ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ฮอร์ครัชชิ้นสุดท้าย (ปี7)

    ลำดับตอนที่ #9 : ฮอกส์มี้ด

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 48


           วันเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วจนย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน อากาศหนาวเริ่มแผ่เข้าปกคลุมบริเวณปราสาท ในระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านเลยไปสองเดือน แฮร์รี่ได้เร่งรีบผนึกตราฟีนิกซ์ให้กับสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์จนครบทุกคน  หลังจากที่ทุกคนใช้ตราฟีนิกซ์กันได้แล้ว ดัมเบิลดอร์เริ่มออกคำสั่งต่าง ๆ ให้ไปดำเนินงานนอกปราสาทบ่อยครั้ง จนปราสาทแทบจะไม่มีคนอยู่  

           ในช่วงเวลาสองเดือนนี้ แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ต่างก็เฝ้าอ่านเดลี่พรอเฟ็ตอยู่ทุกฉบับ และแทบจะทุกฉบับ ก็จะเห็นข่าวการตายบ้าง ข่าวการโจรกรรม และการก่อวินาศกรรมมักเกิ้ลบ้าง ปะปนกันไป และล่าสุด ยังมีข่าวที่ลูเซียส มัลฟอยแหกคุกอัซคาบันได้อีกด้วย

           ในระหว่างนี้ เด็กทั้งสาม ใช้เวลาว่างเข้าไปหมกตัวอยู่ในห้องสมุด เพื่ออ่านหนังสือเกี่ยวกับคาถามาตรฐานต่าง ๆ ที่ควรได้เรียนในปีเจ็ด และเวลาที่มักกอลนากัล ฟลิตวิก และสลักฮอร์น ว่างและอยู่ในปราสาท เด็กทั้งสามมักจะถูกเรียกตัวไปเรียนและฝึกคาถาต่าง ๆ รวมทั้งบทเรียนที่ควรจะได้เรียนในปีเจ็ดอย่างสม่ำเสมออีกด้วย  และทั้งสามยังคงไม่ลืมเอาเวลาว่างที่เหลือ อ่านหนังสือคาถาและใช้เวลาฝึกเกี่ยวกับการสกัดใจอีกด้วย

           สองเดือนที่ผ่านมา แฮร์รี่ใช้คาถาหลายอย่างได้คล่องขึ้น รวมทั้งยังพอใช้คาถาโดยที่ไม่ต้องส่งเสียงพูดได้บ้างแล้ว เพียงแต่ว่าต้องทำเวลาให้เร็วกว่าครั้งละสิบห้านาทีให้ได้เสียก่อนจึงจะพูดได้เต็มปากว่าฝึกสำเร็จ

           สำหรับการสกัดใจ เด็กทั้งสามได้อ่านหนังสือ และทุ่มเทฝึกกันอย่างตั้งใจจริง และใกล้จะประสบความสำเร็จเต็มที ครั้งสุดท้ายที่เขาผลัดกันพินิจใจนั้น แฮร์รี่สามารถเข้าไปในความทรงจำของรอนได้ แต่ก็ถูกสกัดกั้นออกมาในภายหลัง ซึ่งทั้งสามก็ได้ผลใกล้เคียงกันเช่นนี้  แต่ทั้งสามก็ยังคงฝึกกันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ และไม่ทำเป็นเล่นเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว เนื่องจากว่าเวลานี้อยู่ในภาวะสงครามจริง ๆ มิใช่เรียนเพื่อที่จะให้จบอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน แต่เขาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของโลกพ่อมดที่จะต้องเผชิญหน้าต่อกรกับโวลเดอมอร์ และต่อสู้กับผู้ที่เรียนและศึกษาเวทย์มนต์มามากกว่าเขาจนแทบจะมองไม่เห็นทางที่จะเอาชนะได้



           วันนี้แฮร์รี่ตื่นสายเกือบสิบเอ็ดโมง เนื่องจากเมื่อคืนเขานั่งทำใจให้ว่างเปล่าจนถึงเที่ยงคืนและเผลอหลับไป เขาทำธุระส่วนตัวจนเสร็จและเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นรวม พบรอนกับเฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งคุยกันอยู่หน้าเตาผิง มีครุกแชงก์นอนอยู่แทบเท้าเฮอร์ไมโอนี่

           “สวัสดีแฮร์รี่ ดัมเบิลดอร์เรียกหาเราสามคนนะ” รอนบอกเมื่อเห็นแฮร์รี่เดินลงมา

           “งั้นหรือ ขอโทษทีที่ตื่นสาย แต่ฉันฝึกสกัดใจสำเร็จแล้วละ”

           รอนและเฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะอึ้งไปชั่วขณะ และแสดงท่าทางดีใจอย่างที่สุดออกมาให้เห็น “จริงหรือ มันวิเศษมาเลยนะแฮร์รี่ เธอทำได้แล้วจริง ๆ หรือ” เฮอร์ไมโอนี่พรุ่งพราดเข้ามาหาเขา

           “จริง ๆ นะ ไม่เชื่อพวกเธอก็ลองใช้คาถาพินิจใจฉันดูสิ” แฮร์รี่ท้า

           “ได้เลยแฮร์รี่” รอนลุกขึ้น ขยิบตาให้เฮอร์ไมโอนี่ ทั้งคู่จะลองพร้อมกัน

           “พร้อมนะ แฮร์รี่” รอนถาม

           “เวลาโวลเดอมอร์พินิจใจฉัน เขาคงไม่ถามฉันก่อนอย่างนี้หรอกนะ” แฮร์รี่พูดยิ้ม ๆ

           รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา ชี้มาที่แฮร์รี่ แล้วตะโกนพร้อมกัน “เลกจิลิเมน” แฮร์รี่รู้สึกได้ว่าคาถานั้นมีผล ไม่ได้เสกผิดพลาดแต่อย่างใด แต่ทว่า มันกลับไม่มีผลอย่างไรเลยกับเขา เขาทำสำเร็จแล้ว

           “ยอดมากแฮร์รี่” ทั้งคู่พูดพร้อมกันแล้วตรงเข้ามาแสดงความยินดีด้วย

           “ฉันว่า เราเอาข่าวดีนี้ไปบอกดัมเบิลดอร์ดีกว่า แล้วก็อยากรู้ด้วย ว่าเขามีอะไรจะพูดกับพวกเรา” รอนแนะ

           ทั้งสามจึงเดินออกจากหอกริฟฟินดอร์ แล้วตัดสินใจเดินไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่เลย เนื่องจากแฮร์รี่ไม่รู้สึกหิว ในระหว่างทางที่เดินผ่านม่านปักรูปสกิฟเวลลัสพยายามหายใจใต้น้ำโดยไม่ต้องใช้เวทย์มนต์นั้น แฮร์รี่เห็นพวกบรรดาผี ๆ ที่อยู่ในฮอกวอตส์จับกลุ่มประชุมอะไรกันบางอย่างอยู่ แต่จะเป็นอะไรกันนั้น แฮร์รี่ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย จนเขามาถึงห้องของอาจารย์ใหญ่

           “สวัสดียามเช้าแฮร์รี่” ดัมเบิลดอร์ทักทายเขาอย่างเป็นมิตรเช่นเคย

           “คือว่า อาจารย์ฮะ ผมฝึกสกัดใจสำเร็จแล้วครับ” แฮร์รี่รีบบอกดัมเบิลดอร์

           เขาดูเหมือนจะอึ้งไปชั่วขณะเช่นเดียวกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ “เยี่ยมมาก แฮร์รี่ นี่เป็นข่าวดีที่สุดแล้วในเวลาเช่นนี้ หลังจากนี้ ฉันมีหน้าที่บางอย่างที่อยากให้เธอทำ ฉันคิดว่ามันคงไม่อันตรายมากไปสักเท่าไร เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก และสมาชิกภาคีของเราตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว” เขาหยุดนิดหนึ่ง “เมื่อเช้านี้ฉันได้รับสารจากศาสตราจารย์สเนป ไม่ใช่จดหมายหรอกนะแฮร์รี่ และขอบอกเลยว่า ถ้าเธอจะติดต่อสมาชิกภาคีในภาวะนี้ ห้ามใช้จดหมายเป็นอันขาด เพราะจะถูกเปิดอ่านแน่นอน ให้ใช้ผู้พิทักษ์ของเธอเป็นตัวสื่อสาร โดยการส่งข้อความที่เธอพูดผ่านไปกับผู้พิทักษ์ของเธอ มันจะเดินทางไปหาจุดหมายปลายทาง ถึงอาจจะเป็นที่สังเกตได้ แต่มันจะเผยข้อความเฉพาะกับปลายทางตัวจริงเท่านั้น ถึงแม้จะมีคนอื่นอยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่มีทางที่จะล่วงรู้ข้อความของเธอได้

           “เมื่อเช้านี้ ศาสตราจารย์สเนปส่งข้อความมาบอกกับฉันว่า ทุกอย่างได้ดำเนินไปตามแผนการอีกขั้น ซึ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดีมาก และในเวลาเที่ยงตรงของวันนี้ให้ฉันส่งคนออกไปรับครอบครัวมัลฟอยที่ฮอกส์มี้ด ซึ่งพวกเขาจะมาถึงก่อนเวลานั้นสักพักและรออยู่ที่ร้านหัวหมู ซึ่งพวกเธอจะต้องเป็นคนที่ไปพามา และก็พาบาร์เทนเดอร์ที่ยังอยู่ในร้านกลับมาหาฉันด้วย”

           “พวกมัลฟอย แต่พวกนั้นเป็นผู้เสพย์ความตายนี่ครับ” แฮร์รี่แหว

           “อดีต ใช่ - - แต่ตอนนี้ พวกเขาตัดสินใจมาเข้าอยู่ฝ่ายเราด้วยตัวเอง และความร่วมมือของศาสตราจารย์สเนป ซึ่งเขาได้ช่วยลูเซียสแหกคุกอัซคาบันออกมา และทำเป็นว่าเขาได้ฆ่าครอบครัวมัลฟอยทั้งสามคนไปแล้วเนื่องจากทรยศ เพื่อให้พวกเขาไม่มีตัวตน แต่มาเข้าร่วมฝ่ายเรา เธอเข้าใจไหม”

           “แล้วอาจารย์แน่ใจได้อย่างไรครับ ว่าพวกเขาไม่ได้มาเป็นสายลับอย่างที่ศาสตราจารย์สเนปเป็นให้เราอยู่”

           “ฉันเชื่ออย่างนั้น มิสเตอร์เดรโก เคยถูกขู่สังหารครอบครัวมาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนนาซิสซานั้นมิได้เต็มใจเข้าร่วมกับโวลเดอมอร์ตั้งแต่แรก และยังถูกโวลเดอมอร์ละเลย ไม่เห็นค่าในตอนที่ศาสตราจารย์สเนปแจ้งการเท็จกับโวลเดอมอร์ว่าฆ่าเดรโก - - เขาบอกมาอย่างนั้น  แล้วสุดท้าย ลูเซียส คน ๆ นี้)ฉันไม่แน่ใจเท่าไรนัก แต่คิดว่า เมื่อคนในครอบครัวสองคนพูดให้เปิดใจ ฉันเชื่อว่าเขาย่อมทำได้” ดัมเบิลดอร์บอก

           “แล้ว เรื่องบาร์เทนเดอร์ในร้านหัวหมู”

           “อ้อ - - ฉันมีธุระกับเขานิดหน่อย ไว้ฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจทีหลังละกัน เอาเป็นว่า ตอนนี้เธอไปได้แล้ว เพราะนี่ก็ใกล้จะเที่ยงเต็มทีแล้ว”



           แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ กำลังเดินฝ่าละอองหิมะที่เริ่มจะโปรยปรายลงมาอยู่บนถนนที่ตัดผ่านหมู่บ้านฮอกส์มี้ด ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะหนาวมาก เพราะว่าถูกสั่งให้ออกมากระทันหันจึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเปลี่ยนชุดหรือหาเสื้อกันหนาวใส่ได้ ไอเย็นที่ออกมาจากปากของแต่ละคนทุกครั้งที่หายใจนั้น ดูราวกับความสดชื่น และความกระปรี้กระเปร่าของเด็กทั้งสามจะถูกสูบให้ออกไปพร้อม ๆ กับมัน มือของเด็ก ๆ ต่างซุกอยู่ใต้เสื้อคลุมที่ใส่ พลางเดินตัวสั่นผ่านหมู่บ้านไปยังที่ที่เกือบสุดปลายถนน แล้วหาจนพบกับร้านหัวหมูในที่สุด

           ร้านหัวหมูเป็นร้านเหล้าร้านหนึ่งที่แทบจะถูกลืมเลือนในฮอกส์มี้ดแม้ยามที่มีคนพลุกพล่าน และนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอาเสียเลยว่าจะมีสภาพเป็นเช่นไรเมื่อฮอกส์มี้ดเป็นหมู่บ้านร้างเช่นนี้ และยังดูเหมือนว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกศาสตร์มืดเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อสองปีที่แล้ว ที่แฮร์รี่ได้มาเยือนร้านนี้นั้น บรรยากาศชวนหดหู่ใจเป็นอย่างมาก แก้วบัตเตอร์เบียร์และขวดที่ฝุ่นจับราวกับผ่านการเก็บมานานสักหนึ่งศตวรรษ เป็นสภาพร้านที่ชวนน่าสังเวชใจเป็นอย่างมาก แล้วดัมเบิลดอร์บอกให้เขาพาตัวบาเทนเดอร์ที่อยู่ในร้านนี้ไปหาเขา แฮร์รี่คิดว่า เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จะยังคงมีคนหลงเหลืออยู่อีกหรือ แฮร์รี่คิดขณะที่มือข้างหนึ่งผลักประตูให้เปิดออก ภายใต้ป้ายหน้าร้านที่ห้องต่องแต่งเป็นรูปหมูถูกตัดหัว

           “มีใครอยู่ไหมครับ” แฮร์รี่ตะโกน โดยไม่คิดว่าจะมีเสียงตอบอันใด

           “มีธุระอะไร” เสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้นหลังบาร์ ชายแก่หัวล้านหน้าตาเหี่ยวย่นคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

           “คือว่า ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ให้ผมมารอคนที่นี่ และให้พาคุณไปหาเขาด้วยนะครับ”

           เขาสบถครั้งหนึ่ง แล้วพูดว่า “ตาแก่นั่น เผลอแผลบเดียวเป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่คนต่างยกย่องไปเสียแล้ว และ - - ตาย ส่วนฉัน ใช้ชีวิตอย่างเงียบเชียบ ไม่สุงสิงกับใคร ถึงมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ ฉันไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับงานอันตรายบ้าบอคอแตกกับพวกนั้นหรอก” เขาถลึงตามองแฮร์รี่

           “อะไรนะครับ หมายความว่าอย่างไร ผมไม่เข้าใจ” รอนถามขึ้นบ้าง

           “ฉันเป็นน้องของเขา อาเบอร์ฟอร์ด ดัมเบิลดอร์” เขาพูดขึ้นเรียบ ๆ “เธอเห็นไหม พวกที่ต้องต้านเขา คนที่เธอก็รู้ว่าใคร แล้วดูสิ ดูชะตากรรมของพวกเขา มีอันเป็นไป แม้พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่อย่างพี่ของฉัน ก็มีจุดจบเดียวกับทุกคน ฉันไม่อยู่ฝ่ายใดทั้งนั้น ถึงแม้จะอยู่ฝ่ายเจ้าแห่งศาสตร์มืด ก็อาจจะถูกมือปราบมารฆ่าตายได้ ไม่ละ ฉันขออยู่ข้างสนาม คอยดูควิดดิชเขาแข่งกันเองดีกว่า” เป็นคำเปรียบเทียบ <แปลว่า ไม่อยู่ฝ่ายใดทั้งนั้น>

           แฮร์รี่ถอนหายใจ นี่เป็นวิถืทางของผู้ที่ขี้ขลาดโดยแท้ “แต่ว่าที่ศาสตตราจารย์ดัมเบิลดอร์ตาย เพราะเขาเสียสละตัวเอง และก็เป็นแผนการของเขาด้วย” แฮร์รี่บอกเสียงดัง

           “ฉันไม่สน ถึงอย่างไรก็ตายอยู่ดี” ว่าแล้ว เขาจึงก้มหน้าเอาผ้าขี้ริ้วฝุ่นจับขึ้นมาเช็ดขวดบัตเตอร์เบียร์ต่อ ซึ่งยิ่งทำให้สกปรกมากกว่าเดิม

           “สิ่งที่ดัมเบิลดอร์ทำ” เขาพูดต่อ “ก็เหมือนกับการเอาผ้าขี้ริวขัดขวดฝุ่นเขรอะอย่างนี้ละ ถึงจะรู้ว่ามันไม่มีวันสะอาดขึ้นมาได้ แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำได้ เพราะถึงอยู่เฉย ๆ ไป ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร” เขาพูดเรียบ ๆ

           “ผมไม่เห็นด้วย สิ่งที่ดัมเบิลดอร์ทำ เหมือนเอาผ้าสะอาดเช็ดมากกว่า” แฮร์รี่บอกเรียบ ๆ เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะส่งผลเข้าไปถึงจิตใจอันคับแคบของเขาไม่น้อย เขาหยุดมือในทันที แต่แล้วแฮร์รี่จึงรู้ว่า เขาหยุดมือไม่ใช่เพราะแฮร์รี่ แต่เพราะรู้สึกได้ก่อนว่ามีเสียง เปรี้ยง สามครั้งดังขึ้นที่หน้าร้านของเขา

           “ใครนะ” เขาตะโกนพร้อมกับชักไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้ที่ประตูอย่างรวดเร็วจนแฮร์รี่ถึงกับตกใจ ท่าทางของเขายามจับไม้กายสิทธิ์ถึงกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูสง่างามและทรงอำนาจอย่างบอกไม่ถูก ใช่ ราวกับดัมเบิลดอร์คืนชีพ ( ถึงบุคลิกจะดูลุกลี้ลุกลนอยู่บ้างก็ตาม )

           “อย่า” แฮร์รี่รีบตะโกนห้าม “คงเป็นพวกมัลฟอย มาถึงแล้ว”

    ประตูเปิดผางออกอย่างรุนแรง ดูประหลาดมาก เพราะถึงพวกมัลฟอยจะเป็นคนที่แย่เสียขนาดไหน แต่ก็คงไม่ทำกิริยาอย่างนี้เป็นแน่ แล้วร่างที่เดินเข้ามาภายในร้านหัวหมูนั้น กลับมิใช่ครอบครัวมัลฟอย แต่กลับเป็นผู้เสพย์ความตายใส่หน้ากากสองคนเดินย่างเท้าเข้ามาพร้อมกับชูไม้กายสิทธิ์ขึ้น

           แฮร์รี่รีบดูเวลา ถ้าพวกมัลฟอยมาถึงตอนนี้ และถูกพวกนี้พบเข้า คงจะต้องเสียแผนทั้งหมดเป็นแน่ บัดนี้ เป็นเวลาเพียงสิบเอ็ดโมงห้าสิบหกนาทีเท่านั้น แฮร์รี่ค่อยโล่งใจและได้แต่หวังว่าขอให้พวกมัลฟอยมาตรงเวลาหรือมาช้าก็ยิ่งดี

           “ไหนล่ะ ครอบครัวมัลฟอย แฮร์รี่” อาเบอร์ฟอร์ดตะโกนอย่างเสียงดังพร้อมกันชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ร่างทั้งสองที่เดินเข้ามา ซึ่งตอนนี้ทุกคนในร้านได้เอาไม้กายสิทธิ์ออกมาหมดแล้ว และชี้ไปที่ฝ่ายตรงกันข้าม รั้งแค่คอยให้อีกฝ่ายลงมือก่อนเท่านั้น แฮร์รี่ได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้จบเร็ว ๆ เสียที มิฉะนั้นเหตุการณ์คงต้องแย่แน่ ๆ และเขายังหวังอีกว่าอาเบอร์ฟอร์ดคงจะเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของดัมเบิลดอร์ก็ดี

           “อะวาดา เคดาฟ-รา” ผู้เสพย์ความตายหนึ่งในสองคนนั้นตะโกนขึ้น ลำแสงสีเขียวสว่างจ้าพุ่งไปที่ร่างของอาเบอร์ฟอร์ดทันที

    ในเสี้ยววินาทีที่แฮร์รี่คิดว่าอาเบอร์ฟอร์ดคงไม่รอดแล้วนั้น เขากลับชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นและโบกทีหนึ่ง ร่างของเขาพลันหายวับไป ลำแสงจึงพุ่งไปกระทบผนังหลังห้องกระจุยกระจาย และร่างของเขากลับไปโผล่ด้านหลังของผู้เสพย์ความตายสองคนนั้น ในระหว่างนี้ แฮร์รี่ได้แต่ยืนงงงวยอยู่กับที่อย่างทำอะไรไม่ถูก แฮร์รี่คิดว่าอาเบอร์ฟอร์ดมิได้เก่งแค่เศษเสี้ยวของดัมเบิลดอร์ แต่เก่งพอ ๆ กันเลยทีเดียว

           ทันทีที่อาเบอร์ฟอร์ดปรากฎร่างขึ้นหลังผู้เสพย์ความตายคนที่เสกคาถานั้น ผู้เสพย์ความตายอีกคนหนึ่งหันกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เขา แล้วร่ายคาถาขึ้น “ครูซิโอ”

           แต่อาเบอร์ฟอร์ดได้สะบัดไม้กายสิทธิ์แล้วเบี่ยงคาถานั้นสะท้อนกลับออกไปได้อย่างรวดเร็ว ผลของคาถานั้นจึงไปตกอยู่กับเพื่อนผู้เสพย์ความตายอีกคนที่กำลังนอนดิ้นอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น

           “ไลน์ นาซิสซิอุม” อาเบอร์ฟอร์ดชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังผู้เสพย์ความตายคนที่ยืนอยู่ ทันใดนั้น ผู้เสพย์ความตายคนนั้นก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ทำท่าทางราวกับกำลังถูกเชือกที่มองไม่เห็นผูกมัดร่างไว้อย่างเหนียวแน่น

           วินาทีนั้นเองที่อาเบอร์ฟอร์ดไม่ทันระวังตัว ผู้เสพย์ความตายอีกคนที่คลายจากคำสาปกรีดแทงแล้ว ได้เสกคาถามายังเขา แฮร์รี่เห็นว่าอาเบอร์ฟอร์ดไม่มีเวลาแม้แต่จะขยับไม้กายสิทธิ์ แฮร์รี่ตะโกน “เอกซ์เปกโต พาโตรนุม” - - “อะวาดา เคดาฟ-รา” เสียงของแฮร์รี่เปล่งออกมาแทบจะพร้อมกับผู้เสพย์ความตายคนนั้น ลำแสงสีเขียวพุ่งตรงไปยังร่างของอาเบอร์ฟอร์ดที่ไม่ทันระวังตัว แต่ทว่า ก่อนที่ลำแสงจะกระทบกับร่างของเขานั้น ผู้พิทักษ์ของแฮร์รี่ได้วิ่งเข้าไปขวางไว้อย่างทันท่วงที ลำแสงสีเขียวกระทบกับร่างผู้พิทักษ์สีเงินสว่างสดใสของแฮร์รี่ จนแตกกระจายเป็นแสงเจิดจ้าสว่างไสวไปทั่วห้อง ในระหว่างนั้น อาเบอร์ฟอร์ดหายไปแล้ว

           “ไลน์ นาซิสเซอุม” เสียงร่ายคาถาดังขึ้นโดยที่แสงสว่างจ้ายังไม่หายไปหมด หลังจากแฮร์รี่หายจากอาการตาพร่าแล้ว จึงได้เห็นร่างของผู้เสพย์ความตายทั้งสองนั่งอยู่ราวกับถูกเชือกที่มองไม่เห็นมัดร่างเอาไว้ทั้งคู่

           “หลับสักพักเถิด ไว้ไปตื่นอีกทีที่อัซคาบันก็แล้วกัน” อาเบอร์ฟอร์ดพูดพลางร่ายคาถาไปที่ร่างทั้งสอง “สไลซิส ฟิเนลลิสเซียม” แล้วผู้เสพย์ความตายทั้งสองก็หลับไป

           อาเบอร์ฟอร์ดหันมาทางแฮร์รี่ พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลขึ้น “ตอนนี้ฉันต้องขอบคุณเธอมาก ขอบคุณความตั้งใจของเธอมากกว่าสินะ เพราะว่าตอนนี้ถึงเธอจะไม่เข้ามาช่วย ฉันก็สามารถหลบคาถาได้ด้วยตนเองอยู่ดี แต่ก็ขอขอบคุณนะ” เขาหยุดนิดหนึ่ง แล้วกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงตะคอก เป็นงานเป็นการเช่นเดิม “ฉันได้ยินมาว่าเธอเสกคาถาผู้พิทักษ์ที่มีรูปร่างได้สมบูรณ์ แล้วก็เพิ่งมาเห็นด้วยตาตนเองนี่ละ ยอดเยี่ยมจริง ๆ - - แต่ก็นะ สมัยทอม ริดเดิ้ลเขาเสกได้ตั้งแต่อายุสิบสอง”

           “คุณ รู้จักโวลเดอมอร์ด้วยหรือฮะ” แฮร์รี่ถามเสียงดัง

           “แน่ละสิ ทำไมจะไม่รู้จัก เวลานั้น นักเรียนคนโปรดของฉันเลยรู้ไหม” เขาพูดเสียงอ่อนลงเล็กน้อยกับแฮร์รี่

           “หมายความว่า คุณ - -”

           “เธอนี่ เข้าใจอะไรยากจริง ๆ เลยแฮร์รี่ ฉันเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาคาถาที่ฮอกวอตส์ สมัยเดียวกับที่ทอมริดเดิ้ลอยู่นะสิ” เขาหยุดนิดหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น มองไปในความว่างเปล่า “คิดถึงเพื่อนเก่าเสียจริง ๆ ” ฟังดูเหมือนเขาจะพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า แล้วเขาหันมาพูดกับแฮร์รี่ “เอาละ ฉันชอบเธอ แฮร์รี่ ฉันจะไปอยู่ด้วยที่ฮอกวอตส์ก็ได้” เขายิ้มให้

           แฮร์รี่ไม่ตอบ เด็กทั้งสามได้แต่ส่งยิ้มให้กัน ในระหว่างที่เสี้ยงเปรี้ยงอีกสามเสียงดังขึ้นหน้าร้าน

           “เอาละ แฮร์รี่ พวกมัลฟอยคงมาถึงแล้ว” อาเบอร์ฟอร์ดบอก

           “อาจารย์รู้ได้อย่างไรฮะ ก็อาจารย์ได้ยินแต่เสียงหายตัว ครั้งผู้เสพย์ความตายก็เหมือนกัน ทำไมอาจารย์ถึงรู้ว่าเป็นผู้เสพย์ความตายละครับ”

           “นี่เป็นความรู้สึกที่เฉียบคมของผู้มีประสบการณ์ไงละ แฮร์รี่ ความรู้สึกในการรู้สึกถึงจิตสังหารของคู่ต่อสู้ ครั้งที่ผู้เสพย์ความตายเข้ามา เธอไม่รู้สึกเลยหรือ บรรกาศที่ตึงเครียดขึ้นในทันทีหลังจากเกิดเสียงหายตัวนั่นละ เพราะพวกนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร แต่ครั้งนี้ฉันไม่รู้สึกถึงความรู้สึกอย่างนั้นสักนิดเดียว - - นี่ละ คือสิ่งที่แตกต่างระหว่างผู้มีความรู้ทางเวทย์มนต์เท่า ๆ กัน แต่ต่างกันที่ประสบการณ์ยังไงละ แฮร์รี่” พูดจบ ประตูก็เปิดออก ครอบครัวมัลฟอยทั้งสามคนเดินย่างเท้าเข้ามาในร้าน ท่าทางของทั้งสามคนดูจะไม่เย่อหยิ่งอวดดีเหมือนที่เคย

           “อย่าบอกนะว่านายเป็นคนมาพาเราไป” เดรโก มัลฟอย ถลามาข้างหน้าแล้วพูดขึ้น

           “อย่าทำตัวเป็นเด็กน่า เดรโก ครั้งนี้เราอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้วนะ” ลูเซียสบอกขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้า จับมือของแฮร์รี่แล้วเขย่า

    มัลฟอยยังคงไม่มองหน้าแฮร์รี่ “อย่างี่เง่าน่า เดรโก จับมือเสีย” ลูเซียสปรามลูกชาย และผลักมัลฟอยออกมาด้านหน้า ทางฝ่ายมัลฟอยนั้น มองหน้าแฮร์รี่ด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะปั้นไม่ถูกสักพักหนึ่ง แล้วยื่นมือมาจับแล้วแทบจะรีบปล่อยในทันที ส่วนรอนนั้นยังคงไม่มองหน้าลูเซียส หรือแม้แต่มัลฟอย แฮร์รี่ไม่เคยได้ลองคิดมาก่อนเลยว่า เมื่อครอบครัวมัลฟอยและครอบครัววิสลีย์มาร่วมมือกันภายใต้ชายคาเดียว อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ในเมื่อครอบครัวมัลฟอยดูถูกครอบครัววิสลีย์ไว้ขนาดนั้น

           หลังจากนั้นสักพักทั้งหมดก็สัมผัสมือกันครบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่รอน ( แฮร์รี่สังเกตเห็นว่าครั้งนี้ครอบครัวมัลฟอยไม่ได้ทำทีรังเกียจเฮอร์ไมโอนี่เหมือนอย่างที่เคยอีกแล้ว ) “เอาละ ในเมื่อหมดธุระกับร้านเก่าคร่ำคร่าของฉันแล้ว ก็ไปที่ฮอกวอตส์กันเสียทีเถิด ฉันไม่ได้เห็นปราสาทมานานเท่าไรแล้วนะ” ดูเหมือนว่าประโยคหลังอาเบอร์ฟอร์ดจะพูดกับตัวเองมากกว่า “อ้อ แล้วก็ต้องไม่ลืมแจ้งกระทรวงเวทย์มนต์ให้มารับเจ้าพวกกากเดนมนุษย์สองตัวนี่ก่อนที่มันจะตื่นด้วย แต่ฉันว่าถึงพวกมันจะตื่นขึ้นมา ก็คงดิ้นไม่หลุดรอดไปได้หรอก เอาเป็นว่า อีกสักพักฉันจะตามไปละกัน ฝากบอกอัลบัสตามนี้ด้วยนะ” อาเบอร์ฟอร์ดบอกกับแฮร์รี่

           หลังจากที่ทั้งหมดออกมานอกร้าน อาเบอร์ฟอร์ดได้หายตัวไปแทบจะในทันทีที่เท้าของเขาเก้าย่างเยื้องออกจากร้าน แล้วแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี ตามด้วยครอบครัวมัลฟอย ก็เดินกลับสู่ฮอกวอตส์ด้วยกันทั้งหมด ท่ามกลางสายลม และแสงแดดอันน้อยนิด ที่ส่องผ่านเมฆหมอกที่หนาทึบออกมาอย่างหมองหม่น ราวกับสถานการณ์ของโลกพ่อมดในยามนี้เลยทีเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×