คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 ✧ ไม่มีวันกลับมา
01
ไม่มีวันกลับมา
‘อาจจะเป็นเพราะฉันที่ทำให้วันดีดีหายไป
อาจจะเป็นเพราะเธอที่ทำให้รักเราไม่ไปไหน’
ไม่มีวันกลับมา - Greasy Cafe
✧
“คุณหนู
กินข้าวก่อนสิคะ ป้าทำข้าวต้มปลาของโปรดไว้ให้ค่ะ” เสียงแหบหวานของหญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกเมื่อเห็นลูกชายคนโตของตระกูลเดินเข้ามาภายในครัว
คาดว่าคงตื่นนอนสักพักใหญ่แล้วแต่เพิ่งจะเดินลงมาชั้นล่าง “เดี๋ยวป้าอุ่นให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ
ผมกินได้”
เข็มทิศตอบกลับพลางเดินไปหย่อนกายนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์
ปกติแล้วหากคุณแม่กับคุณพ่ออยู่บ้านจะกินข้าวเช้าพร้อมกัน ทว่าวันไหนทั้งสองออกไปทำงานก่อนหรือใครคนใดคนหนึ่งมีธุระ
เขาจะนั่งกินตรงเคาน์เตอร์บาร์แทน “ศาไปไหนแล้วครับคุณปาย”
“ออกไปส่งคุณน้ำเงินที่มหา’ลัยแล้วค่ะ” เธอหันมายิ้มพลางตักข้าวต้มปลาลงชามก่อนเดินเอามาวางให้
“เอ้อ คุณรัศเธอบอกว่าถ้าคุณหนูตื่นแล้วให้ไปหาที่ห้องทำงานหน่อยนะคะ”
“คุณแม่อยู่เหรอครับวันนี้
ผมนึกว่าออกไปทำงานแล้ว”
“อยู่ค่ะ
เห็นว่าคุณนิ่มจะมาหา”
“คุณปายรู้ไหมครับว่าเรื่องอะไร”
เขาถามด้วยความสงสัย คุณปายเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเขากับองศาเลยด้วยซ้ำเพราะคอยดูแลมาตั้งแต่เด็ก
“ป้าไม่ทราบเลยค่ะ
แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเพราะวันนี้คุณรัศดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ”
“โอเคครับ
...แล้วคุณปายกินอะไรหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ
ถ้าอย่างนั้นคุณหนูตามสบายนะคะ เดี๋ยวป้าขอเข้าครัวเล็กก่อน จะเตรียมอาหารเที่ยงให้ค่ะ”
“ขอบคุณนะครับคุณปาย”
ปกติแล้วเขาจะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นระหว่างอยู่บนโต๊ะอาหาร
แต่หากนั่งอยู่คนเดียวถือว่าเป็นเวลาส่วนตัวทว่าไม่ได้เอื่อยเฉื่อยจนไม่เป็นอันกินหรอก
เขาไถนิ้วลงบนบหน้าจอไล่ดูข่าวสารบนโลกออนไลน์ เมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วจึงวางมันลงแล้วกินข้าวต้มฝีมือคุณปายจนหมดก่อนไปล้างชามให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นเขาเดินมายังห้องทำงานของคุณแม่ซึ่งอยู่ชั้นล่าง
เคาะประตูสองสามครั้งเพื่อบอกให้คนด้านในรู้ตัวก่อนเปิดเข้าไป ชายหนุ่มลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องกำลังนั่งมองแท็บเล็ตเลื่อนดูรูปลายเล็บแบบต่างๆ
พอเจอกับคุณแม่ของน้ำเงินก็พากันเข้าวงการทำเล็บ
“ตื่นเร็วจังเลยค่ะ
วันหยุดแท้ๆ” เธอกล่าวติดหัวเราะก่อนหันหน้าจอแท็บเล็ตบนตักมาให้เขาดู
“พี่เข็มว่าลายนี้สวยไหมคะ แม่ว่าจะส่งให้พี่ไพลินดู”
“สวยดีครับ แต่กลิตเตอร์เยอะแบบนี้มันจะหลุดเอาหรือเปล่า”
ลูกชายคนโตแสดงความคิดเห็นก่อนถามด้วยความสงสัยเพราะเขาไม่มีความรู้เรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่
“อืมม
ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่ลองหาลายอื่นไปเผื่อเลือกดีกว่าเนอะ”
“ครับ แล้วให้คุณปายเรียกผมมาหา
มีอะไรหรือเปล่า” เข็มทิศวกเข้าเรื่องของตนเองทันใด คำถามของเขาทำให้มารดาละความสนใจจากลายเล็บทันที
เธอหันหน้ามามองเขาแล้วฉีกยิ้มกว้างเหมือนมีเรื่องอะไรดีๆ สักอย่าง
“วันนี้นิ่มจะมาหาแม่ค่ะ
พาน้องมาด้วย”
“ยอมมาที่บ้านด้วยเหรอครับรายนั้น”
ชายหนุ่มถามติดหัวเราะเมื่อได้ยินว่านับจะมาที่นี่ คาดว่าอย่างไรเสียก็โดนบังคับให้มา
ไม่มีทางที่จะเอ่ยปากร้องขอว่าจะมาเหยียบบ้านเขาด้วยตัวเองหรอกและมั่นใจว่าหากเจอหน้าเขาคงได้ทำหน้างอใส่เหมือนทุกที
“มาสิคะ นี่แม่บอกไปหรือยังเอ่ยว่าจะให้พี่เข็มช่วยสอนงานให้น้อง”
รัศมีเอียงคอถามเหมือนไม่รู้เรื่องราว
ส่วนลูกชายขมวดคิ้วมุ่นเลยต้องอธิบายต่อ “น้องนับเรียนจบแล้ว
แต่ยังไม่ได้ไปหางานทำค่ะ นิ่มจะให้น้องช่วยงานที่บ้านเลยอยากให้น้องนับเรียนรู้จากบ้านเราไป”
“…”
“พี่เข็มโอเคไหมคะ” มารดาถามซ้ำเมื่ออีกฝ่ายเงียบเสียง สีหน้าครุ่นคิดเหมือนไม่อยากตกลงปลงใจ
“ไม่โอเคหรือคะ”
“ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ
ถ้านับตกลง” เข็มทิศไม่ได้มากเรื่องอยู่แล้ว
ไม่มีปัญหากับการสอนงานด้วยทว่าเด็กคนนั้นน่ะจะยอมให้เป็นแบบนั้นหรืออย่างไร
“นิ่มคอนเฟิร์มว่าน้องตกลงค่ะ
แต่แม่ยังไม่ได้คุยกันว่าจะให้เริ่มงานเมื่อไหร่ วันนี้ถึงจะรู้เรื่อง”
“คุณน้านิ่มได้ไปบัง...”
เข็มทิศยังถามไม่ทันจบประโยค
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เขาเอี้ยวใบหน้าไปมองเมื่อประตูเปิดออกจึงพบกับบุคคลในบทสนทนา
“สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดีค่ะพี่เข็ม” นิ่มขานตอบด้วยรอยยิ้มก่อนเดินเข้ามาหา ยกมือจับไหล่คนที่เป็นเหมือนลูกชายอีกคนหนึ่งด้วยความรัก
ก่อนเบนหน้าไปหาน้องนับที่เดินตามหลังมา
“คุณแม่สวัสดีครับ” นับเงินเอ่ยปากสวัสดีคุณแม่รัศมี แม้จะเลิกกับพี่เข็มไปแล้วแต่ยังเรียกว่าแม่เหมือนเดิม
“คุยกันไปก่อนได้ไหมครับ นับขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
“ได้ค่ะ น้องนับรีบไปรีบมานะคะ” รัศมียิ้มรับแล้วผงกศีรษะให้ เมื่อนับเงินเดินออกไปแล้วจึงหันมองหน้าลูกชาย
“พี่เข็ม”
“ครับ?”
“แม่ขอคุยธุระสักครู่ค่ะ
พี่เข็มไปอยู่คุยกับน้องนับก่อนนะคะ”
เข็มทิศพยักหน้ารับคำสั่ง
เห็นกันอยู่ว่าเป็นแผนของพวกคุณแม่ ปกติแล้วเวลาพูดคุยธุระกันมีหรือจะไล่เขามาข้างนอกเพราะส่วนมากชอบความเห็นของเขาอยู่เสมอ
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องทำงานแล้วตรงไปทางหน้าห้องน้ำ
ดักรอเด็กที่เจอหน้ากันแล้วไม่มีให้แม้กระทั่งรอยยิ้ม
เขายืนกอดอกพิงกำแพงรออยู่ครู่หนึ่งคนด้านในห้องน้ำก็เปิดประตูออกมา
พอเห็นเขาเรียวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันมุ่น วันนี้นับเงินสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์สบายๆ
อย่างที่ชอบใส่เป็นประจำ
“เธอเป็นโรคจิตเหรอ”
นั่นล่ะคำทักทาย
เข็มทิศไหวไหล่แล้วหยักยิ้มเหมือนไม่ใส่ใจ น้องฟึดฟัดใส่แล้วทำทีจะเดินหนีเขาจึงต้องเดินไปดักหน้าเอาไว้เสียก่อน
“แม่เธอกับแม่พี่คุยธุระอยู่
พี่โดนไล่ออกมา”
“แบบเธอเนี่ยเหรอโดนไล่ออกมา”
นับเงินช้อนใบหน้ามองด้วยความข้องใจ ยอมรับว่าไม่เชื่อเลยสักนิดเดียว
“ใช่สิ
พี่จะหลอกเธอทำไม” คนโตกว่าย่นคิ้วเข้าหากัน “เธอก็รู้ว่าพี่ไม่เคยโกหก”
“...”
“เชื่อกันหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าเธอมีงานก็ไปทำ
นับนั่งคนเดียวได้” เขาชิงเปลี่ยนเรื่อง ปฏิเสธไม่ได้หรอกเพราะมันเป็นความจริง
ตั้งแต่คบกันมาเข็มทิศไม่เคยโกหกเขาเลยสักครั้ง
“รู้ได้ยังไงว่าคุณแม่สั่งให้พี่มาอยู่กับเธอ”
“แค่เดา” นับเงินมุ่ยหน้า อยากตบปากตัวเองหลายๆ หนที่พูดออกไปโดยไม่คิด เข็มทิศจึงปั่นประสาทเขาอีกแล้วเพราะมันเป็นแบบนี้เสมอ
ต่อให้เลิกกันมานานแต่คุณแม่รัศมีชอบสั่งให้พี่เข็มตามมาคอยดูแลเขา
และใช่...
เข็มทิศไม่เคยปฏิเสธคำสั่งเหล่านั้น
แต่ชอบมากวนอารมณ์มากกว่าดูแลเหมือนตอนนี้
“เก่งจัง”
“เธอไม่กวนประสาทนับได้ไหม”
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”
ยกยิ้มมุมปากเมื่อยั่วอารมณ์ของน้องได้
ความจริงแล้วอีกฝ่ายไม่ได้ขี้หงุดหงิดแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เข็มทิศเป็นบุคคลผู้อยู่ในสถานะที่นับเงินไม่อยากนับญาติด้วย
“คุณแม่บอกว่าเธอตกลงมาทำงานกับพี่”
“โดนบังคับ” เขาตอบกลับทันควัน สีหน้าเรียบเฉยแต่สามารถบอกให้รู้ได้ว่าไม่พอใจ “ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น....”
“นับจะไม่มาให้เธอเจอ” เสียงทุ้มตอบกลับประโยคถัดไปอย่างรู้ทัน เขาได้ยินมันบ่อยครั้งจนท่องจำได้ขึ้นใจ
“เธอพูดบ่อยจนพี่จำได้แล้ว”
“ถ้าจำได้คราวหลังก็รู้ไว้เลย
เรื่องไหนที่ต้องมายุ่งกับเธอ คือนับโดนบังคับ”
“เธอจะเกลียดอะไรพี่ขนาดนั้นครับ” เข็มทิศถามเหมือนไม่คิดอะไร
สองเท้าขยับเข้าไปประชิดตัวนับเงินมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอีกฝ่ายทำใจดีสู้เสือเหมือนไม่เกรงกลัวทว่าสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับเขา
“…เธอ!”
“พี่ถามว่าเธอเกลียดอะไรพี่ขนาดนั้น” เขาขยับใกล้นับยกสองมือขึ้นยันอกไว้
แกล้งผ่อนลมหายใจรดข้างแก้มจนน้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางและเขารู้ว่าทำอย่างไรอีกฝ่ายถึงจะยอมหันกลับมา
“น้อง...”
“เธออย่ามาเรียกนับแบบนี้”
นับเงินหันกลับมามองหน้า เผลอสบกับแววความนิ่งเฉยของอีกฝ่ายก่อนรีบเปลี่ยนจุดพักสายตาเป็นอย่างอื่น
กระนั้นมันไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่เพราะดันเห็นเสี้ยวหนึ่งของรอยสักบริเวณข้อพับแขนของเข็มทิศ
คนเป็นพี่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวเหนือศอกเล็กน้อย
เขารู้ดีว่ารอยสักนั้นเป็นรูปอะไร
“งั้นตอบพี่มา”
“...”
“ตอนไปสิงคโปร์เธอยังไม่งอแงขนาดนี้”
“มันก็แค่ตอนนั้น”
เอ่ยตอบเสียงเบาพลางเก็บกลั้นอารมณ์บางอย่างเอาไว้ หัวใจเขาไหวสั่นยามเผลอเงยขึ้นสบตาอีกหน
“เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอก”
“เธอเกลียดพี่หรือเปล่า”
“เปล่า
นับไม่ได้เกลียดเธอ ถ้าได้คำตอบแล้ว เธอก็ถอยออกไป” นับเงินพยายามดันคนตรงหน้าให้ถอยออกไปตามคำสั่งเพราะยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งปั่นป่วน
แต่มีหรือที่คนเอาแต่ใจจะยอมฟัง อีกฝ่ายเปลี่ยนมารวบข้อมือของเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว
“ทำอะไรของเธอเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกเอาแต่ใจใส่นับสักที”
“เมื่อเธอยอมพูดกับพี่ดีๆ”
“แล้วนับพูดไม่ดีตรงไหน”
“เธอทำเสียงหงุดหงิดใส่พี่ตลอด”
“...”
“หรือจะบอกว่ามันไม่จริง”
เข็มทิศเลิกคิ้วมองหน้าน้องอย่างเอาเรื่อง พออีกฝ่ายเงียบและเป็นอันรู้กันว่าจะไม่ตอบคำถามนี้เขาจึงยอมปล่อยมือ
ถอยหลังออกมาสองก้าวเพื่อเว้นระยะห่าง “กินข้าวมาหรือยัง”
“...”
“พี่ถามว่ากินข้าวหรือยัง”
เขาถามเสียงดุเมื่อน้องยืนนิ่งไม่พูดจา จำต้องเปลี่ยนเรื่องเพราะหากฝืนคุยเรื่องเก่ามีหวังวันนี้คงตึงใส่กันอีกแน่
“ยังไม่ได้กิน”
“จะกินข้าวไหม”
“ยังไม่หิว”
“กินข้าวให้มันตรงเวลาบ้างเถอะ”
“ทำเหมือน...” นับเงินกลืนคำพูดลงคอเมื่อมองหน้าเข็มทิศ ลมหายใจร้อนผ่อนออกเล็กน้อยแล้วเงียบเช่นเคย
ไม่ควรเถียงออกไปเพราะจะกลายเป็นว่าเขาไปรื้อฟื้นเรื่องเก่าและคงทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่เคยลืม
“เหมือนอะไร” เสียงทุ้มถามด้วยความค้างคาใจแต่อีกฝ่ายยืนเงียบเลยไม่คิดพูดซ้ำให้มีปากเสียง
“ไม่อยากตอบก็ตามใจเธอ แต่เดินตามพี่มา”
“ไปไหน”
“กินข้าว”
“ไม่เอา” นับเงินรีบสวนกลับทันที
เมื่อเช้าทางบ้านทำข้าวเช้าไว้ให้แต่เขายังไม่หิวเลยปฏิเสธไป ใครเล่าจะรู้ว่าเข็มทิศจะมาสั่งให้ไปกินข้าวแบบนี้แถมเขากำลังจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจด้วย
“ไม่อยากรบกวนคุณปาย”
“ไม่รบกวน”
“…”
“เพราะพี่เป็นคนทำ”
เข็มทิศถอนหายใจเบาๆ บางครั้งนับเงินดื้อเลยยากที่จะพูดคุย
น้องยืนนิ่งไม่ไหวติงเขาจึงต้องเดินไปคว้าข้อมือ อีกฝ่ายทำทีจะกระตุกหนีชายหนุ่มเลยเอ่ยเสียงดุ
“เดินมากินข้าวด้วยกันดีๆ”
“…”
“พี่ไม่อยากดุเธอ”
✧
ความรู้สึกคุ้นเคยก่อขึ้นเสมอเวลาเผลอมอง
นับเงินพยายามไม่สนใจบุคคลที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงหน้า
พยายามไม่ดึงเข็มทิศกลับเข้ามาอยู่ในห้วงความคิด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกยังคงอยู่
แน่สิ... เจอหน้ากันบ่อยแบบนี้จะไปลืมได้อย่างไร
แม้เข็มทิศจะทำเหมือนไม่สนใจทว่าบางอย่างยังกระทำให้เขาเหมือนอย่างเคย
ใครมันจะไม่คิดถึงบ้าง... แต่เขาเก่งที่สามารถกักเก็บอารมณ์และความรู้สึกให้เข้มแข็ง
ไม่ต้องร้องไห้ออกมาเพราะความหวั่นไหว
“เขี่ยข้าวทำไม”
ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ เขาเพิ่งเงยหน้าขึ้นมาแต่ช้อนสายตามองเป็นระยะเห็นว่านับเงินนั่งเขี่ยข้าวมาครู่หนึ่งแล้ว
ทว่าเขาดันทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก “ตกใจอะไร พี่แค่ถาม”
“เงียบอยู่ตั้งนานแล้วอยู่ดีๆ
เธอก็พูดขึ้นมา ใครจะไม่ตกใจ”
“ถ้าพี่คุยกับเธอ
เธอจะตอบหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่
...ไม่อยากคุยกับเธอ”
“งั้นพี่เงียบก็ถูกแล้ว”
คนโตกว่าไหวไหล่ รู้คำตอบดีอยู่แล้วจึงนั่งเล่นโทรศัพท์ระหว่างรอ เขายกมือข้างหนึ่งเท้าคางก่อนจดสายตามองคนตรงหน้า
“กินข้าวให้หมด”
“นับอิ่มแล้ว”
“กินไปแค่ไม่กี่คำ”
“กินไป...”
“พี่เป็นคนทำ พี่รู้ว่าเธอกินไปแค่ไหน”
นับเงินค้อนตามอง
รู้ดีเชียวนักนะ ไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อยหรือไม่อยากกินหรอกแต่มัน... อ่า
อธิบายไม่ถูก เขาถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก รับรู้ได้ว่าเข็มทิศกำลังนั่งมองอยู่เล่นโทรศัพท์แบบเมื่อกี้ก็ดีแล้วแท้ๆ
“เธอนั่งมองหน้านับทำไม” ไม่ได้อึดอัดหรอกแต่เขาเกร็งจนทำอะไรไม่ถูก
“กลัวเธอไม่กิน”
“กินอยู่ไง”
“พี่อยากมองหน้าเธอ”
เข็มทิศหยอกราวกับไม่คิดอะไร “กินข้าวไปครับ”
นับเงินเม้มปาก
นัยน์ตาและน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่แสดงออกจริงจังยิ่งทำให้เขาไปต่อไม่ถูก
ไม่อยากกลับเข้ามาวนเวียนอยู่รอบตัวเพราะแบบนี้
อีกฝ่ายคิดอะไรอยู่เขาไม่มีทางได้รู้เลย ...แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมาเข้าใกล้เข็มทิศถึงระดับไหน
แต่ห้วงความรู้สึกหนึ่งพึงคิดเอาไว้เสมอ
นับเงินเล็ดลอดผ่านเข้าไปทางประตูหัวใจและถูกสกัดเอาไว้เพียงแค่นั้น
ไม่เคยได้ก้าวผ่านความเป็นเข็มทิศไปได้เลยสักครั้ง
หรืออาจเป็นเพราะเขายังพยายามไม่มากพอ
“นับอึดอัด” เขาจำต้องบอกอะไรต่างจากความคิด
มันกระอักกระอ่วนอยู่ในใจ แม้เคยกินข้าวร่วมโต๊ะกันบ่อยครั้งแต่การมานั่งมองหน้าแบบนี้คงไม่ใช่ทางที่ดีนัก
“พี่ต้องเว้นระยะห่างแค่ไหน”
“...”
“มันถึงจะพอดี
ไม่ให้เธอต้องอึดอัด”
เหตุใดนับเงินถึงได้กลายเป็นคนรู้สึกผิด
เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนผ่อนลมหายใจเจือจาง ท้ายแล้วส่วนลึกของหัวใจยังพ่ายแพ้ต่อคนตรงหน้า
นับเงินพ่ายแพ้ต่อเข็มทิศ
“เธอแค่ไม่มองหน้านับตอนกินข้าว”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแล้วละสายตาจากนับเงินเพื่อไม่ให้เกิดปากเสียงระหว่างเรา
เข็มทิศกดโทรศัพท์เข้าสู่โลกออนไลน์อีกครั้ง
ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณกินระยะเวลาประมาณสิบนาที
นับเงินกินข้าวจนเกือบหมด เหลือปริมาณหนึ่งที่คาดว่าจะไม่โดนเข็มทิศดุ
เจ้าของร่างเล็กลุกขึ้นแล้วตรงไปยังซิงค์ล้างจาน ข้าวของทุกอย่างภายในบ้านเขารู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน
เขายืนล้างจานโดยที่เจ้าบ้านไม่เข้ามาห้าม
เป็นอันรู้กันว่านี่คือนิสัยอย่างหนึ่งซึ่งเข็มทิศไม่อยากขัดใจ
นับเงินมักเป็นคนล้างจานหรือทำอะไรเองทุกครั้งเวลามารบกวน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงหมุนตัวกลับ
เจ้าของร่างสูงยังนั่งนิ่งไม่ขยับไหว เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหา
“เธอ” นับเงินเรียกเสียงเบาจนคนที่ก้มหน้าอยู่เงยขึ้นมองแล้วเลิกคิ้วเชิงสงสัยว่ามีอะไร
“ขอบคุณ ...ครับ”
“ครับ”
“นับจะเข้าไปหาแม่”
“ไปนั่งรอห้องรับแขกก่อน”
เข็มทิศยืดกายขึ้นเต็มความสูง ขยับปลายเท้าออกจากโต๊ะอาหารและห้ามไม่ให้น้องกลับเข้าไปยังห้องทำงานของคุณแม่
คาดว่าทั้งสองคนน่าจะยังคุยกันไม่เสร็จ
“แล้วเธอ?”
“จะให้พี่ตามไปนั่งด้วยหรือเปล่าล่ะ”
“บ้านเธอ
...จะทำอะไรก็เรื่องของเธอ จะไปทำงานก็ได้ นับ—”
“อยู่คนเดียวได้”
“อื้ม”
นับเงินเบือนหน้าหนีเพราะเข็มทิศดักทางได้เสียหมด คงเพราะมันเป็นไม่กี่คำที่เขาพูดใส่อยู่บ่อยๆ
ล่ะมั้ง “นับไปนั่งห้องรับแขกนะ”
“ครับ”
เจ้าของบ้านขานรับเหมือนไม่ใส่ใจ
ทว่าสายตามองตามแผ่นหลังภายใต้เสื้อยืดไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจเบาๆ
ก่อนเดินตามออกมา เข็มทิศควรก้าวขาขึ้นบันไดเพื่อกลับไปเคลียร์งานของตนเองภายในห้องมากกว่า
แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเดินตามนับเงินมาห้องรับแขกได้
“เธอไม่มีงานเหรอ”
“มี” เขาตอบเสียงเรียบและไม่ได้โกหกแต่อย่างใด “แต่ยังไม่อยากทำ”
“เธอมีเวลาที่ไม่อยากทำงานด้วยเหรอ
นับเพิ่งรู้” นับเงินถามติดประชดขณะหย่อนกายลงนั่งบนโซฟา
ริมฝีปากเบ้ลงเพราะตั้งแต่รู้จักมาคิดว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“เพิ่งมีความรู้สึกตอนเลิกกับเธอ”
“…” นับเงินชะงักเมื่อได้ยินคำตอบตรงไปตรงมา
ครู่เดียวเข็มทิศขยับเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าจนเขาหายใจสะดุด “อะ...อะไร”
“ทำไมช่วงนี้เธอดูงอแง”
“เพราะต้องมาทำงานกับเธอมั้ง”
เขาขานพลางช้อนสายตาขึ้นมอง ช่วงจังหวะนั้นสบตากันอีกครั้งและหนนี้เขาไม่อยากเป็นผู้แพ้จึงไม่หลบไปไหน
“แค่ทำงานด้วยกัน
มันมีอะไรยาก”
“นับไม่อยากอยู่ใกล้เธอ”
“เพราะเธอยังรักพี่ใช่ไหม”
คำถามเจาะจงจากถ้อยเสียงทุ้มต่ำทำให้เขาอึ้งจนไปต่อไม่ถูก
คำตอบของหัวใจคือใช่... เขายังรักเข็มทิศอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกความรู้สึกยังคงเป็นเหมือนเดิม
ทว่าคำตอบที่ปากเอ่ยตอบออกไปนั้นตรงกันข้าม
“นับไม่ได้รักเธอแล้ว”
“…”
“เหตุผลที่ไม่อยากทำงานด้วยเพราะนับไม่อยากเจอหน้า
ไม่อยากคุยกับเธอ แค่นี้เลยจริงๆ” นับเงินโกหกหน้าตาย
ความรู้สึกปวดหนึบก่อตัวขึ้นมา ตอนอีกฝ่ายกดยิ้มมุมปากเหมือนจงใจเยาะมันทำให้เขาคิดว่าคงแค่อยากเอาชนะ
นับเงินโดนเข็มทิศดึงให้ลุกขึ้นยืน
เราเผชิญหน้ากันตรงๆ ระยะห่างลดหลั่นจนแทบใกล้ชิด และร่องรอยความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้า
“ถ้าเธอบอกไม่รักพี่แล้ว”
“...ทำไม” นับเงินถามเสียงสั่น
สะกดความประหม่าเอาไว้เมื่อเข็มทิศเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้
...ใกล้เสียจนต้องกลั้นลมหายใจ นัยน์ตาคมแสดงแววดุดันและจริงจัง
สุดท้ายทนไม่ไหวจึงเบือนหน้าหนี
แต่คนที่รู้จักตัวเขาดีนั้นยกแขนขึ้นโอบรอบเอวก่อนกระชับใกล้ “เธอ!”
“งั้นตั้งกฎกันไหม”
“กฎอะไร” ถามเสียงขุ่น ไม่ได้อยากอยู่ในท่าทางแบบนี้สักเท่าไหร่เพราะกลัวใครต่อใครมาเห็นแล้วจะไปตีความกันผิดๆ
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
“ถ้ามาทำงานด้วยกัน...”
เข็มทิศกระซิบ เว้นช่วงจังหวะก่อนเงียบเสียง กดดันให้นับเงินหันกลับมามอง
เมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตาโกรธเคืองมาให้จึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“เธอ” นับเงินเรียกเสียงแผ่ว ริมฝีปากขบเข้าหากันทีละนิดเมื่อเข็มทิศบีบเอวคอดแล้วไล้ปลายนิ้วโป้งลูบวนเป็นวงกลมเชื่องช้า
“พี่ไม่ทำรุ่มร่ามกับเธอตรงนี้หรอก”
“แต่ตอนนี้เธอกำลังทำอยู่”
เขาพูดเสียงแข็ง
พยายามปรับระดับลมหายใจให้เป็นปกติแต่มันยากเหลือเกินกับการต้องมารับมือกับเข็มทิศ
“ถ้าเธอยังไม่พูด นับจะ—”
“เธอจะทำอะไรพี่ได้ครับ”
“นับเบื่อเธอจริงๆ”
เจ้าของเสียงติดหงุดหงิดพูดขึ้นมา
ใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความไม่สบอารมณ์แถมยังต้องยืนนิ่งเป็นหุ่นเพราะเขารู้ว่าเข็มทิศทำอะไรได้บ้าง
“รีบๆ พูดมา นับไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าเธอกำลังทำตัวไม่เป็นผู้ใหญ่”
“ห่วงเหรอ?” เข็มทิศถามติดหัวเราะ เขาสนใจใครที่ไหนล่ะ หากเห็นแล้วอยากจะเอาไปพูดอะไรก็เชิญ
“เธอ” นับเงินเรียกเสียงขุ่นเพราะชักหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
“รู้เรื่องครับ”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อภารกิจของตนเสร็จสิ้น
ทำให้นับเงินหงุดหงิดได้ถือเป็นความชอบใจ
เขาปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระแล้วทบทวนเรื่องที่พูดคุยเมื่อครู่อีกครั้ง “เธอบอกว่าไม่รักพี่แล้วใช่ไหม”
“ใช่”
“งั้นเธอ...”
“อะไร”
“อย่าเผลอมารักพี่อีกครั้งแล้วกัน”
“…”
“มันเป็นกฎของพี่ หวังว่าเธอจะทำได้”
เข็มทิศวางมือลงบนศีรษะของเขา
ลูบไล้แผ่วเบาสามสี่ครั้งก่อนผละออกไป นับเงินทิ้งตัวลงนั่งราวกับคนหมดแรง
ถ้อยเสียงทุ้มยังวนเวียนชัดในโสตประสาท
สัมผัสอบอุ่นเมื่อครู่ยังคงอยู่จนทำให้ขอบตาร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่มีหรอกกับการเผลอไปตกหลุมรักอีกครั้ง
เพราะเขา...
ไม่เคยเลิกรัก
tbc
ร้ายกาจ คำเดียว พี่เข็มอะนะ เธอทำแบบนี้ใครจะลืมเธอได้ก่อนนนนน /ฟาดหลัง
ความคิดเห็น