ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIN FICTION

    ลำดับตอนที่ #3 : ‒ sf ; Now Is Good (Namjoon & Yoongi)

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 60


    Title : Now Is Good

    Rate : PG - 15

    Author : JOREN'z

    Talk : อยู่ดีๆโมเม้นต์นี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว มีคนบอกว่าอยากเห็นยูนกิที่มาแมนๆห้าวๆ ก็รู้สึกว่ายูนกิแมนได้แค่นี้ค่ะ 55555555555

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ตุ้บ! ตั้บ! ตั้บ!

     

     

    เสียง เหมือนอะไรซักอย่างกำลังถูกกระทำชำเราอย่างรุนแรงดังขึ้น รบกวนความสงบสุขในยามเช้าของมหาวิทยาลัย ตามด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวกและเสียงฝีเท้าสองคู่ที่วิ่งไล่กวดกันมา ... นี่มหา'ลัยนะเนี่ยไม่ใช่ช่างกล ..

     

     

    "หรือว่ามันไม่จริงล่ะพี่"

    "อยากตายใช่มั้ย!!??"

    "เห้ย ... พี่อย่าเตะผม!"

    "ไปไกลๆตีนกูเลยนะ จอนจองกุก! ถ้ายังไม่เลิก คราวหน้าพ่อจะอัดให้กลับบ้านไม่เป็นเลย"

     

     

    .

     

     

    .

     

    .

     

    โครม !

     

     

    "ไอ้เชี่ยยย มึงดึงเก้าอี้กูทำไมเนี่ยโฮซอก"

    "ก็กูจะนั่ง"

    "สัด!"

     

     

    จอง โฮซอก ยักไหล่ไม่ระแคะระคายกับคำด่าเบสิคๆของ คิมซอกจิน เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังตะกายกลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้อีกตัวข้างๆเขา พลางบ่นปนจิกด่าเพื่อนตัวยาว แต่คนโดนจิกกัดหาสนใจไม่ กลับหันหน้าไปทางเพื่อนซี้อีกคนที่กำลัง โยกหัวไปตามจังหวะเพลงที่ฟังอยู่อย่างเมามัน ไม่ได้สนใจโลกภายนอก

     

     

    "นัมจุน.."

    "....~~~"

    "ไอ้นัมจุน"

    "...~...~~"

    "ไอ้สันขวานนัมจุน!"

     

     

    เมื่อ ความพยายามเรียกครั้งแรกและครั้งที่สองไม่ได้ผล โฮซอกจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปากแทบจะแดกหูเพื่อน ตะโกนเรียกคนมีโลกส่วนตัวเสียสุดเสียงจนคนอื่นๆในห้องหันมามอง ส่วนคนถูกเรียกก็แทบสะดุ้งตกเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งโยกสองขาอยู่ ถ้าคว้าขอบโต๊ะไว้ไม่ทันล่ะคงได้สวัสดีตอนเช้ากับพื้นห้อง

     

     

    "เป็นเหี้ยไรชอบทำคนตกเก้าอี้วะ"

    "เรื่องของกู"

    "เอ่าสัด"

     

     

    ซอก จินอยากจะยกเก้าอี้ฟาดปากไอ้คนใฝ่ส้นเท้าซะให้เงิงยุบ เสียงหัวเราะดังเย้ยเบาๆจากคนที่เพิ่งหวิดจากการทักทายพื้นห้อง ทั้งๆที่ตัวเองโดนแกล้งยังจะมาหัวเราะเยาะเขาอีก คิมซอกจินล่ะไม่เข้าใจคนหน้าตาไม่ดี แต่ก่อนที่จะได้เกิดสงครามระหว่างเพื่อนซี้ คิมนัมจุนก็ถามขึ้นขัดทัพไว้เสียก่อน

     

     

    "แล้วมึงมีเรื่องอะไรมากวนกูแต่เช้า"

    "เออใช่... พวกมึงรู้เรื่อง ..."

    "เรื่องชาวบ้าน"

    "พ่อมึ งเป็นแปลงขัดส้วม ? ขัดกูจังห่า"

    "มึงเป็นส้วม?"

     

     

    คราว นี้คิมซอกจินหัวเราก๊ากจนแทบหงายหลังเสียเอง ส่วนคนที่ว่าตัวเองเป็นส้วมก็ได้แต่นั่งกัดฟันกรอดๆคาดโทษเพื่อนปากห้อยเอา ไว้ก่อน ก่อนจะเริ่มเล่าข่าวเด็ดที่เพิ่งจะทำหูดีได้ยินมาจากหน้าห้องให้เพื่อนฟัง

     

     

    "ไอ้จองกุกโดนไล่เตะอีกแล้วว่ะ"

    "ใครไล่?"

    "จะมีใคร ก็ ... "

    "กูเอง"

     

     

    ชายหนุ่มทั้ง 3 ที่นั่งหันไปมองผู้มาใหม่ที่ไม่รู้มายืนพิงโต๊ะกอดอกอยู่เงียบๆตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนที่คนตัวขาวจะย้ายตัวเองมานั่งบนโต๊ะเรียนแทน

     

     

    "หนนี้มึงไล่เตะมันทำไม?"

    "เรื่องมันยาว"

    "กูพร้อมฟัง"

    "กูขี้เกียจเล่า"

    "กูอยากรู้อ่ะ"

    "ขี้เสือ ก"

     

     

    พูด เพียงเท่านั้นก่อนจะไปลากเก้าอี้มานั่งลงข้างนัมจุน ฉวยเอาหูฟังข้างที่เพื่อนปากห้อยมันไม่ได้ฟังอยู่มายัดใส่หูตัวเอง แล้วฟุบลงไปกับโต๊ะไม่สนใจเสียงตะแง้วๆของจองโฮซอกที่ตื้อจะรู้เรื่องให้ได้ จนทุกเสียงในห้องเงียบลง เป็นสัญญาณว่าอาจารย์เข้ามาในห้องแล้ว ก็ถึงเวลาหลับยาวของคนตัวขาว

     

     

    "จดเลคเชอร์ให้กูด้วยนะนัมจุน"

     

     

    นัม จุนที่พอเห็นอีกคนหลับไปแล้ว ก็หยิบสมุดกับดินสอขึ้นมาเตรียมจดเลคเชอร์ในวิชานี้ตามหน้าที่ที่มินยูนกิ ยัดเยียดมาให้ พวกเขาเลือกที่นั่งหลังสุด มุมสุดที่ไม่อยู่ในระยะสายตาของอาจารย์แถมยังมีโฮซอกกับซอกจินนั่งบังเอาไว้ อยู่ มินยูนกิถึงกล้าหลับได้อย่างอุกอาจเช่นนี้

     

     

    เป็นแบบนี้ประจำ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนมากขนาดจะตั้งใจฟังคำบรรยายน่าเบื่อได้ตลอด2-3ชั่วโมงหรอก แต่เพราะเพื่อนตัวเล็กบอกให้ทำคิมนัมจุนถึงได้ทำ

     

     

    ระหว่าง ที่อาจารย์หันหลังกลับไปจดอะไรยุกยิกบนกระดาน นัมจุนก็หันหน้าไปมองคนตัวขาวที่พลิกตัวเปลี่ยนข้างหันหน้ามาหาเขา มุมปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเสียบหูฟังอีกข้างที่เขาฟังอยู่ให้อีกคน แทนแล้วหันไปสนใจตาลุงหัวหงอกพูดพร่ำเกี่ยวกับประวัติศาตร์อะไรซักอย่างที่ นัมจุนเพิ่งจดมันลงไปในสมุดเมื่อกี้นี้

     

     

    "งืม..ห่า...อยากตายใช่มั้ยห้ะ จอนจองกุก"

     

     

    เสียง ห้าวละเมอเบาๆ เรียกให้คนที่นั่งข้างๆหัวเราะออกมา เด็กที่ชื่อจองกุกนั่นไม่ได้เพิ่งโดนยูนกิไล่เตะเป็นครั้งแรก ต้องถามว่าครั้งที่เท่าไหร่แล้วมากกว่า แต่ดูเจ้าตัวแสบก็ยังไม่เข็ดเสียที ถึงได้ชอบเข้ามากวนส้นเท้ามินยูนกิอยู่เรื่อย

     

     

    คราว นี้นัมจุนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เดี๋ยวพออารมณ์ดียูนกิก็จะเล่าให้เขาฟังอย่างทุกครั้ง เล่าไปก็ด่าไป ตัวก็เล็กแค่นี้แต่นิสัยห้าวๆของยูนกิมันไม่ได้เข้ากันเลยซีกนิดเดียว เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ที่จะเปลี่ยนไปก็คงมีแต่นัมจุน ... มินยูนกิว่าอย่างนั้นน่ะนะ

     

     

    "กลับบ้านเว้ยๆๆ"

    "เห้ยพวกกูไปก่อนนะ วันนี้กูต้องคิลมึงให้ได้โฮซอก"

    "สกิลมึงไม่ได้ครึ่งกูหรอก กากซอกจิน"

     

     

    เสียง ของโฮซอกดังมาขัดความคิดเอาไว้ หันไปพยักหน้ารับรู้ แล้วกลับมามองคนข้างๆอีกครั้งไม่รู้ว่าเหม่อไปนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว คนข้างๆยังคงหลับสนิท มือหนาจึงเอื้อมไปเขย่าตัวปลุกเพื่อนขี้เซาเบาๆ

     

     

    "ยูนกิ เลิกเรียนแล้ว กลับบ้านเว้ย"

    "หื้อ? .. เลิกแล้วหรอ?"

     

     

    คน ตัวขาวเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ ถามทั้งที่ตายังไม่ลืม ก่อนจะยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจอ้าปากหาวหวอดจนจะแดกโลก นั่งหน้ามึนมองเพื่อนตัวสูงที่เดินมาดึงหูฟังจากหูของเข้าไปข้างหนึ่ง แล้วเกี่ยวคอเขาให้เดินตามออกไป

     

     

    นัมจุนกับยูนกิก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ... ล่ะมั้ง

     

     

    คนตัวขาวนั่งซ้อนท้ายจักรยานที่มีคิมนัมจุนเป็นคนถีบเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน มินยูนกิเหม่อมองแผ่นหลังของเพื่อนตัวสูง ในหัวก็คิดแต่เรื่องสมัยก่อนตอนที่เขากับนัมจุนยังเป็นแค่เด็กประถมไร้ เดียงสา ... คิมนัมจุนไม่ได้เป็นอย่างนี้สักหน่อย ไม่แม้แต่นิดเดียว ...

     

     

    "แล้วตกลงว่าวันนี้มึงไล่เตะจองกุกมันทำไม ?"

     

     

    เสียง ทุ้มถามขึ้น ดึงให้สติของยูนกิกลับสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ใบหน้าคมเบนมาหาเขาเล็กน้อย พอให้ได้ส่งสายตาขอคำตอบที่ต้องการจากเพื่อนตัวขาวก่อนจะหันกลับไปมองทาง ขาก็อย่างปั่นจักรยานคันเก่งไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน ส่วนเจ้าตัวที่พอนึกถึงเรื่องที่ไอ้เด็กนั่นพูดก็พาลหน้าบูดขึ้นมาอีก

     

     

    "จองกุกแม่ ง ... พูดจาอะไรไม่เข้าหู หาว่ากูเป็นแฟนกับมึง..."

    "หื้ม? ฮ่าๆๆๆๆ ทำไมคิดงั้นล่ะ ? โอ้ย ไอ้เด็กบ้า"

    "ใช่มั้ยล่ะ!? มันบอกว่าก็เห็นกูอยู่แต่กับมึง ไม่เห็นมีใครที่ไหน"

    "มันก็จริงของเด็กนั่นนะ"

    "อ้าว"

    "หึ"

     

     

    ร่างสูงเผยรอยยิ้มกริ่มที่อีกคนไม่มีวันได้เห็น คิมนัมจุนรู้ดีที่สุดว่ามินยูนกิเกลียดการโดนมองว่าตัวเองเป็นเพศที่ 3 ขนาดไหน แต่เขาไม่รู้สาเหตุหรอกนะ รู้แค่ว่าคนตัวขาวเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกอย่างโรยตัวอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จนยูนกิเป็นฝ่ายถามขึ้นมา ให้คนถูกถามขมวดคิ้วกับคำถามแปลกๆ

     

     

    "นัมจุน ... ทำไมมึงถึงเปลี่ยนไป"

    "เปลี่ยนยังไง?"

    "ก็ตอนเด็กๆมึงไม่ใช่แบบนี้อ่ะ กูรู้สึกได้ กูจำได้ มึงเปลี่ยนไปมากด้วย"

    "คิดงั้นหรอ?"

    "ก็เออน่ะสิ! เด็กชายนัมจุนที่ชอบสีชมพู ติดตุ๊กตาเป็ด แล้วก็คำพูดคำจาที่มันสุภาพอ่ะ ไปไหน? ไปไหนหมด?!"

     

     

    ถึง จะไม่เห็นสีหน้าของมินยูนกิในตอนนี้ แต่ดูจากน้ำเสียงแล้ว เค้าคิดว่ามันต้องตลกมากแน่ๆ เสียงทุ้มหัวเราะร่วนกับคำถามกึ่งโวยวายของอีกคน ขายาวออกแรงปั่นจักรยานขึ้นไปบนสะพานข้ามคลองเล็กๆที่ผ่านเป็นประจำ ก่อนจะหยุดรถไว้ที่ยอดสะพานให้คนซ้อนท้ายมองมาเป็นเชิงถาม แต่ก็ได้เพียงรอยยิ้มกลับมาเท่านั้น

     

     

    "มึงชอบแบบเหมือนก่อนหรอ?"

    "มันก็..."

    "อยากให้กูกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรอ?"

     

     

    นัม จุนลุกขึ้นจากจักยานคันเก่ง ทำให้ยูนกิต้องประคองมันไว้ ขาเล็กเกี่ยวขาตั้งลงก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงกึ่งนั่งกึ่งยืนที่กับที่ซ้อน ท้าย แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีคิมนัมจุนก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว แม้ว่าสีหน้าจะเรียบเฉย แต่แววตาคมคู่นั้นก็ทำให้มินยูนกิต้องหลุบต่ำหนีอยู่เสมอ

     

     

    จะ ตอบยังไงว่าไม่อยากอ่ะ... ชอบแบบนี้ .... มากกว่า ชอบคิมนัมจุนคนดิบเถื่อนในสายตาคนอื่น แต่สำหรับมินยูนกิเขารู้สึกว่าเขาจะปลอดภัยหากอยู่กับคนคนนี้ แม้ถ้อยคำที่พูดกันจะไม่สุภาพเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้จูงมือกันไปไหนมาไหนตลอดเวลา แต่พวกเขาก็ไม่เคยห่างกัน

     

     

    "แล้วทำไมมึงถึงเกลียดนักเวลาคนเขาหาว่ามึงเป็นเกย์"

     

     

    ร่าง สูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วโน้มตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับคนตัวขาว ทำให้อีกฝ่ายที่ถูกจ้องต้องสบสายตาที่กำลังเค้นเอาคำตอบจากเขา กลีบปากสีอ่อนเม้มเข้าหากันอย่างไม่มั่นใจ อ้าขึ้นเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา

     

     

    "กูแค่กลัวความจริงไง"

    "..."

    "กลัวว่าถ้ามึงรู้จะเปลี่ยนไปอีก"

    "..."

    "กลัวมึงจะเกลียดกูว่ะ"

    "..."

    "ถ้ามึงรู้ว่า ... กูอยากให้สิ่งที่จองกุกพูดเป็นเรื่องจริง"

     

     

    มิ นยูนกิก้มหน้างุด เม้มปากแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองว่าเพื่อนสนิทมีสีหน้ายังไง ในอกสั่นไหวไปหมด ราวกับว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ปากเหว เพียงแค่ถ้ามีคนมาฉุดเขาไว้เขาก็จะรอดชีวิต แต่ถ้าไม่มีซ้ำยังผลักให้เขาตกลงสู่ก้นเหวที่ไม่รู้ว่าลึกเท่าไหร่  กลัวเหลือเกินว่าคนคนนั้นจะเป็นคิมนัมจุน

     

     

    เงา ของร่างสูงที่เคยทาบทับร่างขาวผละห่างออกไป แสงอาทิตย์ของยามเย็นในฤดูใบไม่ร่วงฉาบให้น้ำคลองใสกลายเป็นสีส้ม แสงสว่างลูกกลมๆกำลังลาลับฟ้าไปอย่างช้าๆ คิมนัมจุนยืนล้วงกระเป๋าหันหลังให้เขา แผ่นหลังกว้างนั่นที่เขามองมันตลอดมา ... อยากลองกอดจากข้างหลังดูสักครั้ง

     

     

    "ครั้งนึงกูเคยบอกกับมึงว่ากูอยากเป็นเจ้าบ่าวของมึง"

    "มึงจำได้...?"

    "ตอนนั้นถึงกูจะยังเด็ก แต่กูก็บอกด้วยความรู้สึกจริงๆของกูนะ"

    "..."

    "กูแค่อยากเป็นคนที่ปกป้องมึงได้ เป็นคนที่มึงเชื่อใจได้ แล้วก็เป็นแค่คนเดียวที่ได้อยู่ข้างมึง"

    "..."

    "กูไม่เคยเปลี่ยนไปหรอกนะยูนกิ ... ไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากมึง"

     

     

    นัม จุนรู้สึกได้ถึงแรงสวมกอดจากด้านหลังของเขา แขนขาวโอบรอบเอวเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับหัวกลมๆที่แนบซุกอยู่กับแผ่นหลังของเขาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ผ่อนออกมาหนักๆของอีกฝ่าย ดูก็รู้ว่ามินยูนกิกำลังเขินขนาดไหนที่ทำแบบนี้ มือหนาเลื่อนขึ้นจับแขนบางๆของเพื่อนสนิทไว้เบาๆ รอยยิ้มบางๆวาดขึ้นบนใบหน้าคม

     

     

    "ยังอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมมั้ย?"

    "..."

    "หรือว่าอยากเป็นแบบที่จองกุกบอก?"

    "..."

     

     

    แรงกอด รัดที่ช่วงเอวแกร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คนตัวขาวคงไม่รู้ว่าคิมนัมจุนกำลังพยายามกลั้นยิ้ม มินยูนกิคนโหดสัดในสายตาประชาชี อ่อนลงมากมายขนาดไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าคิมนัมจุน ไม่มีใครรู้หรอกมินยูนกิต้องรวบรวมความกล้ามากมายแค่ไหน

     

     

    "ถ้าเป็นเหมือนเดิม มันคงไม่เข้ากับหนังหน้ามึงตอนนี้หรอก"

    "ฮ่ะ ..."

    "แต่ถ้าเป็นแฟนกันแล้วเกิดเลิกกันขึ้นมา มันคงมีปัญหายันวันสิ้นโลกเลยล่ะ"

    "มึงนี่ ..."

    "เป็นแบบนี้ล่ะ ... ดีแล้ว"

    "หึ"

     

     

    นัม จุนขำเบาๆกับคำพูดที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลยของคนตัวขาว แต่น่าแปลกที่มันทำให้เขาใจเต้นได้ ยิ่งกว่าเวลาที่มีสาวๆมาสารภาพรักกับเขาเสียอีก นัมจุนผละออกจากอ้อมแขนของเพื่อนตัวเล็กแล้วเดินไปนั่งอยู่บนราวสะพาน มองอีกคนเป็นเชิงให้เดินตามมา ซึ่งยูนกิก็ทำตามแต่โดยดี

     

     

    "มึงจะเปลี่ยนไปอีกมั้ยนัมจุน"

    "ถามตัวมึงเองสิ"

    "กูจะไปรู้มั้ยล่ะ กูไม่ใช่มึงนะ"

    "แต่ที่กูเปลี่ยนไป ก็เพราะมึง"

     

     

    มิ นยูนกิกระพริบตาปริบๆอย่างไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่เม้มๆเลียๆปากกับความรู้สึกประหม่าที่เพิ่งเกิดขึ้นให้นัมจุนได้ หัวเราะอีกครั้งพลางจ้องมองจนยูนกิต้องหลบสายตาไปอีกครั้ง ลมเย็นๆของฤดูใบไม้ร่วงพัดพาให้ใบไม้หลากสีปลิววนผ่านร่างกายของพวกเขาไป

     

     

    "โอ้ะ ดูใบไม้ใบนี้สิ"

     

     

    มือ กว้างเอื้อมมาหยิบใบไม้สีส้มใบหนึ่งที่ติดอยู่บนกลุ่มผมสีน้ำตาลแดงมาถือไว้ ตรงหน้ามินยูนกิ แต่ยังไม่ทันที่คนตัวขาวจะมองได้เต็มตา มือซนๆของอีกคนก็แกว่งใบไม้ไปมา ล่อความสนใจของเพื่อนตัวเล็กเหมือนล่อลูกแมวด้วยเชือกไหมพรม

     

     

    จน ใบไม้ใบน้อยในความสนใจของมินยูนกิหยุดลงตรงหน้า แต่กลายเป็นดวงตาคู่คมที่ดึงสติให้กลับมารู้ตัวว่า ในตอนนี้ใบไม้เหยื่อล่อนั้นมีหน้าที่กั้นลมหายใจของนัมจุนไว้ไม่ให้เป่าลง ที่แก้มเขา แต่ไม่นานลมหายใจอุ่นๆก็ปะทะเข้าที่ข้างแก้มเมื่อมือกว้างละออกให้ใบไม้สี สวยพ้นทาง

     

     

    "ไม่ต้องคิดมากหรอก ... ที่เป็นอยู่แบบนี้ก็ดีที่สุดแล้ว"

     

     

    เสียง ทุ้มต่ำพูดเพียงเบาๆ แต่ช่างหนักแน่นในความรู้สึก ใบหน้าคมแต้มยิ้มอย่างที่ไม่ได้เห็นมันบ่อยนัก  ไม่รู้ว่าร่างสูงยืนขึ้นและโอบเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นัยตาสีสนิมที่มองมากำลังสะกดให้มินยูนกิทำได้เพียงปรือตาลงช้าๆ ระยะสายตาเห็นเงาของนัมจุนย้อนแสงสีส้มจางของอาทิตย์ที่กำลังลาขอบฟ้ากำลัง โน้มลงมา

     

     

    ริม ฝีปากอุ่นทาบทับลงมาแผ่วเบา เหมือนใบไม้สีสวยที่ถูกปล่อยให้ร่วงลงสู่พื้นดิน เพียงวูบเดียวที่ผละออกให้สายลมแทรกผ่านไป มือกว้างทาบประคองแก้มใสแล้วโน้มลงประทับจูบอีกครั้ง ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยโหนกแก้มใสเล่นขณะที่ริมฝีปากงับและดูดดึงกลับปากนิ่ม เบาๆ ถะนุนถนอม และอ่อนโยน ไม่มีการรุกล้ำจาบจ้วง แต่ในสัมผัสนั้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่นัมจุนกับยูนกิรู้ดี ...

     

     

    ตอนนี้ทุกอย่างดีที่สุดแล้ว

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    NEVER END

     

     

     

     

    เขินบุง -//////////-

    ไรท์คนนี้นี่คือ ชอบแต่งฟิคที่ไม่มีสาระสาระอะไรเลย ถถถถถถถถถ

     

    จริงๆหมกไว้นานแล้ว แต่เพราะว่าวายฟายที่บ้านพิการมากและเพิ่งซ่อมได้

    เลยเพิ่งได้ฤกษอัพวันนี้แหละเจ้าค่ะ 5555555555

    ขอโทษที่หายไปนานเลยนะคะรีดเดอร์ที่เคารพ .ก้มลงกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์.

    ถึงห้องฟิคห้องนี้จะไม่ค่อยมีคนหลงเข้ามา แต่ก็ยังมีรีดที่รอคอย(?)การอัพของไรท์

    และคนที่หลงเข้ามาใหม่ด้วย

    ขอบคุณมากนะคะ <3

    @JORENZz #แฟนคนแมน

    เลิ้บยูออลมาเบเบ้ ~

     

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×