ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AU Fic Reborn : The New Destiny of Vongola (รักครั้งใหม่ฯ ฉบับย้ายบ้าน)

    ลำดับตอนที่ #3 : หลบภัยในอดีต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 391
      14
      3 ต.ค. 61

             “เลโอ...”คาสเตอร์เรียกชื่อเพื่อนรักที่ยืนอยู่ข้างๆตนหวังเอ่ยถามอะไรสักอย่างจากเขา “ฉันมีเรื่องอยากถามนายสักหน่อยน่ะ”

            “หื้ม?”เลโอขานรับ “มีอะไรงั้นเหรอ?”

             “นายคิดว่าการที่เราทำแบบนี้มันดีแล้วใช่ไหม?”

             “ฉันตอบได้ไม่เต็มปากนักหรอกนะคาส”

                      ร่างของสองบุรุษปริศนาบนยอดตึกสูงเสียดฟ้ามองออกไปยังตัวเมืองด้านล่างด้วยแววตาที่เยือกเย็น เส้นผมสีแดงดุจโลหิตและสีทองอร่ามปลิวตามแรงลมอ่อนๆที่พัดผ่านไปมา แววตาทั้งสองคู่ทอดลงไปที่ผืนแผ่นดินที่ปกคลุมด้วยบ้านเรือนและอาคารพร้อมเผยอยิ้มเล็กน้อย

             “แต่ถ้าทำให้เด็กคนนั้นปลอดภัยก็พอแล้ว”สองหนุ่มหล่อเอ่ยพร้อมกับและหันไปสบตาเพื่อนร่วมงานอย่างรู้ทัน “ยังไงก็ตาม คงต้องของความร่วมมือกับหัวหน้าผู้พิทักษ์สักหน่อยแล้วสิ”

         เวลาไล่เลี่ยกันที่สถานีประชุมสภาราชวงศ์

                      คนดูคับคั่งมากกว่าตอนแรกๆเสียอีก กษัตริย์แห่งอิเทรเชียก็เปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบของตระกูลตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริเวณโดมรับรองแขกที่จะมาประชุมก็เริ่มทยอยเดินเข้าห้องประชุมที่อยู่ถัดไปอีกไม่ไกลจนลานกลางเริ่มมีคนบางตา

             “เอ็น เราก็ไปกันเถอะ”เพื่อนรักสะกิดให้ราชาหนุ่มแห่งเกาะมนตราเข้าห้องประชุมเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา “คนอื่นๆเขาเริ่มทยอยเข้าไปแล้วนะ”

             “อา เข้าใจแล้ว”เอ็นริโอ้พยักหน้า “งั้นไปกันเถอะ”

                       ราชาทั้งสองเข้าไปในที่ประชุมอันแสนโอฬารและงดงามด้วยท่วงท่าทรงสง่าแบบราชา ภายในคือที่นั่งนับพันเรียงกันเป็นวงกลม แสงสว่างไสวของผลเวทมนตร์สาดไปทั่วบริเวณ ส่วนที่นั่งของประธานสภาถูกยกสูงเหนือหัว ทั้งเอ็นริโอ้และมาเคเพื่อนรักนั่งไม่ห่างกันมากนัก

             “สวัสดีค่ะ คุณเอ็นริโอ้”สาวสวยข้างๆเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่คุณทำฉันตกใจเหมือนนะคะเนี่ย”

            “ฮะๆ งั้นเหรอครับคุณเอเธอรี่”เขาหัวเราะแหะๆ “ขอโทษทีนะครับ”

             “ไง เอ็น มาเค”ตามด้วยบุรุษร่างสูงเดินเข้ามาทักทายสองหนุ่มพร้อมกับอีกหนึ่งสาว “คุณเอเธอรี่ด้วย”

             “พี่เมอเดนซิโอ้!!”

              “คุณเมอเดอซิโอ้!”

                        ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งที่นั่งของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่นานนักคนที่เคยอยู่ตรงสถานที่รับรองก็มานั่งที่ของตัวเองจนหนาตาและไม่มีที่นั่งตรงไหนว่าง ร่างของหญิงสาวในชุดราตรีแสนงามก็ปรากฏพร้อมกับไม้คฑาในมือ ประธานสภามาถึงแล้ว!

             “เคารพ!”

             “สวัสดีขอรับ/เพคะ! ท่านลาลิสเคลีย!”

         โลกมนุษย์ เวลาเดียวกันนั้น...

             “นี่สึนะ นายคิดว่ายังไงเหรอ?”

             “เอ่อ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนใช่ไหม?”

            “เจ้าบ้าเบสบอล! แกคุยกับรุ่นที่สิบอย่างสนิทสนมข้ามหน้าข้ามตาฉันได้ยังไงกันหะ!”

             “ใจเย็นๆก่อนสิโกคุเดระคุง”

                      แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นก็มีการพูดถึงกันในกลุ่มนักเรียนด้วย และเพื่อนๆของว่าที่บอสก็เอ่ยถึงมันในวงสนทนาของพวกเขาด้วย ซึ่งพวกเขาคือคนที่ทุกๆคนน่าจะรู้จักกันดี ยามาโมโตะ โกคุเดระและเอ็นมะ(คนนี้ไม่มีปรากฏในอนิเมะนะคะ อยู่ในมังงะหลังศึกเบียคุรัน)

             “แต่ว่าแปลกจริงๆนะครับรุ่นที่สิบ”วายุรุ่นสิบทำสีหน้าเคร่งเครียด “คนพวกนั้นเหมือนผมคุ้นๆหน้าอยู่นะครับ”

             “จริงเหรอโกคุเดระคุง!”สึนะทำหน้าตื่นตระหนก “ที่ไหนล่ะ?!”

             “คนในวงมาเฟียรึเปล่า?”เอ็นมะถาม “หรือว่าเป็นคนธรรมดาที่นายเคยเห็นหน้า?”

           “อืม...”

                    โกคุเดระพยายามครุ่นคิดแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก สุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วก็ล้มเลิกไป การเรียนการสอนได้เริ่มขึ้นหลังจากทั้งสี่เดินเข้าห้องเรียนไปแล้ว เว้นแต่เอ็นมะ บอสชิม่อนแฟมิลี่ที่เดินแยกออกไปเพราะอยู่คนละห้อง ทุกอย่างดูปกติดี จนกระทั่งเวลาเลิกเรียน

         เวลาเลิกเรียน

             “กลับก่อนนะทุกคน”เอ็นมะแวะเข้ามาโบกมือลาก่อนวิ่งหายไป สามหนุ่มก็เข้าใจดีว่าอเดลไฮด์คงอยากให้บอสของตัวเองรีบกลับบ้าน

             “ขอโทษทีนะสึนะ พอดีวันนี้ฉันมีซ้อมน่ะ”ยามาโมโตะยิ้มแหยะๆพร้อมเอ่ยปากขอโทษที่กลับบ้านด้วยกันไม่ได้ “กลับกันไปก่อนได้เลยนะ”

             “อ่า ไม่เป็นไร”ว่าที่บอสยิ้มรับ “ฉันกลับเองได้”

             “วันนี้ผมคงกลับกับท่านไม่ได้น่ะครับ รุ่นที่สิบ”พูดจบไม่พอ ผู้พิทักษ์วายุยังลงไปกราบขอโทษที่พื้นด้านล่าง “ต้องขออภัยด้วยจริงๆนะครับ!”

                      กลายเป็นว่าวันนั้นสึนะจึงต้องเดินกลับบ้านคนเดียว เพราะคนอื่นๆต่างติดธุระ เด็กหนุ่มเองก็เข้าใจว่าแต่ละคนก็ต้องมีเวลาที่เป็นส่วนตัวบ้างล่ะน่า เลยยิ้มรับและยอมรับมันอย่างหลีกไม่ได้ แล้วเวลานั้นเองที่เขาได้กลับมาที่คฤหาสน์หลังนั้นอีกครั้ง

             “ฮะๆๆ”

                      บรรยากาศรอบๆดูเย็นยะเยือกผิดปกติเสียด้วยซ้ำ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่ที่บ้านหลังใหญ่หลังนี้ ความคิดของเมื่อวานที่ว่าจะมาถามมันก็ขาวโพลนไปหมดเลยล่ะ กลายเป็นว่าความกลัวได้เข้ามาแทนที่ความกล้าจนหมด

            “ไม่เอาดีกว่า....”และเด็กหนุ่มก็ล้มเลิกความพยายามของเขาลงและตัดสินใจเดินทางกลับบ้านของตัวเองอย่างเงียบๆ

            “หว่า เสียดายจัง”นาโอคิมองตามร่างเด็กหนุ่มที่เดินจากไปอย่าสงน่าเสียดาย “นี่ฉันเผลอปล่อยบรรยากาศน่ากลัวๆแบบนี้ไปเหรอเนี่ย”

             “ผมไม่ยุ่งนะครับ”

                      ที่ประชุมสภานั้น การประชุมได้จบลงตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้วล่ะ ตอนนี้กษัตริย์แห่งอาณาจักรอิเทรเชียได้กลับมาอยู่ที่ปราสาทเลโอมิลเน่ของตระกูลตัวเองแล้ว พร้อมกับกลับมาทำหน้าที่ในฐานะกษัตริย์เต็มตัวอีกครั้งหลังจากหยุดไปนานพอสมควร

             “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะผ่านเรื่องแบบนี้มาได้”เอ็นริโอ้บ่นอุบอิบเบาๆกับตัวเอง “แต่ก็ต้องขอบคุณมาเคและทุกคนด้วยล่ะนะ”

         ย้อนกลับไปในตอนที่การประชุมเพิ่งจะเริ่มได้ไม่นาน

             “เราได้รับข่าวจากคณบดีว่าอาณาจักรอิเทรเชียซ่อนรัชทายาทเอาไว้...”

             “...”

                      ก่อนที่ประธานสภาลาลิสเคลียจะพูดประโยคเมื่อสักครู่นี้ หัวข้อการประชุมคือเรื่องผลกระทบของสงครามเคออส ใช่ แต่สักพักหลังจากท่านลาลิสเคลียจะเดินออกจากที่ประชุม อาเทียหัวหน้าฝ่ายข้อมูลก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมสาสน์ในมือหนึ่งฉบับจาก...

             “จากคณบดีขอรับ ท่านลาลิสเคลีย” นางเปิดสาสน์ฉบับนั้นเอ่ยก่อนทำสีหน้าตกใจแล้วละสายตาออกจากมัน และเอ่ยปากสั่งอาเทียให้ส่งสาสน์ตอบกลับ

         และนางก็เอ่ยประโยคนั้นขึ้นมา...

              “เป็นจริงรึเปล่าเอ็นริโอ้?”

              “ท่านครับ...คือว่า...”ราชาหนุ่มอ้ำอึ้ง ทุกสายตาในห้องเริ่มจับจ้องมาที่เขาจนเจ้าตัวเริ่มตัวสั่น เพื่อนรักมาเคเห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเองแล้วตรงไปหาเพื่อนของตน

             “เอ็น...ฉันเชื่อว่านายต้องผ่านไปได้นะ”ราชาแห่งแคว้นเนเปลล่าพูดให้กำลังใจพร้อมตบบ่าเพื่อนรักของเขาเบาๆ “อย่าลืมสิว่าที่นายทำไปเพื่อลูกชายของนาย”

                      ตามด้วยผู้นำตระกูลจากตระกูลอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งที่ลุกพรวดจากที่ของตัวเองแล้วตรงมายังที่ของเอ็นริโอ้ พวกเขาล้วนรู้ความลับนี้อยู่แล้วและรู้ด้วยว่าเหตุผลที่ราชาลำดับที่เก้าแห่งวาเลนเช่ทำแบบนี้เพราะอะไร คนในสภาเองก็ตกใจกับการกระทำของพวกเขาเหมือนกัน

             “ไม่เป็นไรนะเอ็น!”

             “อย่าลืมสิ เพื่อลูกชายของนาย เพื่อเซชิโอ้”

             “รุ่นพี่ เพื่อนๆทุกคน...”เขาหันมองรอบข้างด้วยแววตาที่เปี่ยมล้มด้วยความหวัง รอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ขอบคุณนะครับ!”

             “บอกพวกเขาไปเถอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น นายเก็บมันไว้นานแล้วนี่น่า ความทรมานพวกนั้น”เพื่อนรักเพื่อนสนิทยิ้มให้ “นายทำได้!”

             “อื้ม! ขอบใจนะมาเค!”

                               และผู้ปกครองแห่งอาณาจักรมนตราก็รวบรวมความกล้าบอกความจริงทุกอย่างให้คนในสภาฟัง เหล่าราชวงศ์ฟังแล้วก็รู้สึกเห็นใจและไม่นึกโกรธเคืองอะไร ประธานสภาเองก็รับฟังด้วยความใจเย็นและเข้าอกเข้าใจ นางทำหน้าสลดเมื่อได้ยินความจริงจากปากของเอ็นริโอ้

             “เราไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”

             “ผมแค่ทำตามคำสั่งเสียของลูกชายคนโตน่ะครับ ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้เหมือนกัน”

                      และแล้วการประชุมสภาราชวงศ์ก็จบลง เอ็นริโอ้หลังจบการประชุมก็ด้รับกำลังใจจากเหล่าสมาชิกสภาจากทั่วจักรวรรดิอย่างล้นหลาม จนเขารู้สึกผิดที่ปิดบังเรื่องนี้กับทุกๆคน ส่วนเพื่อนๆและรุ่นพี่ที่รู้เรื่องนี้ก็โล่งใจไปได้ในระดับหนึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น

         กลับมาปัจจุบัน

             “พ่อขอโทษนะ เซชิโอ้”

                      กลับมาที่โลกมนุษย์อีกครั้ง สึนะก็กลับมาถึงบ้านได้สักพักนึงแล้วล่ะ แต่น่าแปลกก็คือว่า ตัวเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างภายในบ้าน ทั้งๆที่มันก็เหมือนกับทุกๆวัน แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้ ต่อมาแรมโบ้ก็วิ่งแจ้นเข้ามาในห้องของเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าที่ร่าเริงผิดปกติ

             “มีอะไรเหรอแรมโบ้?”

             “คุณแรมโบ้อารมณ์ดี คิๆๆ”เด็กน้อยลายวัวพูดพร้อมกับหัวเราะลั่นๆจนสึนะรู้สึกสงสัยและแปลกใจว่าเพราะอะไร ผู้พิทักษ์อัสนีถึงร่าเริงได้ถึงขนาดนี้ “เพราะว่า...”

             “เห้ย! นายจะทำอะไรน่ะ!”

             “เขาบอกว่าเขาจะให้ลูกอมคุณแรมโบ้ทุกวันถ้าใช้เจ้านี่ไงล่ะ ฮี่ๆ”บาซูก้าทศวรรษถูกเอาออกมาจากหัวที่ซุกซ่อนอะไรหลายๆอย่างของเจ้าเด็กจอมป่วน “บ๊ายบายสึน๊า!”

             “หยุดก่อ...”

         ตู้ม!

             “คิๆ ต่อไปใครดีน้า เจ้าบ้าเดระหรือใครดีน้า~”

             “รู้สึกว่าจะสำเร็จนะคะ”หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “แบบนี้เขาก็ถูกส่งไปในที่ที่ปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ”

             “เยี่ยมมากอาริน”ชายร่างสูงในชุดเครื่องแบบยมทูตยิ้มแป้น “ส่งไปหลบภัยสักพักที่สีร้อยปีก่อน คงจะดีกว่าอยู่ที่นี่มากเลยล่ะ”

             “ก็ช่วยไม่ได้นี่ เขาโดนหมายหัวจากนักฆ่าอยู่นี่น่า”คาสเตอร์พูด “แต่ฉันว่าเธอคนนั้นคงส่งมาเพิ่มอีกแน่”

             “แบบนี้เราก็ต้องคอยกำจัดอีกน่ะสิ”เลโอบ่นอุบ “ถ้างั้นฝากอารินจัดการเรื่องส่งวองโกเล่แฟมิลี่ไปหลบภัยที่ยุดพรีโม่แฟมิลี่ด้วยนะ ส่งชิม่อนไปด้วยก็ดี”

             “รับทราบค่ะ”

                      นี่คือภัยคุกคามครั้งใหม่ของวองโกเล่อย่างงั้นเหรอ! แต่ว่าจากนี้เรื่องราวจะเป็นอย่างไงต่อไปนะ...

    ตอนใหม่มาแล้วค่ะ! อย่างลืมไปอ่านข้อมูลเบื้องต้นทำความเข้าใจกันนิดนึงนะ ภาพประกอบวาดเกือบจะเสร็จแล้วค่า เราขออนุญาตลงพรุ่งนี้แล้วกันนะคะ มีตัวละครใหม่เยอะแยะเลย มีอะไรก็ติชมได้นะคะ ลางตอนสั้นบางตอนยาวก็ต้องขอโทษด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า อ่านให้สนุกนะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×