ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ฮอร์ครัชชิ้นสุดท้าย (ปี7)

    ลำดับตอนที่ #6 : กริฟฟินดอร์ และ สลิธีลิน

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 48


           วันรุ่งขึ้นหลังจากแฮร์รี่ตื่นนอนที่หอกริฟฟินดอร์และลุกขึ้นมาดูนาฬิกา ก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว คงเป็นเพราะเมื่อวานเขานอนดึกมาก จึงทำให้ตื่นสายนั่นเอง เนื่องจากหลังจากกลับมาจากการพบกับดัมเบิลดอร์วันแรกแล้ว เขาก็นั่งคิดอะไรต่าง ๆ อยู่นาน จะกว่าจะหลับตาลงไปได้  

           แฮร์รี่รีบแต่งตัวให้เสร็จในหอนอน และพบว่ารอนไม่อยู่แล้ว เขาจึงเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นรวม และพบรอนกับเฮอร์ไมโอนี่นั่งเล่นกับครุกแชงก์อยู่ที่เก้าอี้นวมหน้าเตาผิง ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากสองคนกับอีกหนึ่งตัวที่แฮร์รี่พบ

           “อรุณสวัสดิ์” รอนทักเขา

           “อรุณสวัสดิ์ รอน เฮอร์ไมโอนี่  ขอโทษที ฉันตื่นสายไปหน่อย แล้วนี่พวกเธอลงไปกินอะไรกันหรือยัง” แฮร์รี่ถาม

           “เรียบร้อยแล้วละ เราทนหิวไม่ได้ก็เลยไปกินก่อนเธอนะละแฮร์รี่ ว่าแต่ เธอจะลงไปหาคนอื่น ๆ กันเลยไหม” เฮอร์ไมโอนี่บอก

           “ไปสิ”

           แฮร์รี่มุดผ่านช่องรูปภาพสุภาพสตรีอ้วนออกมายังระเบียงชั้นเจ็ด บรรยากาศแปลกอย่างน่าประหลาด - - คงเป็นเพราะว่าเขายังไม่ชินกับการที่ฮอกวอตส์ไม่มีนักเรียนคนอื่นเลยก็เป็นได้

           แฮร์รี่มาถึงห้องโถงใหญ่ และพบว่าสมาชิกภาคีคนอื่น ๆ กำลังนั่งหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ จนกระทั่งบางคนไม่รับรู้เสียด้วยซ้ำว่าพวกเขาเข้ามาในห้องแล้ว มีเพียงบางคนที่กล่าวอรุณสวัสดิ์กับเขา ส่วนบางคนก็นั่งทำหน้าตาเคร่งเครียดต่อไป

           ดัมเบิลดอร์สั่งอะไรกับมักกอลนากัลเมื่อคืนกันแน่ นั่นคือคำถามที่อยู่ในหัวของแฮร์รี่

           แฮร์รี่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะกริฟฟินดอร์ แต่ก่อนที่เขาจะนั่ง มักกอลนากัลก็ลุกและเดินมาหาเขา

           “แฮร์รี่” เธอเรียกเขา

           “มีอะไรหรือครับ” แฮร์รี่ทำสีหน้างงงวยตอบกลับไป

           “ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ให้ฉันมาบอกเธอว่า ให้เธอขึ้นไปหาเขาอีกครั้งหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เขาบอกว่าเขามีบางอย่างที่นึกขึ้นได้และอยากจะให้เธอดู” เธอบอกกับแฮร์รี่ และมองเขาด้วยสายตาทะลุทะลวงแวบหนึ่ง จากนั้นเธอจึงเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไป ดูเหมือนว่าเธอจะไปทำหน้าที่อะไรบางอย่าง เพราะแฮร์รี่เห็นเธอเดินออกไปนอกปราสาท

           แฮร์รี่รีบกินอาหารให้เสร็จโดยเร็วโดยไม่แม้แต่จะพูดจากับรอนหรือเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งทั้งสองก็ไม่รบกวนเช่นกัน เพราะเด็กทั้งสามต่างก็อยากรู้มากพอ ๆ กันว่าอะไรคือสิ่งที่ดัมเบิลดอร์อยากจะให้ดูกันแน่



           แฮร์รี่เดินมาถึงห้องอาจารย์ใหญ่กับลูปินซึ่งเขาวานมาให้ช่วยเปิดทางให้ หลังจากที่ลูปินเปิดทางให้ด้วยคาถาตราฟีนิกซ์แล้ว เขาก็กลับไป ทิ้งให้เด็กทั้งสามอยู่กันเพียงลำพัง โดยที่ไม่รอช้า ทั้งสามรีบก้าวจ้ำขึ้นบันไดวนอย่างรวดเร็ว

           ประตูห้องอาจารย์ใหญ่เปิดออกหลังจากที่แฮร์รี่บิดลูกบิดที่ประตู ทั้งสามถลาเข้าไปในห้อง และพบรูปภาพของดัมเบิลดอร์วางอยู่ที่เดิมบนโต๊ะ

           ดัมเบิลดอร์เป็นฝ่ายทักเขาก่อน “สวัสดีแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ - - ฉันคิดว่าหลังจากเรื่องเมื่อคืนเธอคงตื่นสาย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ร่างกายของเราควรจะได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอหลังจากทำงานหนัก หรือเจอเรื่องอะไรร้าย ๆ มามากมาย” เขาหยุดนิดหนึ่ง “แต่ฉันไม่ได้เรียกพวกเธอสามคนมาเพียงเพื่อที่จะพูดอะไรไร้สาระเช่นนี้ ฉันมีอะไรบางอย่างที่สำคัญมากที่อยากให้พวกเธอได้ดู - - เมื่อคืนนี้หลังจากที่ฉันมอบคำสั่งต่าง ๆ กับศาสตราจาย์มักกอลนากัลแล้ว เธอได้พบบางสิ่งบางอย่างในห้องนี้ มันคือช่องลับ เหมือนกับตู้นิรภัยของมักเกิ้ล อยู่ที่ชั้นหนังสือด้านหลังฟอกซ์ไง” ดัมเบิลดอร์บอก พลางชี้นี้วที่อยู่ภายในกรอบรูปของเขาไปยังนกฟีนิกซ์คู่ใจของเขา

           แฮร์รี่เดินไปยังชั้นหนังสือดังกล่าว อ้อมไปด้านหลังคอนที่ฟอกซ์กำลังเกาะอยู่และมองมาที่เขา แฮร์รี่สังเกตุที่ชั้นหนังสือตรงหน้าเขา และพบว่า ตรงหน้าที่ควรจะเป็นชั้นหนังสือธรรมดากลับเป็นไม้กระดานที่เปิดอ้าอยู่เหมือนบานหน้าต่างบานหนึ่ง ภายในดูเหมือนราวกับฉากกั้นทำด้วยสิ่งที่คล้าย ๆ กับเหล็กแกะสลักรูปงูกำลังขดตัวอยู่ตัวหนี่ง ถ้าเป็นมักเกิ้ลก็คงเรียกมันว่าตู้เซฟลับแต่ทว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแฮร์รี่ดูเหมือนจะปิดผนึกไว้ด้วยเวทย์มนต์หรืออะไรสักอย่าง ที่ไม่น่าจะเป็นรหัสและกุญแจ เพราะว่า มันไม่มีลูกบิดหรือที่เสียบกุญแจเหมือนกับตู้เซฟที่แฮร์รี่เคยดูในภาพยนต์สมัยที่ยังอยู่กับพวกเดอร์สลีย์ที่บ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเวต

           “เธอเห็นมันแล้วคงคิดเหมือนกับที่ฉันกำลังคิด” ดัมเบิลดอร์พูดขณะที่แฮร์รี่จมอยู่ในห้วงภวัง จึงทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย แฮร์รี่ยืนอยู่ที่เดิม หันหน้าไปฟังดัมเบิลดอร์ โดยทีรอนกับเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเขาเช่นเดิม

           “เมื่อคืนตอนที่ฉันพบกับตู้นิรภัยลับนี่ ฉันลองให้มิเนอร์วาใช้คาถาต่าง ๆ เท่าที่เรารู้จักเปิดดูทุกวิถีทางแล้ว - - แต่ก็เป็นอย่างที่เธอเห็น คือมันไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้นเลย  - - แต่ด้วยการที่ว่ามันมีรูปงูแกะสลักอยู่ที่หน้าฉากกั้นนี่ และมันอยู่ในห้องอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนฮอกวอตส์ ฉันจึงคิดว่า มันเป็นบางสิ่งบางอย่าง จากซัลลาซาร์ สลิธีลินที่ยังเหลืออยู่ในโรงเรียน และความคิดเช่นนี้ก็มีทางเป็นไปได้ เพราะเมื่อคิดดูเรื่องทางเข้าห้องแห่งความลับ ที่มีรูปงูแกะสลักอยู่ที่ก๊อกน้ำ และใช้ภาษาพาเซลในการเปิด ฉันจึงคิดว่า นี่ก็คงเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ใช้วิธีเดียวกันนั้น - - จริงไหม แฮร์รี่ เราลองดูก็ไม่เสียหายอะไร” ดัมเบิลดอร์พูดจนจบและมองแฮร์รี่ด้วยสายตาแทงให้ทะลุ

           แฮร์รี่รู้ดีว่าดัมเบิลดอร์หมายถึงอะไร สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพูดภาษาพาเซลเพื่อให้ฉากกั้นนี้เปิดออก แฮร์รี่พยักหน้าและบอก “ผมจะลองดูฮะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะพูดได้หรือเปล่า ครั้งแรกที่ผมพูดได้ ผมพูดโดยที่ไม่รู้ตัวเนื่องจากมีงูอยู่ตรงหน้าผมจริง ๆ และตอนที่เปิดห้องแห่งความลับนั้น ผมก็พูดโดยจินตนาการว่างูที่ก็อกน้ำเป็นงูจริง ๆ แต่ว่าห้องน้ำนั่นมืดมาก จึงง่ายต่อการคิดเช่นนั้น แต่ - - ผมจะลองดูครับ”

           ดัมเบิลดอร์ไม่พูดอะไร ได้แต่มองแฮร์รี่ต่อไปอย่างนั้น แฮร์รี่จึงหันหลังให้เขา และจ้องมองที่งูนั้น เขาพยายามคิดว่ามันเป็นงูจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ภาพแกะสลัก แฮร์รี่จ้องภาพแกะสลักตาไม่กระพริบ จ้องมองลึกลงไปท่ามกลางความว่าเปล่าของภาพแกะสลักนั้น เขาลองพูดดู

           “เปิดออก” ไม่สำเร็จ เสียงที่ได้ยินไม่ใช่ภาษาพาเซลแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงพูดของเขาเอง แฮร์รี่พยายามใหม่ เขาจ้องรูปนั้นนานกว่าเดิม และแล้ว บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น

           แสง ๆ หนึ่งปะทุขึ้นจากด้านหลังแฮร์รี่ - - ฟอกซ์กำลังเผาตัวเอง มันทำให้เกิดเปลวไฟวูบวาบอยู่พักหนึ่ง แฮร์รี่ยังจ้องรูปงูนั้นอยู่ บัดนี้ แสงไฟจากการเผาตัวเองของฟอกซ์นั้น ส่องประกายวูบไหวไปทั่วห้อง รวมทั้งที่ภาพแกะสลักด้วย ทำให้แฮร์รี่มองเห็นเหมือนเป็นงูกำลังขยับอยู่ แฮร์รี่ลองอีกครั้ง

           “เปิดออก” เสียงที่ออกมาจากปากของเขาไม่ใช่เสียงพูดปกติของเขา แต่เป็นภาษางู แฮร์รี่รู้ได้ทันที

           ฉากกั้นเริ่มสั่นไหว ภาพแกะสลักงูนั้นขยับไปมา และเลื้อยไปรอบกรอบของฉากกั้นทั้ง ๆ ที่ยังเป็นภาพแกะสลัก จนครบรอบ และเลื้อยหายไปจากฉากกั้นในที่สุด และฉากกั้นนั้นได้แยกออกเป็นสี่ส่วนเริ่มจากตรงกลาง และเลื่อนหายไปจากมุมทั้งสี่ เผยให้เห็นภายในซึ่งเป็นช่องเก็บของขนาดไม่ใหญ่มากนัก ภายในบรรจุขวดแก้วขนาดเล็กอยู่ขวดหนึ่ง ขวดนี้มีลักษณะเหมือนกันขวดที่ดัมเบิลดอร์ใช้ใส่ความทรงจำของเขาเสียนี่กระไร เพียงแต่ว่าขวดในช่องเก็บของนี้ดูเก่าแก่มากกว่าขวดของดัมเบิลดอร์มากเลยทีเดียว

           “ข้างในนั้นเป็นอะไรหรือ แฮร์รี่” ดัมเบิลดอร์ถาม เนื่องจากเขาไม่สามารถเห็นสิ่งของข้างในนั้นผ่านร่างของแฮร์รี่ที่ยืนบังอยู่ได้

           “ครับ เอ่อ - - ดูเหมือนว่าจะเป็นขวดบรรจุความทรงจำนะครับ เก่ามากเลยทีเดียว” แฮร์รี่บอกพลางจ้องขวดนี้ตาไม่กระพริบ

           “เอาสิ่งนั้นออกมาสิ แฮร์รี่ เราจะมาดูกัน” ดัมเบิลดอร์บอก

           แฮร์รี่หยิบขวดนั้นออกมาจากช่องลับ ทันทีที่เขาหันหลังให้ช่องลับนั้น ช่องลับนั้นก็พลันปิดอย่างรวดเร็ว แฮร์รี่ไม่สนใจ เขาถือขวดเดินไปยังโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่เพิ่งสังเกตุเห็นว่าอีกด้านของขวดที่ตอนแรกเขาไม่เห็นนั้น มีกระดาษที่เก่ามาก ๆ จนกลายเป็นสีเหลืองและดูปุปะติดอยู่ มีลายมือที่แฮร์รี่ไม่คุ้นเคยเขียนไว้ว่า คำสาปของซัลลาซาร์ สลิธีลิน

           แฮร์รี่เดินมาที่โต๊ะของดัมเบิลดอร์ และหันด้านของขวดที่มีกระดาษปิดผนึกอยู่ให้ดัมเบิลดอร์ในรูปภาพดู เขาทำท่าราวกับตกตะลึงไปชั่วขณะ สักพักเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เรามาดูความทรงจำนี้กันดีกว่า พวกเธอทั้งสามคน แฮร์รี่ รบกวนช่วยจัดการแทนฉันทีได้ไหม และช่วยนำรูปภาพของฉันเข้าไปในความทรงจำด้วย”

           “ได้ครับ” แฮร์รี่ตอบรับ แล้วเดินไปหยิบเพนซิฟมาจากตู้ข้างโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์ เขาเปิดขวดและเทสารสีเงินยวงในขวดลงไปยังเพนซิฟ ทันทีที่ของเหลวนั้น สัมผัสกับสารที่อยู่ในเพนซิฟ สารเหล่านี้ก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นสิ่งที่จะเรียกว่าแก๊สก็ไม่ใช่ หรือว่าของเหลวก็ไม่เชิง

           ดัมเบิลดอร์ภายในกรอบรูปพยักหน้าให้แฮร์รี่ เขาจึงนำรูปของดัมเบิลดอร์มาถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และกอดเอาไว้ข้างหน้า ให้ด้านที่มีรูปภาพหันออกข้างนอก จากนั้น ก็หันไปหารอนกับเฮอร์ไมโอนี่ ทำท่าส่งสัญญาณให้ตามเขาไปหลังจากที่เขาเข้าไปแล้ว แล้วแฮร์รี่จึงหันกลับไปหาเพนซิฟ แล้วก้มหน้าของเขาลงไปในอ่างสีเงินนั่น ทันทีที่ปลายจมูกของเขาสัมผัสกับสารในเพนซิฟนั้น ก็ดูเหมือนว่าเท้าของแฮร์รี่จะลอยขึ้นจากพื้น ร่างกายของเขาถูกดูดเข้าไปในเพนซิฟ และเขาก็มาปรากฏอยู่ที่ - -

           เท้าของแฮร์รี่สัมผัสกับพื้นอีกครั้ง แฮร์รี่เปิดตาออก ที่ที่เขาอยู่ก็คือห้องของอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนฮอกวอตส์ แฮร์รี่หันไปดูทั้งซ้ายและขวา สักพักรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ก็ตามมา และมีสีหน้าตกตะลึงพอ ๆ กับแฮร์รี่ ส่วนดัมเบิลดอร์ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร

           ที่นี่คือห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่อย่างแน่นอน แต่ไม่ดูเหมือนสภาพในปัจจุบัน เนื่องจากที่ผนังห้อง ไม่มีรูปภาพของอาจารย์ใหญ่เลยแม้แต่คนเดียว และทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ที่แฮร์รี่เคยเห็นในห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ก็ยังไม่ปรากฏ และหมวกคัดสรรก็ยังดูใหม่ ไม่ใช่หมวกปุปะอย่างที่แฮร์รี่เคยใส่ตอนที่มาฮอกวอตส์ครั้งแรก แต่ทว่า ในห้องมีนกฟีนิกซ์ตัวหนึ่งที่หน้าตาเหมือนฟอกซ์ และงูตัวหนึ่งซึ่งกำลังเลี้อยไปมาอยู่

           นี่ต้องเป็นฮอกวอตส์เมื่อพันปีก่อน

           ด้านหน้าโต๊ะทำงานของอาจารย์ใหญ่ มีพ่อมดแม่มดยืนอยู่รวมสี่คน คนทั้งสี่ แฮร์รี่รู้สึกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน - - ใช่แล้ว แฮร์รี่เคยเห็นหน้าของคนทั้งหมดแล้วในการ์ดกบช็อคโกแลต

           ก็อดดริก กริฟฟินดอร์ ,เฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ ,โรวีน่า เรเวนคลอ ,และซัลลาซาร์ สลิธีลิน กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่หน้าโต๊ะทำงานของอาจารย์ใหญ่ ท่าทางของคนทั้งสี่ราวกับกำลังจะถกเถียงอะไรบางอย่าง

           “ทำไมแกต้องทำอย่างนั้น ซัลล์” ชายคนหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น  เขามีท่าทางบึกบึน บุคลิกดูงามสง่า เขาเหน็บดาบฝังทับทิมสีแดงสดไว้ที่เอวอันหนึ่ง ดาบที่แฮร์รี่เคยใช้ฆ่าบาซิลิกซ์ เขาคนนี้ต้องเป็นกริฟฟินดอร์แน่

           “ฉันไม่จำเป็นต้องตอบแก กริฟฟ์” ชายคนหนึ่งที่จมูกงองุ้มผู้ซึ่งยืนวางมาดนิ่งอยู่ตรงข้ามกับกริฟฟินดอร์กล่าว แฮร์รี่สังเกตุเห็นว่าบุคลิกของชายคนนี้ดูแปลก ๆ ไม่สง่าผ่าเผยเหมือนดั่งกริฟฟินดอร์ แต่ดูมีอำนาจมาก ทั้ง ๆ ที่ทั้งสี่อายุดูจะไล่เลี่ยกัน แต่ความทรงอำนาจดูเหมือนจะตกเป็นของซัลลาซาร์ สลิธีลินแต่เพียงผู้เดียวในห้องนี้ แฮร์รี่สังเกตุว่าเขาสวมจี้ห้อยคอที่ดูเหมือนจะเป็นอันเดียวกับฮอร์ครัชของโวลเดอมอร์เสียด้วย

           “ใจเย็น ๆ น่า ทั้งสองคน ใจเย็น ๆ แล้วซัลล์ เธอก็ค่อย ๆ ลองอธิบายเรื่องทั้งหมดมาให้พวกเราฟังเถิด” หญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้น เธอคนนี้ดูเป็นหญิงที่งดงามมาก แถมยังมีบุคลิกดีอีกด้วย เธอไว้ผมยาวสีออกดำ แต่เมื่อสะท้อนกับแสงแล้ว ดูเหมือนผมของเธอจะเป็นประกายสีน้ำเงินอย่างน่าประหลาด อีกทั้งยังใส่ต่างหูสีน้ำเงินข้างเดียวซึ่งดูเข้ากับเรือนผมอันงดงามของเธอเสียนี่กระไร - - หญิงคนนี้ต้องเป็นเรเวนคลออย่างไม่ต้องสงสัย

           “เงียบเถอะ เรเวน นี่เป็นเรื่องของฉันกับมัน ฉันทนมานานพอแล้ว - - ถึงมันจะเกลียดมักเกิ้ล แต่มันไม่มีเหตุผลเลย ที่จะฆ่าเด็กที่เกิดจากมักเกิ้ลตาดำ ๆ คนหนึ่ง ฉันไม่นึกมาก่อนเลยว่าความเกลียดมักเกิ้ลของมันจะรุนแรงขนาดนี้ ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ก่อน ฉันจะไม่ร่วมเปิดโรงเรียนกับปิศาจอย่างมันหรอก” กริฟฟินดอร์พูดอย่างรุนแรง ในขณะพูด เขาดูเหมือนจะหน้าแดงด้วยความโกรธ

           “เอาน่า ๆ” หญิงร่างท้วมคนสุดท้ายในห้องกล่าวขึ้น หล่อนมีรูปร่างออกท้วมนิด ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับอ้วนจนน่าเกลียด แฮร์รี่เห็นว่าเธอถือถ้วยใบหนึ่งอยู่ในมือ มันคือถ้วยที่เป็นฮอร์ครัชของโวลเดอมอร์แน่ ๆ สมบัติเหล่านี้คงเป็นของรักของหวงของแต่ละคนสินะ แฮร์รี่คิด

           “เอาน่า ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เราย้อนกลับไปแก้ไขมันไม่ได้หรอก สิ่งที่เราต้องคิดคือจะทำอย่างไรต่อไป” เรเวนคลอพูดต่อ

    ทั้งห้องมีแต่ความเงียบ

           ในที่สุด ก็มีเสียง ๆ หนึ่งทำลายความเงียบขึ้น กริฟฟินดอร์เป็นคนเอ่ยนั่นเอง “ฉันไม่ใช่เพื่อนกับแกอีกต่อไป สลิธีลิน” เขาพูดอย่างเยียบเย็นและไร้อารมณ์ ดูราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมาทำร้ายจิตใจของเขาเองอย่างรุนแรง แต่เขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แกออกไปจากฮอกวอตส์เสียตอนนี้ ต่อจากนี้ ที่นี่จะไม่ต้อนรับแกอีก เจ้าฆาตกร” กริฟฟินดอร์พูดต่อจนจบ

           “ฉันจะไม่ไปจากที่นี่ ฉันจะอยู่ในโรงเรียนที่ฉันสร้างขึ้นมากับมือ” สลิธีลินกล่าวเสียงเย็น

    บัดนี้ ในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หรือภาวนาให้อีกฝ่ายมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา สายตาของทั้งสู่สบตากันอย่างไม่กระพริบ และแล้ว - -

           สลิธีลินเป็นล้วงมือเข้าไปภายใต้เสื้อคลุมสีเขียวมรกตอย่างรวดเร็ว พลันคว้าไม้กายสิทธิ์ของเขาออกมา ชี้ไปที่กริฟฟินดอร์ในชั่วพริบตา และร่ายคาถา “สกิฟซิเวเลียน” ลำแสงสีดำหม่นพุ่งออกจากปลายไม้กายสิทธิ์อย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตานั้น กริฟฟินดอร์ที่น่าจะตกตะลึกกับการกระทำของสลิธีลินกลับทำท่าราวกับเขาอ่านความคิดของอีกฝ่ายไว้ทั้งหมดแล้ว ทันทีที่สลิธีลินชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เขา กริฟฟินดอร์ก็คว้าไม้ขึ้นมาเสกคาถาหนึ่งในเวลาเดียวกัน “โพรเทโกริเซอุม” ลำแสงสีส้มพุ่งออกจากปลายไม้กายสิทธิ์ของกริฟฟินดอร์ และกลายเป็นเกราะลำแสงห่อหุ้มคุ้มครองร่างของเขาไว้ คาถาจากสลิธีลินกระทบกับเกราะทรงพลังของกริฟฟินดอร์ และผลของคาถาทั้งสองก็อันตรธานหายไป

           “แกไปจากที่นี่เสีย สลิธีลิน” กริฟฟินดอร์ตะโกน และเสกคาถาใส่สลิธีลิน “สตูเปฟาย” สำแสงของคาถาพุ่งไปยังสลิธีลิน แต่ทว่า บัดนี้ สลิธีลินได้หายตัวไปแล้ว ณ บัดนี้ ในห้องอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฮอกวอตส์จึงเหลือเพียงผู้ก่อตั้งเพียงสามคน

           ท่ามกลางความสับสนและความเงียบของทั้งสาม มีเสียง ๆ หนึ่งดังก้องกังวาลขึ้น “กริฟฟินดอร์ เรเวนคลอ และฮัฟเฟิลพัฟ ให้ให้พวกเจ้าจงจำไว้ว่า พวกเจ้าได้เป็นคนขับไล่ข้าออกไปจากฮอกวอตส์ ณ เวลานี้ ข้าจะยอมถอยไปก่อน แต่ทว่า ข้ามิได้หลีกทางให้กับพวกลูกมักเกิ้ลสกปรกได้อยู่ในโรงเรียนนี้อย่างเป็นสุขแน่ ๆ ก่อนหน้านี้ ข้าได้สร้างห้อง ๆ หนึ่งเอาไว้ในโรงเรียน ข้าขอตั้งชื่อให้มันว่าห้องแห่งความลับ ณ วันใดที่ทายาทของข้ามาถึงโรงเรียนนี้ ทายาทของข้าจะเป็นผู้เปิดห้องลับแห่งนั้น และปล่อยความน่ากลัวอันร้ายกาจที่ข้าได้ทิ้งเอาไว้ในห้องแห่งนั้นออกมากำจัดลูกมักเกิ้ลให้หมดไปจากโรงเรียน - - อ้อ ข้าขอบอกไว้ด้วยว่า พวกเจ้าทั้งสามคนไม่ต้องเสียเวลาตามหาห้องลับแห่งนั้น เพราะว่าพวกเจ้าทั้งสามคนไม่มีทางหาพบอย่างเด็ดขาด หรือถ้าเกิดพบ ก็ไม่มีใครสามารถเปิดห้องนั้นได้นอกจากทายาทของข้าเท่านั้น  สำหรับครั้งนี้ข้าจะลาจากพวกเจ้าไปก่อน แต่วันหนึ่ง ข้าจะกลับแก้แค้นเจ้าอย่างแน่นอน อย่าลืมเสียล่ะ กริฟฟินดอร์ โดยเฉพาะเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง - - การฆ่าลูกมักเกิ้ลของข้าในวันนี้ข้าขอบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ฮัฟเฟิลพัฟบอก แต่เป็นความตั้งใจของข้าเอง - - และอย่างที่เจ้าคงจะรับรู้ได้อยู่แล้วในตอนนี้ แต่ข้าจะขอบอกพวกแกอีกครั้งว่า ณ เวลานี้ มิตรภาพของพวกเราได้สิ้นสุดลงแล้ว และพวกเราจะกลายเป็นศัตรูกัน - - อย่าลืมเสียล่ะ กริฟฟินดอร์ สักวัน ข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า - - และสุดท้ายนี้ข้าขอร่ายคำสาปหายนะไว้แก่เจ้าและข้า  ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ห้ำหั่นกับเจ้าในครั้งนี้ แต่ข้าจะขอร่ายคำสาปหายนะไว้ในสายเลือดของเรา แม้แต่สัตว์เลี้ยงคู่ใจของเรา ทั้งฟอกซ์ของเจ้า และนากินีของข้า ข้าจะขอบอกเลยว่า ทายาทของเราและสัตว์เลี้ยงคู่ใจของเรา จะเป็นศัตรูกันตลอดไป ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง จะต้องไม่มีชีวิตอยู่” สิ้นเสียงของสลิธีลิน ก็กลับกลายเป็นความเงียบเช่นเดิม

           พื้นที่รอบตัวของแฮร์รี่เริ่มกลายเป็นหมอกควัน เขารู้ว่าในที่สุดความทรงจำนี้ก็จบลง บัดนี้เขาได้เวลาออกไปแล้ว ในที่สุด แฮร์รี่ก็ออกมาจากเพนซิฟ - - แต่ทว่า โดยไม่มีใครรู้เสียเลยว่า หลังจากสลิธีลินได้ออกไปจากห้องนั้นแล้ว ก็มีน้ำตาแห่งมิตรภาพและความเสียใจของกริฟฟินดอร์ซึ่งหยดลงเป็นหยดแรกในชีวิตของเขา ร่ำไห้ให้กับมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ที่ขาดสะบั้นลงในที่สุด ท่ามกลางสายตาอันเศร้าหมองที่จ้องมองโดยเรเวนคลอและฮัฟเฟิลพัฟ มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเพื่อนสนิททั้งสี่คนได้ขาดสะบั้นลง ณ จุดนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×