ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Let's change! ตอนจบนั้น เปลี่ยนฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #3 : The Guardian

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 67


    เรื่องราวนี้เป็นความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานาน… บทบาทที่แท้จริงของผู้พิทักษ์ไม่ใช่เพียงแค่การปกป้องดินแดนจากภัยอันตราย แต่คือการรักษาสมดุลระหว่างมิติต่างๆในจักรวาลนี้

    เมื่อหลายพันปีก่อน มีการค้นพบว่าโลกของเราไม่ได้มีเพียงมิติเดียว แต่มีมิติอื่นๆที่ซ้อนทับอยู่ บางมิติเต็มไปด้วยพลังงานด้านมืดที่พยายามแทรกซึมเข้ามาในโลกของมนุษย์ ประตูมิติซึ่งเป็นรอยแยกระหว่างมิติเหล่านี้จึงเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ กลายเป็นช่องทางที่เชื่อมโยงโลกเข้ากับอันตรายที่มองไม่เห็น

    ผู้พิทักษ์คนแรกค้นพบว่า เลือดของมนุษย์บางคนมีพลังพิเศษ... พลังที่สามารถผนึกประตูมิติได้ แต่ต้องแลกด้วยชีวิต เพราะการปิดประตูมิติต้องใช้พลังงานชีวิตทั้งหมดของผู้พิทักษ์

    “มันเหมือนการเอาวิญญาณของเราไปอุดรอยรั่วระหว่างมิติ” โอเว่นเคยอธิบายกับมาเซล “ถ้าไม่มีใครทำ พลังงานด้านมืดจะทะลักเข้ามา... และทำลายทุกอย่างที่เรารัก”

    ผู้พิทักษ์จึงถูกเลือกโดยโชคชะตา ผ่านทางกำไลโบราณที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น กำไลจะเลือกผู้ที่มีเลือดพิเศษ... เลือดที่สามารถปิดผนึกประตูมิติได้

    แต่ไม่ใช่ผู้พิทักษ์ทุกคนที่ต้องสละชีวิต บางคนทำหน้าที่ปกป้องโลก ต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายที่หลุดรอดมาจากมิติอื่น บางคนทำหน้าที่สืบหาและเฝ้าระวังประตูมิติ... แต่เมื่อมีประตูมิติที่กำลังจะแตกสลายและต้องปิดผนึก ต้องมีผู้พิทักษ์คนหนึ่งยอมสละชีวิต

    โอเว่นเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ที่ถูกเลือกให้ปิดผนึก... เมื่อประตูมิติใหญ่แตกสลายในเขตปกครองที่ห้า สถานที่เดียวกับที่เกิดเหตุการณ์ในนิยายของฮันนาห์ เขาใช้พลังทั้งหมดของตัวเองปิดผนึกมัน แต่ก่อนตาย เขาได้ส่งต่อภารกิจบางอย่างให้ลูกสาว...

    “ดานีนจะต้องทำในสิ่งที่พ่อทำไม่สำเร็จ” เขาบอกมาเซล “เธอจะต้องหาวิธีปิดประตูมิติโดยไม่ต้องแลกด้วยชีวิต... และกำไลทับทิมจะช่วยนำทางเธอ”

    ดานีนถูกเลือกไม่ใช่เพื่อให้เธอสละชีวิตเหมือนบิดา แต่เพื่อค้นพบความลับที่อาจช่วยให้ผู้พิทักษ์ไม่ต้องเสียสละชีวิตอีกต่อไป นี่คือเหตุผลที่กำไลเลือกเธอ ภารกิจนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่การต่อสู้กับพลังมืด แต่เป็นการค้นหาวิธีแก้ไขที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของผู้พิทักษ์ทั้งมวล

    “แต่ทำไมต้องเป็นเลือดของผู้พิทักษ์ด้วย?” มาเซลเคยถาม

    “เพราะเลือดของเราพิเศษ” โอเว่นตอบ “มันมีพลังที่สามารถต่อต้านความมืด... เหมือนที่แสงสว่างไล่ความมืดไป เลือดของเราก็ทำหน้าที่เป็นแสงสว่างในความมืดมิดระหว่างมิติ”

    “และนี่คือเหตุผลที่มีเพียงคนพิเศษเท่านั้นที่ถูกเลือก” เขาเสริม “หากใช้คนธรรมดา พลังงานด้านมืดจะกลืนกินพวกเขาทั้งเป็น แทนที่จะผนึกประตูไว้ได้”

    ทุกครั้งที่มีผู้พิทักษ์สละชีวิต จะมีการจดบันทึกเรื่องราวไว้ในรูปแบบต่างๆ บางครั้งเป็นตำนาน บางครั้งเป็นนิยาย... เหมือนเรื่องของเซเรน่าที่ดานีนกำลังอ่าน

    เพราะนี่คือวิธีที่จะทำให้ความทรงจำและความรู้เกี่ยวกับผู้พิทักษ์ไม่สูญหาย... และรอคอยให้ผู้พิทักษ์คนต่อไปค้นพบความจริงด้วยตัวเอง

    “และเมื่อถึงเวลานั้น...” โอเว่นเคยพูดไว้ “ดานีนจะเข้าใจว่าทำไมพ่อถึงต้องจากไป... และทำไมลูกจึงถูกเลือก”

     

    ในความทรงจำ ดานีนระลึกถึงชายปริศนาในเสื้อโค้ทสีเทาเข้ม ใบหน้าที่มักถูกบดบังด้วยหมวกทรงสูง แต่ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขานั้นชัดเจนเสมอ ราวกับทะเลในยามค่ำคืน ลึกซึ้งและอบอุ่น เขามักปรากฏตัวในยามที่เธอต้องการความช่วยเหลือที่สุด เป็นเงาที่คอยเฝ้าดูและปกป้องเธอโดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด

    ครั้งแรกที่ดานีนพบเขา เป็นวันที่เธอเกือบถูกรถชนระหว่างวิ่งข้ามถนน มือแกร่งของเขาดึงเธอกลับมาในวินาทีสุดท้าย กลิ่นหอมอ่อนๆของกำยานและทะเลแผ่วเบาจางหายไปในสายลม “ระวังหน่อยนะ” เขากระซิบข้างหู น้ำเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนที่เขาจะหายไปในฝูงชน ทิ้งไว้เพียงความอบอุ่นบนข้อมือของเธอ

    ครั้งที่สอง เธอเจอเขาอีกครั้งในห้องสมุด ตอนที่เธอพยายามเอื้อมหยิบหนังสือเล่มหนึ่งบนชั้นสูง มือของเขายื่นมาหยิบให้โดยไม่พูดอะไร ‘ประวัติศาสตร์แห่งมิติ’ หนังสือเล่มเดียวกับที่เธอหาอยู่ “บางทีสิ่งที่เราตามหาอาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะหายลับไปหลังชั้นหนังสือ

    ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว กำไลทับทิมที่ข้อมือของเธอจะส่องแสงแรงขึ้นราวกับมีชีวิต ดานีนเริ่มสงสัยและพยายามหาคำตอบ “คุณเป็นใครกันแน่?” เธอถามเขาในคืนฝนตกหนัก เขาที่มายืนอยู่ข้างๆ พร้อมแบ่งร่มให้เธอ

    ชายปริศนายิ้มบาง ดวงตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจ้องมองเธอ “คนที่จะคอยดูแลคุณ…จนกว่าจะถึงเวลา”

    บางครั้งเธอเจอเขาที่ร้านกาแฟเล็กๆใกล้มหาวิทยาลัย เขามักจะนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง จิบกาแฟดำร้อนๆ พลางอ่านหนังสือเก่าเล่มหนา ดานีนแอบสังเกตว่าทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน เขาจะวางถ้วยกาแฟลงและมองตามเธอด้วยสายตาอบอุ่น

    “วันนี้อากาศดีนะครับ” เขาทักขึ้นในวันที่แดดจ้า “แต่อีกไม่นานฝนจะตก… ระวังตัวด้วยนะครับ”

    เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจถึงเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของเขา ทำไมถึงรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา

    จนกระทั่งวันหนึ่ง... เธอเห็นรูปถ่ายเก่าในลิ้นชักของมาเซล รูปของชายหนุ่มในเครื่องแบบทหารยืนยิ้มอยู่ข้างเรือใหญ่ ดวงตาสีฟ้าเข้มที่คุ้นเคย ใบหน้าที่เหมือนกับชายปริศนาไม่มีผิด

    “นี่ใครคะแม่?” เธอถามเสียงสั่น

    มาเซลมองรูปนิ่ง น้ำตาคลอ “พี่ชายของพ่อ... ลุงเอเดรียนของหนู เขา... เขาหายตัวไปเมื่อสิบห้าปีก่อน ตอนที่กำลังทำภารกิจพิเศษ”

    ดานีนนั่งลงช้าๆ พยายามประมวลผลข้อมูล “แต่... แต่หนูเพิ่งเจอเขา เขายังมีชีวิตอยู่!”

    มาเซลส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้... เขาตายไปแล้ว ตายพร้อมกับความลับมากมาย...”

    แต่ดานีนรู้ดีว่าเธอไม่ได้เพ้อฝัน ชายในเสื้อโค้ทสีเทาคือลุงเอเดรียนจริงๆและเขากำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างกับเธอ

    คืนนั้น เขามาหาเธอที่สวนสาธารณะ... คราวนี้ไม่ได้สวมหมวกปิดบัง

    “หนูรู้แล้วใช่ไหมว่าลุงเป็นใคร” เขาถาม น้ำเสียงอ่อนโยน

    “ทำไมคะ?” น้ำตาของดานีนไหลอาบแก้ม “ทำไมถึงแกล้งตาย? ทำไมถึงทิ้งทุกคนไป?”

    เอเดรียนถอนหายใจ “เพื่อปกป้องทุกคน... โดยเฉพาะหนู” เขาเล่าว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์เช่นกัน แต่เขาค้นพบความลับบางอย่างที่อันตราย... ความลับที่ทำให้เขาต้องหายตัวไป

    “ถึงเวลาแล้ว... ที่หนูต้องเผชิญกับความจริง” แววตาของเขาทอประกายด้วยความเป็นห่วง “และแม้จะได้แค่คอยดูแลจากไกลๆ... ลุงก็จะไม่ทิ้งหนูไปไหน”

    ตั้งแต่นั้นมา ดานีนก็เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมเขาถึงปรากฏตัวในจังหวะที่เหมาะเจาะเสมอ เขากำลังนำทางเธอ... นำเธอไปสู่ความจริงที่ซ่อนอยู่

    “ระวังตัวด้วยนะ” เป็นคำสุดท้ายที่เขาพูดกับเธอ “จำไว้ว่า... ความรักของครอบครัวจะปกป้องหนูเสมอ”

    และแม้ในโลกอื่น ดานีนก็ยังรู้สึกได้ถึงการปกป้องจากเขา ผ่านกำไลทับทิมที่เปล่งแสงอุ่นในยามที่เธอต้องการกำลังใจที่สุด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×