ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ผู้นำคนใหม่
      “อาจารย์ฮะ - - เมื่อกี้อาจารย์ทำอะไรหรือฮะ” แฮร์รี่ถามลูปิน
      “เธอหมายถึงอะไรละ” ลูปินย้อนถาม พลางหันมามอง
      “ก็ที่อาจารย์ร่ายคาถา แล้วก็ปรากฏเป็นนกฟีนิกซ์อยู่บนท้องฟ้านะสิฮะ”
      “อ้อ นั่นคือ สัญลักษณ์ของภาคีนกฟีนิกซ์นะ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คิดขึ้นก่อนที่เขาจะ - - ฉันคิดว่าเขาคงจะได้แนวคิดมาจากตรามารของโวลเดอมอร์นะ แต่ผิดกันตรงที่ที่ตรามารปรากฏจะมีคนที่ถูกผู้เสพย์ความตายฆ่า  แต่ตราสัญลักษณ์ภาคีนี่ เราเรียกมันว่าตราฟีนิกซ์ เมื่อใดที่มันปรากฏขึ้น หมายความว่า สมาชิกคนใดคนหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งคน กำลังตกอยู่ในอันตราย  สมาชิกคนใดหรือมือปราบมารจากกระทรวงคนใดที่เห็นตราฟีนิกซ์ปรากฏขึ้น จะต้องรีบหายตัวไปช่วยทันที ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม  ฉันคิดว่าเธอก็ควรจะฝึกเสกคาถานั่นด้วยนะ ในปีนี้ แฮร์รี่ เพราะเราจะให้พวกเธอเข้าร่วมภาคีด้วย”
      “อะไรนะครับ”
      “แน่นอน ถ้าเธอไม่ต้องการ - -”
      “พูดเป็นเล่นไปครับ ผู้อยากเข้าร่วมต่อสู้ด้วยตั้งแต่สองปีที่แล้วแล้วนะครับ แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะปฏิเสธละครับ” แฮร์รี่ยิ้ม
      “ดี ถ้าอย่างนั้น ในปีนี้ พวกเราสมาชิกภาคี โดยเฉพาะอาจารย์ที่ยังเหลืออยู่จะสอนวิชาให้เธอมากเท่าที่จะมากได้ มากกว่านักเรียนปีเจ็ดควรจะได้เรียนอีกด้วย แน่นอน รวมทั้งเพื่อนเธอด้วย รอน เฮอร์ไมโอนี่ และ จินนี่” ลูปินบอก
      “แล้วใครจะเป็นผู้นำของภาคีคนต่อไปละครับ” แฮร์รี่ถาม
      “นั่นละเป็นเหตุผลที่ฉันไปรับเธอ ฉันต้องการให้เธออยู่ด้วย ตอนที่มีการคัดเลือก”
      “แล้วยังเหลือใครบ้างครับ ที่ฮอกวอตส์ตอนนี้” แฮร์รี่ถามต่อด้วยความสงสัย เมื่อเขาเดินมาถึงเชิงเขา อันเป็นทางนำไปสู่ซุ้มประตูทางเข้าของฮอกวอตส์ ซุ้มประตูที่มีรูปปั้นหมูป่ามีปีกประจำอยู่บนเสาทั้งสองข้าง ลูปินยังไม่ตอบคำถามของแฮร์รี่ แต่เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา ชี้ไปยังประตู “ฟีนิกซ์ ฟีนีเลียย์” เขาร่ายคาถาเดียวกับที่ใช้เสกตราฟีนิกซ์ แต่คราวนี้ไม่ได้ปรากฏสัญลักษณ์รูปนกฟีนิกซ์ขึ้นบนท้องฟ้า  แต่กลับปรากฏเปลวไฟสีแดงออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของเขา เปลวไฟนั้นก่อตัวเป็นรูปนกฟีนิกซ์ตัวเล็ก บินเข้าไปสู่กำแพงประตูมหึมาของทางเข้า และหายไป - - รูปปั้นหมูป่ามีปีกค่อย ๆ กลายร่างไปเป็นรูปนกฟีนิกซ์ และค่อย ๆ กางปีกขึ้นพร้อม ๆ กัน และพร้อมกันนั้นยังค่อย ๆ หมุนตัวเองหันหน้าเข้าหากัน ราวกับทำการต้อนรับผู้มาเยือน  แต่เมื่อแฮร์รี่มองไปที่ประตูก็พบว่า มีเส้นเปลวไฟบาง ๆ ปรากฏเป็นรูปนกฟีนิกซ์อยู่บนประตู และเปลวไฟนั้นค่อย ๆ รวมเป็นเส้นเดียวกันตรงกลาง ตั้งฉากกับพื้นที่ทั้งสองยืนอยุ่ ผ่าประตูออกเป็นสองซีก แล้วประตูก็ค่อย ๆ เปิดออกตามแนวไฟนั้น (โดยมีพวกเดอร์สลีย์มองอย่างตกตะลึง)
      แฮร์รี่เดินตามลูปิน และมีพวกเดอร์สลีย์เดินตามเขามา
      “ที่เธอถามเมื่อครู่ ว่ามีใครยังอยู่บ้าง - - ถ้าฉันจำไม่ผิด ก็มีแฮกริด ฟลิตวิก มักกอลนากัล สลักฮอร์น และทั้งสองก็เข้าร่วมภาคีด้วย และตอนนี้ก็มีสมาชิกภาคีคนอื่น ๆ นอกจากที่เป็นอาจารย์มาอยู่ด้วย และยังมีมือปราบมารเข้าออกได้ แต่ไม่ใช่อย่างอิสระหรอกนะ ต้องมีสมาชิกภาคีพาเข้าหรือออก เพราะนี่เป็นระบบรักษาความปลอดภัย อย่างที่เธอเห็น ต้องเป็นสมาชิกภาคีเท่านั้นถึงจะเข้าออกได้ เพราะไม่ว่าจะเข้าหรือออกจากปราสาทก็ต้องใช้คาถานี้เท่านั้น”
      “ถ้าอย่างนั้น พวกมือปราบมารที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ก็อาจเลียนแบบ หรือแอบไปฝึกเองไม่ได้หรือครับ เมื่อมีสมาชิกภาคีร่ายคาถาให้เห็นต่ออย่างอย่างนี้” แฮร์รี่กังวล
      “ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะจะไม่มีใครที่ฝึกคาถานี้ได้ด้วยตัวเอง เพราะคนที่จะฝึกได้ ต้องเป็นคนที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้นำของภาคีอันชอบธรรมเท่านั้น วิธีการมอบอำนาจก็คือ อย่างแรก เธอต้องสำผัสน้ำตาของนกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์ ก็คือฟอกซ์  และอย่างที่สองสำคัญมากเธอต้องได้รับการเสกคาถาตราฟีนิกซ์นี้ใส่ตัวของเธอโดยผู้นำของภาคี และจากนั้น เธอถึงจะฝึกได้ - - ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้คนที่เสกคาถานี้ได้ มีแต่ ฉัน มักกอลนากัล และสเนปเท่านั้น เพราะพวกเราได้รับมอบอำนาจจากดัมเบิลดอร์แล้ว ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องรีบคัดเลือกผู้นำโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะทำภารกิจอะไรต่อได้ มิฉะนั้น สมาชิกอาจจะมีอันตรายได้”
      “อะไรนะครับ - - สเนปด้วย”
      “ใช่ เพราะดัมเบิลดอร์ไว้ใจสเนป จึงทำให้เขาเข้าปราสาทได้เช่นกัน” ลูปินบอกอย่างสลด
      “แล้วคนอื่น ๆ เข้ามากันได้อย่างไรครับ ในเมื่อตอนนี้มีคนเสกคาถานั่นได้แค่สามคน” แฮร์รี่ถาม
      “พวกเราไปรับมานะสิ ก่อนที่จะไปรับเธอ ฉันก็ไปรับ คิงสลีย์ก่อนเธอนี่เอง ตอนนี้สมาชิกเราก็มารวมตัวกันหมดแล้ว รวมทั้งเพื่อน ๆ เธอด้วย”
      แฮร์รี่รู้สึกตัวอีกทีเท้าของเขาก็พาตัวของเขาเดินตามลูปินมาจนถึงหน้าประตูใหญ่ ลูปินร่ายคาถาตราฟีนิกซ์ไปยังประตูอีกครั้ง ประตูใหญ่กำลังเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นห้องโถงกลางโอ่อ่า ของฮอกวอตส์ - - ลูปินเดินนำเข้าไป มีพวกเดอร์สลีย์ทั้งสามคนเดินตาม และมีแฮร์รี่ปิดท้ายอีกเช่นเคย
      เมื่อทั้งหมดเข้ามายืนในโถงทางเข้า ประตูใหญ่จึงปิดลง บัดนี้ พวกเดอร์สลีย์ดูเหมือนจะตกตะลึงกับความยิ่งไหญ่ของฮอกวอตส์และโลกเวทย์มนต์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ลูปินหยุดยืนอยู่กับที่แล้วหันมาหาทุกคน
      “แฮร์รี่ พวกเราทั้งหมดอยู่กันในห้องโถงใหญ่ ส่วนลุงกับป้าของเธอ ฉันว่า เธอช่วยเรียกครีเชอร์พาไปที่หอกริฟฟินดอร์ก่อนก็แล้วกัน - - จริงสิ ผมไม่ทราบว่าพวกคุณทานอะไรกันมาหรือยัง ถ้ายัง ขอเชิญทานด้วยกันที่ห้องโถงใหญ่ได้เลยครับ จากนั้นค่อยไปที่หอกริฟฟินดอร์ที่หลัง ที่นั่นจะเป็นที่พักของพวกคุณได้อย่างดี - - ส่วนแฮร์รี่ ของของเธอทั้งหมดถูกส่งมาอยู่ที่เตาผิงในห้องโถงใหญ่ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด คงจะมีเอลฟ์ประจำบ้านมาขนไปส่งที่หอกริฟฟินดอร์แล้ว - - ว่าแต่ เธอล่ะ กินอะไรมาหรือยัง” ลูปินถาม
      “พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรกันเลยครับ ลุงกับป้า และดัดลีย์ด้วย” แฮร์รี่ตอบแทนทุกคน ดูจากสีหน้าของลุงเวอร์นอนแล้ว เขาทำท่าราวกับถูกสั่งให้ไปกินอาหารใส่ยาพิษอย่างนั้นละ หรือไม่ลุงก็กำลังจินตนาการเมนูอาหารพิลึกพิษดารเท่าที่ลุงคิดว่าพวกพ่อมดกินกัน
      “ลุงไม่ต้องห่วงหรอกฮะ พวกเรากินอาหารเหมือนอย่างพวกลุงกินนั่นละ” แฮร์รี่บอกลุงเวอร์นอนด้วยสีหน้าอมยิ้ม
      ลุงเวอร์นอนไม่พูดอะไร แต่ดูสีหน้าคลายความกังวลลงบ้างเล็กน้อย ลูปินพาทุกคนเลี้ยวขวา เข้าไปยังห้องโถงใหญ่
      โต๊ะประจำบ้านตัวยาวสี่ตัวยังคงตั้งอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าโต๊ะของอาจารย์เหมือนเดิม แฮร์รี่คิดว่าคงเก็บไว้เลี้ยงต้อนรับมือปราบมารจำนวนมากที่อาจจะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง เบื้องหน้าเขามีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่กระจัดกระจายไปตามโต๊ะประจำบ้านทั้งสี่ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์กับเรเวนคลอ เพราะใกล้ที่สุดและไม่ต้องเดินอ้อม ไม่มีใครนั่งอยู่ที่โต๊ะของอาจารย์สักคนเดียว แฮร์รี่เห็นท๊องโบกมือทักทายให้เขาจากโต๊ะเรเวนคลอ - - อันที่จริง เธออาจจะโบกมือให้ลูปินมากกว่า ตรงข้ามกับท๊องนั้นเป็นมักกอลนากัล ซึ่งเธอมองมาทางแฮร์รี่และส่งยิ้มที่หาดูได้ยากยิ่งให้กับเขา ถัดจากมักกอลนากัลเป็นมู้ดดี้ สลักฮอร์นและฟลิตวิก ห่างออกไปไม่มากนัก มีกลุ่มคนนั่งรวมอยู่ประมาณสี่ถึงห้าคนที่แฮร์รี่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คิดว่าคงเป็นสมาชิกใหม่ของภาคี และยังมีบางคนนั่งกระจัดกระจายจากกลุ่ม และกำลังพูดคุยกันอยู่  ลูปินพาครอบครัวเดอร์สลีย์ไปที่โต๊ะเรเวนคลอ ลูปินตรงเข้าไปนั่งข้างท๊อง และลุงเวอร์นอนกับป้าเพ็ตทูเนียก็เข้าไปนั่งข้างลูปิน ส่วนดัดลีย์นั่งอีกฝั่งข้างศาสตราจารย์มักกอลนากัล พวกเดอร์สลีย์คงเห็นแล้วว่า เขามีอคติกับโลกเวทย์มนต์ไปก็เปล่าประโยขน์ เพราะตอนนี้เขาเห็นแล้วว่า ผู้คนที่นี่ไม่น่ากลัวอย่างที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้  และตอนนี้ดัดลีย์ก็กำลังตื่นตะลึงกับอาหารชุดใหญ่ตรงหน้า แฮร์รี่เชื่อว่าดัดลีย์คงไม่เคยกินอาหารหลากหลายและเต็มที่อย่างนี้มานานแล้วตั้งแต่โดนสั่งลดความอ้วน แฮร์รี่เห็นดัดลีย์หยิบน่องไก่ตรงหน้าเข้ามาแทะอย่างตะกละตะกลาม จนแฮร์รี่นึกหิวบ้าง และเขาตรงเข้าไปที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ที่เขาเคยนั่ง
      เฮอร์ไมโอนี่และครอบครัววิสลีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้เขา ส่วนจินนี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธอ และตรงเข้ามากอดแฮร์รี่
      แฮร์รี่รู้สึกไม่ค่อยดีที่มีคนอื่นจ้องมองอยู่ด้วย เขามองไปทางนายและนางวิสลีย์ ซึ่งกำลังยิ้มและมองดูเขาทั้งคู่อยู่
      “ไม่ต้องห่วงหรอกแฮร์รี่ พ่อกับแม่รู้แล้ว พวกเขาให้เราคบกันได้” จินนี่ถอยออกมาจากแฮร์รี่ และบอกเขา
      แฮร์รี่พยักหน้า จินนี่จูงมือเขาและลากเขาไปยังโต๊ะกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่นั่งลงข้างจินนี่ ข้างเขามีบิลกับเฟลอร์ ซึ่งทั้งสองคงกำลังจะแต่งงานกันหลังจากที่เลือกผู้นำเสร็จ ตรงข้ามแฮร์รี่ มีรอนกับเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ ถัดไปอีกมีนายและนางวิสลีย์ ชาลี และเฟร็ดกับจอร์จ
      “เป็นอย่างไรบ้าง แฮร์รี่” รอนเริ่มถามเขา
      “อะไรละ เราเพิ่งแยะกันแค่วันเดียวเองนะ” แฮร์รี่ตอบพลางหัวเราะ
      “จริงด้วยสิ” รอนกลั้นหัวเราะ แฮร์รี่หันไปทางเฮอร์ไมโอนี่ “แล้วเธอละ มาได้อย่างไร”
      “ศาสตราจารย์มักกอลนากัลไปรับฉันเมื่อเช้านี้ ฉันเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟัง พวกเขาตกใจมาก แต่ก็อนุญาตให้ฉันเข้าร่วมภาคีด้วยจนได้ละ แต่พวกเขาห่วงก็เลยดื้อดึงจะตามมาด้วย นั่นไง พวกเขานั่งกันอยู่นั่น” เธอชี้มือไปทางโต๊ะเรเวนคลอ แฮร์รี่มองตามมือเธอไป และเห็นกลุ่มคนประมาณสี่ถึงห้าคนที่เขาเห็นตอนแรก
      “นั่นพ่อกับแม่ฉันเอง พวกเขากำลังคุยอยู่กับสมาชิกใหม่ของภาคีที่เป็นมือปราบมารจากกระทรวง” เฮอร์ไมโอนี่บอก
      “แล้วนายละรอน มีใครไปรับหรือ”
      “พวกเรามากันเองนะ หลังจากเรากลับถึงบ้านเมื่อวาน พ่อก็รีบเก็บของแล้วมาที่นี่ทันทีเลย - - แฮร์รี่ พ่อได้เลื่อนตำแหน่งละ เป็นรองหัวหน้าของมือปราบมารทั้งหมดของกระทรวง และมู้ดดี้เป็นหัวหน้าละ” รอนบอกอย่างตื่นเต้น
      “ดีใจด้วยนะ แล้วเฟร็ดกับจอร์จละ” แฮร์รี่หันไปทางฝาแฝด
      “วันนี้เราปิดร้านนะ ทองของพวกเราจะเต็มกริงกอร์ตแล้ว พวกเราเลยเอาไปบริจาคบ้าง รู้ไหมตอนนี้เรากลัวอะไรที่สุด” เฟร็จถาม
      “นั่นสิจอร์จ ตอนนี้เรากลัวจะสำลักทองตายมากกว่าจะโดนผู้เสพย์ความตายฆ่าเอา” จอร์จบอก
      “อย่าเอาเรื่องอย่างนี้มาล้อเล่นนะ” นางวิสลีย์ดุ
      “อ้อ - - ขอโทษครับ ผมลืมไปเลย สวัสดีครับ คุณวิสลีย์ คุณนายวิสลีย์” แฮร์รี่บอก
      “ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ เรื่องเล็กน้อย เราดีใจที่สุดที่เห็นเธอปลอดภัยดี” นางวิสลีย์ยิ้ม แล้วหันไปคุยกับพวกบิลต่อ
      “แล้ว งานแต่งของบิลกับเฟลอร์จะจัดเมื่อไรละ” แฮร์หันกลับมาถามรอน
      “หลังจากเลือกผู้นำเสร็จนั่นละ จัดที่ฮอกวอตส์นี่ละ” รอนบอก
      “แล้ว เมื่อไรเขาจะเลือกผู้นำกันสักทีละ” แฮร์รี่ถามต่อ
      “ก็ทันทีที่ทุกคนกินอาหารเสร็จนั่นละ ว่าแต่นายกินอะไรสักทีเถอะ พวกเราก็กินกันเสร็จแล้ว รอนายอยู่นี่ละ” รอนว่า
      “โอเค โอเค คำถามสุดท้าย เขาจะเลือกผู้นำกันที่ไหนละ”
      “ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์” รอนบอก - - แฮร์รี่ไม่ถามอะไรต่อและลงมือกินอาหารอย่างรวดเร็วที่สุด
   
      หลังจากที่แฮร์รี่ทานอาหารเสร็จ เขาเรียกครีเชอร์มาให้พาลุงกับป้าและพ่อกับแม่ของเฮอร์ไมโอนี่ไปที่หอกริฟฟินดอร์ (โดยมีด๊อบบี้ตามมาด้วย) ตามคำสั่งของมักกอลนากัล ทุกคนทยอยลุกจากโต๊ะอาหาร พลางเดินตามกันไปทางที่จะพาไปยังห้องทำงานของดัมเบิลดอร์
      เมื่อทั้งหมดเดินมาหยุดอยู่ที่รูปปั้นนกฟีนิกซ์ตัวหนึ่ง แฮร์รี่เห็นว่าโดยรอบนั้นเคยเป็นทางเข้าของห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่มาก่อน แต่บัดนี้ รูปปั้นกากอยล์ได้เปลี่ยนเป็นรูปปั้นนกฟีนิกซ์แล้ว  มักกอลนากัลเดินออกมาข้างหน้า พลางชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่รูปปั้น แล้วร่ายคาถาตราฟีนิกซ์ เหมือนกับที่ลูปินใช้เปิดประตูฮอกวอตส์ ทันทีที่เธอร่ายคาถาจบ รูปปั้นนกฟีนิกซ์นั้นมีชีวิตขึ้นมา สร้างความตกใจเล็กน้อยให้กับบางคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่แฮร์รี่ไม่ตกใจเลยสักนิด เพราะเขาเข้าออกห้องนี้มามากพอแล้ว - - รูปปั้นนั้นกางปีกออก และบินอยู่เหนือตำแหน่งเดิมของมัน ตรงผนังด้านหลังที่รูปปั้นไร้ชีวิตเคยตั้งอยู่ ได้ค่อย ๆ แยกออก เผยให้เห็นบันไดวน ขึ้นไปสู่ประตูห้องทำงานของดัมเบิลดอร์
      ทุกคนทยอยกันเดินขึ้นบันไดไปทีละคนสองคน แฮร์รี่กับครอบครัววิสลีย์อยู่รั้งท้าย เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ ทุกคนก็อยู่ที่นี่พร้อมกันหมดแล้ว
      “กรุณาปิดประตูด้วยค่ะ” มักกอลนากัลบอก นายวิสลีย์ก็หันไปปิดประตูทันที
      ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ยังเหมือนเดิม รูปภาพเหมือนของอาจารย์ใหญ่คนก่อนแขวนอยู่ตามผนังห้องทรงกลม โดยไม่มีรูปของดัมเบิลดอร์ ฟอกซ์ นกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์กำลังเกาะอยู่บนคอนที่มันเคยอยู่ พลางจับจ้องมองผู้มาเยือนทั้งหลาย  แฮร์รี่คิดว่ามันคงแปลกใจไม่น้อย เพราะคงไม่เคยมีคนมากขนาดนี้มาหาดัมเบิลดอร์มาก่อนเป็นแน่
      “เอาละ เมื่อทุกคนพร้อมกันแล้ว เราจะเริ่มกันคัดเลือกผู้นำของเรากัน แต่ก่อนอื่น ขอบอกสาเหตุที่ต้องให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ นั่นก็เพราะ - -” มักกอลนากัลหยุดพูด พลางเดินไปทางโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่มองไม่ถนัดเท่าไรนัก เพราะถูกคนอื่น ๆ บังอยู่จนเกือบหมด เขา และรอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่จึงเบียดฝ่าฝูงชนไปข้างหน้า
      มักกอลนากัลเดินไปหลังโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์ เธอก้มลงและเอื้อมมือลงบนโต๊ะ มือของเธอสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างลักษณะสี่เหลี่ยม มันคือกรอบรูปขนาดประมาณสี่ฝ่ามือที่หันหลังให้กับประตู มักกอลนากัลหมุนกรอบรูปนั้นให้หันมาทางทุกคน มันคือ - -
      รูปภาพของดัมเบิลดอร์ซึ่งบัดนี้ปลดจากกำแพงแล้วตั้งไว้บนโต๊ะทำงานของอาจารย์ใหญ่
      “สวัสดีทุกคน ฉันขอแนะนำสมาชิกใหม่ซึ่งเป็นมือปราบมารจากกระทรวงสองคน วิลเลียม ไฮน์ และ เอลเบริก คอลสลอฟว์ และอดีตอาจารย์จากโรงเรียนนี้อีกสองคน ฟิลิอัส ฟลิตวิก และ ฮอร์เรส สลักฮอร์น” ดัมเบิลดอร์ในรูปพูดขึ้น แฮร์รี่มองไปข้างหลังเขา เขาเห็นพ่อมดร่างใหญ่ท่าทางใจดีสองคนยืนอยู่ ทั้งสองคนคือคนที่นั่งคุยอยู่กับพ่อและแม่ของเฮอร์ไมโอนี่ที่ห้องโถงใหญ่นั่นเอง
    พ่อคนแรกท่าทางจะเป็นวิลเลียม ไฮน์ เขาเป็นคนที่ดูคล้าย ๆ เคร้าส์อยู่บ้าง แต่ดูใจดีกว่า ผมสีเทาของเขายาวประบ่า แต่เขาก็ยังหนุ่มอยู่ อายุคงพอ ๆ กับลูปิน เขาใส่เสื้อคลุมเดินทางสีกากี มือสองข้างของเขาที่กอดอกซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น ทำให้บุคลิกของเขาดูราวกับเทพบุตรเลยทีเดียว  ถัดไปอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ดูเหมือนจะเป็นเอลเบริก คอลสลอฟว์ เขาเป็นพ่อมดที่ดูร่าเริง ไว้ผมยาวมันขลับ ผูกเป็นหางม้ายาวถึงเอว เสื้อคลุมเดินทางสีน้ำเงินเข้ม ดูเข้ากับบุคลิกของเขาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งสองกำลังมองไปที่รูปภาพของดัมเบิลดอร์อย่างใจจดใจจ่อ
      “ทุกคนคงนึกไม่ถึงรูปภาพของฉันจะพูด และคิดได้อย่างมีสติปัญญาเท่ากับตอนที่ฉันยังมีร่างกายสินะ แต่ทว่า ถึงฉันจะเหลือรูปภาพเอาไว้ก็ตาม สิ่งที่เหลืออยู่ก็ยังคงมีเพียงสติปัญญาเท่านั้น ไม่มีอีกแล้วพลังอำนาจที่จะทำอย่างที่เคยทำได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ” ดัมเบิลดอร์พูดพลางอมยิ้ม
      “เอาละ ที่ฉันให้มิเนอร์วาเรียกทุกคนมาที่นี่เพราะฉันมีเรื่องจะเสนอ ฉันมีบางอย่างจะเสนอ ฉันจะเป็นคนเลือกผู้นำคนใหม่ให้กับทุกคน โดยที่ฉันอาจจะยังออกคำสั่งผ่านทางผู้นำคนนั้นไปยังทุกคนอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจหรอกนะ แต่ว่าบัดนี้มีคนเดียวที่เข้าใจจุดประสงค์ของฉันมากที่สุด และการที่จะให้ทุกคนทำหน้าที่นี้ มันออกจะดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป ทั้งจากกระทรวง ชุมชนพ่อมด หรือแม้แต่กระทั่งศัตรู - - ถึงฉันจะไม่คิดว่าศัตรูจะล่วงรู้แผนการของเราได้ แต่ทว่า การที่ให้กระทรวงหรือชุมชนพ่อมดล่วงรู้ นั่นย่อมจะนำไปสู่ข่าวลือ ปากต่อปาก สักวันก็จะล่วงรู้ไปถึงศัตรูเข้าจนได้”
      ทุกคนเงียบไปสักพัก พลางคิดถึงสิ่งที่ดัมเบิลดอร์เพิ่งพูดจบ
      “แล้วทำไมคุณถึงเป็นผู้นำของเราต่อไม่ได้ละ อัลบัส” สลักฮอร์นถาม
      “เหตุผลนั่นง่ายนิดเดียว นั่นคือ ฉันไม่มีร่างกายอีกแล้ว จะต่อสู้ก็ไม่ได้ ที่ยังเหลืออยู่ในกรอบรูปเก่า ๆ นี่ก็มีแต่มันสมองของคนแก่คนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ดี ถ้าพวกเธอไม่ประสงค์จะรับคำสั่งจากคนแก่ ๆ ที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง ฉันยินดีให้พวกเธอเลือกผู้นำใหม่กันเอง ตามใจชอบ”
      “ไม่มีทาง” มักกอลนากัลบอก “เราเชื่อใจคุณอัลบัส ที่เรามาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้ ฉันปรึกษากับทุกคนแล้วว่าจะให้คุณเป็นผู้นำของเราต่อไป และ””ทุกคนก็ยินดี เราเชื่อใจคุณนะอัลบัส ถึงแม้ว่าคุณจะพลาดเรื่องสเนป แต่ - -”
      “เอาเถอะ” ดัมเบิลดอร์ตัดบท “เราจะไม่พูดถึงเซเวอร์รัสตอนนี้ ตอนนี้เราจะพูดถึงผู้นำคนใหม่ของเรา ถ้ามีใครคัดค้าน หรืออยากจะเป็นผู้นำ หรือไม่ต้องการทำตามคำสั่งของตาแก่ที่ตายแล้วคนนี้ เชิญพูดออกมาได้ - - ขอเพียงแต่พูดออกมาเท่านั้น ฉันก็จะถอนตัวทันที”
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งห้องมีแต่ความเงียบ แม้แต่รูปภาพอาจารย์ใหญ่ที่ปกติจะแกล้งทำเป็นหลับนอนกรน แต่ครั้งนี้กลับเงียบรอฟังทุกเหตุการณ์ที่ผู้คนในห้องอาจารย์ใหญ่กำลังสนทนากันอย่างใจจดใจจ่อ
      “เอาละ ในเมื่อมีแต่ความเงียบ ฉันก็จะถือว่าทุกคนยังคงทำหน้าที่ตามความคิดของฉันต่อไป” เขาหยุดพัก และพูดต่อ “เอาละ คนที่ฉันจะประกาศชื่อออกมาต่อไปนี้ คือผู้นำคนใหม่ของภาคีนกฟีนิกซ์คนต่อไป ฉันขอให้ทุกคนทำตามคำสั่งของเขาหรือเธอคนนั้น ดุจเดียวฉันว่าเขาคนนั้นคือตัวของฉัน เพราะว่าฉันจะมอบหมายหน้าที่ของทุกคนผ่านเขาหรือเธอคนนั้น”
      ดัมเบิลดอร์หยุดนิดหนึ่ง เขากระแอมและพูดต่อ “ผู้นำคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น ทุกคนรู้จักกันดี เขาคือ - -”
      ทุกสายตายในห้องจับจ้องไปที่รูปของดัมเบิลดอร์อย่างใจจดใจจ่อ คอยฟังทุกคำพูดที่จะออกจากปากของเขา
      “ผุ้นำคนใหม่ของภาคีนกฟีนิกซ์ ก็คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์”
      “เธอหมายถึงอะไรละ” ลูปินย้อนถาม พลางหันมามอง
      “ก็ที่อาจารย์ร่ายคาถา แล้วก็ปรากฏเป็นนกฟีนิกซ์อยู่บนท้องฟ้านะสิฮะ”
      “อ้อ นั่นคือ สัญลักษณ์ของภาคีนกฟีนิกซ์นะ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คิดขึ้นก่อนที่เขาจะ - - ฉันคิดว่าเขาคงจะได้แนวคิดมาจากตรามารของโวลเดอมอร์นะ แต่ผิดกันตรงที่ที่ตรามารปรากฏจะมีคนที่ถูกผู้เสพย์ความตายฆ่า  แต่ตราสัญลักษณ์ภาคีนี่ เราเรียกมันว่าตราฟีนิกซ์ เมื่อใดที่มันปรากฏขึ้น หมายความว่า สมาชิกคนใดคนหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งคน กำลังตกอยู่ในอันตราย  สมาชิกคนใดหรือมือปราบมารจากกระทรวงคนใดที่เห็นตราฟีนิกซ์ปรากฏขึ้น จะต้องรีบหายตัวไปช่วยทันที ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม  ฉันคิดว่าเธอก็ควรจะฝึกเสกคาถานั่นด้วยนะ ในปีนี้ แฮร์รี่ เพราะเราจะให้พวกเธอเข้าร่วมภาคีด้วย”
      “อะไรนะครับ”
      “แน่นอน ถ้าเธอไม่ต้องการ - -”
      “พูดเป็นเล่นไปครับ ผู้อยากเข้าร่วมต่อสู้ด้วยตั้งแต่สองปีที่แล้วแล้วนะครับ แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะปฏิเสธละครับ” แฮร์รี่ยิ้ม
      “ดี ถ้าอย่างนั้น ในปีนี้ พวกเราสมาชิกภาคี โดยเฉพาะอาจารย์ที่ยังเหลืออยู่จะสอนวิชาให้เธอมากเท่าที่จะมากได้ มากกว่านักเรียนปีเจ็ดควรจะได้เรียนอีกด้วย แน่นอน รวมทั้งเพื่อนเธอด้วย รอน เฮอร์ไมโอนี่ และ จินนี่” ลูปินบอก
      “แล้วใครจะเป็นผู้นำของภาคีคนต่อไปละครับ” แฮร์รี่ถาม
      “นั่นละเป็นเหตุผลที่ฉันไปรับเธอ ฉันต้องการให้เธออยู่ด้วย ตอนที่มีการคัดเลือก”
      “แล้วยังเหลือใครบ้างครับ ที่ฮอกวอตส์ตอนนี้” แฮร์รี่ถามต่อด้วยความสงสัย เมื่อเขาเดินมาถึงเชิงเขา อันเป็นทางนำไปสู่ซุ้มประตูทางเข้าของฮอกวอตส์ ซุ้มประตูที่มีรูปปั้นหมูป่ามีปีกประจำอยู่บนเสาทั้งสองข้าง ลูปินยังไม่ตอบคำถามของแฮร์รี่ แต่เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา ชี้ไปยังประตู “ฟีนิกซ์ ฟีนีเลียย์” เขาร่ายคาถาเดียวกับที่ใช้เสกตราฟีนิกซ์ แต่คราวนี้ไม่ได้ปรากฏสัญลักษณ์รูปนกฟีนิกซ์ขึ้นบนท้องฟ้า  แต่กลับปรากฏเปลวไฟสีแดงออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของเขา เปลวไฟนั้นก่อตัวเป็นรูปนกฟีนิกซ์ตัวเล็ก บินเข้าไปสู่กำแพงประตูมหึมาของทางเข้า และหายไป - - รูปปั้นหมูป่ามีปีกค่อย ๆ กลายร่างไปเป็นรูปนกฟีนิกซ์ และค่อย ๆ กางปีกขึ้นพร้อม ๆ กัน และพร้อมกันนั้นยังค่อย ๆ หมุนตัวเองหันหน้าเข้าหากัน ราวกับทำการต้อนรับผู้มาเยือน  แต่เมื่อแฮร์รี่มองไปที่ประตูก็พบว่า มีเส้นเปลวไฟบาง ๆ ปรากฏเป็นรูปนกฟีนิกซ์อยู่บนประตู และเปลวไฟนั้นค่อย ๆ รวมเป็นเส้นเดียวกันตรงกลาง ตั้งฉากกับพื้นที่ทั้งสองยืนอยุ่ ผ่าประตูออกเป็นสองซีก แล้วประตูก็ค่อย ๆ เปิดออกตามแนวไฟนั้น (โดยมีพวกเดอร์สลีย์มองอย่างตกตะลึง)
      แฮร์รี่เดินตามลูปิน และมีพวกเดอร์สลีย์เดินตามเขามา
      “ที่เธอถามเมื่อครู่ ว่ามีใครยังอยู่บ้าง - - ถ้าฉันจำไม่ผิด ก็มีแฮกริด ฟลิตวิก มักกอลนากัล สลักฮอร์น และทั้งสองก็เข้าร่วมภาคีด้วย และตอนนี้ก็มีสมาชิกภาคีคนอื่น ๆ นอกจากที่เป็นอาจารย์มาอยู่ด้วย และยังมีมือปราบมารเข้าออกได้ แต่ไม่ใช่อย่างอิสระหรอกนะ ต้องมีสมาชิกภาคีพาเข้าหรือออก เพราะนี่เป็นระบบรักษาความปลอดภัย อย่างที่เธอเห็น ต้องเป็นสมาชิกภาคีเท่านั้นถึงจะเข้าออกได้ เพราะไม่ว่าจะเข้าหรือออกจากปราสาทก็ต้องใช้คาถานี้เท่านั้น”
      “ถ้าอย่างนั้น พวกมือปราบมารที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ก็อาจเลียนแบบ หรือแอบไปฝึกเองไม่ได้หรือครับ เมื่อมีสมาชิกภาคีร่ายคาถาให้เห็นต่ออย่างอย่างนี้” แฮร์รี่กังวล
      “ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะจะไม่มีใครที่ฝึกคาถานี้ได้ด้วยตัวเอง เพราะคนที่จะฝึกได้ ต้องเป็นคนที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้นำของภาคีอันชอบธรรมเท่านั้น วิธีการมอบอำนาจก็คือ อย่างแรก เธอต้องสำผัสน้ำตาของนกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์ ก็คือฟอกซ์  และอย่างที่สองสำคัญมากเธอต้องได้รับการเสกคาถาตราฟีนิกซ์นี้ใส่ตัวของเธอโดยผู้นำของภาคี และจากนั้น เธอถึงจะฝึกได้ - - ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้คนที่เสกคาถานี้ได้ มีแต่ ฉัน มักกอลนากัล และสเนปเท่านั้น เพราะพวกเราได้รับมอบอำนาจจากดัมเบิลดอร์แล้ว ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องรีบคัดเลือกผู้นำโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะทำภารกิจอะไรต่อได้ มิฉะนั้น สมาชิกอาจจะมีอันตรายได้”
      “อะไรนะครับ - - สเนปด้วย”
      “ใช่ เพราะดัมเบิลดอร์ไว้ใจสเนป จึงทำให้เขาเข้าปราสาทได้เช่นกัน” ลูปินบอกอย่างสลด
      “แล้วคนอื่น ๆ เข้ามากันได้อย่างไรครับ ในเมื่อตอนนี้มีคนเสกคาถานั่นได้แค่สามคน” แฮร์รี่ถาม
      “พวกเราไปรับมานะสิ ก่อนที่จะไปรับเธอ ฉันก็ไปรับ คิงสลีย์ก่อนเธอนี่เอง ตอนนี้สมาชิกเราก็มารวมตัวกันหมดแล้ว รวมทั้งเพื่อน ๆ เธอด้วย”
      แฮร์รี่รู้สึกตัวอีกทีเท้าของเขาก็พาตัวของเขาเดินตามลูปินมาจนถึงหน้าประตูใหญ่ ลูปินร่ายคาถาตราฟีนิกซ์ไปยังประตูอีกครั้ง ประตูใหญ่กำลังเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นห้องโถงกลางโอ่อ่า ของฮอกวอตส์ - - ลูปินเดินนำเข้าไป มีพวกเดอร์สลีย์ทั้งสามคนเดินตาม และมีแฮร์รี่ปิดท้ายอีกเช่นเคย
      เมื่อทั้งหมดเข้ามายืนในโถงทางเข้า ประตูใหญ่จึงปิดลง บัดนี้ พวกเดอร์สลีย์ดูเหมือนจะตกตะลึงกับความยิ่งไหญ่ของฮอกวอตส์และโลกเวทย์มนต์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ลูปินหยุดยืนอยู่กับที่แล้วหันมาหาทุกคน
      “แฮร์รี่ พวกเราทั้งหมดอยู่กันในห้องโถงใหญ่ ส่วนลุงกับป้าของเธอ ฉันว่า เธอช่วยเรียกครีเชอร์พาไปที่หอกริฟฟินดอร์ก่อนก็แล้วกัน - - จริงสิ ผมไม่ทราบว่าพวกคุณทานอะไรกันมาหรือยัง ถ้ายัง ขอเชิญทานด้วยกันที่ห้องโถงใหญ่ได้เลยครับ จากนั้นค่อยไปที่หอกริฟฟินดอร์ที่หลัง ที่นั่นจะเป็นที่พักของพวกคุณได้อย่างดี - - ส่วนแฮร์รี่ ของของเธอทั้งหมดถูกส่งมาอยู่ที่เตาผิงในห้องโถงใหญ่ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด คงจะมีเอลฟ์ประจำบ้านมาขนไปส่งที่หอกริฟฟินดอร์แล้ว - - ว่าแต่ เธอล่ะ กินอะไรมาหรือยัง” ลูปินถาม
      “พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรกันเลยครับ ลุงกับป้า และดัดลีย์ด้วย” แฮร์รี่ตอบแทนทุกคน ดูจากสีหน้าของลุงเวอร์นอนแล้ว เขาทำท่าราวกับถูกสั่งให้ไปกินอาหารใส่ยาพิษอย่างนั้นละ หรือไม่ลุงก็กำลังจินตนาการเมนูอาหารพิลึกพิษดารเท่าที่ลุงคิดว่าพวกพ่อมดกินกัน
      “ลุงไม่ต้องห่วงหรอกฮะ พวกเรากินอาหารเหมือนอย่างพวกลุงกินนั่นละ” แฮร์รี่บอกลุงเวอร์นอนด้วยสีหน้าอมยิ้ม
      ลุงเวอร์นอนไม่พูดอะไร แต่ดูสีหน้าคลายความกังวลลงบ้างเล็กน้อย ลูปินพาทุกคนเลี้ยวขวา เข้าไปยังห้องโถงใหญ่
      โต๊ะประจำบ้านตัวยาวสี่ตัวยังคงตั้งอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าโต๊ะของอาจารย์เหมือนเดิม แฮร์รี่คิดว่าคงเก็บไว้เลี้ยงต้อนรับมือปราบมารจำนวนมากที่อาจจะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง เบื้องหน้าเขามีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่กระจัดกระจายไปตามโต๊ะประจำบ้านทั้งสี่ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์กับเรเวนคลอ เพราะใกล้ที่สุดและไม่ต้องเดินอ้อม ไม่มีใครนั่งอยู่ที่โต๊ะของอาจารย์สักคนเดียว แฮร์รี่เห็นท๊องโบกมือทักทายให้เขาจากโต๊ะเรเวนคลอ - - อันที่จริง เธออาจจะโบกมือให้ลูปินมากกว่า ตรงข้ามกับท๊องนั้นเป็นมักกอลนากัล ซึ่งเธอมองมาทางแฮร์รี่และส่งยิ้มที่หาดูได้ยากยิ่งให้กับเขา ถัดจากมักกอลนากัลเป็นมู้ดดี้ สลักฮอร์นและฟลิตวิก ห่างออกไปไม่มากนัก มีกลุ่มคนนั่งรวมอยู่ประมาณสี่ถึงห้าคนที่แฮร์รี่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คิดว่าคงเป็นสมาชิกใหม่ของภาคี และยังมีบางคนนั่งกระจัดกระจายจากกลุ่ม และกำลังพูดคุยกันอยู่  ลูปินพาครอบครัวเดอร์สลีย์ไปที่โต๊ะเรเวนคลอ ลูปินตรงเข้าไปนั่งข้างท๊อง และลุงเวอร์นอนกับป้าเพ็ตทูเนียก็เข้าไปนั่งข้างลูปิน ส่วนดัดลีย์นั่งอีกฝั่งข้างศาสตราจารย์มักกอลนากัล พวกเดอร์สลีย์คงเห็นแล้วว่า เขามีอคติกับโลกเวทย์มนต์ไปก็เปล่าประโยขน์ เพราะตอนนี้เขาเห็นแล้วว่า ผู้คนที่นี่ไม่น่ากลัวอย่างที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้  และตอนนี้ดัดลีย์ก็กำลังตื่นตะลึงกับอาหารชุดใหญ่ตรงหน้า แฮร์รี่เชื่อว่าดัดลีย์คงไม่เคยกินอาหารหลากหลายและเต็มที่อย่างนี้มานานแล้วตั้งแต่โดนสั่งลดความอ้วน แฮร์รี่เห็นดัดลีย์หยิบน่องไก่ตรงหน้าเข้ามาแทะอย่างตะกละตะกลาม จนแฮร์รี่นึกหิวบ้าง และเขาตรงเข้าไปที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ที่เขาเคยนั่ง
      เฮอร์ไมโอนี่และครอบครัววิสลีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้เขา ส่วนจินนี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธอ และตรงเข้ามากอดแฮร์รี่
      แฮร์รี่รู้สึกไม่ค่อยดีที่มีคนอื่นจ้องมองอยู่ด้วย เขามองไปทางนายและนางวิสลีย์ ซึ่งกำลังยิ้มและมองดูเขาทั้งคู่อยู่
      “ไม่ต้องห่วงหรอกแฮร์รี่ พ่อกับแม่รู้แล้ว พวกเขาให้เราคบกันได้” จินนี่ถอยออกมาจากแฮร์รี่ และบอกเขา
      แฮร์รี่พยักหน้า จินนี่จูงมือเขาและลากเขาไปยังโต๊ะกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่นั่งลงข้างจินนี่ ข้างเขามีบิลกับเฟลอร์ ซึ่งทั้งสองคงกำลังจะแต่งงานกันหลังจากที่เลือกผู้นำเสร็จ ตรงข้ามแฮร์รี่ มีรอนกับเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ ถัดไปอีกมีนายและนางวิสลีย์ ชาลี และเฟร็ดกับจอร์จ
      “เป็นอย่างไรบ้าง แฮร์รี่” รอนเริ่มถามเขา
      “อะไรละ เราเพิ่งแยะกันแค่วันเดียวเองนะ” แฮร์รี่ตอบพลางหัวเราะ
      “จริงด้วยสิ” รอนกลั้นหัวเราะ แฮร์รี่หันไปทางเฮอร์ไมโอนี่ “แล้วเธอละ มาได้อย่างไร”
      “ศาสตราจารย์มักกอลนากัลไปรับฉันเมื่อเช้านี้ ฉันเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟัง พวกเขาตกใจมาก แต่ก็อนุญาตให้ฉันเข้าร่วมภาคีด้วยจนได้ละ แต่พวกเขาห่วงก็เลยดื้อดึงจะตามมาด้วย นั่นไง พวกเขานั่งกันอยู่นั่น” เธอชี้มือไปทางโต๊ะเรเวนคลอ แฮร์รี่มองตามมือเธอไป และเห็นกลุ่มคนประมาณสี่ถึงห้าคนที่เขาเห็นตอนแรก
      “นั่นพ่อกับแม่ฉันเอง พวกเขากำลังคุยอยู่กับสมาชิกใหม่ของภาคีที่เป็นมือปราบมารจากกระทรวง” เฮอร์ไมโอนี่บอก
      “แล้วนายละรอน มีใครไปรับหรือ”
      “พวกเรามากันเองนะ หลังจากเรากลับถึงบ้านเมื่อวาน พ่อก็รีบเก็บของแล้วมาที่นี่ทันทีเลย - - แฮร์รี่ พ่อได้เลื่อนตำแหน่งละ เป็นรองหัวหน้าของมือปราบมารทั้งหมดของกระทรวง และมู้ดดี้เป็นหัวหน้าละ” รอนบอกอย่างตื่นเต้น
      “ดีใจด้วยนะ แล้วเฟร็ดกับจอร์จละ” แฮร์รี่หันไปทางฝาแฝด
      “วันนี้เราปิดร้านนะ ทองของพวกเราจะเต็มกริงกอร์ตแล้ว พวกเราเลยเอาไปบริจาคบ้าง รู้ไหมตอนนี้เรากลัวอะไรที่สุด” เฟร็จถาม
      “นั่นสิจอร์จ ตอนนี้เรากลัวจะสำลักทองตายมากกว่าจะโดนผู้เสพย์ความตายฆ่าเอา” จอร์จบอก
      “อย่าเอาเรื่องอย่างนี้มาล้อเล่นนะ” นางวิสลีย์ดุ
      “อ้อ - - ขอโทษครับ ผมลืมไปเลย สวัสดีครับ คุณวิสลีย์ คุณนายวิสลีย์” แฮร์รี่บอก
      “ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ เรื่องเล็กน้อย เราดีใจที่สุดที่เห็นเธอปลอดภัยดี” นางวิสลีย์ยิ้ม แล้วหันไปคุยกับพวกบิลต่อ
      “แล้ว งานแต่งของบิลกับเฟลอร์จะจัดเมื่อไรละ” แฮร์หันกลับมาถามรอน
      “หลังจากเลือกผู้นำเสร็จนั่นละ จัดที่ฮอกวอตส์นี่ละ” รอนบอก
      “แล้ว เมื่อไรเขาจะเลือกผู้นำกันสักทีละ” แฮร์รี่ถามต่อ
      “ก็ทันทีที่ทุกคนกินอาหารเสร็จนั่นละ ว่าแต่นายกินอะไรสักทีเถอะ พวกเราก็กินกันเสร็จแล้ว รอนายอยู่นี่ละ” รอนว่า
      “โอเค โอเค คำถามสุดท้าย เขาจะเลือกผู้นำกันที่ไหนละ”
      “ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์” รอนบอก - - แฮร์รี่ไม่ถามอะไรต่อและลงมือกินอาหารอย่างรวดเร็วที่สุด
   
      หลังจากที่แฮร์รี่ทานอาหารเสร็จ เขาเรียกครีเชอร์มาให้พาลุงกับป้าและพ่อกับแม่ของเฮอร์ไมโอนี่ไปที่หอกริฟฟินดอร์ (โดยมีด๊อบบี้ตามมาด้วย) ตามคำสั่งของมักกอลนากัล ทุกคนทยอยลุกจากโต๊ะอาหาร พลางเดินตามกันไปทางที่จะพาไปยังห้องทำงานของดัมเบิลดอร์
      เมื่อทั้งหมดเดินมาหยุดอยู่ที่รูปปั้นนกฟีนิกซ์ตัวหนึ่ง แฮร์รี่เห็นว่าโดยรอบนั้นเคยเป็นทางเข้าของห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่มาก่อน แต่บัดนี้ รูปปั้นกากอยล์ได้เปลี่ยนเป็นรูปปั้นนกฟีนิกซ์แล้ว  มักกอลนากัลเดินออกมาข้างหน้า พลางชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่รูปปั้น แล้วร่ายคาถาตราฟีนิกซ์ เหมือนกับที่ลูปินใช้เปิดประตูฮอกวอตส์ ทันทีที่เธอร่ายคาถาจบ รูปปั้นนกฟีนิกซ์นั้นมีชีวิตขึ้นมา สร้างความตกใจเล็กน้อยให้กับบางคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่แฮร์รี่ไม่ตกใจเลยสักนิด เพราะเขาเข้าออกห้องนี้มามากพอแล้ว - - รูปปั้นนั้นกางปีกออก และบินอยู่เหนือตำแหน่งเดิมของมัน ตรงผนังด้านหลังที่รูปปั้นไร้ชีวิตเคยตั้งอยู่ ได้ค่อย ๆ แยกออก เผยให้เห็นบันไดวน ขึ้นไปสู่ประตูห้องทำงานของดัมเบิลดอร์
      ทุกคนทยอยกันเดินขึ้นบันไดไปทีละคนสองคน แฮร์รี่กับครอบครัววิสลีย์อยู่รั้งท้าย เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ ทุกคนก็อยู่ที่นี่พร้อมกันหมดแล้ว
      “กรุณาปิดประตูด้วยค่ะ” มักกอลนากัลบอก นายวิสลีย์ก็หันไปปิดประตูทันที
      ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ยังเหมือนเดิม รูปภาพเหมือนของอาจารย์ใหญ่คนก่อนแขวนอยู่ตามผนังห้องทรงกลม โดยไม่มีรูปของดัมเบิลดอร์ ฟอกซ์ นกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์กำลังเกาะอยู่บนคอนที่มันเคยอยู่ พลางจับจ้องมองผู้มาเยือนทั้งหลาย  แฮร์รี่คิดว่ามันคงแปลกใจไม่น้อย เพราะคงไม่เคยมีคนมากขนาดนี้มาหาดัมเบิลดอร์มาก่อนเป็นแน่
      “เอาละ เมื่อทุกคนพร้อมกันแล้ว เราจะเริ่มกันคัดเลือกผู้นำของเรากัน แต่ก่อนอื่น ขอบอกสาเหตุที่ต้องให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ นั่นก็เพราะ - -” มักกอลนากัลหยุดพูด พลางเดินไปทางโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่มองไม่ถนัดเท่าไรนัก เพราะถูกคนอื่น ๆ บังอยู่จนเกือบหมด เขา และรอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่จึงเบียดฝ่าฝูงชนไปข้างหน้า
      มักกอลนากัลเดินไปหลังโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์ เธอก้มลงและเอื้อมมือลงบนโต๊ะ มือของเธอสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างลักษณะสี่เหลี่ยม มันคือกรอบรูปขนาดประมาณสี่ฝ่ามือที่หันหลังให้กับประตู มักกอลนากัลหมุนกรอบรูปนั้นให้หันมาทางทุกคน มันคือ - -
      รูปภาพของดัมเบิลดอร์ซึ่งบัดนี้ปลดจากกำแพงแล้วตั้งไว้บนโต๊ะทำงานของอาจารย์ใหญ่
      “สวัสดีทุกคน ฉันขอแนะนำสมาชิกใหม่ซึ่งเป็นมือปราบมารจากกระทรวงสองคน วิลเลียม ไฮน์ และ เอลเบริก คอลสลอฟว์ และอดีตอาจารย์จากโรงเรียนนี้อีกสองคน ฟิลิอัส ฟลิตวิก และ ฮอร์เรส สลักฮอร์น” ดัมเบิลดอร์ในรูปพูดขึ้น แฮร์รี่มองไปข้างหลังเขา เขาเห็นพ่อมดร่างใหญ่ท่าทางใจดีสองคนยืนอยู่ ทั้งสองคนคือคนที่นั่งคุยอยู่กับพ่อและแม่ของเฮอร์ไมโอนี่ที่ห้องโถงใหญ่นั่นเอง
    พ่อคนแรกท่าทางจะเป็นวิลเลียม ไฮน์ เขาเป็นคนที่ดูคล้าย ๆ เคร้าส์อยู่บ้าง แต่ดูใจดีกว่า ผมสีเทาของเขายาวประบ่า แต่เขาก็ยังหนุ่มอยู่ อายุคงพอ ๆ กับลูปิน เขาใส่เสื้อคลุมเดินทางสีกากี มือสองข้างของเขาที่กอดอกซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น ทำให้บุคลิกของเขาดูราวกับเทพบุตรเลยทีเดียว  ถัดไปอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ดูเหมือนจะเป็นเอลเบริก คอลสลอฟว์ เขาเป็นพ่อมดที่ดูร่าเริง ไว้ผมยาวมันขลับ ผูกเป็นหางม้ายาวถึงเอว เสื้อคลุมเดินทางสีน้ำเงินเข้ม ดูเข้ากับบุคลิกของเขาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งสองกำลังมองไปที่รูปภาพของดัมเบิลดอร์อย่างใจจดใจจ่อ
      “ทุกคนคงนึกไม่ถึงรูปภาพของฉันจะพูด และคิดได้อย่างมีสติปัญญาเท่ากับตอนที่ฉันยังมีร่างกายสินะ แต่ทว่า ถึงฉันจะเหลือรูปภาพเอาไว้ก็ตาม สิ่งที่เหลืออยู่ก็ยังคงมีเพียงสติปัญญาเท่านั้น ไม่มีอีกแล้วพลังอำนาจที่จะทำอย่างที่เคยทำได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ” ดัมเบิลดอร์พูดพลางอมยิ้ม
      “เอาละ ที่ฉันให้มิเนอร์วาเรียกทุกคนมาที่นี่เพราะฉันมีเรื่องจะเสนอ ฉันมีบางอย่างจะเสนอ ฉันจะเป็นคนเลือกผู้นำคนใหม่ให้กับทุกคน โดยที่ฉันอาจจะยังออกคำสั่งผ่านทางผู้นำคนนั้นไปยังทุกคนอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจหรอกนะ แต่ว่าบัดนี้มีคนเดียวที่เข้าใจจุดประสงค์ของฉันมากที่สุด และการที่จะให้ทุกคนทำหน้าที่นี้ มันออกจะดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป ทั้งจากกระทรวง ชุมชนพ่อมด หรือแม้แต่กระทั่งศัตรู - - ถึงฉันจะไม่คิดว่าศัตรูจะล่วงรู้แผนการของเราได้ แต่ทว่า การที่ให้กระทรวงหรือชุมชนพ่อมดล่วงรู้ นั่นย่อมจะนำไปสู่ข่าวลือ ปากต่อปาก สักวันก็จะล่วงรู้ไปถึงศัตรูเข้าจนได้”
      ทุกคนเงียบไปสักพัก พลางคิดถึงสิ่งที่ดัมเบิลดอร์เพิ่งพูดจบ
      “แล้วทำไมคุณถึงเป็นผู้นำของเราต่อไม่ได้ละ อัลบัส” สลักฮอร์นถาม
      “เหตุผลนั่นง่ายนิดเดียว นั่นคือ ฉันไม่มีร่างกายอีกแล้ว จะต่อสู้ก็ไม่ได้ ที่ยังเหลืออยู่ในกรอบรูปเก่า ๆ นี่ก็มีแต่มันสมองของคนแก่คนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ดี ถ้าพวกเธอไม่ประสงค์จะรับคำสั่งจากคนแก่ ๆ ที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง ฉันยินดีให้พวกเธอเลือกผู้นำใหม่กันเอง ตามใจชอบ”
      “ไม่มีทาง” มักกอลนากัลบอก “เราเชื่อใจคุณอัลบัส ที่เรามาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้ ฉันปรึกษากับทุกคนแล้วว่าจะให้คุณเป็นผู้นำของเราต่อไป และ””ทุกคนก็ยินดี เราเชื่อใจคุณนะอัลบัส ถึงแม้ว่าคุณจะพลาดเรื่องสเนป แต่ - -”
      “เอาเถอะ” ดัมเบิลดอร์ตัดบท “เราจะไม่พูดถึงเซเวอร์รัสตอนนี้ ตอนนี้เราจะพูดถึงผู้นำคนใหม่ของเรา ถ้ามีใครคัดค้าน หรืออยากจะเป็นผู้นำ หรือไม่ต้องการทำตามคำสั่งของตาแก่ที่ตายแล้วคนนี้ เชิญพูดออกมาได้ - - ขอเพียงแต่พูดออกมาเท่านั้น ฉันก็จะถอนตัวทันที”
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งห้องมีแต่ความเงียบ แม้แต่รูปภาพอาจารย์ใหญ่ที่ปกติจะแกล้งทำเป็นหลับนอนกรน แต่ครั้งนี้กลับเงียบรอฟังทุกเหตุการณ์ที่ผู้คนในห้องอาจารย์ใหญ่กำลังสนทนากันอย่างใจจดใจจ่อ
      “เอาละ ในเมื่อมีแต่ความเงียบ ฉันก็จะถือว่าทุกคนยังคงทำหน้าที่ตามความคิดของฉันต่อไป” เขาหยุดพัก และพูดต่อ “เอาละ คนที่ฉันจะประกาศชื่อออกมาต่อไปนี้ คือผู้นำคนใหม่ของภาคีนกฟีนิกซ์คนต่อไป ฉันขอให้ทุกคนทำตามคำสั่งของเขาหรือเธอคนนั้น ดุจเดียวฉันว่าเขาคนนั้นคือตัวของฉัน เพราะว่าฉันจะมอบหมายหน้าที่ของทุกคนผ่านเขาหรือเธอคนนั้น”
      ดัมเบิลดอร์หยุดนิดหนึ่ง เขากระแอมและพูดต่อ “ผู้นำคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น ทุกคนรู้จักกันดี เขาคือ - -”
      ทุกสายตายในห้องจับจ้องไปที่รูปของดัมเบิลดอร์อย่างใจจดใจจ่อ คอยฟังทุกคำพูดที่จะออกจากปากของเขา
      “ผุ้นำคนใหม่ของภาคีนกฟีนิกซ์ ก็คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น