ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #55 : ตอนที่ 7 The Intern.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15
      0
      7 พ.ย. 61

    ตอนที่ 7 The Intern.


         เช้ามืดของวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง คาระรีบลุกขึ้นจากเตียงและเก็บที่นอนอย่างเรียบร้อย เขาจัดการธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว วันนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงความสนใจของคาระ เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องอยู่ในที่ไกลๆ ส่งมาถึงเขาเมื่อช่วงกลางคืน นั่นทำให้เขารับรู้ว่ามีเรื่องที่ไม่ปกติเกิดขึ้น 

         ด้วยความอยากรู้และไม่อยากรบกวนวาเลนไทน์ คาระจึงอยากลองค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง 

         เมื่อเขาลงมาจากอาคารที่พัก ก็ตรงไปที่แนวกันน้ำในทันที ผู้คนมีจำนวนมากผิดกับวันอื่นๆ เจ้าหน้าที่นำทางพวกเขาขึ้นรถสาธารณะที่แยกไปตามส่วนต่างๆของเมือง หลายคนดูมีสีหน้าที่เศร้าสร้อย

         บริเวณท่าน้ำทหารเรือเริ่มวางแนวกระสอบกันอย่างเร่งรีบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามทางเจ้าหน้าที่รัฐยังคงควบคุมการข่าวได้ดี แม้จะมีข่าวลือเผยแพร่บนโลกออนไลน์บ้าง 

         คิระ เซตและไอน์ ไม่ได้กลับมาที่พักในคืนที่ผ่านมา นั่นทำให้คาระยิ่งรู้สึกแปลกใจ เขาพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดจนกระทั่งสะดุดตากับผู้ที่โดยสารมาทางเรือคนหนึ่ง

         เธอคือหญิงสาวที่มีผมสีน้ำตาลสวยยาวถึงกลางหลัง และเธอก็หันมาทางคาระ เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเขาก็จำเธอได้ในทันที

         "บี!" เขาโบกมือเรียก

         "คาระ!" เธอแทรกตัวออกจากแถวมาหาเขา

         คาระที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกบีกระโดดเข้าใส่ เธอกระโดดกอดคาระจนทำให้เขาเซไปด้านหลัง แต่เขาก็ถ่ายแรงออกด้านข้างจนทำให้เขาหมุนรอบตัวเองพร้อมกับบีที่อยู่บนตัวไปด้วย เมื่อเขาปรับแรงได้ก็ค่อยๆ ประคองให้บีเหยียบลงพื้นอย่างปลอดภัย

         "นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงกันล่ะ" เธอยังไม่ผละตัวออกจากเขา

         "เธอต่างหาก มาทำอะไรในที่อันตรายขนาดนี้"

         "ฉันมาเยี่ยมญาติในเมืองนี้ และก็ไปเที่ยวในเขตเมืองเก่า แต่ว่า..." เธอไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

         "ฉันมาทำงานพิเศษหน่ะ พี่ของฉันให้มาช่วยงาน"

         "เอ๋!" บีทำหน้าตื่นตกใจ "พี่นี่ หมายถึง พี่ที่..."

         "อ้อ ใช่ มีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะเลยล่ะ ตั้งแต่คืนที่เขตที่เจ็ดเกิดเรื่อง" 

         "เอ่อ ฉันเองก็เหมือนกัน ไปหามื้อเช้าทานกันเถอะ" 

         "อืม แต่ก่อนอื่น...อยู่ในสภาพนี้เราจะตกเป็นเป้าสายตานะ" 

         เมื่อบีรู้สึกตัว เธอก็รีบผละออกจากตัวคาระในทันที ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาจนสังเกตเห็นได้ชัด

         จากการที่ต้องการหาข้อมูลกลับได้พบกับเพื่อนที่ไม่คาดคิด บีนำทางเขาไปที่ศูนย์อาหารย่านการค้า ห่างจากที่พักของคาระไปประมาณยี่สิบนาทีหากเดินเท้า แต่เรื่องราวที่บีและคาระแลกเปลี่ยนกันนั้นทำให้เวลานั้นช่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงที่ศูนย์อาหารที่อยู่ใจกลางห้างสรรพสินค้ามากมาย ซึ่งตอนนี้ห้างเหล่านั้นยังไม่เปิดให้บริการ

         คาระเดินไปพร้อมกับบี ทว่าเขากลับสังเกตเห็นชายคนหนึ่งหิ้วกระเป๋าใบใหญ่เดินเข้ามาภายในศูนย์อาหาร นั่นเป็นเรื่องปกติทั่วไป หากเขาไม่ระมัดระวังไม่ให้ใครเดินมาใกล้กระเป๋าอย่างผิดปกติ จุดศูนย์ถ่วงของกระเป๋าเองก็ดูผิดปกติ คาระจึงจดจำรูปลักษณ์ชายคนดังกล่าวให้ละเอียดมากขึ้น 

         แต่แล้วชายคนดังกล่าวก็รู้สึกได้ถึงสายตาของคาระ เขาจ้องกลับมาอย่างเยือกเย็น คาระรู้ตัวแล้วว่าชายคนดังกล่าวต่างจากคนทั่วไป 

         ก่อนที่เขาจะได้โทรศัพท์รายงานถึงสิ่งผิดปกติ ชายคนดังกล่าวก็เปิดกระเป๋าและล้วงเข้าไปหยิบบางอย่างออกมา ทันทีที่คาระเห็น การโทรรายงานไม่ทันท่วงทีเสียแล้ว

         "นี่เจ้าหน้าที่! อย่าขยับ" คาระตะเบงเสียงบอกกล่าวชายคนดังกล่าว

         ชายคนนั้นถือปืนไรเฟิลที่พับพานท้ายตรงมาที่คาระ เขากางพานท้ายออกแล้วกระแทกปืนเข้าใส่ใบหน้าของคาระ ผัวะ!

         ร่างของคาระร่วงลงกองกับพื้นโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว รอบๆ ตัวเขามีแต่เสียงอื้ออึง พอฟังได้ว่าเป็นเสียงกรีดร้องของผู้คนมากมายทั้งชายและหญิง มีเสียงบางอย่างที่ดังขึ้นอู้อี้ ทว่าเขารู้ว่ามันคือเสียงอะไร

    ปังๆๆๆๆๆๆ! 

         ชายคนที่ทำร้ายคาระไม่ได้มีอาวุธเพียงคนเดียว ในบริเวณนั้นมีชายฉกรรจ์อีกหลายคนที่มีอาวุธสงคราม

         "หยุดนะ! ถอยออกไปจากเขา" บีกล่าวเสียงแข็ง เธอบอกใครบางคน

         คาระเริ่มได้สติ มองเห็นรอบๆ ได้บ้าง ชายฉกรรจ์ยิงปืนขู่ขึ้นท้องฟ้า มีผู้คนมากมายติดอยู่ภายในศูนย์อาหารนี้ ประตูเหล็กถูกปิดลงมาโดยกลุ่มชายติดอาวุธ 

         คาระต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องผู้คนเอาไว้ อย่างน้อยก็บีหนึ่งคน ในช่วงที่เขาไม่เห็นซึ่งหนทางใด สิ่งหนึ่งที่เขานึกออกก็คือ ของเหลวสีฟ้าในขวดเล็กๆ มันถูกนำออกมาจากกระเป๋าเสื้อ 

         "...คาระ" บีพยายามที่จะหยุดไม่ให้คาระทำอะไรอีก "อย่า..."

         คาระดื่มของเหลวสีฟ้าสว่างเข้าไปจนเกือบหมดขวด

         ฟุบ!

         ความมืดเข้าปกคลุม การมองเห็นของคาระถูกตัดขาด 

         กระสอบผ้าคลุมครอบศรีษะของคาระ และเขาถูกจับพันธนาการข้อมือไพล่ไว้ด้านหลัง

         "จับมาอีกแปดคน แล้วรีบออกจากที่นี่" เสียงชายคนหนึ่งออกคำสั่ง

         "คาระ! คาระ! คา..." บียังคงร้องเรียกชื่อเขา

         สัมผัสของพื้นผิวเป็นอย่างเดียวที่คาระรู้สึกได้ หลังจากนั้นเขาถูกยกตัวขึ้นและถูกดันตัวให้ก้าวเดินไปข้างหน้า จนกระทั่งตัวเขาเข้าไปอยู่ในรถคันหนึ่ง คนอื่นๆ ถูกนำตัวมาที่รถภายหลังคาระและบี

         เพียงไม่นานเสียงหวอของรถเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาใกล้ขึ้น กลุ่มติดอาวุธดูร้อนรนมากผิดปกติ พวกเขารีบนำคนที่จับมาได้ขึ้นรถตู้คันใหญ่และถอนตัวออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว

         เสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ดังขึ้นด้วยเครื่องขยายเสียง ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

         หญิงสาวที่มีกรงเล็บอันแหลมคมยืนอยู่บนยอดมุมตึกของอาคารใกล้เคียง เธอมองเห็นการกระทำของกลุ่มติดอาวุธและพวกมันก็นำตัวเป้าหมายของเธอไปด้วย 

         ทันทีที่ขบวนรถของกลุ่มติดอาวุธเริ่มเคลื่อนตัว เธอก็กระโดดไปยังอีกอาคารหนึ่งติดตามขบวนรถดังกล่าวไม่ให้คลาดสายตา ผมที่ยาวสลวยสีดำตัดกับสีของท้องฟ้ายามเช้าอย่างชัดเจน ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะการเคลื่อนที่อันรวดเร็วและแผ่วเบา

         "เมี้ยว"



         รถหุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่ทหารจอดเรียงกันภายในลานกว้างด้านหน้าของศูนย์อาหาร เวลานี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้าของทุกวัน และด้วยเหตุการณ์นี้ก็ก่อให้ประชาชนในเขตเมืองใหม่เริ่มกังวลใจ

         คิระ เซตและไอน์ มาถึงพื้นที่เกิดเหตุ พวกเขาแสดงบัตรเจ้าหน้าที่ให้ทหารเรือดูก่อนที่จะมุดผ่านแถบเส้นสีเหลืองเข้ามา ซึ่งพวกเขาตรงเข้าไปในศูนย์อาหารทันที เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่าย

         ส่วนที่คิระเข้าไปนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจและทหารแต่อย่างใด พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ SA จากศูนย์ประสานงาน หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ และหน่วยข่าวกรองในสังกัดอื่น พวกเขาตั้งวอร์รูมขึ้นทำงานอย่างรวดเร็ว แกะรอยตามกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว

         "เจ้าหน้าที่ SA คิระ" คิระแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงาน

         "อ้อ คุณคิระ เจ้าหน้าที่ในสังกัดของคุณถูกจับตัวไปครับ" 

         เซตและไอน์ต่างมองหน้ากัน

         "เรามีภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกไว้ได้ ทางนี้ครับ" เจ้าหน้าที่นำทางทั้งสามไป

         พวกเขาได้ดูภาพเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ที่คาระเข้ามาถึงจนกระทั่งถูกจับไป

         "ให้ตายสิ นั่นมันนักเรียนห้องผม" เซตกล่าวแล้วชี้ไปที่หญิงสาวที่มากับคาระ "เธอมาทำอะไรที่นี่"

         "เราตรวจสอบแล้ว เธอมีญาติอยู่ในเมืองนี้" เจ้าหน้าที่ตอบ

         "เฮ้ คิระ" หญิงสาวเรียกเขา เธอเข้ามาในพื้นที่หลังจากคิระไม่นาน

         "วาเลนไทน์ เขาออกมาทำอะไร" คิระเข้ามาถามเธอในทันทีที่เธอปรากฏตัว

         วาเลนไทน์ใช้มือดันคิระที่เบียดตัวเข้ามาใกล้มากเกินไป เพราะร้อนรนที่คาระถูกจับตัวไป คิระที่เห็นดังนั้นก็ถอยออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะสงบจิตใจลง

         "เขาออกจากห้องตั้งแต่เช้ามืด ข้าคิดว่าแค่อยากสำรวจพื้นที่ช่วงเช้า ไม่นึกว่าจะพบเจอกับเพื่อนที่โรงเรียนเพิ่มอีก" วาเลนไทน์อธิบาย "และอีกเรื่อง..."

         "หืม..."

         "ปีศาจแมวหนีออกไปได้"

         "หา!" เซตและไอน์ร้องเป็นเสียงเดียวกัน

         คิระที่ได้ฟังดังนั้นกลับไม่มีท่าทีตื่นตกใจ

         "ทำได้ไงกันนะ ห้องที่ประตูล็อกแน่นหนาขนาดนั้น ถ้าไม่พังออกมา" เขากล่าวก่อนที่จะกลับไปหาเจ้าหน้าที่จากศูนย์ประสานงาน

         "พบตัวประกันแปดคนแล้วครับ พวกเขาถูกทิ้งไว้ที่แนวกันน้ำ" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรายงาน

         "มีใครจะไปแนวกันน้ำไหม เราต้องการพาหนะ" คิระกล่าว

         "มีรถหุ้มเกราะของ SA อยู่ทางทิศใต้ครับ พลขับก็พร้อมแล้ว" เจ้าหน้าที่ SA บอกเขา

         "งั้นพวกมันก็ข้ามไปเขตเมืองเก่าสินะ" ไอน์กล่าว

         "ไปกันเถอะ ศูนย์ประสานงานคงส่งโดรนตามหาไปแล้ว" คิระกล่าวแล้วเดินนำออกไปยังถนนทางทิศใต้

         วาเลนไทน์รีบเดินตามไปติดๆ เธอเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน เซตและไอน์จึงรีบตามไปด้วย

         "สไวน์หนีออกมาแล้ว เธอจะไปอยู่ที่ไหนกัน" ไอน์ถาม

         "รู้อยู่แล้วนี เดาไม่ยาก" เซตตอบ



         เฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่รุ่น CH-53E สองลำจากเขตทหารเหนือเขตที่แปดได้ขึ้นบินมาที่บางกอกใหม่สักพักหนึ่งแล้ว ลำหนึ่งมีทีมบราโว่โดยสารมาเต็มลำ อีกลำหนึ่งคือทีมอัลฟ่า

    พวกเขาถูกเรียกตัวมาโดยศูนย์ประสานงานที่มีอำนาจอิสระในการดำเนินมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับงานความมั่นคง เพื่อภารกิจในบางกอกใหม่ ปืนประจำกายของแต่ละคนที่ปรับแต่งมาเพื่อทำการรบทุกรูปแบบ รวมไปถึงอาวุธหนักอีกหลายชนิดที่นำมาใช้ในครั้งนี้

         "โดรน Wolf 1 กำลังเข้าค้นหาในพื้นที่สีแดง"

         หัวหน้าทีมบราโว่ถกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูนาฬิกา ลูกทีมแต่ละคนดูไม่เคร่งเครียดมากนักหากดูจากภายนอก แต่ปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดของแต่ละคนนั้นไม่อาจเก็บซ่อนได้ การเปิดเพลงฟังด้วยเสียงที่ดังมากกว่าปกติ การเคาะนิ้วตามจังหวะที่อยู่ในหัว ทหารที่อายุน้อยกว่ากินขนมช็อกโกแลตเยอะกว่าปกติ

         การกระทำเหล่านั้นอยู่ในสายตาของหัวหน้าทีมทั้งหมด

         "อีกสิบนาทีจะเข้าเขตเมืองใหม่" นักบินรายงาน

         หน่วยเฉพาะกิจทั้งสองต่างตรวจสอบอาวุธของตนเองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามีกระสุนอยู่ในรังเพลิงเรียบร้อยแล้ว

         แม้ว่าพวกเขาจะผ่านมาหลายการรบ ทว่าศัตรูเองก็เริ่มปรับเข้าสู่การรบแบบเต็มรูปแบบเช่นกัน จากกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย จนกระทั่งเผยตัวออกจากเงา ซึ่งชื่อเสียงของไททันมีผลทางจิตวิทยาอย่างยิ่งต่อทหารที่เคยผ่านสงครามมา



         ชายฉกรรจ์นำตัวคาระขึ้นจากเรือ พาเขาเข้าไปในอาคารหลังหนึ่งที่บรรยากาศดูวุ่นวาย ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา คาระจำเสียงบางอย่างได้จากที่เขาได้ยิน

    เสียงปลอกกระสุน...เสียงตัวเลื่อนของปืน...เสียงระเบิดมือขว้างที่กระทบกับพื้น

         ในความมืดมิดภาพของคลังอาวุธก็ลอยเข้ามาในหัวเขา ไม่นานเขาก็ถูกผลักออกไปจนเสียหลักล้มลงกับพื้น 

         ตุบ  ตึง!

         เสียงสุดท้ายที่ฟังได้ชัดเจนคือเสียงปิดประตู เขาแน่ใจว่าเขาอยู่ในห้องเพียงลำพัง ซึ่งไม่แน่ใจว่าถูกจับแยกกับบีไปตั้งแต่เมื่อใด

         "ทิ้งตัวประกันอื่นๆ ไว้ที่นี่" นั่นคือเสียงสุดท้ายก่อนที่คาระจะถูกนำตัวขึ้นไปบนเรือ บีอาจจะถูกทิ้งไว้ที่แนวกันน้ำก็ได้ นั่นคือสิ่งที่เขาคิด

         การหาคำตอบในความคิดทำไม่ได้แน่นอน นอกจากว่าเขาจะยืนยันข้อมูลด้วยตนเอง สิ่งแรกคือเขาต้องรู้ว่ารอบตัวมีอะไรบ้าง เริ่มแรกจึงต้องเอาถุงผ้าคลุมศีรษะออกก่อน หรือหาอะไรมาตัดเชือกที่ผูกมัดข้อมือของเขา

         แต่ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ยังไม่สามารถเอาถุงคลุมศีรษะออกไปได้

         ฟุบ

         เสียงของบางอย่างแหวกผ่านอากาศภายในห้อง มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา ทันทีที่คาระรู้ตัว สิ่งนั้นได้หยุดเคลื่อนไหวและเพ่งเล็งมาที่คาระเช่นกัน บรรยากาศภายในห้องเงียบลงอย่างผิดปกติ ราวกับว่ามีคนดูดเสียงทั้งหมดออกไป จนเหลือเพียงเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของเขา ที่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเสียงคำรามที่ดังที่สุด

         "ค...ใครอยู่ตรงนั้น" คาระส่งเสียงถามเพื่อความแน่ใจ

         ไม่มีใครตอบกลับใดๆ มาทั้งสิ้น

         ฉับ!

         เชือกที่มัดข้อมือของคาระถูกตัดขาดออกจากกันภายในครั้งเดียว เขารีบดึงมือออก ในตอนนั้นเองบางอย่างที่มีน้ำหนักก็ล้มลงทับตัวเขา พลั่ก

         "เหวอ!"

         คาระรีบถอดถุงคลุมศีรษะออก แสงสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาแยงตาของเขาจนต้องเบือนหน้าหลบหนี เขาใช้เวลาปรับสายตาครู่หนึ่งเพื่อให้ชินกับแสง

         บนตัวเขาคือร่างหญิงสาวผมดำยาว เธอหายใจหอบและมีเล็บที่ยาวและแหลมคม

         คาระตกใจจนสะดุ้งโหยง ทว่าก็ไม่อาจหลีกหนีไปจากเธอได้ เขาจำหญิงสาวคนนี้ได้ 

         "อย่า...ยุ่ง...กับฉัน ออกไปซะ" คาระดันตัวเธอให้ออกจากร่างของเขา

         ร่างของหญิงสาวถูกพลิกออกไปนอนหงายอยู่กับพื้นด้านข้าง ใบหน้าปรากฏให้คาระเห็นเป็นครั้งแรก ที่ไม่ใช่ใบหน้าของปีศาจหรือสวมหน้ากาก

         แม้ว่าความเหนื่อยอ่อน อิดโรย จะแสดงให้เห็นผ่านใบหน้า แต่ความสวยก็ไม่ลดน้อยลงไป คาระถูกดึงดูดด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความงดงาม เขาจึงเขี่ยเส้นผมที่ปิดใบหน้าบางส่วนของเธอออก


         "..." คาระผงะถอยหลังออกห่างจากตัวเธอในทันที 

         "ร...รุ่นพี่.."

       
          "อ่า...เมี้ยว ทักษะแมวขโมยกินพลังเวทเยอะกว่าที่คิดนะ เมี้ยว"

         "รุ่นพี่..ว"

         "อย่านะ เมี้ยว ไม่ใช่ตอนนี้" สไวน์พยายามยันตัวเองขึ้น "ออกจากที่นี่ก่อน ข้าจะนำ..."

         สไวน์หมดสติกลางอากาศ ร่างของเธอร่วงหล่นอีกครั้ง คาระก้าวเข้ามารับตัวเธออย่างรวดเร็ว เขาประคองเธอไว้อย่างนุ่มนวล

         "ทำไมกัน...แม้แต่รุ่นพี่เอง...ทั้งที่ไม่ใช่เอคโค่แท้ๆ" 

         สไวน์หายใจหอบหนักขึ้น

         "ผมต้องลงนรกเท่านั้นสินะ ทุกคนจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกันอีกต่อไป"

         "..." สไวน์พยายามลืมตามองใบหน้าของคาระ

         กึก เสียงกลอนประตูห้องขังถูกปลดล็อก แอ๊ด บานประตูถูกเปิดเข้ามา ชายฉกรรจ์ก้าวผ่านเขตประตูเข้ามาเพื่อดูตัวประกัน ทว่าตัวประกันกลับหลุดจากพันธนาการและมีหญิงสาวเพิ่มอีกคนหนึ่ง

         ก่อนที่เขาจะเข้าจับคาระอีกครั้ง ความยุ่งเหยิงภายในจิตใจคาระ ถูกรวมเป็นหนึ่ง และมันไปลงที่ชายฉกรรจ์คนนั้น จิตสังหารถูกยิงออกไปจนชายคนดังกล่าวชะงัก 

         คาระพุ่งเข้าหาชายคนดังกล่าวอย่างดุดันและรวดเร็ว สันมือสับเข้าโจมตีที่ลำคอโดนลูกกระเดือก ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งผลักเข้าที่ปลายคางเสยขึ้นอย่างรุนแรง คาระก้าวเข้าประชิดตัวและจับศีรษะของชายคนนั้นที่กำลังหงายหลัง ฟันศอกซ้ำเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง

         ครั้งนี้คาระมั่นใจแล้วว่าชายดังกล่าวจะไม่เป็นภัยต่อตัวเขาอีก จึงปล่อยให้ร่างร่วงหล่นกองกับพื้น ความโกรธแค้นที่พึ่งก่อกำเนิดขึ้นนั้นยังไม่ดับมอดลง คาระจะเข้าไปจัดการชายที่นอนแน่นิ่งซ้ำให้ถึงตาย

         "แค่ก แค่ก...แค่ก" สไวน์หายใจติดขัดไม่เป็นจังหวะ จนเธอสำลัก

         คาระเปลี่ยนความสนใจไปที่สไวน์ เขาเข้าไปประคองตัวเธอและอุ้มขึ้น

         "ออกจากที่นี่ก่อนเถอะ" 



         "เจ้า...ทำอะไรลงไป เกลซี" เสียงของหญิงสาวกล่าวเดือดดาล

         "ท่านจะห่วงไปใย หากผลออกมาดี นั่นเท่ากับว่าเราจะมีทหารที่ยอดเยี่ยมทัดเทียมกับนักรบสวรรค์" หญิงสาวอีกคนหนึ่ง เกลซี กล่าวอย่างราบเรียบ "อีกอย่างเจ้านั่นก็ไม่ใช่เอคโค่"

         "เจ้ามั่นใจได้อย่างไร หากเกิดอะไร..."

         "ท่านไม่เชื่อทาราลิมงั้นหรือ" เกลซีแทรก

         หญิงสาวที่โต้เถียงกับเกลซีเงียบลง เธอโยนสิ่งของบางอย่างให้แก่ทหารของไททัน

         "ทดสอบมันสิ" เธอกล่าว 

         ทหารไททันที่ได้รับสิ่งของนั้น ยกมันขึ้นดู มันคือขวดเล็กๆ ที่บรรจุของเหลวสีฟ้า

         "ท่านบาเรอัล จะทำอะไร"

         "เดี๋ยวนี้!"บาเรอัลตะคอก

         ทหารไททันอีกคนหนึ่งถีบข้อพับขาของทหารอีกคนและกระชากหน้ากากเขาออก ไททันที่ได้รับของเหลวนั้นรีบเปิดขวดและจับกรอกปากทหารที่คุกเข่าลงในทันที

         พวกเขาช่วยกันบีบปากและจมูกเพื่อให้ของเหลวทั้งหมดไหลเข้าไปในร่างกาย เป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะขัดขืน ไม่นานก่อนจะสิ้นใจ เขาจำเป็นต้องกลืนของเหลวดังกล่าวเข้าไปทั้งหมด ทหารที่บังคับขืนใจจึงปล่อยเขา

         "อ่อก...แค่กๆๆๆ"

         "ถ้าหากเจ้าเด็กหนุ่มนั่นเป็นเอคโค่ เขาจะต้องไม่เป็นอะไรแน่..." เกลซีกล่าวต่อ

         "โฮก!" ทหารไททันที่ดื่มของเหลวลงไปมีท่าทีก้าวร้าวขึ้น

         และไม่นานเขาก็กระโจนเข้าใส่ทหารอีกคนฉีกกระชากเกราะออกด้วยมือเปล่า และกัดกินร่างนั้นทั้งเป็น ผู้ตกเป็นเหยื่อได้แต่ดิ้นทุรนทุราย ไม่สามารถต้านทานแรงอันมหาศาลได้ เลือดสีแดงสดสาดกระจายไปตามพื้น ใบหน้าของสัตว์ร้ายเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาเปล่งประกายสีฟ้าไสว

         เกลซีได้เห็นผลกับตาตัวเองก็เหนื่อยใจ ของเหลวนั้นมันยังไม่สมบูรณ์ เธอจึงส่งสัญญาณมือให้ทหารคนอื่นเก็บพวกเขาทั้งคู่

         ปังๆ! ปังๆ!

         ทหารไททันยิงปืนเข้าที่หัวของสัตว์ร้ายและเหยื่อทั้งคู่ ระเบิดสมองของพวกเขาเพื่อหยุดการทำงานของร่างกายอย่างถาวร

         "หยุดเล่นได้แล้ว จดจ่อกับเป้าหมายของเรา" บาเรอัลกล่าวย้ำเกลซี "ทำให้พวกเขารับฟังเรา"

         "ท่านเกลซี" ทหารไททันเข้ามาขัด 

         "ตัวประกันหนีไปแล้วครับ"

         "เฮ้อ..." เกลซีกุมศีรษะ "ทำไมต้องเป็นเจ้านี่นะ"

         "ตามกลับมา" บาเรอัลออกคำสั่งแทน



         คาระวางร่างของสไวน์ลงกับพื้นอย่างแผ่วเบา เขารีบใส่ฝักดาบให้เข้าที่พร้อมใช้งาน นอกจากพาตัวเองและสไวน์ออกจากที่คุมขังแล้ว เขาต้องมั่นใจว่า บีไม่ได้ถูกขังอยู่ในนี้เช่นกัน

         ภายในอาคารเริ่มมีเสียงฝีเท้า และเสียงเอะอะมากขึ้น แน่นอนว่าพวกที่จับตัวเขามารู้ตัวแล้ว คาระเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นขณะที่อุ้มสไวน์พร้อมกับสำรวจพื้นที่โดยรอบ 

         ขณะที่คาระกำลังค้นหาบีตามห้องต่างๆ อย่างระมัดระวัง ร่างของสไวน์ที่เขากำลังอุ้มมีน้ำหนักที่เบาลงเรื่อยๆ คาระแปลกใจจึงก้มมองที่ร่างของหญิงสาว ทว่า ตอนนี้สไวน์กลับกลายเป็นเจ้าแมวดำอีกครั้ง

         "โธ่ ให้ตายสิ"

         คาระหยุดการเคลื่อนที่ในทันที ขาทั้งสองข้างของเขาไม่ยอมตอบสนองใดๆ ร่างคาระทรุดลง แต่เขาก็ยังคงประคองสไวน์ซึ่งอยู่ในร่างแมวไม่ให้หล่น

         เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คาระรู้ดีว่าจะถูกพบตัวในไม่ช้า แต่ตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไปอีก แม้แต่การคิดว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป เขากลับคิดไม่ออก สมองมันว่างเปล่าพร้อมกับร่างกายที่หนักอึ้งขึ้น

         "หลายสิ่งไม่เป็นดั่งที่คาดหวังใช่หรือไม่"

          เสียงหญิงสาวดังขึ้นที่ด้านหลังของคาระ และเขาก็จำเสียงนั้นได้ "หรือความจริงมันทำร้ายเจ้างั้นหรือ"

         หญิงสาวในชุดสูทก้าวขึ้นมาด้านข้างและย่อตัวลงนั่งข้างคาระ ดวงตาสีส้มสว่างจ้องมองเขาที่สับสนอย่างสนใจ

         "จริงสิ ข้ายังไม่เคยแนะนำตัวเองเลย ขอโทษที่เสียมารยาท" 

         เธอใช้มือข้างหนึ่งทาบอก 

         "นางฟ้าตกสวรรค์ นามว่า เกลซี"

         คาระเหลือบมองเธอเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยล้า เขาวางร่างสไวน์ลงข้างหน้าแล้วคว้าฝักดาบ ชักดาบตวัดฟันเกลซีอย่างรวดเร็ว ฟุบ!

         "อา สุนัขที่จนตรอก..." 

         เกลซีแบมือรองรับปอยผมสีน้ำตาลอ่อนลอยลงต่ำจนแตะฝ่ามือเธออย่างแผ่วเบา

         "ข้าล่ะ สงสัยเสียจริง เพราะอะไรผลึกนางฟ้ายังไม่ออกฤทธิ์กับเจ้ากันนะ"

         เกลซีเอื้อมมือไปแตะที่หน้าอกของคาระ ตูม! 

         ร่างของคาระลอยลิ่วไกลออกไปตามทางเดินที่ทอดยาวก่อนที่จะไถลไปตามพื้นและหยุดนิ่ง

         "อ้าก!" 

         เสื้อของเขาลุกไหม้ รอยฝ่ามือของเกลซีปรากฏชัดบนผิวกายของเขา

         "อย่าขัดขืนเลย ปล่อยตัวเองให้จมลงไปเถิด พักผ่อนจากโลกที่แสนวุ่นวายนี้" เกลซีกล่าวและเดินเข้ามาใกล้ "โลกที่ปกครองโดยมนุษย์ผู้โง่เขลา ความวุ่นวายอันไม่สิ้นสุดเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ จะผูกพันต่อสิ่งใดไปทำไมกัน ในเมื่อมันย่อมแตกสลาย" 


         "เพราะยังเหลือความหวังไงล่ะ เมี้ยว"

    ฉึก!

         สไวน์ใช้กรงเล็บแทงทะลุร่างเกลซีทั้งห้าเล็บ

         "อึก"

         ก่อนที่จะดึงกรงเล็บออกจากตัวเธอและเตะเกลซีออกไปให้พ้นทาง

         เกลซีกุมหน้าอกแน่น พยายามห้ามเลือดที่เอ่อล้นออกมาจากร่างกาย เลือดสีฟ้าเข้มไหลผ่านร่องนิ้วไม่หยุด 

         "คาระ ออกจากที่นี่เถอะ เมี้ยว..."

         ตูม!

         เสียงระเบิดดังขึ้นที่นอกอาคารจนทั้งสองต้องก้มหลบ 

         สไวน์ทรุดตัวลงอีกครั้งและมีอาการหอบ 

         "แฮ่ก แฮ่ก หาทางออก..." สไวน์ล้มฟุบไป เธอหมดสติไปอีกครั้งทิ้งให้คาระต้องอยู่ตามลำพัง

         คาระดันตัวเองให้ลุกขึ้นและตรงไปที่สไวน์ พยายามที่จะแบกร่างเธอขึ้น แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่น้อยนิดก็ไม่สามารถทำได้

         "คาระ!" เสียงที่คุ้นเคยดังมาตามทางเดิน

         เพียงไม่นานบีก็ออกมาจากเงามืดตามทางเดิน ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าคาระ

         "คาระ เป็นอะไรไหม" บีโผเข้ามาใกล้ ใบหน้าเธอแดงระเรื่อและดวงตาเปล่งประกายด้วยของเหลวใสที่กำลังเอ่อล้นออกมา

         "อา...บี ช่วยทีสิ" คาระพยายามดึงร่างสไวน์ขึ้น

         บีเห็นดังนั้นจึงช่วยเขาประคองร่างสไวน์ขึ้น และพาร่างนั้นร่วมกับคาระเดินไปตามทางเพื่อออกจากอาคาร

         ภายนอกมีเสียงอื้ออึงของผู้คน เสียงของเครื่องบินขนาดเล็กบินโฉบมาเป็นระยะ และทุกครั้งจะตามด้วยเสียงระเบิด

         ปังๆๆ! 

         เสียงปืนเริ่มดังขึ้น การตอบโต้ด้วยปืนจึงตามมาเช่นกัน ภายนอกดูเหมือนจะกลายเป็นสนามรบไปแล้ว

         คาระ บีและสไวน์ออกจากอาคารได้ก็ต้องหาที่กำบังโดยไว เพราะกระสุนมากมายพุ่งโฉบเฉี่ยวไปมาในอากาศอย่างชุลมุน

         โดรนที่บินโฉบอีกครั้งยิงมิสไซล์ใส่ที่กำบังของไททัน ตึง! แรงระเบิดอัดกระแทกในพื้นที่แคบๆ แรงปะทะส่งถึงตัวประกันทั้งสามที่หลบหนีออกมาได้

         หน่วยทหารเฉพาะกิจเคลื่อนที่โถมเข้ายิงถล่มที่มั่นของไททัน โดยมีปืนกลหนักยิงกดตามช่องหน้าต่างบนอาคารสนับสนุน

         "พบตัวประกัน! ทางสิบนาฬิกา สามคน" ทหารคนหนึ่งตะโกนแข่งกับเสียงปืน

         "รายงานหน่วยเหนือ พบตัวประกันสามคน ไม่ใช่สอง" ทหารอีกคนรายงานสลับกับการมองหาทางเข้าช่วยเหลือทั้งสามคน

         บีก้มต่ำพร้อมกับกอดร่างของสไวน์ไว้แน่น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ให้เธออยู่ห่างจากตัว คาระเองก็พยายามหาจังหวะที่จะเข้าถึงแนวของทหารที่มาช่วยให้ได้

         "กวาดพวกไททันแถวนี้ทิ้งซะ ไม่งั้นเข้าไปไม่ได้แน่" ทหารนายหนึ่งสั่ง

         พลปืนกลเริ่มยิงกดหนักขึ้น กระสุนพุ่งเข้าที่กำบังของไททันไม่ขาดสาย เครื่องยิงลูกระเบิดที่ทหารติดตัวมายิงออกไปลูกแล้วลูกเล่า จนไททันแทบจะถูกสังหารจนหมด

         "เจ้าหนุ่ม วิ่งมาทางนี้ได้ไหม" ทหารนายหนึ่งตะโกนถาม

         คาระพยักหน้าตอบรับและอุ้มสไวน์ขึ้น เขารอแค่เพียงสัญญาณจากทหารเท่านั้น

         ทหารฟันมือลง เป็นสัญญาณให้คาระทุ่มแรงทั้งหมดวิ่งอย่างรวดเร็วมาที่กำบังของแนวทหาร บีเองก็ตามมาติดๆ 

         พลปืนของไททันเห็นการเคลื่อนไหวจึงหันปลายกระบอกปืนไล่ยิงทั้งสาม ทว่าพลแม่นปืนของทหารหมายหัวของพลปืนไททันไว้ก่อนแล้ว

    ปัง! 

         กระสุนเพียงนัดเดียวพุ่งเข้าที่หน้ากากทะลุออกด้านหลังของศีรษะ หยุดยั้งพลปืนอย่างถาวร ตัวประกันทั้งสามหลบหนีออกมาได้ ก่อนที่จะถูกนำตัวมายังแนวหลังที่พ้นจากการปะทะ

         เมื่อหลบออกมาได้ คาระก็ล้มลงทั้งยืน ร่างของสไวน์ไถลไปข้างหน้าเขา

         "คาระ!" บีเข้าประคองคาระได้ทัน ใบหน้าของเขาจึงไม่กระแทกกับพื้น 

         "พักก่อนเถอะ อย่าพึ่งฝืนเลยนะ"

         คาระยันตัวนั่งพิงกำแพงพักเหนื่อย บีจึงเข้าไปพยุงร่างสไวน์ให้เข้ามาพักในบริเวณใกล้ๆ พวกเขาพักเหนื่อยกันพักหนึ่ง

         "บี เธอโดนจับมาด้วยหรอ" 

         "พวกนั้น คงจะเห็นเรามาด้วยกันล่ะมั้ง" บีพับผ้าเป็นหมอนรองให้สไวน์ "ว่าแต่นายหนีออกมาได้ยังไง"

         "...เอ่อ นั่นสิ เธอช่วยไว้" คาระชี้มาที่สไวน์ "ที่เหลือก็อย่างที่เธอเห็น"

         บีรับฟังและเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับว่ามีเรื่องอยากจะถามแต่ก็ไม่ได้ถาม คงเพราะเธอเห็นสภาพที่อ่อนล้าของคาระ

         "ขอโทษนะ พอดีได้เจอเรื่องอะไรหลายอย่าง...ที่ไม่คาดคิด" คาระกล่าว

         "อืม จ้ะ เมื่อโรงเรียนเปิดพวกเราคงมีเรื่องเล่ามากมาย ที่หลายคนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น" 


         บีหันกลับไปมองยังที่ต้นกำเนิดเสียงปืนที่ยังดังอยู่ต่อเนื่อง แววตาของบีดูเศร้าสร้อยผิดกับตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียน

         เธอเป็นคนที่ร่าเริงมาก ความขัดแย้ง การฆ่าฟันอาจทำให้เธอได้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง สิ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญมาอย่างเนิ่นนาน 


         "ในโลก หลังสงครามที่โหดร้าย ในประเทศที่สงบ ท่ามกลางเมืองที่มีมนต์เสน่ห์สวยงาม มนุษย์ก็ยังคงมีความต้องการอันไม่สิ้นสุด พวกเขาไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยที่จะเรียนรู้ ชีวิตมากมายต่างเจอบททดสอบที่สาหัส ไม่เป็นไปดั่งที่คาดหวัง เพราะอะไรกัน"


         แสงแดดส่องสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับ เสียงระลอกคลื่นที่กระทบอาคารเก่าเบาๆ แม้จะมีเสียงปืนและระเบิดดังเป็นระยะ ทว่าสายลมที่โชยอ่อนๆ ก็ทำให้บรรยากาศรอบข้างดูเอื่อยไปด้วย

         ในที่สุด น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจที่เอ่อล้นก็ไหลเป็นสายตามส่วนโค้งเว้าบนใบหน้าของบี  และมารวมอยู่ที่ปลายคางก่อนที่จะร่วงหล่น


         คาระได้แต่รับฟังคำกล่าวตัดพ้อโดยไม่มีข้อโต้แย้ง หรือแม้แต่คำปลอบโยนใดๆ เพราะเขาเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×