ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ฮอร์ครัชชิ้นสุดท้าย (ปี7)

    ลำดับตอนที่ #4 : ลางสังหรณ์ของลอร์ดโวลเดอมอร์

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 48


           ไกลออกไปหลายร้อยไมล์ กลุ่มคนประมาณสี่ถึงห้าคน กำลังห้อมล้อมกันอยู่ เพื่อถกเถียงอะไรบางอย่าง

           “อธิบายมาสิ” เสียงเยียบเย็นเสียงหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาจากร่างใต้ผ้าคลุมที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้คร่ำคร่าตัวหนึ่ง ภายในห้องโถงที่ดูเก่าคร่ำคร่า ของตกแต่งทั้งหลายในห้องดูเหมือนจะผ่านเวลามาแรมปีจนมันทนไม่ได้ รูปบางรูปที่แขวนอยู่บนผนังมีรอยแตก และใยแมงมุงชักอยู่โยงใยไปทั่วเพดานห้อง เตาผิงที่อยู่ด้านขวาของเก้าอี้ปะทุไฟแตกดังเปรี๊ยะประ ซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่ส่องเข้ามาถึงกลุ่มคนที่รายล้อมอยู่ในห้องเก่า ๆ เช่นนี้ เบื้องร่างเจ้าของเสียงเยียบเย็นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น ปรากฏร่างของงูตัวเมียตัวหนึ่ง กำลังเลื้อยพันขาเก้าอี้อยู่ สายตาของมัน จับจ้องไปที่ร่างที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านหน้าเจ้านายของมันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ อย่างไม่วางตา ราวกับรอคอยให้เจ้านายของมันสั่งให้มันจัดการกับเหยื่อพิพากษาอันโอชะนี้เสีย

           “ครับ” เสียงเยียบเย็นอีกเสียงหนึ่งตอบ แต่เป็นเสียงที่นุ่มนวลกว่าเสียงแรกที่ดูโหดร้ายไร้ความปรานี

    เสียงของเซเวอร์รัส สเนป

           “ถ้าเหตุผลของเจ้าฟังไม่ขึ้นละก็ เจ้าคงรู้แล้วละนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ลอร์ดโวลเดอมอร์เอ่ยออกมาจากบนเก้าอี้นั่ง พลางจ้องมองผู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่วางตา ด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์

           “แก เสนป แก ไอ้คนชั่ว ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน แกฆ่าลูกชายฉัน” นาซิสซากรีดร้อง

           “เรื่องนี้ฉันอธิบายได้” สเนปบอก

           “แก ไอ้กากเดนมนุษย์ ไอ้ - -” ยังไม่ทันพูดจบ ลอร์ดโวลเดอมอร์ก็ขัดขึ้น “หุบปากเสีย นาซิสซา แกไม่อยากฟังเหตุผลของมันหรือ ถ้าไม่อยากฟังก็เชิญออกไปแหกปากเสียข้างนอก อย่าทำให้ข้ารำคาญ มิฉะนั้นละก็ - -”

           โวลเดอมอร์ทิ้งท้ายอย่างเยือกเย็น พลางตวัดหางตาโหดเหี้ยมราวกับตางูสีแดงฉานไปมองนาซิสซา เพียงเท่านี้ เธอก็เงียบกริบทันที

           “อธิบายมา” เขาหันกลับไปมองสเนป

           “เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่พวกเรากลับมาจากฮอกวอตส์ หลังจากภารกิจที่ข้าจัดการสังหารตาเฒ่าดัมเบิลดอร์แทนมัลฟอยแล้ว ข้าก็พามัลฟอยหนี จากผู้มือปราบมาร และสมาชิกของภาคีนกฟีนิซ์มาอย่างรวดเร็ว” สเนปหยุดพัก

           “แล้วทำไมเจ้าถึงต้องฆ่าตาเฒ่าดัมเบิลดอร์แทนมัลฟอย ถ้าไม่ทำอย่างนั้น เจ้าก็จะยังอยู่สืบข่าวของภาคีนกฟีนิกซ์ให้ข้าได้ต่อไปอีก” โวลเดอมอร์ถาม

           “เป็นเพราะว่า ก่อนที่ข้าจะไปถึงสถานที่ที่พวกเขาอยู่กันนั้น ตาเฒ่าได้พูดจาเกลี้ยกล่อมมัลฟอย จนเกือบจะสำเร็จ แต่โชคช่วย ยังดี ที่พลพรรคผู้เสพย์ความตายของท่านสี่คนไปถึง และช่วยพูดให้มัลฟอยคิดได้ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าดัมเบิลดอร์ออกไปแล้ว เขาเชื่อลมปากของชายแก่ ๆ ที่ไร้อำนาจเสียสนิท หลงคิดว่าตาเฒ่านั่นยังมีอำนาจเหลืออยู่มากมายเสมือนสมัยยังหนุ่ม ดีที่ผู้เสพย์ความตายไปถึง และเสกคาถาเกราะมืดไว้ได้ เกราะที่ท่านคิดขึ้น ซึ่งมันจะปล่อยให้ผ่านเข้ามาแต่ผู้ที่มีตรามารสลักอยู่บนร่างกายเท่านั้น นั่นช่วยได้มาก - - มีสมาชิกภาคีบางคนมาถึงก่อนข้า แต่ทว่าถูกเกราะนั้นสะท้อนกลับไป ทำให้ผ่านขึ้นไปบนหอคอยไม่ได้ เมื่อข้าไปถึง ข้าจึงจัดการสังหารดัมเบิลดอร์แทนมัลฟอยเสีย - - นี่อาจจะเป็นความผิดของข้าด้วยก็ได้ เพราะเมื่อข้าไปถึง ความโกรธและความเกลียดที่ข้ามีต่อตาแก่นั่นมาตลอดไม่สามารถทำให้ข้าหยุดมือไว้ได้เมื่อมีโอกาส ถึงตาแก่นั่นจะเคยช่วยให้ข้าพ้นอัซคาบันมาครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่เพียงพอหรอก ที่จะทำให้ไฟแค้นในตัวของข้าดับมอดลงได้”

           “เอาเถอะ สเนป ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่ได้กล่าวโทษเจ้าเรื่องนี้ เราไม่ได้มาที่นี่วันนี้กันเพื่อมาถกเรื่องการสังหารตาแก่ไร้มันสมองหมดน้ำยาคนหนึ่ง แต่เรามาที่นี่ เพื่อสอบถามเจ้า เกี่ยวกับการสังหารเด็กหนุ่มมีอนาคตที่อาจจะมาช่วยข้าในวันหน้าได้ การที่เจ้าสังหารมัลฟอย” ลอร์ดโวลเดอมอร์ถาม

           “ขออภัย แต่ที่ข้าพูดถึงเรื่องนี้ เพราะว่าทุกอย่างเริ่มที่เรื่องนี้ - - หลังจากที่กลับมากไม่นาน มัลฟอยก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องในบ้านของเขา มีข้าคอยดูแลอยู่ เพราะว่านาซิสซาต้องคอยช่วยท่านเริ่มแผนการใหม่ของท่าน ข้าต้องคอยดูแลมัลฟอย ตามคำสั่งของนาซิสซาและท่าน - - แต่มัลฟอยไม่พูดอะไรกับข้าเลยสักคำ ข้านำอาหารไปให้ก็ไม่ยอมทาน ดูเหมือนว่ามัลฟอยจะคิดอะไรอยู่ในใจตลอดหลังจากกลับมา - - วันรุ่งขึ้น ข้านำอาหารไปให้เขาในห้องส่วนตัวเหมือนกับปกติ แต่ทว่า เมื่อข้าเปิดประตูเข้าไป กลับพบว่า ลำแสงสีส้มพุ่งมาที่ข้า มัลฟอยเสกคาถาใส่ตัวข้านั่นเอง ข้าเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ถาดอาหารที่ข้าถือมาด้วยแตกกระจายเพราะความตกใจ ข้าพุ่งตัวเข้าไปในห้อง ยึดแขนของมัลฟอยไว้ แล้วถามว่า ทำไมถึงทำอย่างนี้ มัลฟอยปากแข็ง พยายามจะเสกคาถาใส่ข้าอีก แต่ไม่สำเร็จ เพราะแขนที่ถือไม้กายสิทธิ์ของเขาถูกข้ากดเอาไว้แน่น ข้าจึงลองไช้การพินิจใจกับมัลฟอย ทำให้รู้ว่า มัลฟอยคิดจะไปอยู่ฝ่ายภาคีนกฟีนิกซ์ เมื่อสักครู่เขาคิดจะสะกดนิ่งข้าและหนีไป แต่ทว่าเขาทำไม่สำเร็จ ข้าพยายามจะพาตัวมาให้ท่าน แต่เขาขัดขืน ข้าจึง - -”

           “เจ้าก็เลยสังหารเขา” โวลเดอมอร์เอ่ย

           “ครับ” สเนปตอบรับ

           “ถ้าทุกสิ่งที่เจ้าเล่ามาเป็นเรื่องจริงละก็ ข้าก็สามารถให้อภัยเจ้าได้ แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เจ้าเล่าเป็นเรื่องจริง” ลอร์ดโวลเดอมอร์ถาม

           “อย่างที่ท่านและทุกคนที่นี่รู้ ข้าเป็นผู้ที่สำเร็จในวิชาการสกัดใจขั้นสูงสุด จึงไม่สามารถมีใครใช้วิธีการพินิจใจกับข้าได้ หรือแม้กระทั่งสัจจะเซรุ่ม และคำสาปสะกดใจก็ตาม - - แต่ถึงกระนั้น ความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อท่านจะเป็นข้อพิสูจน์ ขึ้นอยู่กับท่านแล้วตอนนี้ ว่าท่านจะเชื่อใจข้า และเห็นการจงรักภักดีต่อท่านได้ในอนาคต หรือว่าฆ่าข้าเสียตอนนี้ เพื่อที่จะหมดลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ยอมทำทุกอย่าง และจริงใจต่อท่านไปอีกหนึ่งคน” สเนปพูดให้ทางเลือกแก่โวลเดอมอร์ ใจของเขาเต้นตุบตับ และรอ ท่ามกลางความเงียบ แม้แต่เสียงสะอื้นที่คิดว่าน่าจะออกมาจากนาซิสซาที่บัดนี้เริ่มร้องไห้แล้ว ก็ยังไม่มีเล็ดลอดออกมาก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ลอร์ดโวลเดอมอร์ใช้ความคิด

    เกิดความเงียบอันยาวนาน ระหว่างที่โวลเดอมอร์นั่งเท้าคางใช้ความคิดอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าคร่ำคร่า ท่ามกลางสายตาของผู้เฝ้ามอง นากินีส่งเสียงขู่ดังฟ่อ ขณะที่สายตาของโวลเดอมอร์จับจ้องอยู่ที่สเนปอย่างไม่กระพริบตา และแล้ว

           ความเงียบอันยาวนานก็สิ้นสุดลงด้วยเสียงเยียบเย็นของโวลเดอมอร์ “เอาละ ข้าเชื่อใจเจ้า อย่างน้อยเจ้าก็ได้กำจัดดัมเบิลดอร์ อันเป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าจะจงรักภักดีต่อข้า และการตายของมัลฟอย ข้าเชื่อเจ้า ถือว่าเกิดจากความโง่ของมันแล้วที่คิดจะเข้าอยู่กับฝ่ายดัมเบิลดอร์ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ฆ่ามันเสียตอนนี้ สักวันเมื่อมันได้อยู่กับอีกฝ่าย สักวันมันก็จะถูกข้าหรือเหล่าผู้เสพย์ความตายสังหารมันอยู่ดี”

           สิ้นเสียงของโวลเดอมอร์ นาซิสซาก็ปล่อยโฮออกมา พลางวิ่งออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาที่จับจ้องเธอ

           “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวก่อนละท่าน” สเนปบอก

           “ช้าก่อน ข้ามีบางเรื่องที่คิดอยากจะให้เจ้าทำ เกี่ยวกับแผนการสองอย่างของข้า อาจจะไม่เรียกว่าแผนการก็ได้ เพราะเรื่องที่ทำจะโจ่งแจ้งผิดกับการที่ลักลอบเข้าปราสาท ข้าคิดว่า หลังจากที่เราสะสางเรื่องต่าง ๆ หมดแล้ว ข้าจะพาพรรคพวกของข้าทั้งหมด ไม่ว่ายักษ์ ผู้คุมวิญญาณ อินแฟร์รี ไปบุกฮอกวอตส์ สังหารแฮร์รี่ พอตเตอร์ และสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ทั้งหมด และจากนั้น เราจะบุกกระทรวงเวทย์มนต์ - - ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้แล้ว ตอนนี้ ในเมื่อเรามีทั้งพรรคพวก ทั้งอำนาจ ข้าไม่คิดว่ากองทัพของข้าจะพ่ายแพ้ต่อสมาชิกกระจอก ๆ ของภาคีนกฟีนิกซ์ และมือปราบมารจำนวนแค่หยิบมือ เมื่อเปรียบเทียบกับกองทัพที่ข้ามี แต่ว่า ก่อนหน้านั้น ข้ามีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้ากังวลใจ”

           “อะไรหรือครับ ท่าน” สเนปบอก

           “ฮอร์ครัชของข้า” โวลเดอมอร์หยุดนิดหนึ่ง สเนปทำตาโต แต่ก็รีบเก็บซ่อนอาการนั้นไว้ได้อย่างดีจากคนที่เฝ้ามองดูอยู่ หรือแม้แต่กระทั่งโวลเดอมอร์ อันที่จริง โวลเดอมอร์ดูเหมือนจะไม่สนใจเขาเลยตอนนี้ เหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงพวังแห่งความคิด

           “ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับฮอร์ครัชของข้า อันที่จริง ข้าลืมไปนานมากแล้ว แต่ - - ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย เอาเป็นว่า ก่อนหน้าที่เราจะโจมตี ข้าจะไม่อยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ข้าคิดว่าข้าควรจะไปตรวจดูฮอร์ครัชของข้าเสียหน่อย ถึงข้าจะไม่คิดว่าจะมีใครที่จะทำลายได้ก็เถอะ ข้าก็ยังอยากรู้อยู่ดี ว่ามีใครไปยุ่งกับมันไหม” โวลเดอมอร์พูดออกมาเรื่อย ๆ

           “แล้ว ฮอร์ครัชของท่านอยู่ที่ไหนละครับ ถ้าอย่างไร ท่านไม่ต้องลำบาก ให้ข้า - -” สเนปบอก

           “ไม่ สเนป ข้าต้องไปดูด้วยตนเองเท่านั้น แล้วฮอร์ครัชของของข้าก็ไม่ได้มีแค่อันเดียว มีหกอัน ที่จริงข้าตั้งใจจะสร้างถึงเจ็ดอัน อันที่เจ็ดนั้น ข้าคิดจะสร้างมันในคืนวันที่ข้าคิดว่าข้าจะฆ่าเด็กทารกธรรมดาแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ทำให้ข้ามีฮอร์ครัชแค่หกอันเท่านั้น และเท่าที่ข้ารู้มา ฮอร์ครัชหนึ่งในหกของข้าก็ถูกแฮร์รี่ พอตเตอร์ทำลายไปหนึ่งอันแล้ว เป็นอุบัติเหตุอันไม่คาดคิด  อาจจะเกิดจากความโง่ของข้าเองก็ได้ ข้าเอาสมุดบันทึกเล่มนั้นให้ลูเซียสเก็บรักษาไว้ โดยที่ไม่ได้บอกว่ามันคืออะไร  และลูเซียสก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันคืออะไร จนถึงขนาดเอาสมุดบันทึกนั่นส่งต่อให้ครอบครัววิสลีย์ อันที่จริง หลังจากนั้นมันก็ทำงานของมันได้ดีพอควร มันปล่อยบาซิลิกส์ออกมาจากห้องแห่งความลับ แต่เสียดายที่ไม่มีใครเสียชีวิต และหลังจากนั้น แฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ทำลายมัน พร้อมกับฆ่าบาซิลิกส์นั่น เกิดจากความโง่ของข้าเองแท้ ๆ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น วันที่เราบุกฮอกวอตส์ ข้าจะถือโอกาสเปิดห้องแห่งความลับ และเอาบาซิลิกส์มาเป็นพวกด้วย ข้าไม่คิดว่าจะหามันได้จากที่ไหนอีกแล้ว บาซิลิกส์เป็นสัตว์ที่หายากมาก ถ้าเราได้มาเป็นพวก มันก็จะช่วยพวกเราได้อีกมาก” โวลเดอมอร์เอ่ยเสียงเบามากจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ

           “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเตรียบพรรคพวกให้พร้อม รอวันที่ท่านกลับมา และพร้อมที่จะบุกฮอกวอตส์ในทันที เพียงแต่ท่านสั่งมาเท่านั้น” สเนปบอก

           โวลเดอมอร์พยักหน้าเงียบ ๆ สเนปลุกขึ้น หันหลังให้กับโวลเดอมอร์ ผ้าคลุมสีดำของเขาโบกสะบัด จากนั้น เขาก็หายไปทันทีที่สิ้นเสียงปิดประตู

           โวลเดอมอร์ถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นบ้าง “อย่างน้อย ฮอร์ครัชของข้าก็ปลอดภัยดีอยู่หนึ่งชิ้น” เขาหันไปพูดกับนากินี

           “แน่นอน” นากินีบอก แน่นอน มีโวลเดอมอร์คนเดียวในห้องที่เข้าใจเสียงขู่ฟ่อของหล่อน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×