ตอนที่ 5 : Love Rose:Chapter FOUR
(07:00-08:59)
เสียงร้องขับขานของหมู่ปักษาในกูซูดังขึ้นเป็นทำนอง ชวนให้ผ่อนคลาย เว่ยอู๋เซี่ยนเดินออกมาจากเรือนรับรองเพื่อรับบรรยากาศอันสดชื่นนี้ ในวันนี้นั้นหลานฉีเหรินหรือผู้อาวุโสหลานไปประชุมที่ชิงเหอทำให้ศิษย์ทั้งหลายไม่ต้องเข้ารับการฝึกสอน
"กูซูนี่สงบเงียบดีจริง"เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวพลางควงขลุ่ยสีดำในมือไปด้วย ขลุ่ยเฉินฉิงคือขลุ่ยประจำกายของเว่ยอู๋เซี่ยน มารดาของเขาจั้งซานส่านเหรินและประมุขเว่ยผู้เป็นพ่อมอบให้ตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนชอบพกไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ
"อ้ะ!?ที่กูซูมีเหมยกุ้ยด้วยรึ เจ้าบุพผาน้อยในที่แห่งนี้เห็นทีคงมีเพียงเจ้ากระมังที่เป็นเหมยกุ้ย"มือเรียวงามราวอิสตรีจับที่ก้านดอกเหมยกุ้ยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเด็ดขค้นมือด้วยความระวังว่าจะโดนหนามเล็กๆนั้นทำร้ายเอา
ฉึก
"เจ้านี่นะ เป็นเพียงดอกไม้แต่กลับทำให้ข้าบาดเจ็บได้ นี่แหละหนาเหมยกุ้ย งดงามแต่อันตราย ฮ่าๆ"เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อยๆ เพราะความเผลอผลั้งทำให้ตนโดนหนามเล็กๆนั่นปักเข้า จนเลือดออกแต่ก็ใช่ว่าจะสนใจเพียงแผลเล็กน้อย หาได้ร้ายแรง
"อาอิง...เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ"เวินฉิงเอ่ยถามหลังเดินออกมาจากเรือนรับรองแล้วเห็นศิษย์น้องยกยิ้มบางๆที่หาได้เสแสร้งไม่
"ข้าเจอดอกเหมยกุ้ยน่ะพี่ฉิง แปลกนะท่านว่าไหม กูซูจะมีดอกเหมยกุ้ยได้อย่างไร"เว่ยอู๋เซี่ยนตอบก่อนจะยื่นกุหลาบดอกน้อยให้กับศิษย์พี่คนงาม เวินฉิงยิ้มรับเมื่อพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้น้องชายไม่แท้ของตนยิ้มได้
"นั่นสิ แต่ก็ดีแล้วในเมื่อมันสามารถทำให้เจ้ายิ้มได้จากใจ ข้าก็จะนับว่ามันถูกส่งมาเพื่อเจ้าอิงอิง"
"คงเป็นเช่นนั้นกระมัง อ้อ!แล้วอาหนิงล่ะขอรับพี่ฉิง"
"ทำอาหารน่ะ"
"งั้นข้าไปช่วยอาหนิงแล้วกันนะขอรับ"
"อื้อ!ไปสิ นานๆจะเห็นเจ้าทำอาหาร"
"ขอรับ"ว่าจบก็เดินกลับเรือนรับรองไป เวินฉิงมองตามแผ่นหลังศิษย์น้องตนไปจนลับตา สีหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้นมาจนน่าหวั่นใจ
"อีกไม่นานหรอกอาอิง เจ้าจะได้หวนคืนสู่แดนเหมยกุ้ยที่จากมา ข้าและอาหนิงจะคอยช่วยเจ้าเอง เพื่อสักวันเจ้าจะกลับมายิ้มได้จากใจดั่งเดิม"
หลังจัดการกับการทำอาหารในยามเช้า เว่ยอู๋เซี่ยนจึงบอกกับศิษย์พี่ศิษย์น้องตนไปว่าจะออกมาเดินเล่น จนเดินมาโผล่ที่สระเหมันต์ อันเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ศิษย์นอกสำนักเข้ามา
"อ่า...ดูเหมือนว่าข้าจะเลิ่นเล่อจนเจอสมบัติเข้าเลยนะ ไม่นึกว่าจะมีสระเหมันต์อยู่จริงๆ"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยขึ้นเปรยๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังสระน้ำเย็นอย่างช้าๆ
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่"เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยถาม น้ำเสียงคุ้นเคยทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนรู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้ใด ริมฝีปากแย้มยิ้มอ่อนๆก่อนจะหันมามองเจ้าของเสียงทุ้มนิ่งแสนเฉยชา
"หลานจ้านเจ้าเองหรอกหรือ ขออภัยที่ข้าเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาติพอดีว่าข้าเดินเพลินไปเสียหน่อย"
"ออกไปซะ เจ้าไม่ควรมาที่นี่"หลานวั่งจีเอ่ยบอกพร้อมกับพยายามบีบบังคับเว่ยอู๋เซี่ยนให้เดินออกไปด้วยสายตาของตนที่จ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้า
"ข้ารู้น่าว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม แต่เจ้าไม่เห็นต้องมองข้าเช่นนั้นเลยนี่หลานจ้าน"เว่ยอู๋เซี่ยนยกแขนบางขึ้นกอดอกมองจ้องชายตรงหน้านี้ด้วยความยียวน หวังให้คุณชายรองหมดความอดทน
"...ออกไป"
"เฮ้ออ~ ข้าไปก็ได้ๆ เจ้านี่นะ"บ่นอุบอิบต่ออีกเล็กน้อยเว่ยอู๋เซี่ยนก็เดินจากไป แต่เท้าเจ้ากรรมดันเยียบโดนก้อนหินที่มีตะไคร้น้ำเกาะอยู่จึงพลัดตกลงไปในสระเหมันต์อีกทั้ง....
"หลานจ้าน!!!"มือเรียวของเว่ยอู๋เซี่ยนรีบคว้าข้อมือคุณชายรองสกุลหลานเพื่อรั้งร่างตนไม่ให้หล่นลงไป แต่ด้วยความตกใจทำให้หลานวั่งจีไม่ทันระวังจึงร่วงตกลงไปในสระด้วยกันทั้งคู่
ตู้ม!!!!
เสียงน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง ร่างของเว่ยอู๋เซี่ยนและหลานวั่งจีหายลงไปในสระน้ำเย็นเยื้อก ใต้น้ำหมุนวนไปนำทางสองศิษย์นอกและในสกุลหลานไปโผล่อีกสถานที่
"แค่กๆ น่ะ...นี่มันที่ไหนกัน แค่กๆ"เว่ยอู๋เซี่ยนยืนสำลักน้ำจนตัวสั่น ความเย็นประทะเข้ากับร่างกายที่เปียกชื้นพาให้หนาวสั่น หลานวั่งจีมองดูรอบๆถ้ำเพื่อสำรวจว่าเป็นที่ใด
อุณหภูมิน้ำเย็นจนน่าห่วงว่าตนจะโดนแช่แข็ง แต่แม่น้ำกลับไม่จับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง ผนังถ้ำเห็นได้ชัดว่าเป็นน้ำแข็งเช่นเดียวกับแพดานถ้ำ
"หลานจ้านเจ้าได้ยินหรือไม่ เสียงตะโกนขู่ฆ่าน่ะ"เว่ยอู๋เซี่ยนกอดร่างอันสั่นเทาของตนไว้พร้อมกับเอ่ยถาม มือขวาของตนนั้นยังคงกำเฉินฉิงแน่มิยอมปล่อย ในตอนนี้ขลุ่ยที่อยู่ในมือคงเป็นอาวุธเดียวที่ตนเหลือเพราะลืมวางสุยเปี้ยนไว้ที่เรือนรับรองมิได้หยิบมาด้วย
"อืม"เสียงตะโกนร้องขู่ฆ่าและสั่งฆ่าดังขึ้นมิหยุดหย่อน หลานวั่งจีเดินนำเข้าไปลึกในถ้ำน้ำแข็งอันเหน็บหนาว เว่ยอู๋เซี่ยนรีบเดินตามแม้จะหนาวแต่เรื่องในถ้ำนี้ก็น่าสนใจเสียเหลือเกินหากไม่ตามไปเกรงว่าคงจะพลาดข้อมูลสำคัญ
เดินลึกเข้าไปอีกชั่วครู่ทั้งสองก็ได้ยินเสียงดีดบรรเลงของกู่ฉินดังขึ้น มองตรงไปข้างหน้าก็พบกับแท่นวางกู่ฉินสีขาวสะอาดตาพร้อมลายสลักเมฆาสีฟ้าอ่อน เว่ยอู๋เซี่ยนพยายามเดินตรงเข้าไปดู แต่กลับมีเสียงดีดบรรเลงขึ้นอีกครั้งที่มาพร้อมกับพลังเวทย์เมื่อโดนตัวเว่ยอู๋เซี่ยน ก็ทำให้ร่างบางๆนั้นกระเด็นออกไปราวกับมีคนกระชาก
ตุบ!
"อึ่ก!แค่กๆ นี่มัน...อะไรเนี้ย"เว่ยอู๋เซี่ยนพยุงตนลุกขึ้นยืน พลังเวทย์ที่มาพร้อมกับเสียงฉินเมื่อครู่นี้ทำให้ร่างกายของเว่ยอู๋เซี่ยนบอบช้ำพอควรอย่างน้อยๆก็ทำให้กระอักเลือดออกมานิดหน่อย
"สายพิณพิฆาต!?"หลานวั่งจีเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังกู่ฉินตัวงาม เว่ยอู๋เซี่ยนพยายามจะเดินตามไปแต่ก็โดนซัดกลับดังเดิม ในขณะที่หลานวั่งจีไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
"สายพิณพิฆาตนี้ถูกลงอาคมให้โจมตีทุกคนยกเว้นศิษย์สกุลหลาน"ไม่ว่าเปล่าคุณชายรองบรรจงลากมือผ่านสายกู่ฉินที่ละเส้นก่อนจะหันกลับไปมองเว่ยอู๋เซี่ยนที่ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บพอสมควร
"แล้วจะทำอย่างไรดีน่ะ ข้าทนรับการโจมตีแบบนั้นได้ไม่นานหรอกนะ"เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะแลเห็นกระต่ายสีขาวนวลหลายตัวใกล้แท่นวางกู่ฉิน บนหัวของพวกมันมีผ้าคาดหน้าหน้าผากเหมือนกับศิษย์สกุลหลาน จนทำให้หวนนึกถึงคำพูดที่หลานฉีเหรินเคยเอ่ยไว้ว่า...
'ผ้าคาดหน้าผากเป็นสิ่งสำคัญจะให้ผู้ใดแตะต้องไม่ได้นอกจากพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกและภรรยา เพราะผ้าคาดหน้าผากมีเวทย์มนต์ของคนสกุลหลานถือเป็นของล้ำค่าให้ผู้ใดแตะต้องไม่ได้หากไม่เกี่ยวข้อง'
"ผ้าคาดหน้าผาก... เวทย์มนต์ของคนสกุลหลาน.... เวทย์มนต์!? ใช่แล้ว!"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยพึมพัมก่อนจะส่งยิ้มให้หลานวั่งจีพร้อมกับร้องบอกว่า "หลานจ้าน ผ้าคาดหัว!!ส่งผ้าคาดหัวมาให้ข้า!!เร็วสิ!!"
หลานวั่งจียังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง และยืนคิดคะนึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระโดดเข้าไปยืนข้างๆร่างบอบบางของเว่ยอู๋เซี่ยน ถอดผ้าคาดหัวออกคล้องข้อมือตนและเว่ยอู๋เซี่ยนเอาไว้ ก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงห้ามแตะเพราะตนนั้นคล้องผ้าคาดหน้าผากทับลงบนแขนเสื้อสีขาวนวลอันเป็นชุดของศิษย์ทั้งหลายที่มาฝึกอยู่กูซู ทำให้ผ้าคาดหน้าผากไม่สัมผัสกับผิวกายของเว่ยอู๋เซี่ยน
"ข้าไม่แตะต้องมันหรอกน่าา~"เว่ยอู๋เซี่ยนว่า หลานวั่งจีหาได้คิดอะไรกับคำบอกกล่าวนั้นไม่รีบรุดเดินนำเข้าไปที่แท่นวางกู่ฉิน ก่อนจะเริ่ทบรรเลงทำนองถามไถ่วิญญาณ
"อ่า...ข้าได้ยินมาว่าคนสกุลหลานอย่างพวกเจ้าสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้ผ่านการเล่นฉินดูท่าว่าคงจะจริงดั่งที่ได้ยินมา"เว่ยอู๋เซี่ยนว่าพลางหย่อนกายนั่งลงบนแท่นวางฉินสีขาวนวลลายเมฆา ในขณะที่หลานวั่งจีกำลังสื่อสารกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับผ่านการเล่นฉิน
"..."เมื่อเล่นฉินจบหลานวั่งจีจึงลืมตาขึ้นช้าๆ มองมาทางเว่ยอู๋เซี่ยนที่อาจหาญนั่งบนแท่นวางฉินที่ดูจะศักดิ์สิทธิ์มากพอควร ดวงตาเรียวคมมองเว่ยอู๋เซี่ยนเป็นเชิงตำหนิ เจ้าตัวจึงยอมลุกขึ้นพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ
"อ่ะ...แฮะๆ ขออภัยคุณชายรองหลาน"หลังเอ่ยขอบคุณไป เสียงร้องตะโกนฆ่าก็ดังขึ้นอีกคราหลังเงียบไปเมื่อตอนที่เว่ยอู๋เซี่ยนและหลานวั่งจีเดินเข้าในส่วนลึกของถ้ำ
"เสียงใครน่ะ!"เว่ยอู๋เซียนร้องถาม สองศิษย์นอกและในสกุลหลานลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ในขณะที่เว่ยอู๋เซี่ยนกระชับขลุ่ยไม้ไผ่ในมือแน่น หลานวั่งจีตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีพร้อมชักกระบี่ออกสู้เสมอ
"เสียงของผู้ที่ต้องการเหล็กทมิฬ พวกเขาร้องตะโกนอยู่เช่นนี้มากว่าห้าร้อยปี"เสียงเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ดูอ่อนโยนดังขึ้น เว่ยอู๋เซี่ยนหันกลับไปมองเช่นเดียวกับหลานวั่งจีจนพบกับ...
หญิงสาวที่สวมผ้าคาดหน้าผากสกุลหลาน สวมชุดสีฟ้าคราม ในมือนางมีกระต่ายสีขาวตัวน้อยอยู่ นางลูบขนตระต่ายไปด้วยในขณะที่กำลังจะเล่าเรื่องราวที่ถูกปิดผนึกไว้ในถ้ำแห่งนี้ราวห้าร้อยปี
เรื่องของเหล็กทมิฬ อาวุธที่เซียนซือทั้งหลายอยากกำจัดให้สูญสลายไปตลอดการ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
________________________
ฮายยย~ อี้ฉินมาแล้วนะ ม่ะได้อัพนานมากกก~ เราขออภัยจีๆ หลังเคลียร์งานที่โรงเรียนเสร็จกลับถึงบ้านเราก็น็อคไปเลยตื่นมาอีกทีก็บายสี่โดนพี่สาวลากไปเล่นแบตมินตันอีก เหนื่อยๆมัก เลยม่ะได้อัพ
วันนี้มาสั้นหน่อยแต่ก็มานะ อย่างที่เคยบอกไปว่าต่อจากนี้ไปจะเริ่มเดือดแล้ว เริ่มเข้าสู่เนื้อหาจริงๆจังๆแล้ว ก็ฝากติชมด้วยนะว่าเราแต่งเป็นไงบ้าง จะได้แก้ไขให้ดีขึ้น วันนี้ก็ขอบคุณมากค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกมากคะอยากรูต่อตอนไปแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะจะเปันกำลังใจให้นะคะ