาจนแหว่งเลยเหรอวะ เปลี่ยนร้านด้วยไหมล่ะ”
“มึงคิดว่ากูต้องทำไง”
“ตามใจมึงสิ
กูบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ไปร้านเดียวกับพี่เข็ม”
“กูไปเขาก็รู้ดิ”
นับเงินย่นจมูก ยืนกอดอกอย่างไม่สบอารมณ์ เขาสักบริเวณสีข้างเอวขวา อันที่จริงอยากสักมานานแล้วแต่เพิ่งได้จังหวะ
โดยมีครามไปเป็นเพื่อนและมันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเขาสักรูปอะไร “มึงพากูไปให้ร้านดูหน่อย เอาน้องพู่ไปด้วยก็ได้”
“มึงจะไปวันไหนก็บอกแล้วกัน”
“เออ แต่ทีหลังมึงช่วยคุยกับกูในโทรศัพท์ให้รู้เรื่องนะ
กูจะได้ไม่ต้องมา” เขาว่าพลางฟาดมือลงบนไหล่
อุตส่าห์ถ่ายรูปให้ดูแล้วแต่ครามบอกมองไม่ชัดเลยต้องแบกร่างมาถึงนี่เพื่อให้มันดูร่องรอยไม่ถึงสองนาที
“เสียเวลากูไหมเนี่ย”
“อย่าบ่นนักเลย
ห่านี่ แล้วเอาจริงมึงถามพี่เข็มได้นะเรื่องร้านสัก หรือบอกว่ากูถามก็ได้ เนียนๆ เป็นกูสักมา”
ครามเสนอความเห็นแต่โดนนับเงินมองค้อนเป็นอันรู้กันว่าข้อเสนอนี้ไม่ผ่าน
“ปล่อยกูไปตามกรรมก็ได้แบบนั้น”
เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูเข็มทิศ ใช่เพราะกลัวโดนบ่น แฟนเก่าไม่ได้ก้าวก่าย...
แต่กลัวอีกฝ่ายจะถามว่าทำไมถึงสักรูปเดียวกัน
เข็มทิศสักไว้เหนือข้อพับแขนซ้ายเวลาใส่เสื้อแขนเท่าศอก
เศษเสี้ยวของรอยสักจึงเล็ดลอดออกมาให้เห็น ส่วนนับเงินสักสีข้างเอวเพราะมันอยู่ในพื้นที่ลับตา
พวกเขาสักเป็นรูปเข็มทิศโดยเส้นบอกระยะจากจุดกึ่งกลางลากออกไปทิศเหนือ
ตะวันออกและตะวันตกยาวเท่ากัน ส่วนทิศใต้ยาวลงมาประมาณหนึ่งและมีดอกทานตะวันขนาดเล็กกำกับไว้
คนเป็นพี่สักตัว N ไว้บนทิศเหนือ ตะวันออกและตะวันตก
ส่วนทิศใต้เป็นดอกทานตะวัน ตอนแรกเขาไม่รู้ความหมายของมันเลยด้วยซ้ำ ทว่าเข็มทิศเฉลยให้ฟังและเป็นคำพูดที่จดจำได้อย่างแม่นยำ
‘ตัวเอ็นเป็นตัวย่อชื่อเธอ ทานตะวันเป็นดอกไม้ของความมั่นคง
รักเดียวใจเดียว’ และ ‘หันไปไหนก็เป็นเธอ
พี่มีแค่เธอคนเดียว’
รอยสักของนับเงินแตกต่างกันตรงสามทิศด้านบนไม่มีตัวอักษรกำกับ รู้ว่าเป็นการกระทำบ้าๆ
ทั้งที่พยายามจะลืมแต่ดันไปสักรูปเดียวกันเสียได้ เขาไม่สักตัวอักษรย่อเพราะแค่รูปเข็มทิศอย่างเดียวก็ชัดเจนพอแล้ว
ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ลืมไม่ได้เพราะยกให้ไปทั้งใจ
นับเงินบอกลาเพื่อนสนิทก่อนขอตัวกลับ
หลังจากขึ้นมาบนรถแล้วเข็มทิศไม่ได้แสดงท่าทีหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่เขาใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีไถลอยู่ภายในร้าน
ยอมรับว่าเป็นความตั้งใจเพราะอยากให้อีกฝ่ายเข็ดสักที กำลังจะอ้าปากบอกว่าอยากกินข้าวร้านไหนก็ตามสบายเพราะเขาไม่เรื่องมาก
ทว่าเข็มทิศดันเอื้อมมือมาจับชายเสื้อของเขาเสียก่อน
“ทำ...อะไรของเธอ” นับเงินสะดุ้งเฮือกก่อนจับมือของอีกฝ่ายไว้แน่น
ลืมเสียสนิทเลยว่าหากนั่งรถแล้วรอยสักจะอยู่ฝั่งเดียวกับคนขับ
“ใส่เสื้อไม่เรียบร้อย”
“...เดี๋ยวนับใส่เอง” เขาก้มลงมองสภาพตนเองทันที ชายเสื้อบางส่วนหลุดลุ่ยอยู่ด้านนอก
ก่อนออกมาเขาว่าเช็กเรียบร้อยดีแล้วนะ เขารีบยัดเสื้ออย่างลุกลนเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นรอยสัก
“จะกินอะไร”
รู้ว่าน้องไม่อยากให้เขาแตะตัวแต่ไม่เห็นต้องทำทีตกใจขนาดนั้น ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะหากพูดวนเข้าเหตุการณ์เมื่อครู่มีหวังได้ทะเลาะกันแน่
“เธอจะกินอะไรล่ะ”
“พี่ถามเธอ
ไม่ได้ให้เธอย้อนถามพี่”
“แล้วแต่เธอ
นับกินได้หมด รีบกินจะได้รีบไปบริษัท”
“พี่นึกว่าเธออยากอยู่ด้วยกันนานๆ เสียอีก” ถ้อยเสียงทุ้มขานติดประชด ได้โอกาสจึงยั่วอารมณ์สักหน่อย
เข็มทิศยกยิ้มมุมปากขณะหันไปมองและอีกฝ่ายแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ “เห็นเธอลีลา”
“เลิกเข้าข้างตัวเองสักที”
นับเงินถอนหายใจแล้วพูดเสียงเรียบ
ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเลยสักนิดแต่ทำไมอีกฝ่ายชอบทำให้โมโหนัก “นับลีลาเพราะจะกวนประสาทเธอ”
“ครับ
พี่รู้” เข็มทิศไหวไหล่เพราะรู้จักนิสัยของน้องดี
“เธอก็เลยยั่วประสาทนับกลับเหรอ”
“พี่เปล่า”
ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วเปลี่ยนเรื่องพูดคุยอีกครั้ง “ตกลงเธอจะเลือกร้านไหม”
“ไม่เลือก”
นับเงินเริ่มหงุดหงิดเพราะตามเข็มทิศไม่ทันเลยสักอย่าง
ไม่รู้ว่าภายใต้รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว เจ้าของกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ “นับไม่อยากเรื่องมาก”
“งั้นพี่เลือก”
“แล้วแต่”
“ถือว่าพี่ถามเธอแล้ว”
“...”
“อย่ามาร้องเปลี่ยนใจทีหลังแล้วกัน”
✧
สมัยยังคบกันอยู่พวกเขามีร้านอาหารประจำที่ชอบมาด้วยกันบ่อยๆ
จนรู้จักกับผู้จัดการร้านระดับหนึ่ง ทว่าตั้งแต่เลิกกันนับเงินไม่เคยมาที่นี่อีกเลยเพราะไม่อยากหวนคิดถึงเรื่องราวเดิม
เขาจำต้องจัดการตนเองด้วยการหลบเลี่ยงและวันนี้คงกลายเป็นเรื่องแปลกสำหรับพี่เตย
“สวัสดีค่ะคุณเข็ม” ผู้จัดการร้านเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรก่อนหันหน้ามองอีกคนหนึ่ง “สวัสดีค่ะคุณนับ ไม่พบกันนานเลยนะคะ”
นับเงินเพียงพยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะพูดอะไร พี่เตยคงรู้แล้วหรือเปล่าว่าเขากับเข็มทิศเลิกกันแล้ว
ไม่ได้เจอกันตั้งนานแถมพอปรากฏตัวก็ห่างเหินไม่เหมือนเก่า กระนั้นยังแอบสงสัยว่าทำไมถึงทักเขาคนเดียวว่าไม่เจอกันนาน
นับเงินเก็บความข้องใจเอาไว้ก่อน ก้าวเท้าเดินตามเข็มทิศเข้ามาด้านใน
“เธอยังมาที่นี่อยู่อีกเหรอ” เมื่อหย่อนกายลงนั่งแล้วนับจึงโพล่งถามเรื่องที่คาใจ
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจากสมุดรายการอาหาร สบสายตากับเขาชั่วขณะหนึ่งแล้วก้มลงไปใหม่โดยไม่ตอบคำถาม
“ตกลงว่ายังไง”
“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น” เข็มทิศปิดสมุดเล่มใหญ่ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางด้วยท่าทีสบายๆ แต่ท่าทางของเขาทำให้นับเงินหลบสายตาไปทางอื่น
“ถ้าพี่บอกว่าเพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อน
เธอจะเชื่อหรือเปล่า”
“...” นับเงินกลืนน้ำลายแล้วไม่ตอบอะไรกลับและคนตรงข้ามช่างรู้ดีว่าเขาคิดอะไรถึงเปรยขึ้นมา
“เธอไม่เชื่อพี่ เพราะเธอเชื่อแต่สิ่งที่ตัวเองคิด”
เขารู้ดีว่าน้องไม่เชื่อคำพูดหรอก ก่อนลงจากรถนับเงินงอแงว่าจะไม่เข้ามาท่าเดียวจนต้องพูดแหย่
จะให้ทำอย่างไรในเมื่อเขาให้โอกาสเลือกแล้วแต่เจ้าตัวปฏิเสธเอง “จะกินอะไรก็สั่ง”
นับเงินพยักหน้าส่งๆ เขาเชื่อความคิดของตนเองแต่ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเข็มทิศสักเท่าไหร่
ยอมรับว่าเป็นข้อเสียทว่ามันเกิดขึ้นหลังจากเลิกกันแล้วเพราะอย่างนั้นก็ช่างเถอะ
สถานะระหว่างเราตอนนี้ไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องหยิบมาคิดมาก
“เอากุ้งนึ่งเห็ด...” เจ้าของเสียงหวานเม้มริมฝีปากฉับจนพนักงานรับออเดอร์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“กุ้งนึ่งเห็ดหอมน้ำแดงครับ” เข็มทิศเป็นฝ่ายพูดต่อ
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมาเล็กน้อยเพราะมันคือเมนูโปรดของเขา
ส่วนนับเงินไม่ชอบกินเห็ดหอม เมื่อก่อนน้องเป็นคนสั่งอาหารให้เสมอและอีกฝ่ายชอบสั่งเมนูโปรดของเขาก่อนแล้วค่อยตามด้วยของตน
“สลัดกุ้งซอสครีม เต้าหู้ทรงเครื่องด้วยครับ”
กลายเป็นว่านับเงินนั่งเฉยๆ กวาดสายตาไล่อ่านชื่อเมนูเดิมซ้ำไปมาซ้ำมาจนกระทั่งคนตรงข้ามสั่งอาหารจนครบ
เขาคิดอยู่แล้วว่าจะไม่สั่งจานโปรดของเข็มทิศ
แต่ปากเจ้ากรรมดันพูดออกไปเป็นอย่างแรกเสียอย่างนั้น แถมอีกฝ่ายยังจำได้หมดเช่นกันว่าเขาชอบกินอะไร
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอึมครึมเหมือนมีเมฆฝนก่อตัวอยู่ด้านบน
ต่างคนต่างสนใจโทรศัพท์ในมือและไร้เสียงพูดคุย
หากเป็นเมื่อก่อนจะไม่มีใครหยิบมันขึ้นมา อ่า ...แต่นั่นมันเรื่องเมื่อก่อนนี่
“เธอ”
“ครับ?” เข็มทิศเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“มีอะไร”
“แม่บอกว่าเธอให้นับไปเป็นผู้ช่วย
เธอคิดอะไรอยู่” เขาถามด้วยความอยากรู้
ทั้งที่คิดว่าจะไม่เปิดบทสนทนาแต่มันอดไม่ได้และหากไม่ถามคงค้างคาอยู่ในใจ
“ไม่ใช่ความคิดพี่” ชายหนุ่มตอบเต็มเสียงขณะล็อกหน้าจอโทรศัพท์ก่อนวางลงบนโต๊ะเพื่อให้ความสนใจกับคนตรงหน้า
“พี่ไม่ได้อยากบังคับคนที่ไม่ชอบหน้ากันให้มาทำงานด้วยหรอก”
“…”
“เพราะถ้าเริ่มทำงานกับพี่เธอคงไม่มีความสุข”
“แค่ช่วยเธอคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง”
นับเงินเริ่มเกรง ไอ้น้ำเสียงแบบนั้นมันคืออะไร
จะประชดหรือหัวเราะเยาะก็ไม่รู้ “อีกอย่างนับไม่ได้อยู่ใกล้เธอตลอดเวลานี่”
“งั้นอย่างแรกที่เธอต้องรู้
ผู้ช่วยพี่ต้องอยู่กับพี่”
“แต่ก็ไม่ได้ตลอดไง...”
“ตลอด” เข็มทิศเน้นเสียงหนัก นัยน์ตาคมนิ่งเฉยและเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด “โต๊ะทำงานเธอ อยู่ในห้องพี่”
“เดี๋ยว มากเกินไปหรือเปล่า
เลขาเธอยังไม่เห็นต้องตัวติดเธอขนาดนั้น” นับเงินขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ
เขาอุตส่าห์ไม่ให้ตนเองปะทะกับอีกฝ่าย คิดอยู่ว่าถ้าทำงานคงเลี่ยงได้บ้างแต่หากเอาโต๊ะเขาไปไว้ในห้องด้วยนั่นก็ไม่ต้องคิดหาทางหลบเลยเพราะมันไม่มี
“นั่นเลขา”
“…”
“แต่เธอไม่ใช่”
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้เพราะถูกขัดจังหวะจากพนักงานที่นำอาหารมาเสิร์ฟ
เขากับนับเงินช่วยยกลงจากถาดเพราะมีหลายอย่าง จากนั้นจึงสั่งน้ำชามาเป็นเครื่องดื่ม
ไม่ถึงห้านาทีดีพนักงานคนเดิมกลับมาเสิร์ฟน้ำ ทว่าช่วงจังหวะวางแก้วลงตรงหน้านับเงิน
แก้วบนถาดกลับลื่นจนผู้เสิร์ฟตั้งตัวไม่ทัน น้ำชาเลยหกกระฉอกใส่เสื้อของเข็มทิศ
“เอ๊ย!” นับเงินร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
จดสายตามองแขนเสื้อของเข็มทิศซึ่งเปียกไปเยอะพอสมควร
“ขอโทษครับ! ขอโทษจริงๆ
ครับ ผมไม่ทันระวัง ขอโทษครับ!” เด็กหนุ่มผู้เสิร์ฟเอ่ยปากขอโทษขอโพยยกใหญ่
รีบวิ่งไปหาผ้าผืนสะอาดแล้วทำทีจะเข้ามาช่วยเช็ดให้
“ไม่เป็นไรครับ” เข็มทิศตอบพลางแบมือขอผ้าเพื่อจะเช็ดเอง
เขารู้ว่ามันเป็นความผิดพลาด ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอก
“ผมขอโทษครับ” เจ้าตัวยังดูเป็นกังวลจนหน้าถอดสี
“ขอโทษจริงๆ ครับคุณลูกค้า”
“พี่เขาไม่โกรธหรอกครับ” หนนี้นับเงินพูดแทรกขึ้นมา รู้นิสัยของเข็มทิศดีว่าไม่มีทางโกรธเคืองเพราะมันเป็นอุบัติเหตุ
“เดี๋ยวให้พี่เขาไปล้าง แต่รบกวนขอน้ำแก้วใหม่ด้วยนะครับ”
“ตามนั้นเลยครับ” ชายหนุ่มย้ำคำเพื่อให้เด็กหนุ่มพนักงานวางใจ คนในชุดฟอร์มของร้านรีบเก็บแก้วแล้วไปเอาผ้ามาเช็ดโต๊ะที่เปียกไปบางส่วน
เข็มทิศคืนผ้าสะอาดให้และตั้งใจจะลุกไปชำระล้างอีกทีในห้องน้ำ จังหวะนั้นนับเงินยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ยืม
“เธอคงไม่เข้าไปล้างแล้วออกมาแขนเปียกๆ
หรอกนะ”
“ขอบคุณครับ”
นับเงินคว้ากุญแจรถของเข็มทิศมาถือเอาไว้ รอจนพนักงานคนเดิมเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ใหม่จึงอธิบายให้เลิกกังวลอีกครั้งและบอกว่าไม่ได้เลิกกินอย่าเพิ่งเก็บโต๊ะ
ร่างสูงโปร่งเดินออกมายังลานจอดรถแล้วหยิบของที่ต้องการก่อนมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ เมื่อเดินเข้ามาถึงแล้วจึงเห็นเข็มทิศเปิดน้ำก๊อกราดแขนตนเองอยู่
เขาหยุดยืนข้างๆ ก่อนยื่นเสื้อเชิ้ตที่เพิ่งเดินไปเอาออกมาให้กับอีกฝ่าย
“เปลี่ยนเสื้อด้วย”
“ขอบคุณครับ ฝากถือก่อน”
“อือ”
นับเงินยืนนิ่งเป็นราวแขวนเสื้อ ระหว่างนั้นลอบมองเข็มทิศล้างแขนตนเองไปด้วย
อีกฝ่ายถกแขนเสื้อขึ้นมาระดับหนึ่งและช่างบังเอิญที่ดันหกใส่แขนซ้าย
เขาเห็นเสี้ยวหนึ่งของดอกทานตะวันและสียังคงสดไม่เหมือนคนเพิ่งสักมาเลยสักนิด “เธอ”
“ครับ”
“สีไม่จางเลยเหรอ” คำถามของเขาทำให้เข็มทิศชะงัก นัยน์ตาคมสบมองเขาผ่านกระจกเงา
นับเงินจึงต้องพูดต่อ “แค่ถามดู”
“เพิ่งเติม” เข็มทิศตอบกลับเหมือนไม่คิดอะไร เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าของนับเงินซับแขนตนเองให้แห้งหมาดก่อนหันไปหยิบเสื้อจากน้องมาถือเอง
“อะไร ทำหน้าแบบนั้น”
“ปะ...เปล่า ไปเปลี่ยนเสื้อ
นับไปรอข้างนอก” หัวใจของนับเงินดันไหวสั่นกับคำตอบ
ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะเติมสีรอยสักให้มันสดใสเหมือนเคย
ในหัวเขาคิดเอาแต่ว่าเลิกกันแล้วคงถูกปล่อยละเลยจนสีจางหรืออาจมีความคิดอยากลบมันทิ้งไป
แต่เข็มทิศเคยบอกว่าทบทวนดีแล้วก่อนสักว่าอยากให้อยู่ติดตัวไปตลอด
นับเงินก็เช่นกัน
...เขาคิดดีแล้วสำหรับรอยสักบนร่างกาย แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วก็ตาม
“เธอ” เข็มทิศเอ่ยเรียกทำให้คนที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องน้ำเอี้ยวใบหน้ามามอง
“มานี่ก่อน”
“อะไร” เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่ยอมชะงักปลายเท้า
ตอนนี้มีแค่เราสองคน ...และเพราะมีแค่เราเข็มทิศจึงลากเขาเข้ามาภายในห้องน้ำชักโครกและล็อกกลอนเรียบร้อย
เขารู้สึกมึนงงว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นตลกอะไร “ทำบ้าอะไรของเธอ”
“เธอคิดว่าพี่จะทำอะไร” เจ้าของร่างสูงถามติดหัวเราะ ยืนบังไม่ให้นับเงินได้เปิดประตูออกไปได้
“จะเปลี่ยนเสื้อก็รีบๆ” พอเห็นเข็มทิศปลดกระดุมเสื้อจึงรู้ตัวว่าโดนกลั่นแกล้ง เขาจะไม่ไหลตามน้ำเด็ดขาด
นับเงินยืนกอดอกด้วยใบหน้ามุ่ยแล้วเบนสายตาไปมองผนังห้องน้ำ “เธออย่าลีลาได้ไหม ถ้าคนอื่นเข้ามาจะทำยังไง”
“เธอแค่อยู่เงียบๆ แล้วรอเขาออกไป”
เข็มทิศเอาแต่ใจ ...ใช่ เป็นนิสัยที่เขาไม่เคยเผยให้ใครเห็นนอกจากนับเงิน
“แต่พี่แค่จะเปลี่ยนเสื้อ”
“จะเปลี่ยนเสื้อก็เปลี่ยน” เขาหัวเสียกับการโดนปั่นประสาท หันกลับไปจ้องหน้าและเห็นว่าเข็มทิศปลดกระดุมไปเพียงแค่เม็ดเดียว
“ทำไมต้องลากนับเข้ามาด้วย ไม่เข้าใจ”
“ปลดกระดุมเสื้อให้พี่หน่อย”
“เพ้อเจ้อเหรอ” นับเงินลอบกลืนน้ำลาย
หัวใจกระตุกไหวกับถ้อยเสียงทุ้มต่ำเชิงออกคำสั่งเมื่อครู่ คนตรงหน้ายิ้มมุมปากเพื่อเน้นย้ำว่าพูดจริง
ไม่ทันจะได้โวยวายอะไรต่อเขาจำต้องเงียบเสียงเพราะได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา
เข็มทิศดึงเขาให้ขยับขึ้นไปเหยียบเท้าตนเองไว้โดยไม่กลัวว่ารองเท้าหนังอย่างดีจะเลอะเทอะเลยด้วยซ้ำ
เหตุการณ์นี้ทำให้เขาต้องใกล้กับเข็มทิศโดยไม่ตั้งใจ
ใบหน้าแนบเข้ากับแผ่นอกจนใจเขาสั่นไปหมดแล้ว ประตูกับพื้นห้องน้ำเว้นระยะช่องว่างจนสามารถเห็นรองเท้าได้
หากผู้มาให้เกิดช่างสังเกตอาจเข้าใจผิดว่ามีใครมาเล่นอะไรแปลกๆ การยืนซ้อนเท้ากับอีกฝ่ายจึงเป็นทางออก
แม้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่นักก็เถอะ
ริมฝีปากเล็กขบเข้าหากันและน้ำหอมของเข็มทิศยังคงเป็นกลิ่นเดิมซึ่งเขาเป็นคนเลือกให้
พอเสียงประตูห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง คนเป็นพี่ทิ้งช่วงระยะเวลาครู่หนึ่งราวกับต้องการแน่ใจว่าบุคคลที่สามเดินออกไปแล้ว...
หลังจากนั้นจึงปล่อยเขาเป็นอิสระ
“แชมพูกลิ่นเดิม”
“ยุ่ง ...นับไม่เล่นกับเธอแล้วนะ”
“เชิญครับ” ชายหนุ่มหัวเราะก่อนเบี่ยงตัวหลบไปฟากหนึ่งให้นับเงินเปิดประตูออกไปได้
เขาแค่แกล้งหยอกไปอย่างนั้นรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทำตามสิ่งที่เขาร้องขอหรอก ทว่าน้องยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจนต้องเอ่ยปากซ้ำ
“เป็นอะไร หรือเปลี่ยนใจขึ้นมา”
“ฝันไปเหอะ”
“มันทำยากหรือไง”
“ไม่ยากแต่ไม่อยากทำ” ทั้งที่ควรจะรีบเดินออกไปแต่ความรู้สึกบางอย่างสั่งให้เขายืนต่อล้อต่อเถียง
ไม่ชอบเลยเวลาตนเองกำลังจะกลายเป็นผู้แพ้ในเกมนี้และการกระทำของอีกฝ่ายตอกย้ำอยู่เสมอ...
ไม่ว่าเขาจะเก่งมากขึ้นสักเท่าไหร่แต่เมื่อคนตรงหน้าเป็นเข็มทิศ
นับเงินจะไม่มีทางชนะ
“พี่ก็ว่ามันไม่ยาก”
“…”
“เพราะปลดกระดุมเสื้อพี่”
“…”
“มันเป็นเรื่องที่เธอเคยทำ”
tbc.
สักรูปเดียวกันแบบตั้งใจ ส่วนพี่เข็มก็ค่ะ เขาเป็นคนร้ายๆ แบบนี้แหละค่ะ T____T
แปะรอยสักพี่เข็มคร่าวๆ ฮะ พี่เข็มสักบนแขนซ้าย ส่วนน้องนับไปลอกของพี่เขามาสักสีข้างเอวแค่ไม่มีตัว N กำกับทิศ
พ่กคุณว่าเขารักกันแค่ไหน /ยื่นไมค์
ความคิดเห็น