คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : From Shadows to Fate
ดานีนยืนอยู่ที่ลานกว้างของหมู่บ้านเงา ลมอ่อนๆพัดผ่านพงไพรรอบตัว ส่งกลิ่นหอมของสมุนไพรและดินเปียกชื้นหลังฝนตกเมื่อคืนมาแตะจมูก หญิงสาวมองรอบๆ เห็นใบหน้าของชาวบ้านที่อยู่ด้วยกันมาในช่วงเวลาหนึ่ง บางคนส่งยิ้มเศร้า บางคนกลั้นน้ำตา พยายามทำตัวเข้มแข็งในการส่งเธอจากไป
ชายชราที่ให้ที่พักพิงยืนนิ่งอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าเขาสงบนิ่งตามเคย แต่แววตากลับฉายความห่วงใยที่ซ่อนไม่มิด “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไปตามหาคำตอบนี้เพียงลำพัง?”
“ค่ะ” ดานีนตอบเสียงหนักแน่น กลบความลังเลในใจ “ข้าต้องรู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้และใครที่มีสายเลือดผู้พิทักษ์เช่นข้า การรอคอยจะไม่ทำให้ความจริงปรากฏ”
ราเมนพยักหน้ารับคำก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ “เจ้ามีความกล้าหาญจริงๆ เด็กน้อย” เขากล่าวพลางยื่นย่ามใบเก่าที่ทำจากผ้าทอหยาบสีน้ำตาล ภายในอัดแน่นไปด้วยสมุนไพรและของใช้จำเป็นให้ “แต่จงจำไว้ หนทางต่อไปจะเต็มไปด้วยอันตราย ถึงข้าไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับเจ้า แต่ข้าจะภาวนาให้เจ้าปลอดภัยเสมอ”
ดานีนรับกระเป๋านั้นมาแนบอก ก่อนจะโอบกอดชายชราตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งค่ะ” เสียงเธอแผ่วเบาด้วยความตื้นตัน “ข้าจะไม่มีวันลืมที่นี่”
ทันใดนั้น ความรู้สึกประหลาดแผ่ซ่านจากกำไลทับทิมที่ข้อมือ ดานีนรู้สึกถึงความอุ่นวาบและการสั่นไหวเบาๆที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่สัมผัสได้ หญิงสาวกุมข้อมือแน่น ภาพของเด็กชายผมแดงที่ไม่คุ้นเคยแต่กลับรู้สึกผูกพันปรากฏในห้วงความคิด ความเจ็บปวดแล่นผ่านอกราวกับมีสายใยบางอย่างเชื่อมโยงเธอกับเขาไว้ด้วยกัน
“มีอะไรหรือ?” ราเมนถามเมื่อเห็นสีหน้าของนางเปลี่ยนไป
ดานีนก้มมองกำไลทับทิมที่ข้อมือ มันเปล่งแสงจางๆ ในขณะที่เธอสัมผัสได้ถึงพลังที่เชื่อมโยงอยู่ในตัวเอง แม้ผู้คนในหมู่บ้านจะไม่เห็นอะไรผิดปกติ แต่สำหรับเธอ แสงจากกำไลนี้อาจกำลังบอกอะไรบางอย่าง เส้นทางที่รออยู่ข้างหน้าหรือเสียงกระซิบจากความมืดที่เรียกหา
ดานีนเงยหน้า ดวงตาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น “ข้าต้องตามหาเด็กคนหนึ่งค่ะ ข้ารู้สึกได้ว่าเขากำลังรอข้าอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
“บางที นั่นอาจเป็นกุญแจไขความจริงที่เจ้าตามหา” ราเมนพยักหน้าดวงตาฉายแววครุ่นคิด “จงตามเส้นทางนั้นไปเถิด ถึงแม้หนทางเบื้องหน้าจะมืดมิด แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะพบแสงสว่างและคำตอบที่เฝ้าตามหามาตลอด”
ขณะที่ก้าวออกจากหมู่บ้าน เสียงลมพัดผ่านราวกับกระซิบเตือนถึงอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า กำไลที่ข้อมือส่องแสงจางๆอีกครั้ง ดานีนสัมผัสได้ถึงพลังที่เธอจะต้องเรียนรู้และเผชิญหน้าต่อไป การเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้วและเธอต้องตามหาเขาให้พบ ไม่ว่าอุปสรรคจะรออยู่เช่นไร…
ดานีนเดินทางออกจากหมู่บ้านเงาตามเส้นทางที่ราเมนได้บอกไว้ เส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคยนั้นเต็มไปด้วยป่าไม้หนาทึบปกคลุมด้วยร่มเงาของต้นไม้สูงใหญ่ เสียงใบไม้พลิ้วไหวในสายลมและเสียงกระแสน้ำที่ไหลจากแม่น้ำใกล้เคียง กลายเป็นเสียงสุดท้ายที่ดานีนได้ยินก่อนจะออกเดินทางไปจากที่แห่งนี้
ร่างกายเริ่มอ่อนล้าแต่ความมุ่งมั่นในใจยังคงไม่ลดลง ความรู้สึกของกำไลที่ข้อมือยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มส่งแรงสั่นสะเทือนที่เหมือนจะเชื่อมโยงเธอไปยังบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ห่างไกล
จุดหมายของเธอคือเขตการปกครองที่สาม ศูนย์กลางแห่งอำนาจและการควบคุมพิเศษ เป็นเขตเศรษฐกิจและการค้าสำคัญของราชอาณาจักรเวียนน่า ที่นี่ถูกควบคุมโดยเสนาบดีผู้ทรงอิทธิพล วิคเตอร์ เดอ เวียร์ ผู้ดูแลการค้าภายในและระหว่างเขต ควบคุมระบบการเงิน ภาษี และพัฒนาเส้นทางการค้าทางทะเลจนกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอาณาจักร
ราเมนเคยเตือนเธอว่า แม้ที่นี่จะมีผู้คนพลุกพล่าน แต่กลับเต็มไปด้วยหน่วยปักษาภาคพื้นที่ที่คอยตรวจตราและป้องกันภัยจากผู้แฝงตัวเข้ามา อย่างไรก็ตาม ดานีนไม่มีทางเลือก เพราะกำไลทับทิมที่ข้อมือยังคงส่งสัญญาณไปมา ราวกับกำลังบอกให้เธอก้าวไปตามเส้นทางนี้ เส้นทางที่แม้จะเสี่ยง แต่ต้องเดินไปให้ถึง
หญิงสาวเลือกหยุดพักในป่าทึบที่เงียบสงัด หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครติดตามมา เธอก็ทรุดตัวลงใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไป การจะเดินทางเข้าเขตการปกครองที่สาม โดยที่มีใบหน้าเหมือนกับท่านหญิงโคลอี้นั้นค่อนข้างเสี่ยงเกินไป ถ้อยคำของชายชรายังคงก้องอยู่ในความทรงจำ เขาบอกว่ามีหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล เป็นจุดแวะพักสุดท้ายก่อนเข้าสู่เขตการปกครอง ที่นั่นมีตลาดค้าขายที่รวบรวมสินค้าจากทั่วสารทิศ ดานีนจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่นั่นก่อน
เธอเดินสำรวจตลาดเล็กๆที่คึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้านานาชนิด สายตากวาดมองผ่านแผงขายเสื้อผ้ามือสอง จนไปหยุดที่ชุดผู้ชายเรียบง่ายแต่การตัดเย็บประณีต เธอเลือกซื้อชุดนั้นพร้อมกับหมวกผ้าหนาทรงกลมที่จะใช้อำพรางใบหน้าเรียวสวย หลังจากจ่ายเงินที่ได้มาจากราเมน หญิงสาวก็แวะที่แผงขายสมุนไพรและเครื่องสำอาง เลือกซื้อผงถ่านและน้ำมันที่ชาวบ้านใช้ทาผิวยามต้องทำงานกลางแดด สิ่งนี้จะช่วยปกปิดผิวขาวผ่องของเธอให้ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดาทั่วไป
โชคเข้าข้างเมื่อเธอพบโรงเก็บของเก่าหลังตลาด มีผ้าใบเก่าๆกั้นเป็นมุมลับตา ดานีนแอบเข้าไปในนั้น รีบเปลี่ยนเป็นชุดใหม่อย่างรวดเร็ว ผสมผงถ่านกับน้ำมันทาผิวให้ดูคล้ำขึ้น สวมหมวกและดึงปีกหมวกปิดบังใบหน้าและมัดผมซ่อนไว้ให้มิดชิด เมื่อก้าวออกมา เธอกลายเป็นเพียงชายหนุ่มร่างบางผิวคล้ำธรรมดาคนหนึ่งไม่มีใครสนใจ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ ดานีนสะพายย่ามใบเดิมที่บรรจุชุดเก่าไว้ แล้วมุ่งหน้าต่อไปยังร้านขายเสบียง การปลอมตัวครั้งแรกถือว่าผ่านไปอย่างราบรื่น
ขณะที่กำลังเลือกซื้ออาหารแห้ง เสียงฝีเท้าเป็นระเบียบของทหารปักษาดังมาแต่ไกล ดานีนเหลือบมองผ่านชายหมวก ทหารสี่นายในชุดเกราะสีดำกำลังแยกย้ายกันตรวจค้นร้านค้า พวกเขาใกล้เข้ามาทีละก้าว หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทหารถามหาคนแปลกหน้าจากร้านข้างๆ หญิงสาวแสร้งทำเป็นเลือกซื้อของต่อไปอย่างไม่รีบร้อน พลางสังเกตความเคลื่อนไหวผ่านเงาสะท้อนบนโถใบใหญ่ที่วางอยู่ในร้าน
เสียงฝีเท้าหนักๆใกล้เข้ามาที่ร้านนี้แล้ว ดานีนรีบจ่ายเงิน พอดีกับที่ลูกค้าอีกกลุ่มเดินเข้ามาในร้าน เธอจึงฉวยโอกาสนั้นเดินปะปนออกไปกับลูกค้าคนอื่นที่ซื้อของเสร็จพอดี กลมกลืนไปกับฝูงชนที่พลุกพล่าน ทันได้ยินเสียงทหารก้าวเข้ามาในร้านที่เธอเพิ่งเดินจากมา
ในใจของดานีนเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันผสมผสานระหว่างความตื่นกลัวและตื่นเต้น แม้การปลอมตัวในครั้งนี้จะราบรื่น แต่เธอก็รู้ดีว่าจะต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว ความเงียบที่แทรกอยู่ในป่าลึกยิ่งทำให้ความรู้สึกไม่แน่ใจเติบโตขึ้น ดานีนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องแสดงตัวเป็นเงาเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ มันคือการเอาตัวรอดและการตามหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในใจเธอเอง
การเดินทางต่อไปยังเขตการปกครองที่สามเต็มไปด้วยอย่างระมัดความระมัดระวัง เส้นทางนั้นคดเคี้ยวและไม่ชัดเจน เสียงของน้ำตกดังอยู่ในระยะไกลและเธอรู้ดีว่าถ้าเข้าไปลึกเกินไปในพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่นจะทำให้เธอเสี่ยงถูกตรวจจับได้ง่าย
ทุกๆวันเธอจะเดินตามสัญชาตญาณและความรู้สึกจากกำไลที่ข้อมือ บางครั้งมันก็ส่งสัญญาณที่ชัดเจน บางครั้งก็เป็นแค่คลื่นความรู้สึกที่แผ่ซ่านไปทั่วตัว ความรู้สึกนั้นแปลกประหลาดและอึดอัด แต่มันก็เหมือนเป็นแรงดึงดูดที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดานีนรู้ดีว่ากำไลทับทิมนี้มีพลังบางอย่างที่ผูกพันเธอกับเด็กชายผมแดงที่เธอยังไม่เคยพบ
ทางเข้าของเขตการปกครองที่สาม เจ้าหน้าที่หลายนายยืนประจำอยู่หน้าด่านตรวจ เอกสารในมือของพวกเขากำลังถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด ชาวบ้านและนักเดินทางที่ทยอยผ่านเข้ามาต่างพากันส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ความวุ่นวายของผู้คนทำให้บรรยากาศดูตึงเครียดไม่น้อย
“พวกเจ้าพร้อมหรือยัง?” ชายวัยกลางคนในกลุ่มหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “คราวนี้เข้มงวดมาก เขาจะขอดูเอกสารทุกฉบับ ถ้าไม่มี… คงต้องรออยู่ด้านนอก”
ดานีนหยุดชะงัก ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย “เอกสาร?” เธอถามกลับ ขณะที่แอบยืนปะปนกับกลุ่มนักเดินทางคนอื่นๆ
“ใช่ เอกสารผ่านทางและใบอนุญาตที่ถูกต้องเท่านั้น ถึงจะเข้าเขตการการค้าได้” หญิงสาวในกลุ่มเสริม “และถ้าไม่มี… ก็ต้องรออีกหลายวัน จนกว่าเจ้าจะได้เอกสารหรือมีใครมารับ”
ดานีนเงยมองท้องฟ้าเหนือหัว เสียงคลื่นจากทะเลไกลๆ สลายไปกับเสียงพูดคุยของชาวบ้าน แต่ความรู้สึกที่แผ่กระจายไปทั่วตัวเธอนั้นหนักหน่วงไปกว่าเสียงใดๆ
“ฉันไม่มีเอกสาร…” ดานีนพึมพำกับตัวเองเบาๆ
หญิงสาวกำย่ามในมือแน่นขึ้น การเข้าเมืองตามปกติคงเป็นไปไม่ได้ ต้องหาทางอื่นเสียแล้ว เธอเดินเลี่ยงออกมาอย่างระมัดระวังและมุ่งหน้าไปยังจุดพักม้าที่อยู่ไม่ไกลจากด่านตรวจแทน สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มเกวียนบรรทุกฟางขนาดใหญ่และเกวียนที่บรรทุกเสบียงและอาหารสัตว์ที่เตรียมเข้าไปส่งยังตัวเมือง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าจะไปส่งของที่โรงเก็บฟางในเมืองชั้นนอกใช่มั้ย?” เสียงหนึ่งดังขึ้น ดานีนหันไปมอง เห็นหญิงชราที่เพิ่งขายขนมปังให้เธอกำลังสนทนากับชายคนขับเกวียน
“ใช่ ข้าต้องรีบไปส่งก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน” ชายร่างใหญ่ในชุดคนงานตอบ
แผนการเริ่มก่อตัวในหัวของดานีน... บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่เธอรอคอย การแอบซ่อนตัวในเกวียนฟางอาจเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ แต่จะทำอย่างไรให้ไม่ถูกจับได้นั้นแหละคือปัญหา
การซ่อนตัวในเกวียนบรรทุกฟางไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนที่เดินทางเข้าออกบริเวณด่านตรวจและชาวบ้านที่เร่งรีบทำธุระของตนเอง ความสนใจของทหารยามมักมุ่งไปยังการตรวจเอกสารและสอดส่องความเคลื่อนไหวภายนอกเกวียนมากกว่าจะพิจารณาสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน นั่นอาจเป็นข้อได้เปรียบที่เธอต้องใช้
หลังจากประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ ดานีนตัดสินใจเลือกเกวียนที่บรรทุกฟางจำนวนมากซึ่งถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบแต่ไม่แน่นจนเกินไป ลักษณะของฟางที่ถูกวางซ้อนกันเป็นชั้นทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆด้านล่างที่ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ การขนถ่ายฟางที่ทำแบบหลวมๆนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและยังช่วยให้ฟางยืดหยุ่นและรับน้ำหนักได้โดยไม่เสียรูป
เธอรอจังหวะที่คนขับเกวียนเดินไปพูดคุยกับคนดูแลม้าซึ่งอยู่ห่างออกไป เสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าของผู้คนช่วยบดบังเสียงการเคลื่อนไหวของเธอ ดานีนค่อยๆ คลานไปยังด้านหลังของเกวียนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในช่องว่างระหว่างชั้นฟาง ดวงตาสอดส่องการเคลื่อนไหวรอบด้านอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเข้าไปในเกวียนแล้ว เธอใช้มือดึงฟางบางส่วนกลับมาปิดช่องว่างที่เธอซ่อนตัวไว้อย่างเบามือ ฟางที่ทับซ้อนกันปิดบังตัวได้เป็นอย่างดีและเนื่องจากมันไม่ถูกอัดแน่นจนเกินไป ทำให้เกวียนยังดูเหมือนเดิมจากมุมมองภายนอก การเคลื่อนไหวของฟางที่ยืดหยุ่นไม่สร้างความผิดปกติให้เกวียนเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ความหนาของชั้นฟางยังช่วยดูดซับเสียงใดๆที่อาจเกิดขึ้นได้อีก
หญิงสาวซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบที่สุด หายใจเข้าออกช้าๆและพยายามไม่ขยับตัวมากนัก ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง เธอรู้ดีว่าทุกวินาทีที่ผ่านไปคือความท้าทาย แต่ด้วยความรอบคอบและการเตรียมพร้อม เธอจึงเชื่อว่าแผนนี้จะพาเธอผ่านด่านตรวจไปได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
หลังจากเอ่ยร่ำลากับสหายสนิท ชายหนุ่มร่างใหญ่ก็กระโดดขึ้นบนเกวียนเตรียมออกเดินทางไปส่งของ เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่เขาไม่ได้ใส่ใจนัก คิดว่าคงเป็นเพราะฟางที่ดูดซับความชื้นจากอากาศยามเช้าหรือไม่ก็เป็นเพราะการจัดเรียงใหม่ของพวกคนงานก่อนหน้านี้ที่ทำให้น้ำหนักกระจายตัวต่างไปจากเดิม
“แปลกจริง...” เขาพึมพำกับตัวเอง พลางสะบัดบังเหียนเบาๆให้ม้าเดินต่อ ความกังวลเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจางหายไปเมื่อเห็นด่านตรวจอยู่เบื้องหน้า เขามีเรื่องที่ต้องกังวลมากกว่านั้น คือต้องรีบขนฟางไปส่งให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
เกวียนเคลื่อนตัว ดานีนกลั้นหายใจเมื่อรู้ว่ากำลังใกล้ถึงด่านตรวจ เสียงฝีเท้าหนักๆของทหารยามดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“หยุดตรวจค้น! เอกสาร?”
เสียงกระดาษถูกคลี่ออก ดานีนได้ยินเสียงทหารยามพูดคุยกับคนขับเกวียน หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอ้อมมาทางด้านข้างของเกวียน
“ฟางพวกนี้จะเอาไปส่งที่ไหน?” เสียงทหารถามขึ้น
“โรงเก็บฟางในเขตชั้นนอกครับ ฟางเหล่านี้จะถูกนำไปใช้กองทัพ” คนขับเกวียนตอบเสียงหนักแน่น
ดานีนแทบกลั้นหายใจเมื่อรู้สึกได้ว่าปลายหอกกำลังแทงเข้ามาในกองฟาง สุ่มตรวจทีละจุด ความเย็นเฉียบของปลายหอกแทงทะลุผ่านฟางลงมาห่างจากแขนเธอเพียงไม่กี่นิ้ว
เสียงทหารยามยังพูดคุยกันต่อ เสียงหนึ่งหัวเราะเบาๆ ขณะอีกคนเหมือนจะยังไม่พอใจและสุ่มตรวจต่ออีกครั้ง แต่คราวนี้แรงกดของปลายหอกเบาลงและไม่ลึกพอจะทะลุผ่านชั้นล่างสุด ดานีนกัดฟันแน่น พยายามไม่ไอหรือจามแม้กลิ่นฝุ่นฟางจะรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว
ในที่สุด เสียงฝีเท้าของทหารค่อยๆเดินจากไป เธอได้ยินเสียงคนขับเกวียนพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความเร่งรีบในการส่งสินค้า เสียงหอกกระแทกเกวียนดังขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ฟังดูเหมือนทำลวกๆมากกว่าเป็นการตรวจค้น
“เอาละ... ไปได้” เสียงทหารตะโกนสั่ง
เกวียนเริ่มเคลื่อนตัวช้าๆ เสียงล้อไม้กระทบกับพื้นดินดังก้องผ่านชั้นฟาง ดานีนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆจากการเคลื่อนที่ เธอกลั้นหายใจชั่วครู่ก่อนจะปล่อยลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ ระวังไม่ให้เกิดเสียงใดๆ แม้จะผ่านจุดตรวจมาได้ แต่รู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้ายังไม่ปลอดภัย
หญิงสาวค่อยๆขยับศีรษะเพื่อหามุมที่สะดวกขึ้น มือกำย่ามที่ติดตัวมาแน่น เงี่ยหูฟังทุกเสียงรอบตัว รู้ดีว่าทุกความเคลื่อนไหวอาจหมายถึงการเปิดเผยตัวตนและนั่นจะทำให้แผนการทั้งหมดพังทลาย
เสียงเกวียนเคลื่อนผ่านจุดตรวจ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงสายตาของทหารยามที่มองตาม ทุกอึดใจเหมือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆ ของพวกยามค่อยๆ เลือนหายไป หญิงสาวเริ่มสัมผัสได้ถึงแสงแดดที่ส่องผ่านชั้นฟางเป็นริ้วๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังจะผ่านเข้าสู่เขตการปกครองที่สามอย่างเป็นทางการแล้ว
เมื่อเกวียนบรรทุกฟางเคลื่อนตัวผ่านจุดตรวจและเข้าสู่เขตชั้นนอกของกองทัพ ดานีนยังคงซ่อนตัวนิ่งเงียบอยู่ภายใน แม้ความโล่งใจจะผ่านเข้ามาเป็นพักๆ แต่เธอรู้ดีว่าความปลอดภัยยังไม่อาจรับประกัน เสียงพูดคุยของคนงานและเสียงล้อเกวียนหยุดกึกบ่งบอกว่าเกวียนถูกนำไปจอดที่โรงเก็บฟาง เธอเหลือเวลาไม่มากในการหาทางออกก่อนที่คนขับเกวียนจะสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ
ดานีนสูดหายใจลึก พยายามไม่ให้เสียงฟางขยับดังเกินไป เธอค่อยๆ เบี่ยงตัวออกจากชั้นฟางที่ปกคลุมอยู่และเงี่ยหูฟังการสนทนาของคนงานข้างนอก สายตากวาดผ่านช่องเล็กๆระหว่างชั้นฟาง เห็นกลุ่มคนงานกำลังช่วยกันเคลื่อนย้ายฟางกองใหญ่ หญิงสาวรอจังหวะเมื่อทุกคนหันหลังให้ ก่อนจะค่อยๆ คลานออกจากกองฟางอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักของคนขับเกวียนเดินกลับมา ดานีนรีบหมอบตัวแนบพื้น ซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของกองฟางที่เหลืออยู่ หัวใจเต้นระรัว เมื่อเขาเดินผ่านไปโดยไม่ทันสังเกตเห็น จึงฉวยโอกาสนี้ค่อยๆย่องออกจากเกวียนอย่างเงียบกริบ หายใจเข้าออกอย่างระมัดระวัง ปัดเศษฝุ่นและฟางบนตัวแล้วมุ่งหน้าไปทางประตูเล็กด้านข้างโรงเก็บฟาง แต่ก่อนที่เธอจะก้าวผ่านประตูออกไป น้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นดังขึ้น
“เจ้าทำได้ดีทีเดียว”
ดานีนสะดุ้ง เธอหันไปมองต้นเสียง พบชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในเสื้อคลุมสีเข้มยืนกอดอกพิงกำแพง ใบหน้าของเขาซ่อนเร้นอยู่ใต้เงามืด ดวงตาคมกริบจับจ้องมาที่เธอ
"เจ้า…?" ดานีนถอยหลังอย่างระแวดระวัง
“ข้าต้องยอมรับว่าเจ้าใจกล้าไม่น้อย” ชายหนุ่มพูดต่อ ขณะที่เขาก้าวออกมาจากมุมมืด “การลอบเข้าเขตการปกครองโดยไม่มีเอกสาร ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้”
ดานีนขมวดคิ้ว มือกุมกำไลที่ข้อมือแน่น เธอพยายามตั้งท่าป้องกันตัว “เจ้าเป็นใคร? ต้องการอะไร?”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าคมคาย ดวงตาสีไพลินสวยที่แฝงความเจ้าเล่ห์แต่ก็น่าค้นหา “ข้าคือคนที่เฝ้ามองการกระทำของเจ้า ตั้งแต่เจ้ามุดหัวเข้าไปในเกวียนแต่แรกแล้ว”
ดานีนตัวแข็งทื่อ.. ‘เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเลยงั้นเหรอ’
“ข้าเป็นคนส่งสัญญาณให้ทหารที่ด่านตรวจปล่อยเกวียนนี้เข้ามาเอง” ชายหนุ่มเผยความลับ
“เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไมพวกเขาถึงละเลยการตรวจสอบอย่างที่ควรจะเป็น?”
เธอจ้องหน้าเขานิ่ง รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ “เจ้า…ทำไมต้องช่วยข้า?”
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้ สายตาของเขาคมกริบ “ทำไมกันนะ?”
บรรยากาศรอบตัวเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังขึ้น…
ขณะที่กำลังจะเข้าเขตการปกครองที่สาม เซย์นก็สะดุดตากับบางสิ่งที่ไม่คาดคิด
ณ จุดพักม้า เขาเห็นชายหนุ่มร่างเล็กผิวคล้ำที่น่าจะเป็นหญิงสาวปลอมตัวมาคนหนึ่งกำลังแอบลอบเข้าไปใกล้เกวียนฟางขนาดใหญ่ ท่าทางลุกลี้ลุกลนและพยายามปิดบังตัวตนดึงดูดความสนใจของเขาทันที เซย์นหยุดชะงัก ริมฝีปากเม้มแน่นขณะเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของ ‘ชาย’ คนนั้นตั้งแต่การเลือกจังหวะเข้าไปใกล้เกวียน ไปจนถึงการซุกตัวในกองฟางอย่างชำนาญ
“ไม่ธรรมดาเสียด้วย…” เซย์นพึมพำ ดวงตาแฝงไปด้วยความสงสัยปนขบขัน ชายหนุ่มตามไปอย่างเงียบเชียบ เมื่อเข้าใกล้ด่านตรวจ สายตาจับจ้องไปที่ทหารยามด้านหน้า ก่อนที่ใครจะทันสังเกต เขาก็ส่งสัญญาณมือเบาๆให้พวกเขาปล่อยเกวียนที่บรรทุกฟางให้ผ่านเข้าไป
ทหารยามสองนายที่กำลังตรวจสอบเอกสารและตรวจค้นในกองฟางหันไปสบตาชายหนุ่มร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีเข้ม ก่อนจะรีบพยักหน้ารับคำสั่งโดยไม่ลังเล การกระทำที่แสดงออกเต็มไปด้วยเคารพและหวั่นเกรง เข็มกลัดบนหน้าอกแสดงฐานะนาวาตรีแห่งกองทัพเรือ หนึ่งในนักรบดำพิเศษที่มีผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้เพียงน้อยคนนัก ย่อมทำให้คำสั่งของเขาไม่อาจถูกตั้งคำถามได้
ฝีเท้าเร่งตามเกวียนไปอย่างเงียบเชียบ เมื่อถึงโรงเก็บฟาง เซย์นหยุดอยู่ในเงามืด
เฝ้ามองอย่างเงียบๆและอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากเล็กน้อย ‘ชาย’ ที่ตอนนี้กำลังค่อยๆ โผล่ศีรษะออกจากกองฟาง ราวกับสัตว์ตัวเล็กๆที่เพิ่งตื่นจากการหลบซ่อน ใบหน้าที่ปกปิดด้วยเส้นผมที่หลุดรุ่ยยุ่งเหยิงเผยออกมาเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นดวงตาที่ฉายแววระแวดระวัง แต่ก็มีความมุ่งมั่นเจือปนอยู่ในที เซย์นยกมือขึ้นลูบคาง มองดูด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัยปนขบขัน
‘เจ้านี่… ขโมยเกวียนหรืออะไรนะ?’ เขาคิดในใจ ขณะที่มองท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่าย ซึ่งพยายามทำให้ดูไม่ผิดปกติ แต่กลับมีอาการเงอะงะในแบบที่เขาแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว ทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะระแวดระวังสุดชีวิต แต่ทว่าก็ขาดความชำนาญอย่างเห็นได้ชัด
‘ชายหนุ่ม’ พยายามจัดเสื้อผ้าและปัดฟางออกจากตัวเองอย่างจริงจังเกินควร ราวกับว่านี่คือภารกิจสำคัญของชีวิต ท่าทางแบบนี้ทำให้เซย์นต้องข่มกลั้นเสียงหัวเราะที่เกือบจะหลุดออกมา “หรือเจ้านี่คิดว่าตัวเองเป็นสายลับผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ?” เขาพึมพำ ขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่ท่าทางซุ่มซ่ามของอีกฝ่าย
“นี่ข้าควรจะมาจับตาดูคนแปลกหน้าที่อาจเป็นภัย แต่กลับต้องมาดูละครตลกเรื่องหนึ่งเสียอย่างนั้นหรือ?” เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งพลางส่ายหน้า ทว่ารอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับผุดขึ้นมาบนใบหน้า “เอาล่ะ ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าคือใคร บางทีอาจเป็นภัยร้ายแรง หรือแค่ตัวป่วนที่ถูกลิขิตให้มาพบกันในวันวุ่นๆแบบนี้” ความคิดนี้ทำให้หัวใจเขากระตุกวูบ เป็นส่วนผสมแปลกประหลาดระหว่างความระวังตัวและความเอ็นดูที่เขายังไม่เข้าใจดีนัก…
ความคิดเห็น