ตอนที่ 6 : Love Rose:Chapter FIVE
"ผู้อาวุโสหลาน...หลานอี้!?"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยขึ้นเปรยๆ และในเวลาที่เอ่ยชื่อของแม่นางตรงหน้าหลานวั่งจีก็พูดขึ้นพอดี ทำให้พวกเขาเอ่ยชื่อของนางขึ้นพร้อมกัน
"ถูกแล้ว ข้ามีนามว่าหลานอี้ เจ้าคงเป็นคนสกุลหลาน แล้วเจ้าล่ะ..."หลานอี้หันมามองทางฝั่งเว่ยอู๋เซี่ยนด้วยสายตาอบอุ่น
"ข้าเว่ยอู๋เซี่ยน แห่งฉีซานขอรับท่านผู้อาวุโสหลานอี้"เว่ยอู๋เซี่ยนประสานมือทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสสกุลหลาน นางยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยเว่ยอูเซี่ยนจึงยกยิ้มตอบบางๆ
"ข้าหลานวั่งจี คาราวะท่านผู้อาวุโสหลานอี้"หลานวั่งจีประสานมือโค้งคำนับ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับท่ายืนตามปกติ
"นานมากแล้วที่ไม่มีผู้ใดเข้ามาในที่แห่งนี้ ข้านั้นอยู่ภายในถ้ำสระเหมันต์มาเนิ่นนานเหลือทน แต่ก็ยังคงรับรู้เรื่องราวภายในอวิ๋นเซินได้เป็นครั้งคราว"หลานอี้เดินไปนั่งลงที่ก้อนน้ำแข็งเรียบเนียนที่มีอยู่ใกล้ๆกับแท่นวางกู่ฉิน ราวกับมันเป็นเก้าอี้ซึ่งหากจะเรียกเช่นนั้นก็มิผิด
"ทำไม...ท่านถึงมาอยู่ในถ้ำนี้กันเล่าท่านผู้อาวุโส"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยถามด้วยความสงสัย ว่ากันว่าหลานอี้นั้นบรรลุขั้นเซียนไปนานมากแล้ว เหตุใดจึงมาอยู่ภายในถ้ำสระเหมันต์เล่า
"ข้าได้ยินมาว่าท่านบรรลุขั้นเซียนแล้วมิใช่หรือ"หลานวั่งจีเอ่ยถามต่อ
"เพราะความผิดที่ไม่น่าให้อภัยของข้า ข้าจึงต้องมาอยู่ที่แห่งนี้ เพื่อชดใช้ความผิดพลาดแม้ว่ามันจะไม่สามารถทดแทนกันได้แม้แต่น้อยก็ตาม"หลานอี้เอ่ยตอบน้ำเสียงเศร้าโศกจนน่าแปลกใจ นางปล่อยกระต่ายขนปุยสีขาวในมือตนลงกับพื้นหิมะขาว เมื่อถูกปล่อยลงไปเจ้ากระต่ายน้อยก็วิ่งกลับไปหาสหายของมันโดยไม่รีรอแม้แต่น้อย
"ความผิดหรือ!?"เว่ยอู๋เซี่ยนทวนคำ
"ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่รู้จัก เหล็กทมิฬ ใช่หรือไม่"หลานอี้เอ่ยถาม นางกวาดมือไปบนอากาศก่อนที่จะมีบางอย่างปรากฎขึ้นมา รูปร่างของชิ้นส่วนวงกลมที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนลอยเคว้งคว้างในอากาศ พลังงานที่เกิดจากแรงอาฆาตแผ่ซ่านออกมาจนรู้สึกได้
"ข้าไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลยขอรับท่านหลานอี้ เจ้าเคยได้ยินหรือไม่หลานจ้าน"เว่ยอู๋เซี่ยนหันไปกล่าวกับหลานวั่งจีที่ยืนนิ่งเงียบอยู่
"ไม่..."
"มิแปลกนักที่ได้ยินเช่นนี้ เหล็กทมิฬนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ อันตรายมากมายนัก เล่าผู้ที่รู้เกี่ยวกับมันถูกห้ามมิให้เพร่งพรายให้ใครรู้ร่วมถึงห้ามเอ่ยให้ถึงคนรุ่นหลังได้ยิน มีเพียงผู้ที่จะขึ้นเป็นประมุขของสกุลหลานเท่านั้นที่รับรู้เรื่องของมัน ข้าเองก็เช่นกันเพียงแต่ตัวข้านั้นต่างออกไป"
"ต่างหรือ.."หลานวั่งจีทวนคำด้วยความแปลกใจ
"ข้านั้นหาได้รู้เรื่องนี้เพราะประมุขคนก่อนไม่ ข้านั้นเพียงได้ยินสหายสนิทกล่าวถึงโดยบังเอิญ นางมีชื่อว่าเป้าซานส่านเหริน"ชื่อของใครบางคนทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนชะงัก ใบหน้างามฉายแววความตกตะลึงชั่วครู่ ริมฝีปากบางพึมพำชื่อนั้นขึ้นแผ่วเบา แต่ก็ไม่อาจพ้นหูหลานวั่งจีไปได้
"เป้าซานส่านเหรินงั้นหรือ"
"ตัวข้านั้นอย่างที่เจ้าทั้งสองรู้ ข้าคือประมุขหญิงเพียงคนเดียวของสกุลหลาน หลายคนไม่พอใจและคิดว่าข้าคงไม่สามารถเป็นผู้นำของสกุลหลานได้ ข้าจึงหาทางทำให้พวกเขายอมรับความสามารถของข้า จนได้ยินเป้าซานเอ่ยถึงเหล็กทมิฬเข้า
นางเอ่ยเตือนข้าว่าเหล็กทมิฬนั้นมีอำนาจมากเกินควบคุม แรงอาฆาตที่เหล็กทมิฬดูดซับไว้อาจย้อนเข้ามาทำลายข้าและคนในสกุลหลาน"
"แต่ข้าคิดว่าถ้าเราใช้ให้ดี เหล็กทมิฬอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือโลกเซียนไว้ในสักวันก็ได้มิใช่หรือ อีกทั้งยังสามารถส่งเสริมสกุลหลานได้อีกมากด้วย"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยขึ้นทันทีที่นางเอ่ยประโยคนั้นจบ หลานวั่งจีหันมามองหน้าเว่ยอู๋เซี่ยนด้วยความเฉยชาทั้งที่ภายในใจนึกอยากจะเอ่ยปากเตือน
"เจ้าคิดเหมือนข้านักคุณชายเว่ย ตัวข้าในตอนนั้นเองก็คิดเช่นเดียวกับคุณชายเว่ย ข้าจึงไม่รับฟังคำเตือนของนาง วันต่อมาข้าทราบเรื่องเหล็กทมิฬจากประมุขจนรู้ว่าที่ผาเมฆาแห่งนี้มีเหล็กทมิฬซ่อนอยู่หนึ่งชิ้น ข้าจึงพยายามที่จะไปนำมันมา เป้าซาน...
นางพยายามขว้างข้า และเอ่ยเตือนแต่ข้ามิยอมฟังดื้อรันจะไปนำมันมาจบเผลอพลั้งทำลายมิตรภาพของข้าและเป้าซาน"
"แล้วจากนั้นล่ะ ปรมาจารย์ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง!"เว่ยอู๋เซี่ยนร้องถามโดยมิทันคิด หลานอี้และหลานวั่งจีมีสีหน้าฉงนกับคำกล่าวของเว่ยอู๋เซี่ยนเป็นอย่างมาก เขาจึงเอ่ยตอบไปตามความจริง
"ขออภัยที่ข้าไม่ได้บอกท่านก่อน ข้าเว่ยอู๋เซี่ยนแม้จะถูกดูแลอยู่ที่ฉีซานแต่แท้จริงแล้วข้านั้นเคยอยู่ที่อี้หลิงมาก่อน เป็นลูกของจั้งซานส่านเหริน ลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์เป้าซานส่านเหรินขอรับ"
"เจ้า...จริงรึ ข้าไม่นึกมาก่อนว่าจะได้เจอลูกศิษย์ของนาง แต่ตอนนี้เจ้ากลับกำลังยืนอยู่ต่อหน้าข้า ต้องขอโทษด้วยตัวข้านั้นหลังแยกจากนางแล้วข้ารู้เพียงนางละทางโลกและไม่เคยมีผู้ใดได้พบอีกเลย"หลานอี้มีสีหน้าหมองลงโดยมิจำเป็นต้องสังเกตก็มองเห็น บางทีนางและเป้าซานส่านเหรินอาจมีอะไรที่มากกว่าคำว่ามิตรสหายก็เป็นได้กระมัง
"เช่นนั้นหรือ แล้วเรื่องเหล็กทมิฬ..."เว่ยอู๋เซี่ยนหันเหความสนใจกลับมายังเรื่องเหล็กทมิฬทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของหลานอี้เมื่อเอ่ยถึงปรมาจารย์ของตน
"ข้าหาเหล็กทมิฬจนพบ และปลุกพลังอำนาจของมันขึ้น พลังของเหล็กทมิฬมีมากเหินไปจึงทำให้ข้าไม่สามารถควบคุมได้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรีบผนึกพลังของเหล็กทมิฬไว้แลกกับการที่ข้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะสิ้นอายุขัย ซึ่งนั่นก็อีกไม่นาน"หลานอี้กล่าว
"แล้วท่านจะทำเช่นไรต่อ"หลานวั่งจีเอ่ยถามเสียงนิ่งดั่งปกติที่แฝงไปด้วยความกังวลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"แม้นข้าจะผนึกเหล็กทมิฬไว้แต่ทว่า...เมื่อสิบสามปีก่อนเหล็กทมิฬเริ่มมีอำนาจมากขึ้นมาและมีความเคลื่อนไหวแปลก ข้าคิดว่าบางทีอาจมีใครบางคนพบเหล็กทมิฬชิ้นอื่นๆแล้วก็เป็นได้"หลานอี้เอ่ยเสียงคร่ำเครียด หากเป็นไปตามที่นางคาดเดาไว้นั่นอาจจะเป็นจุดจบของเหล่าเซียนซือก็เป็นได้กระมัง
"สิบสามปีก่อนหรือ..."เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหากเป็นสิบสามปีก่อน นั่นหมายความว่าเหตุการณ์ฆ่าล้างสกุลเว่ยอาจจะเป็นเพราะมีคนใช้เหล็กทมิฬก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้น...เขาจะทำเช่นไรดี
"อะไรหรือเว่ยอิง"หลานวั่งจีถามเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่แปลกไปของเว่ยอู๋เซี่ยนได้
"มะ...ไม่มีอะไร ท่านผู้อาวุโสหลานท่านจะทำเช่นไรต่อ"
"ข้าขอฝากเหล็กทมิฬชิ้นนี้ไว้ที่พวกเจ้า ตามหาชิ้นที่เหลือให้พบแล้วนำมาผนึกไว้ที่ถ้ำสระเหมันต์ตลอดกาล หากเป็นไปได้ข้าคงจะตามหาเอง แต่อายุขัยของข้าในตอนนี้นั้นใกล้จะหมดลงแล้ว ที่เหลือรบกวนเจ้าแล้ว"หลานอี้มีร่างกายที่โปร่งแสงใสขึ้นมาแล้ว ร่างกายของนางกำลังเลื่อนหายไปที่ล่ะน้อย
"วั่งจีไม่ขอปฏิเสธขอรับ"หลานวั่งจีโค้งตัวลงคำนับร่างกายโปร่งใสที่จะเคลื่อนหายอยู่ลับๆ
"ข้าก็เช่นกัน"เว่ยอู๋เซี่ยนคำนับตาม หลานอี้ยกยิ้ม
"รบกวนพวกเจ้าแล้ว"สิ้นเสียงนั้นร่างกายของนางก็เลือนหายไป พร้อมกับผ้าคาดหน้าผากสกุลหลานของนางที่ตกลงกระทบกับพื้นน้ำแข็งข้างๆกู่ฉินสีขาวนวลของนาง
"อาอิง!!!เจ้าอยู่ไหน!!!คุณชายรองหลาน!!!"เวินฉิงร้องตะโกนเรียกเว่ยอู๋เซี่ยนและหลานวั่งจีซ้ำๆหวังให้ใคนสักคนตอบกลับมา ด้วยว่าเว่ยอู๋เซี่ยนศิษย์น้องของนางนั้นหายตัวไปพร้อมกับคุณชายรองหลานร่วมสองวันแล้ว นางจึงค่อนข้างเป็นกังวล
"ท่านพี่ฉิงพักหน่อยดีกว่าไหมขอรับ"เวินหนิงเอ่ยถาม เขากับพี่สาวนั้นตามหาเว่ยอู๋เซี่ยนกันมาตั้งแต่วันก่อนแล้วแต่ก็ไม่เจอ เวินฉิงเองก็มีอาการกังวลอย่างหนัก เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับคนที่ตนรักเหมือนน้องชายคนหนึ่งเวินหนิงเองก็เช่นกัน
"ไม่ล่ะ รีบตามหาอาอิงเถอะ"เวินหนิงพยักหน้าอย่างจำยอม เดินเข้าไปพยุงพี่สาวด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะวูบไป
"หลานจ้าน!!เดี๋ยวสิ!!นี่ข้าเดินไม่ทันนะ!!"เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยดังขึ้น เวินฉิงและเวินหนิงรีบสอดสายตามองหาเจ้าของเสียงทันทีก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายของหล่น
ตุบ!
"โอ้ย~ ข้าบอกแล้วไงว่าเดินช้าๆ"เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวหลังหลุดออกมาจากถ้ำสระเหมันต์ผ่านทางออกอีกทาง และด้วยว่าหลานวั่งจีนั้นเร่งรีบจนเกินไปทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนล้มทับกับอีกคน ใบหน้าห่างกันเพียงนิดเท่านั้น
"ลุก..."หลานวั่งจีกล่าว
"ก็ได้ๆ ข้าลุกแล้ว"ไม่ทันลุกได้ดีก็ล้มลงอีกครั้งเพราะผ้าคาดหน้าผากที่ผูกข้อมือตนอยู่กับหลานวั่งจี ทำให้ต้องล้มลงมาซบอกอีกคน
"อาอิง!!!"เวินฉิงร้องเรียก เว่ยอู๋เซี่ยนหันไปมองตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นศิษย์พี่ตน ด้วยความรีบร้อนทำให้เขาเผลอจับผ้าคาดหน้าผากของหลานวั่งจีไป ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาศิษย์พี่ที่เปรียบเหมือนพี่แท้ๆของตน หลานวั่งจีแม้จะตกใจที่อีกคนจับผ้าคาดหน้าผากตนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ว่าอะไร รีบสวมผ้าคาดหน้าผากไว้ดั่งเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนตามระเบียบ
"พี่ฉิง..."เว่ยอู๋เซี่ยนมองดูสภาพเวินฉิงที่อิดโรยพอควรก็รู้สึกกังวลใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะที่ตนอยู่ในถ้ำสระเหมันต์
"พี่อิงท่านหายไปไหนมาข้ากับพี่ฉิงตามหาพี่กับคุณชายรองหลานแทบตาย รู้รึไม่ ท่านหายไปตั้งสองวันเชียว"เว่ยอู๋เซี่ยนเบิกตากว้างสองวันเชียวหรือ ใยเขาคิดว่าติดอยู่ด้านในเพียงสองชั่วยามเท่านั้น
"สองวัน?"เว่ยอู๋เซี่ยนพึมพำก่อนหันไปมองหลานวั่งจีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เขาคิดว่าคุณชายรองเองก็คงตกใจเช่นกัน
"ใช่...แล้วนี่เจ้าหายไปไหนมา ข้าเป็นห่วงนะเจ้ารู้รึไม่ ทำให้พี่สาวเจ้าเป็นห่วงมากๆเช่นนี้นิสัยไม่ดีเลยนะอิงอิง"เวินฉิงกล่าว เว่ยอู๋เซี่ยนโผเข้ากอดศิษย์พี่คนงามด้วยความรู้สึกผิด ใยจักไม่รู้ว่านางห่วงตนมากเพียงใด ร่างกายอิดโรยเช่นนี้คงมิได้พักเลยกระมัง
"พี่ฉิงข้าขอโทษ อิงอิงผิดไปแล้วท่านอย่าโกรธอิงนะ"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยเสียงออดอ้อน เวินฉิงยกยิ้มนางรู้ว่าเว่ยอู๋เซี่ยนกำลังรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำให้นางและเวินหนิงเป็นห่วง
"ใครจะไปโกรธเจ้าลงกัน ไปพักเสียเจ้าคงเหนื่อยมากแล้ว ขอบคุณคุณชายรองมากที่ช่วยดูแลน้องข้า"เวินฉิงโค้งตัวลงขอบคุณ หลานสั่งจีทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น สามพี่น้องแห่งฉีซานเวินก็เดินจากไป
"เว่ยอิง...เจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่"หลานวั่งจีเอ่ยก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนของตน นึกสงสัยใคร่อยากรู้ในใจว่าแท้จริงแล้วเว่ยอู๋เซี่ยนนั้นเป็นคนเช่นไร ปกติก็ดูร่าเริงและยิ้มหัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทำไมในถ้ำตอนนั้น
'สิบสามปีก่อนหรือ...'
ใยจึงดูอ่อนแอและเปราะบางนัก ราวกับว่าแตะต้องเพียงนิดคนคนนั้นก็พร้อมที่จะแตกสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
.
.
.
.
ทำไมถึงได้ทำให้ข้ารู้สึกอยากปกป้องเจ้ามากขนาดนี้
.
.
.
.
___________________
Talk With Yichin
___________________
I Am Come Back!!!!!
กลับมาแล้วค่าาา~ ยังมีคนอยู่มั้ยมาต่อแล้วค่ะ คือจะบอกว่าที่มาช้าเพราะ
1.การบ้าน
2.งานกิจกรรม
คือครูโรงเรียนเราไม่รู้เป็นอะไร สั่งการบ้านพร้อมกันดกือบทุกวิชา วิชาละ 7-8 หน้าหนังสือ คืออยากจะร้องถามครูมากว่า...
ครูมาทำเองมั้ยคะ!!!
______________________________
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รออ่านตอนต่อนอยู่นะคะ สนุกมากคะ