คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ชิ้นที่หนึ่ง
แสงสว่างทำให้ตาพร่าเลือน แฮร์รี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ที่นี่ที่ไหน เขาตายไปแล้วหรือ นั่นคือคำถามแรกที่เขาถามกับตัวเอง
แฮร์รี่ลุกขึ้นแล้วมองดูไปรอบ ๆ เขานอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลนั่นเอง เห็นมาดามพอมฟรีย์กำลังทำอะไรบางอย่างวุ่นวายอยู่ที่เตียงของรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ
“โอ้ แฮร์รี่ เธอฟื้นแล้วเหรอ ดีจังเลย คุณพระช่วย” มาดามพอมฟรีย์อุทานขึ้นพร้อมกับเดินมาที่เตียงของเขาแล้วเอามือแตะที่หน้าผากของเขาเพื่อเป็นการวัดไข้ แล้วก็นำเครื่องมือต่าง ๆ อีกสองสามชิ้นมาตรวจเขาเป็นการใหญ่
“ไงแฮร์รี่ ฟื้นแล้วเหรอ” รอนถามมาจากเตียงข้าง ๆ
“สวัสดีแฮร์รี่ เราโชคดีนะที่รอดมาได้” เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
“นี่เรายังไม่ตายหรือ” แฮร์รื่ถามอย่างงง ๆ พร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
“โอ้โห ดูเขาถามเราสิเฮอร์ไมโอนี่ ถ้าเราตายแล้วคงจะได้มานั่งคุยกันอย่างนี้หรอกนะ” รอนพูดประชดพร้อมรอยยิ้มสบายใจ
“แล้ว ถ้างั้น เรารอดมาได้อย่างไรกันล่ะ”
“ฉันว่าเรื่องนี้ ฉันอธิบายกับเธอได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่เสนอตัว
“เล่ามา”
“ก็ง่าย ๆ นิดเดียว นิกหัวเกือบขาดร่วมมือกับฉัน” เธอพูดพลางพยักเพยิดไปทางเตียงตรงกันข้ามที่นิกหัวเกือบขาดนั่งอยู่ เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ทำเอาหัวหลุดออกมาไม่เป็นท่า ต้องรีบจับไปไว้บนคอเหมือนเดิม
“ตอนนั้น หลังจากนิกหัวเกือบขาดพูดให้พวกผีเข้าใจผิดว่าเขาจะลงมือเองแล้ว เขาส่งสายตามาที่ฉัน ซึ่งทำให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง ฉันก็เลยสะกดนิ่งแฮร์รี่ ทำให้เธอหมดสติไป แล้วก็สะกดนิ่งตัวเอง แล้วนิกหัวเกือบขาดก็มาบังพวกเราไว้ แล้วแกล้งทำโน่นทำนี่บางอย่าง พวกนั้นก็เข้าใจว่าเราตายแล้ว แล้วก็ทิ้งพวกเราไว้ที่นั่น หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นนิกก็มาบอกกับสมาชิกภาคี ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จึงเรียกตัวมาดามพอมฟรีย์กลับมาฮอกวอตส์ ซึ่งเธอเต็มใจช่วยงานภาคีด้วย”
“แล้ว ผลการประชุมล่ะครับ” แฮร์รี่ถามกับนิกหัวเกือบขาด
“ฉันเสียใจด้วย ฉันพยายามพูดกับพวกนั้นแล้ว แต่เซอร์คาลอนบอกว่าเป็นเพราะมีมนุษย์เข้ามาขัดขวางการประชุม พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่เข้ากับฝ่ายใดทั้งนั้น แล้วยังบอกอีกว่าจะขอนั่งดูการนองเลือดของพ่อมดอย่างสบายใจ - - มันน่าโมโหจริง ๆ”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง เด็กทั้งสามต่างเกิดความรู้สึกหมดหวังเป็นอย่างมาก แต่แล้ว ประตูห้องพยาบาลก็เปิดออกทำลายความเงียบขึ้น ศาสตราจารย์มักกอลนากัลเดินเข้ามาภายในห้อง
“แฮร์รี่ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ให้ฉันเอาของสิ่งนี้มาให้เธอ” เธอเดินมาที่เตียงแล้วยื่นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งให้ แฮร์รี่รับมาดูและสังเกตเห็นว่ามันเป็นเศษกระดาษอันที่เขาได้มาจากกริงกอตส์นั่นเอง แต่เมื่อแฮร์รี่พลิกดูด้านหลัง ก็ปรากฏว่ามันไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนแต่ก่อน แต่กลับมีตัวหนังสือปรากฎอยู่เป็นคำ ๆ หนึ่งว่า
ชิ้นที่หนึ่ง เลขที่สิบสอง กริมโมลเพลส์
“เขายังฝากบอกอีกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเริ่มตามหาอย่างจริงจัง แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไร เขาบอกว่ามาบอกเธอแล้วเธอจะเข้าใจเอง” มักกอลนากัลบอก
“ครับ ขอบคุณมากครับ” แฮร์รี่กล่าวขอบคุณแล้วพับเศษกระดาษแผ่นนั้นใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุม
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกว่าเมื่อเธอพร้อมแล้ว ให้ไปรวมตัวกับลูปินและท๊องก์ที่รอเธออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ - - เขาบอกว่าเราต้องรีบแล้ว เขาได้รับรายงานมาว่าโวลเดอมอร์กำลังจะไปตรวจสอบสิ่งของบางอย่างที่เขาเก็บซ่อนไว้ แล้วถ้าเขารู้ว่ามันหายไป เขาต้องออกไปตามหามัน”
“แล้วคุณอาเบอร์ฟอร์ดล่ะครับ”
“เขาต้องไปทำงานบางอย่าง เอาล่ะ อย่าถามมากอีกเลย ฉันว่าเธอควรจะไปได้แล้ว”
แฮร์รี่ลุกพรวดขึ้นจากเตียง ทันทีที่เห็น มาดามพอมฟรีย์รีบตรงปรี่เข้ามาพร้อมที่จะห้ามเขา แต่แฮร์รี่ขัดเอาไว้ก่อน
“ผมต้องไปครับ แล้วผมก็คิดว่าผมหายดีแล้วครับ” แฮร์รี่หยิบเสื้อคลุมที่อยู่ตรงราวข้างเตียงมาสวม พร้อม ๆ กับรอนและเฮอร์ไมโอนี่
“สวัสดีแฮร์รี่” ลูปินเอ่ยทักขึ้นเมื่อเด็กทั้งสามมาถึงห้องโถงใหญ่
“ไงแฮร์รี่” ท๊องก์หันมาพลางละจากการจิบน้ำฟักทอง
“ผมพร้อมแล้วครับ” แฮร์รี่บอก
“ดี ถ้าอย่างนั้นเราก็เตรียมออกเดินทางกันเลย” ลุปินวางเดลี่พรอเฟ็ตแล้วเดินมาทางแฮร์รี่ ในขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเสียงหนึ่งวิ่งปรี่เข้ามา
“เดี๋ยว รอก่อน ฉันขอไปด้วยคน” เสียงของกิลเดอรอยด์ ล็อกฮาตส์นั่นเอง
“เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยดีกว่านะ”
ภายนอกปราสาทยังดูหดหู่ ราวกับว่าสภาพอากาศและสิ่งต่าง ๆ รับสู่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกพ่อมดและไม่สบายใจไปกับมัน ท้องฟ้าดูจะมืดครึ้มราวกับมีคนเอาผ้ากำมะหยี่สีทึม ๆ มาห่อหุ้มโลกนี้เอาไว้
เดินกันมาสักพักจนมาถึงหมู่บ้านฮอกส์มี้ด จนกระทั่งลูปินให้สัญญาณทุกคนหยุด
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าเธอคงหายตัวได้อย่างสบาย ๆ แล้วนะ ฉันจะไปก่อน ตามด้วยท๊องก์ เธอ รอน เฮอร์ไมโอนี่ แล้วก็กิลเดอรอยด์ เธอยังจำจตุรัสกลางหมู่บ้านที่อยู่หน้าบ้านเลขที่สิบสองได้ไหมแฮร์รี่ นั่นคือจุดหมายของเรา”
“ครับ” แฮร์รี่ตอบรับพร้อมกับนึกถึงจตุรัสกลางที่เขาเคยลงจากไม้กวาดในครั้งแรกที่เขาไปที่นั่นได้ดี
“เอาล่ะนะ” ลุปินพึมพำพลางหายวับไป
“ฉันก็ไปด้วยอีกคน ตามมานะแฮร์รี่” ท๊องก์หายไปอีกคนพร้อมกับเสียงเปรี้ยงที่สอง
แฮร์รี่หลับตาลงแล้วใช้ความรู้สึกมุ่งมั่นนึกถึงจตุรัสอย่างเด่นชัดจนเห็นภาพขึ้นมาในหัวของเขา แล้วพร้อมกับที่ช่องท้องบิดตัวกระตุก เขารู้สึกว่าพื้นที่เขาเหยียบอยู่นั้นหายไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วปรากฏแทนด้วยผืนหญ้านุ่ม ๆ จำนวนหนึ่งแทน
เมื่อลืมตาขึ้น แฮร์รี่พบว่าเขาเองมายืนอยู่กลางจตุรัสเรียบร้อยแล้ว ตามมาด้วยรอนและเฮอร์ไมโอนี่ และสักพัก ล็อกฮาตส์ก็ตามมาถึง
“เอาล่ะทุกคน ค่อย ๆ ตามฉันมานะ ความจริงมีสมาชิกภาคมาเสกคาถาบังตามักเกิ้ลล่วงหน้าไว้แล้ว ตลอดทางระหว่างจตุรัสนี่จนถึงทางเข้าบ้านเลขที่สิบสอง รวมทั้งคาถาป้องกันมักเกิ้ลแบบที่ควิดดิชเวิลด์คัพด้วย เอาละ ดังนั้นฉันของให้ทุกคนหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาไว้ได้เลย” ลูปินบอกทุกคนพร้อมกับเดินนำไปข้างหน้า สู่ที่ว่างที่ควรจะเป็นบ้านเลขที่สิบสอง แล้วเขาก็หันมาหาแฮร์รี่
“แฮร์รี่ เธอเป็นคน ๆ เดียวในเวลานี้ที่จะเป็นคนเปิดเข้าไปได้ เพราะตอนนี้ในบ้านไม่มีใคร และไม่มีใครครอบครองโดยชอบธรรมอยู่ นอกจากเธอ ฉันได้แต่หวังว่าว่าบ้านคงไม่ปิดตายไปนะเมื่อไม่มีคนสายเลือดบริสุทธิ์เป็นผู้ครอบครอง”
แฮร์รี่เดินออกมาข้างหน้า “แล้วผมควรทำอย่างไรล่ะครับ ถึงจะเปิดมันได้”
“นึกสิแฮร์รี่ นึกถึงเลขที่บ้าน นึกถึงภาพ และสภาพของบ้านเท่าที่เธอจำได้ จินตนาการมันออกมา” เสียงของท๊องก์ดังมาจากข้างหลังเขา
โดยที่แฮร์รี่ไม่หันไปดู แต่เขากลับหลับตานึกถึงภาพของบ้านที่เขาได้มาครั้งแรก ภาพของส่วนต่าง ๆ ของบ้านที่เริ่มปรากฎออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า เริ่มจากประตู กำแพง และเรื่อยไปถึงส่วนอื่น ๆ จนครบทั้งหลัง นึกถึงด้ามจับประตูทองเหลือง นึกถึงสัมผัสที่มือของเขาเคยสัมผัสมันและเปิดออกสู่สภาพบ้านภายใน นึกถึงชั้นห้องครัวที่ทุกคนเคยอยู่กันพร้อมหน้า นึกถึงชั้นสองที่นอนอยุ่กับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ นึกถึงห้องใต้หลังคาอับ ๆ ของบัคบีค นึกถึงม่านปักของนางแบล็ก และสุดท้าย เขานึกถึงวันเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับซิเรียสครั้งสุดท้าย
มีเสียงดังติ๊ก ๆ เบา ๆ จนแทบจะไม่ได้ยิน แล้วมีเสียงกึกกักดังอยู่สองสามครั้ง แล้วส่วนของประตูบ้านก็เริ่มปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ตลอดจนส่วนอื่น ๆ ของบ้านที่เริ่มปรากฏออกมาเรื่อย ๆ แล้วเริ่มเบียดบ้านตรงข้าง ๆ ให้ถอยห่างออกไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“เอาล่ะดีมากแฮร์รี่ ถอยออกมา ให้ฉันเข้าไปก่อน - - แล้วก็ฟังนะ ถ้าเกิดมีอะไรที่นึกไม่ถึงเกิดขึ้นระหว่างภาระกิจ คือ - - ถ้าเกิดมีคนตาย - -”
“เราจะต้องไม่มีคนตายครับ” แฮร์รี่มองลุปินตาขวาง
“ไม่น่ะแฮร์รี่ เราต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเอาไว้ก่อน เอาเป็นว่า ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งในพวกเราเป็นอะไรไป ในขณะที่ภารกิจสำเร็จ หรือยังไม่สำเร็จก็ตาม ให้เธอเอาตัวเธอให้อยู่ห่างจากอันตรายเอาไว้ก่อนเท่าที่จะทำได้ อยู่ข้างหลังคนที่รอด หรือถ้าไม่เหลือใคร ให้เธอรีบหายตัวกลับฮอกส์มี้ดแล้วรีบกลับเข้าฮอกวอตส์โดยเร็วที่สุด - - แต่ฉันคิดว่าเวลาประมาณนี้ทางภาคีน่าจะจัดคนรักษาความปลอดภัยไว้ที่ฮอกส์มี้ดแล้วสักสองสามคน ถ้าเธอกลับไปถึงก็ไม่ต้องห่วงคนพวกนั้นอีกเหมือนกัน ให้รีบหนีกลับโรงเรียนโดยเร็วที่สุด เข้าใจไหม”
เด็กทั้งสามพยักหน้า พลางคิดว่าเขาจะไม่ยอมให้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด
ราวกับลูปินเดาตามความคิดของพวกเขาทัน “ไม่รู้สินะแฮร์รี่ พวกเราก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่เราควบคุมไม่ได้จริงไหม”
พูดจบ เขาก็เอื้อมมือไปเปิดประตูข้างหน้าออก
ข้างในบ้านยังคงสกปรกรกรุงรังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เขายังจำครั้งสุดท้ายที่อยู่ที่นี่ได้ดี ข้างในมืดมากแม้จะเป็นกลางวัน มีเพียงแต่แสงที่ส่องผ่านประตูเท่านั้นที่เข้าไปได้ เมื่อทุกคนเข้ามาข้างในกันหมดและปิดประตู ในห้องโถงนั้นจึงมีแต่ความเงียบท่ามกลางความมืด
“ลูมอส” ลูปินเอ่ยขึ้นแล้วปลายไม้กายสิทธิ์ของเขาก็เกิดแสงสว่างจ้า คนอื่น ๆ ทำตาม
“เรารวมกันไว้นะ อย่าแยกกันเด็ดขาด อาจจะมีใครบางคนดักซุ่มอยู่ก็ได้” เขาพูดด้วยเสียงกระซิบ
แล้วลูปินก็เดินนำหน้าคณะสำรวจ พลางมองซ้ายขวา แฮร์รี่ชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นสูงเพื่อให้แสงตกกระทบโดยรอบ แต่ทว่า ความมืดอันหนาแน่นดูไม่เป็นธรรมชาตินี้ ทำให้เขาไม่สบายใจเลยแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าลางร้ายได้คืบคลานเข้ามาใกล้พวกเขาทุกขณะ
ลูปินเดินนำพวกเขาเข้าไปในห้องครัวก่อน แล้วทุกคนก็แยกย้ายไปสำรวจโดยรอบ ๆ ห้อง เมื่อดูโดยรวมแล้วก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ทั้งความสกปรกรกรุงรังของสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งสภาพห้องก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยแต่อย่างใด
พวกเขาสำรวจกันอย่างละเอียดมาก แม้กระทั่งหม้อใหญ่ใบเก่า ๆ ใต้เตาไฟก็ยังอุตส่าห์ทุบออกมาดู หรือในตู้ถ้วยชามก็ยังรื้อออกมาดูทุกซอกทุกมุม แต่มันดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่น่าจะเป็นฮอร์ครัชก์ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
“แฮร์รี่ เธอจะช่วยพวกเราหาด้วยก็ได้นะ แต่ถ้าเธอไม่ว่าอะไร เราก็ขอทำลายสิ่งของบ้างได้ไหม” ลูปินหันมาถามหลังจากง่วนอยู่กับตู้ชา
“ครับ ได้เลย” แฮร์รี่ตอบไป เพราะเขาคิดว่าอย่างน้อยเขาก็มีของดูต่างหน้าซิเรียสอยู่แล้วซึ่งก็คือกระจกบานนั้นนั่นเอง
แฮร์รี่เรียกรอนและเฮอร์ไมโอนี่ไปช่วยกันหา ต่างคนต่างไปดูตามที่ต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นไปได้ ส่วนแฮร์รี่เดินมาที่หน้าม่านปักที่เคยกำจัดด๊อกซี่กัน ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดปกติเช่นกัน เขาเอามือลูบไปตาผนังสึกกร่อน มองไปตามเพดาน เอาไม้กายสิทธิ์กระทุ้งตามกระเบื้องปูพื้นผุพังเพื่อหาห้องลับ หรือช่องลับ แต่มันก็ไม่มีสิ่งผิกปกติปรากฎให้เขาเห็นเลยแม้แต่น้อย สักพัก ทั้งหมดจึงตัดสินใจออกจากห้องครัว
การตามล่าหาฮอร์ครัชดำเนินไปเรื่อย ๆ หลักจากห้องครัวพวกเขาก็ไปหาต่อที่ห้องรับแขก ตามด้วยห้องโถง ชั้นสอง ห้องทุกห้อง และที่ห้องใต้หลังคา แต่สุดท้ายก็ต้องคว้าน้ำเหลว จากนั้น พวกเขาจึงมารวมตัวกันที่ห้องโถงอีกครั้ง
“เราก็หากันทั่วแล้ว นี่ทำไมยังไม่เจออีก แฮร์รี่เธอลองเอากระดาษแผ่นนั้นออกมาดูอีกทีซิ ว่ามีคำใบ้อื่นอีกหรือเปล่า” ท็องก์หันมาบอกเขา
แฮร์รี่หยิบแผ่นกระดาษนั้นออกมาดูอีกครั้ง แต่ก็พบว่าหมึกในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว และก็ไม่มีข้อความใด ๆ ปรากฏขึ้นมาอีก แฮร์รี่จึงชูแผ่นกระดาษนั้นให้ทุกคนดู
“ทีนี้ เราก็ต้องลองมาคิดดูแล้วล่ะ ว่าถ้าเราเป็นเรกูลัส เราจะซ่อนไว้ที่ไหน” ลูปินเสนอ
“ถ้าเป็นผมนะรีมัส ผมจะซ่อนที่ที่คิดว่าจะต้องไม่มีใครหาเจอ” ล็อกฮาตส์บอก
“นั่นล่ะ ถูกต้อง แต่ปัญหาคือมันอยู่ที่ไหนกัน” ลูปินบอกอีกครั้ง แล้วทั้งหมดก็จมอยู่ในห้วงของความคิด
สักพัก แฮร์รี่คิดอะไรขึ้นมาได้จึงเสนอต่อทุกคน “เอ่อ ขอโทษครับ ผมคิดว่า - - ผมคิดว่าน่าจะมีที่ที่หนึ่งที่มิดชิดมาก และเราก็ยังไม่ได้ลองหามาก่อนเลยด้วยล่ะครับ”
“จริงหรือ ที่ไหนล่ะ แฮร์รี่” รอนถามขึ้น
“ม่านปักของนางแบล็ก”
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นที่นั่นล่ะ แฮร์รี่” ลูปินถามอย่างรวดเร็ว
“ก็คิดว่ามันเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดน่ะสิครับ ซิเรียสเคยบอกผมว่ารูปนั่นเสกคาถาติดแน่นถาวรไว้ แต่นั่นอาจไม่ใช่เพื่อไม่ให้ใครเอารูปออกไปทิ้งได้ แต่อาจจะเป็นการปกป้องรักษาฮอร์ครัชก์ก็ได้ แล้วอีกอย่าง เรกูลัสก็เป็นลูกชายสุดที่รักของเธอด้วย แล้วเขาก็เป็นผู้เสพความตาย เขาอาจจะหลอกนางแบล็กว่าเป็นการปกป้องเจ้าแห่งศาสตร์มืดก็ได้ ยิ่งนางแบล็กสนับสนุนโวลเดอมอร์ในใจอยู่แล้ว เธอก็น่าจะยิ่งภูมิใจที่ได้ทำภารกิจนี้แน่ ๆ ครับ”
“จริงสินะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรดีล่ะ” ลูปินบอกด้วยเสียงกระซิบ
“ผมว่าไม่เห็นมีอะไรต้องคิดมากเลยนี่ครับ” รอนบอก “เราแค่ระเบิดมันให้กระจุย”
“จริงสิ ถ้าอย่างนั้น - -” ลูปินพูดพลางเดินนำหน้าไปยังม่านปักกำมะหยี่ที่คลุมรูปภาพของนางแบล็กเอาไว้ แล้วเอามือดึงมันออก
เสียงกรีดร้องดังสนั่นขึ้นทันทีที่นางแบล็กถูกปลุกขึ้นจากภวัง “อะไรกันนี่ พวกแกเข้ามาได้อย่างไร พวกเลือดโสโครก พวกครึ่งเผ่าพันธุ์โสมม พวกทรยศต่อเลือด” แล้วนางก็ร่ายยาวต่อไปเรื่อย ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์
“เราจัดการเสียทีเถอะค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน
“ได้เลย เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ท๊องก์เดินมาข้างหน้า แล้วชูไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“อะวาดา เคดาฟ-รา” มีเสียงร่ายคำสาปพิฆาตดังขึ้น ชั่วขณะแรกแฮร์รี่สงสัยและตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมคนอย่างท๊องก์ถึงได้ใช้คำสาปนี้
แต่ข้อสงสัยของแฮร์รี่ก็กระจ่างและกลายเป็นความตกใจกลัว เมื่อเขาเห็นลำแสงสีเขียวมรกตพุ่งตรงไปกระแทกยังแผ่นหลังของเธอ ทำให้เธอทรุดลงกับพื้น ไม้กายสิทธิ์หลุดจากมือ และเสียชีวิตในทันที
แฮร์รี่หันไปมองต้นตอของคำสาปนั่น คาดว่าจะเห็นผู้เสพความตายเดินลงมาจากบันไดหรือเข้ามาจากประตูบ้าน หรือแม้กระทั่งออกมาจากห้องต่าง ๆ ในบ้าน แต่ - - เปล่าเลย - - ภาพที่เขาเห็นคือภาพของล็อกฮาตส์ที่กำลังชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางพวกเขา
“นี่มันอะไรกันครับ” แฮร์รี่ตะโกนถามขึ้น แข่งกันเสียงของนางแบล็ก
“นี่พวกเธอยังไม่เข้าใจอีกหรือ แต่ฉันไม่ใจดีขนาดจะเล่าอะไรมากมายให้เธอฟังหรอกนะ ตายเสียเถอะ แฮร์รี่” เขาชูไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“สตูเปฟาย” ลำแสงสีแดงสดจากไม้กายสิทธิ์ของลูปินพุ่งกระทบร่างของล็อกฮาตส์ แล้วเขาก็หยุดชะงักแล้วล้มลง ไม้กายสิทธิ์ร่วงหล่นลงกับพื้น ร่างของเขาสยบแทบเท้าผู้ที่รอดชีวิต มีร่างไร้วิญญาณของท๊องก์นอนอยู่ข้าง ๆ
“นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ แล้วคุณท๊องก์ - -” เฮอร์ไมโอนี่อุทาน
ลูปินรีบก้มลงอย่างรวดเร็ว แล้วถลกแขนเสื้อข้างขวาของล็อกฮาตส์ขึ้นมาจนสุด ปรากฏเห็นเป็นรูปตรามารปรากฏอยู่
“พวกเราโง่เอง เราไม่ทันคิด” ลูปินบอก แฮร์รี่สังเกตเห็นน้ำตาของลูปินไหลออกมาเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าเขาคิดจะกลั้นมันไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลูปินร้องไห้ “พวกเราทำทุกวิถีทางที่จะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เป็นตัวปลอมและไม่ได้ถูกคำสาปสะกดใจ แต่ทำไมเรานึกไม่ถึงนะว่าเขาจะเป็นผู้เสพความตาย” เขาร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น
“นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นถึงมือปราบมารชั้นพิเศษ นั่นอาจจะเป็นจุดที่ทำให้เราไว้ใจเขาก็ได้ เพราะคงไม่มีใครคิดว่ามือปราบมารของกระทรวงจะเป็นผู้เสพความตายไปได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดน้ำตาคลอ
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อดี” รอนถามขึ้น
ลูปินเงียบไปสักพักแล้วก็ตอบว่า “เราต้องทำภารกิจของเราให้เสร็จ นำศพของท๊องก์กลับไป พร้อมกับล็อกฮาตส์ แจ้งดัมเบิลดอร์ และกระทรวงโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะตรวจสอบมือปราบมารคนอื่น ๆ ของกระทรวงด้วย มาเถอะแฮร์รี่ เราไม่มีเวลาแล้ว” เขาปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับนางแบล็กที่ยังกรีดร้องไม่หยุด
เขาชูไม้กายสิทธิ์ขึ้น ชี้ไปยังรูปภาพของนางแบล็ก ซึ่งทันทีที่นางเห็น ก็หยุดร้องทันที แล้วพูดด้วนน้ำเสียงกลัว ๆ ว่า “ถ้าแกทำลายรูปภาพ แกจะต้องพบจุดจบที่น่าสังเวช แกจะถูกสาป”
ลูปินร่ายคาถา ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ก็เกิดเสียงเปรี้ยงดังสนั่น ทำให้รูปภาพของนางแบล็กระเบิดกระจุย ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่พอจะเหลืออยู่บ้างกระเด็นกระดอนไปทุกทิศทาง เผยให้เห็นช่องว่างด้านหลังพื้นที่ว่างเปล่าหลังกำแพงที่รูปของนางเคยอยู่
ถ้วยสีทองสองหูใบหนึ่งทอประกายระยิบระยับอยู่ ตรงกลางของถ้วยมีตัวอักษร ฮ (H) ตัวใหญ่สลักอยู่ด้านหลังตัวแบดเจอร์ แฮร์รี่รู้ทันทีว่าต้องเป็นถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟแน่ ๆ
“หยุดนะ อย่ามองมัน หลับตาเสีย มันมีอำนาจบางอย่างที่จะสะกดเธอได้ เอาล่ะ” แฮร์รี่หันไปมองลูปิน
เขาหยิบผ้าสีดำทอประกายประหลาดผืนใหญ่พอประมาณออกมา ดูราวกับว่ามันถักทอมาจากเวทย์มนต์ แฮร์รี่คิดว่ามันมีอำนาจบางอย่างที่เขาบอกไม่ถูก พลังบางอย่างที่เขาคิดว่าเขาเคยรู้จัก แต่เขาไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน
ลูปินเหวี่ยงผ้านั้นคลุมถ้วย พริบตานั้นราวกับว่าแฮร์รี่เห็นแสงเรืองออกมาจากถ้วยนั้น แต่ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น แล้วลูปินก็หยิบห่อผ้านั้นออกมา และถือมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน
“เอาล่ะ เราต้องรีบกลับไปหาดัมเบิลดอร์ แล้วเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง” ลูปินหันมาทางแฮร์รี่
“เอ่อ คือว่า ผ้านั่นคืออะไรหรือฮะ” แฮร์รี่ถาม
“อ้อ ผ้านี่น่ะหรือ มันเป็นผ้าที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ให้สมาชิกภาคีเอามาให้ มันมีอำนาจ มีพลังบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ นี่คือส่วนหนึ่งของภารกิจที่เขาให้สมาชิกภาคีอย่างพวกเราไปเฝ้ากองปริศนาเมื่อปีที่แล้ว เธอจำได้ไหม มีห้อง ๆ หนึ่งที่เข้าไม่ได้ ห้องที่ดัมเบิลดอร์บอกว่ามีพลังที่เธอมี เขาได้ขอพลังนั่นมาจากกระทรวง ซึ่งในเวลาแรกเขาไม่ให้เราหรอก จนกระทั่งเรื่องราวบานปลายขนาดนี้ ดัมเบิลดอร์ต้องใช้เหตุผลเป็นร้อย ๆ ข้อเพื่อขอมันมา แล้วนำมันใส่เอาไว้ในผ้าดำสี่ผืน ซึ่งจะให้ให้พวกเรานำฮอร์ครัชก์กลับไปให้เขาโดยที่ไม่เป็นอันตราย เขาจะเอาไปเก็บไว้ จนกว่าจะหาวิธีทำอะไรสักอย่างกับมันได้ ภายในผ้านี่ ฮอร์ครัชก์จะไม่มีพลังใด ๆ แผ่ออกมาข้างนอกได้ และไม่ส่งสัญญาณใด ๆ ถึงเจ้านายของมันได้อีกด้วย เป็นวิธีที่ฉลาดมากเธอว่าไหม”
เด็กทั้งสามพยักหน้า พร้อมกับคิดว่าลูปินปกปิดความเศร้าหมองในการตายของท๊องก์ไว้ได้ไม่มิดเท่าไรนัก
ความคิดเห็น